Katie Hopkins : The Controversial Maker

หากคุณไม่สนใจบันเทิงฝั่งอังกฤษเท่าไร คุณอาจจะไม่คุ้นเคยชื่อของเคที่ ฮอปกิ้นส์ แต่ถ้าเป็นเมืองผู้ดีแล้ว ชื่อของนางกระฉ่อนไปทั่ว ...ไม่สิ...ปากของนางต่างหากที่สร้างความโด่งดังให้กับดาราเรียลิตี้ผู้นี้

ไม่ว่าจะพูดพ่นอะไรออกมาก็มีเสียงด่าขรมตามมาร้ายที่สุดก็ถึงขนาดจะขู่ฆ่า แต่แปลกมั้ยล่ะว่าปากตะไกรไร้ความปราณีแบบนี้นางยังมีแฟนคลับ! ลองมาทำความรู้จักนางกันสิคะ

Discussion (20)

เรื่องนี้สนุกจังค่ะ ไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน โอ้โห ปากตะไกรชะมัด บางเรื่องมันก็จริง แต่บางเรื่องมันก็คับแคบเกินไป๊อ่าา
นางยังไม่ชอบคนที่ผู้หญิงประกาศตัวเองว่าเป็นเฟมินิสต์ และยืนยันว่า "ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากได้ความเท่าเทียมจริงๆหรอก ร้องแรกแหกกระเชอไปงั้น  ผู้หญิงที่ไหนก็อยากได้รับการปฎิบัติพิเศษ อยากถูกเอาอกเอาใจจากผู้ชาย แบบนี้เรื่องความเท่าเทียมมันเป็นไปได้ยากนะจ๊ะ"


"ในที่ทำงาน ผู้หญิงมักระเบิดอารมณ์นั่งร้องไห้ที่โต๊ะทำงานหรือหลบในห้องน้ำเพื่อปล่อยโฮเพราะมีคนวิจารณ์ว่าทำผลงานไม่ดี  และปล่อยให้อามรมณ์ส่วนตัวมีผลต่่อการทำงาน  ผู้หญิงที่เรียกร้องให้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเหล่านั้นควรจะพิจารณาตัวเองว่าสมควรจะได้นับเงินเดือนเท่ากับผู้ชายอยู่มั้ย "


"พวกผู้หญิงทีทำเป็นรับไม่ได้เวลาผู้ชายในที่ทำงานเล่นมุกแบบเหยียดเพศนั้นอ่อนแอซะจริงๆ โลกนี้มันอยู่ยาก พูดอะไรนิดหน่อยก็เรียกร้องขอสิทธิความเท่าเทียม  พวกนางจะต้องรู้จักทำตัวแกร่งขึ้น"

"สังคมผู้หญิงในที่ทำงานช่างเต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่นและความอิจฉาริษยาคนที่ได้ดีกว่า เงินเดือนของชั้นนั้นสูงมากหากเปรียบเทียบกับผู้หญิงในที่ทำงานคนอื่นๆ  ผู้หญิงคนหนึ่งไปค้นหาสลิปเงินเดือนของชั้นแล้วถ่ายเอกสารแจกจำหน่ายส่งให้คนในบริษัทดู  "

"วิธีต่อกรของผู้หญิงในที่ทำงานต่อผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากกว่าก็คือการจับกลุ่มกับคนที่อยู่ระดับเดียวกันแล้วคิดว่าตัวเองจะปลอดภัย"
คุณผู้อ่านจับทางการสร้างกระแสของตัวเองของนางได้แล้วใช่มั้ยคะ   นางจะใช้ถ้อนคำรุนแรงเหมือนเอาแส้ฟาดแล้วราดน้ำเกลือ ยั่วยุให้ฝ่ายตรงข้ามต้องออกมาต่อสู้ปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง แต่นางจะไม่แยแสสู้รบปรบมือต่อ   แค่เลิกคิ้วยักไหล่บอกว่าชั้นไม่มีวันพูดเอาใจใครที่พูดออกมานั้นความจริงล้วนๆ  และที่น่าเจ็บใจคือ  นางจะเลือกเอาเรื่องเปราะบางที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาสับให้เละเทะ และเย้ยหยันว่า จริงๆแล้วมีคนรู้สึกเหมือนกับนางเพียบแต่แค่ไม่กล้าประกาศออกมาอย่างตรงไปตรงมา  และเรื่องนี้ก็คือข้อเท็จจริงซะนี่




แน่นอนล่ะว่านักธุรกิจหญิงที่มีรายได้สูงอย่างนางจะประกาศออกมาว่า ไม่เห็นด้วยที่ผู้หญิงจะลาคลอดนานกว่า 3 อาทิตย์  จากการที่นางมีลูกมาแล้ว 3 คน  และไม่เคยลางานเกิน 2 เดือนเลย  นางอยากจะตั้งหน้าตั้งตาสร้างความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องใช้การเลี้ยงลูกเป็นข้ออ้าง




