Katie Hopkins : The Controversial Maker
candy920หากคุณไม่สนใจบันเทิงฝั่งอังกฤษเท่าไร คุณอาจจะไม่คุ้นเคยชื่อของเคที่ ฮอปกิ้นส์ แต่ถ้าเป็นเมืองผู้ดีแล้ว ชื่อของนางกระฉ่อนไปทั่ว ...ไม่สิ...ปากของนางต่างหากที่สร้างความโด่งดังให้กับดาราเรียลิตี้ผู้นี้
ไม่ว่าจะพูดพ่นอะไรออกมาก็มีเสียงด่าขรมตามมาร้ายที่สุดก็ถึงขนาดจะขู่ฆ่า แต่แปลกมั้ยล่ะว่าปากตะไกรไร้ความปราณีแบบนี้นางยังมีแฟนคลับ! ลองมาทำความรู้จักนางกันสิคะ
Discussion (20)
"ในที่ทำงาน ผู้หญิงมักระเบิดอารมณ์นั่งร้องไห้ที่โต๊ะทำงานหรือหลบในห้องน้ำเพื่อปล่อยโฮเพราะมีคนวิจารณ์ว่าทำผลงานไม่ดี และปล่อยให้อามรมณ์ส่วนตัวมีผลต่่อการทำงาน ผู้หญิงที่เรียกร้องให้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเหล่านั้นควรจะพิจารณาตัวเองว่าสมควรจะได้นับเงินเดือนเท่ากับผู้ชายอยู่มั้ย "
"พวกผู้หญิงทีทำเป็นรับไม่ได้เวลาผู้ชายในที่ทำงานเล่นมุกแบบเหยียดเพศนั้นอ่อนแอซะจริงๆ โลกนี้มันอยู่ยาก พูดอะไรนิดหน่อยก็เรียกร้องขอสิทธิความเท่าเทียม พวกนางจะต้องรู้จักทำตัวแกร่งขึ้น"
"สังคมผู้หญิงในที่ทำงานช่างเต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่นและความอิจฉาริษยาคนที่ได้ดีกว่า เงินเดือนของชั้นนั้นสูงมากหากเปรียบเทียบกับผู้หญิงในที่ทำงานคนอื่นๆ ผู้หญิงคนหนึ่งไปค้นหาสลิปเงินเดือนของชั้นแล้วถ่ายเอกสารแจกจำหน่ายส่งให้คนในบริษัทดู "
"วิธีต่อกรของผู้หญิงในที่ทำงานต่อผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากกว่าก็คือการจับกลุ่มกับคนที่อยู่ระดับเดียวกันแล้วคิดว่าตัวเองจะปลอดภัย"
แน่นอนล่ะว่านักธุรกิจหญิงที่มีรายได้สูงอย่างนางจะประกาศออกมาว่า ไม่เห็นด้วยที่ผู้หญิงจะลาคลอดนานกว่า 3 อาทิตย์ จากการที่นางมีลูกมาแล้ว 3 คน และไม่เคยลางานเกิน 2 เดือนเลย นางอยากจะตั้งหน้าตั้งตาสร้างความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องใช้การเลี้ยงลูกเป็นข้ออ้าง
ในฐานะในจ้าง การที่ต้องแสดงความยินดีตอนพนักงาสนมาบอกข่าวว่าตั้งท้องนั้นมันก็เหมือนถูกคนทึ้งผิวหนังตรงคางออกแล้วยังต้องฝืนยิ้มนั่นแหละ กฎหมายที่อนุญาตให้ต้องจ่ายเงินเดือนกับแม่ที่ลาคลอดนั้นมันขูดเลือดขูดเนื้อนายจ้างชัดๆ" และเคที่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ว่า ผู้หญิงสมควรจะได้รับเงินเดือนน้อยกว่าผู้ชาย เพราะมักจะมีข้ออ้างเรื่องลูกแล้วหายไปจากที่ทำงาน ในโลกแห่งความเป็นจริงก็คือ การจ้างงานผู้หญิงนั้นส่งประสิทธิภาพให้ความคุ่มค่าน้อยกว่าผู้ชาย
แต่นางคงลืมมองความจริงไปอีกข้อว่า พนักงานในระดับลูกจ้างที่ไม่ได้มีเงินเดือนสูงลิ่วเหมือนกับนางที่จ้างแนนนี่ทำงานเต็มเวลา (นางบอกว่าพ่อแม่มีหน้าที่ไปส่งลูกที่โรงเรียน นอกนั้นแนนนี่รับช่วงต่อหมดทุกอย่าง) แต่นางยังไปต่อได้ว่า ถ้าอยากจะมีลูกก็ ถึงจะต้องใช้เงินเดือนมาจ่ายเกือบหมดก็ต้องทำ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมี เพราะการเป็นแม่แล้วเลิกทำงานอยู่บ้านคอยดูแลลูกนั้นจะทำให้ชีวิตหมดความสนใจ และคอยตามอิจฉาแม่ที่มีงานทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วไม่เห็นจะสร้างแบบอย่างให้ลูกตรงไหน ที่สำคัญเด็กวัย 1-2 ขวบไม่ได้ต้องการให้แม่อยู่ด้วยตลอดเวลานักหรอก กินอิ่มนอนหลับ เสื้อผ้าสะอาด มีคนโอ๋ให้นอนก็ดีถมไปแล้ว
"ชั้นสุดจะรังเกียจพวกให้นมลูกต่อหน้าคนอื่น พวกนางทำตัวเป็นคุณแม่มาเฟีย พอๆกับพวกคุณแม่เต็มเวลานั่นแหละ คุณก็พวกไร้งานทำเท่านั้นเอง"
"ทำไมต้องมาให้นมลูกในร้านขายกาแฟฮึ คุณจะได้กลิ่นนมแม่ผสมในถ้วยลาเต้ แล้วทำไมต้องให้นมลูกแล้วต้องเอามาโชว์ในเน็ทแบบยายทามาร่านั่นด้วย บ้าไปแล้ว"
เคยเกิดเหตุการณ์ประท้วงจากกลุ่มแม่ๆเมื่อพนักงานโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง ได้เข้าไปขอร้องให้คุณแม่คนหนึ่งใช้อะไรปิดตอนให้นมลูกเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาแขกผู้อื่น เมื่อมีข่าวนี้แพร่ออกไปทำให้มีแม่ที่ยังให้นมลูกนับร้อย นัดกับเพื่อมารวมตัวให้นมลูกพร้อมๆกันเพื่อประท้วงให้โรงแรมเปลียนนโยบายและขอโทษที่ไม่สนับสนุนการให้นมแม่
(โรงแรมอยากให้คลุมบังไว้อย่างนี้ค่ะ)
เคที่นั้นทีมโรงแรมเต็มตัว นางสุมไฟให้ร้อนขึ้นด้วยความเห็นว่า " ขอให้โรงแรมยืนหยัดกับนโยบายไว้เถอะ อย่าได้หวั่นกองทัพแม่ๆ รู้ไว้นะว่าผู้หญิงมีสิทธิ์จะให้นมลูก แต่ไม่มีสิทธิ์จะมาเปิดนมทำให้คนอื่นหมดอารมณ์จะดื่มชาใส่นม รู้จักปิดซะบ้าง"