เที่ยวปีนังมีเงินไม่ถึง 4000 ก็ไปได้ กินอิ่ม นอนหลับ แถมลดราคาด้วย!
Ketssweetie92: เฮ้ยมึงไปปีนังกัน!!!!
: ไปดิ...
: มึงจองตัวเครื่องบินเลย ตอนนี้มีโปร 790 ไปกลับ
: จัดไปไอ่จ่อย... (ได้ข่าวว่าเปิดเทอมแล้วไม่เรียนหราาาา ด่าตัวเอง)
เริ่มต้นความคิดจากไอ่เกลอคนนึงซึ่งมันตาดีไปเห็นว่ามีโปรบินไปหาดใหญ่ในราคาถู๊กถูกกกก(กอ ไก่สิบตัว)ของสายการบินสิงโตน้อยลอยฟ้า ไอ่เราก็ตอบตกลงไปโดยไม่คิดว่าเห้ย! เปิดเทอมแล้วนะแกร๊...ด้วยความที่เห็นเรื่องเที่ยวสำคัญกว่าเรื่องเรียน เป็นเหตุให้ช่วงที่เขียนกระทู้อยู่นี้มีงานกองรอเพียบTT (ด่าได้ไม่โกรธ555)
เอาล่ะ เช้าวันที่ 21 เดินทาง Let go!!!!
9 โมงนิดหน่อยเราเดิทางมาถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่ รอกระเป๋าเรียบร้อยออกเดินหาไก่ทอดทันที เอ้ย!!!!ไม่ใช่ ออกเดินตรงไปหารถสองแถวสีฟ้า มุ่งหน้าไปยังตลาดกิมหยง ค่าโดยสารคนละ 30 บาท
จากนั้นเดินไปเพื่อขึ้นรถตู้จากหาดใหญ่ไปเกาะปีนัง โดยค่าโดยสายคิดเป็นไปกลับ 750 บาทไทย สามารถเลือกและบอกจุดที่จะขึ้นลงรถได้ รถตู้บริการไปส่งและรับถึงที่หมาย และพาข้ามด้านที่อ.สะเดาด้วย รถออกจากหาดใหญ่เวลา 12.00 น. ระหว่างรอเราก็ฝากของไว้ที่ท่ารถและเดินเข้าไปหาอะไรยัดใส่ท้องในตลาดกันก่อน
ขาดไม้ได้ ๆ เรายังไม่ได้เเลกเงินกันเลย เดินออกมาห่างจากท่ารถตู้ไม่ไกลก็เจอ เจ้าของร้านใจดีมาก ถ้าเราบอกว่ามาจากท่ารถนี้เขาจะให้เรทเงินเราเพิ่มขึ้นด้วยล่ะ เราเลยแลกเงินไป 2000 บาทไทย ได้เงินริงกิตมา 200กว่าริงกิต
ได้เวลาออกเดินทางไปเกาะปีนังและเย้!!!!! (คือบอกก่อนเลยว่าเราแทบไม่อ่านรีวิวเกี่ยวกะที่นี่่เลยรู้แค่ว่ามีสตรีทอาร์ตอันเลืองลือ ด้วยความที่อยากจะเซอร์ไพร์ตัวเองโดยการไปเห็นด้วยตาตัวเองแทนแล้วกัน ด้วยความที่เราเป็นคนจำอะไรไม่ค่อยได้ เลยต้องขออภัยก่อนเลยว่า เราจำชื่อถนนไม่ได้เลย 555555555 คือจำได้อย่างเดียวว่าตัวเองพักอยู่แถวไหนแค่นั้น ที่เหลือให้เพื่อนมันจำไปเก๋ๆ)
รถตู้เดินทางมาเกาะปีนังใช้เวลาประมาณ 4 ชม. บอกเลยว่าพอออกจากด่านมาเลย์มาทุกอย่างเริ่มไม่เหมือนเมืองไทยแล้ว คือทั้งถนนที่ดีกว่า (เป็นถนนที่เก็บเงิน) สองข้างทางดูสวยงาม และมองเห็นรถไฟฟ้าที่วิ่งจากด่านปาดังเบซาร์ ไปยังกัวลาลัมเปอร์ และต่อไปยังสิงค์โปร์ (ถ้าเรามีโอกาสกลับมา รอบหน้าเราจะนั่งรถไฟนี้แหละ อ๊ายยย!)