ในฐานะในจ้าง  การที่ต้องแสดงความยินดีตอนพนักงาสนมาบอกข่าวว่าตั้งท้องนั้นมันก็เหมือนถูกคนทึ้งผิวหนังตรงคางออกแล้วยังต้องฝืนยิ้มนั่นแหละ กฎหมายที่อนุญาตให้ต้องจ่ายเงินเดือนกับแม่ที่ลาคลอดนั้นมันขูดเลือดขูดเนื้อนายจ้างชัดๆ"  และเคที่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ว่า ผู้หญิงสมควรจะได้รับเงินเดือนน้อยกว่าผู้ชาย  เพราะมักจะมีข้ออ้างเรื่องลูกแล้วหายไปจากที่ทำงาน  ในโลกแห่งความเป็นจริงก็คือ การจ้างงานผู้หญิงนั้นส่งประสิทธิภาพให้ความคุ่มค่าน้อยกว่าผู้ชาย


แต่นางคงลืมมองความจริงไปอีกข้อว่า พนักงานในระดับลูกจ้างที่ไม่ได้มีเงินเดือนสูงลิ่วเหมือนกับนางที่จ้างแนนนี่ทำงานเต็มเวลา (นางบอกว่าพ่อแม่มีหน้าที่ไปส่งลูกที่โรงเรียน นอกนั้นแนนนี่รับช่วงต่อหมดทุกอย่าง)    แต่นางยังไปต่อได้ว่า ถ้าอยากจะมีลูกก็ ถึงจะต้องใช้เงินเดือนมาจ่ายเกือบหมดก็ต้องทำ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมี  เพราะการเป็นแม่แล้วเลิกทำงานอยู่บ้านคอยดูแลลูกนั้นจะทำให้ชีวิตหมดความสนใจ และคอยตามอิจฉาแม่ที่มีงานทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วไม่เห็นจะสร้างแบบอย่างให้ลูกตรงไหน ที่สำคัญเด็กวัย 1-2 ขวบไม่ได้ต้องการให้แม่อยู่ด้วยตลอดเวลานักหรอก กินอิ่มนอนหลับ เสื้อผ้าสะอาด มีคนโอ๋ให้นอนก็ดีถมไปแล้ว
นางมีทัศนคติโคตรคิดลบกับแม่ที่ให้นมลูกในที่สาธารณะ  และก่นด่าทุกครั้งเมื่อมีคนพูดเรื่องนี้เมื่อทามาร่า เอคเคิงสโตนทายาทสุดยอมมหาเศรษฐีเริ่มแชร์ภาพตอนกำลังให้นม

"ชั้นสุดจะรังเกียจพวกให้นมลูกต่อหน้าคนอื่น พวกนางทำตัวเป็นคุณแม่มาเฟีย พอๆกับพวกคุณแม่เต็มเวลานั่นแหละ   คุณก็พวกไร้งานทำเท่านั้นเอง" 



"ทำไมต้องมาให้นมลูกในร้านขายกาแฟฮึ คุณจะได้กลิ่นนมแม่ผสมในถ้วยลาเต้ แล้วทำไมต้องให้นมลูกแล้วต้องเอามาโชว์ในเน็ทแบบยายทามาร่านั่นด้วย  บ้าไปแล้ว"



เคยเกิดเหตุการณ์ประท้วงจากกลุ่มแม่ๆเมื่อพนักงานโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง ได้เข้าไปขอร้องให้คุณแม่คนหนึ่งใช้อะไรปิดตอนให้นมลูกเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาแขกผู้อื่น  เมื่อมีข่าวนี้แพร่ออกไปทำให้มีแม่ที่ยังให้นมลูกนับร้อย นัดกับเพื่อมารวมตัวให้นมลูกพร้อมๆกันเพื่อประท้วงให้โรงแรมเปลียนนโยบายและขอโทษที่ไม่สนับสนุนการให้นมแม่


(โรงแรมอยากให้คลุมบังไว้อย่างนี้ค่ะ)


เคที่นั้นทีมโรงแรมเต็มตัว นางสุมไฟให้ร้อนขึ้นด้วยความเห็นว่า " ขอให้โรงแรมยืนหยัดกับนโยบายไว้เถอะ อย่าได้หวั่นกองทัพแม่ๆ   รู้ไว้นะว่าผู้หญิงมีสิทธิ์จะให้นมลูก  แต่ไม่มีสิทธิ์จะมาเปิดนมทำให้คนอื่นหมดอารมณ์จะดื่มชาใส่นม  รู้จักปิดซะบ้าง"
คำพูดนางน่าตบแต่บางอันก็แอบถูกใจ อิอิ