เอาล่ะ 4 โมงเย็นถึงปีนัง ฝนหยุดตก (ระหว่างทางตกตลอด มาถึงหยุดแหมะโชคดีจริงๆ) จัดการเก็บของเข้าโรงแรมอ่อลืมบอก เราจองโรงแรมผ่าน Agoda มาเลยไม่ต้องเสียเวลาหา สองคืน 800 บาท คือเอาจริงๆ หาได้ถูกกว่านี้อีกแหละ
เก็บของเสร็จรีบออกไปสำรวจสิจ้ะเดี๋ยวมืด (เวลาที่มาเลเร็วกว่าไทย 1 ชม. เช่นไทย 7 โมงเข้า มาเลจะเป็นเวลา 8 โมงเช้า)
เดินผ่านอะไรเราต้องลองกิน กินๆๆ กินมันให้หมด ฮ่าาาาา
เบอร์เกอร์สุดอร่อย ที่สามารถเป็นอาหารกันหิวได้แทบทุกมื้อ กินทุกวันจริงๆ ราคาตามขนาดและตามชนิดของเนื้อนะจ้ะ
จากนั้นเราเดินไปทางห้าง Komtar เพื่อไปขึ้นรถเมล์ไปยัง Gurney Plaza ค่าโดยสายคนล่ะ 1.4 ริงกิต (อย่างรู้เป็นเงินไทยเท่าไหร่คูณ 10 ไป เราคิดเป็นเลขถ้วนๆจะได้ง่ายจริงเรทมันแค่ 8 กว่าๆ แต่มันคูณยากไงคูณสิบแหละง่ายดี แต่ใครจะสกิลดีคูณได้ก็แล้วแต่สะดวกนะค่ะอิฉันปวดหัวไม่คิดค่ะ)
จะไปไหนก็ดูเอาเลยรถสายไรผ่านตรงไหนบ้าง ไม่ยากค่ะไม่ยาก ยากตรงไม่รู้ว่าถึงรึยังนี้แหละ555
ตั๋วรถเมล์จ่ายที่คนขับนะ เค้าจะให้ตั๋วเรามา อ่อ!!!!!!รถเมล์ไม่ทอนเงินนะเตรียมไว้ให้พอดีล่ะคุ๊ณณณ
ถึงGurney Plazaห้างเหมือนParagonบ้านเราแหละ มีทุกแบรนด์เหมือนกันเลยเรทถูกกว่าบางอย่างแต่ไม่ถือว่าถูกขนาดต้องซื้อกลับขนกลับกันอย่างบ้าคลั่ง สติ!!!!!!!! เรามาเที่ยววววไม่ได้มาซื้อของ ราคานี้ซื้อบ้านเราก็ได้อย่าไปซีเรียส
เห็นว่ามาห้างสงสัยใช่ไหมว่ามาทำอะไร มาเดินทะลุห้างเฉยๆจ้าาาา ความจริงคือเราจะมาที่ถนนgurneyเพื่อกินข้าวเย็นกัน เค้ามีตลาดโต้รุ่งที่มีของกินมากมายให้ได้เลือกกินกันจนตาลาย ไปดูกันเลยว่ามีอะไรน่ากินบ้าง เริ่ม !!!!!!!!!!
อ๊อย!น้ำย่อยเดิน มาดูสิเรากินอะไรไปบ้าง
อันนี้เราชอบนะคล้ายๆอุด้งเกาหลี เราอยากกินอะไรก็เลือก แล้วเอาไปจุ่มกับน้ำร้อนที่ร้านเตรียมไว้กินกะน้ำจิ้มเผ็ด น้ำจิ้มหวาน น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ สุโคร่ย!!!
บะหมี่แห้งเรียกว่าหากินได้ทั่วเมืองประหนึ่งชายสี่หมี่เกี๊ยวแต่อร่อยนะแกร๊
ของทอดนี่ก็มีหลายไส้ ขายกันแทบทุกที่เช่นกันส่วนตัวว่าราคาสูงไปนิดถ้ากะจะกินให้อิ่ม กินอย่างอื่นดีกว่าจ้า
อันนนี้เราว่าเหมือนมะม่วงน้ำปลาหวาน แต่มีผลไม้หลากหลาย มีเต้าหู้ทอดด้วย ปลาหมึกกรอบด้วย งง แต่น้ำราดหรือน้ำจิ้มนั้นมีรสชาติของซีอิ๊วขาวอยู่ด้วยเอ่อ! แปลกไปอีก
เมนูเด็ดแห่งที่นี้ ลักซา รสชาติคล้ายๆแกงเหลืองใส่ปลาและเส้นอุด้ง อร่อยแปลกๆแต่อร่อย งงไหม คิคิ
หลังจากกินทุกอย่างเสร็จก็ดึกมากแล้วเราต้องรีบนั่งรถเมล์กลับโรงแรมเพราะไม่งั้นรถเมล์จะหมดและต้องเดินนะจ้ะ
วันแรกจบลงไปวันใหม่กำลังจะเริ่มเยส!!!!!!!
Day2
ตื่นกันเช้ามาก ๆ ห่วงเที่ยวไงกลัวได้เที่ยวน้อย ข้าวเช้าวันนี้เดินไปกินร้านข้างโรงแรม คือมีของให้เลือกหลายอย่างทั้งบะหมี่แห้ง ของทอด ข้าวไก่แกงกระหรี่ และโจ๊ก ซึ่งเช้าๆแบบนี้ไม่ต้องคิดเยอะเลย เริ่มต้นวันด้วยโจ๊กร้อนๆนี้แหละ
สำหรับที่นี่เป็นธรรมเนียมนะการนั่งร้านอาหารเราควรจะสั่งน้ำด้วยอย่างน้อยแก้วนึงไม่งั้นอาแปะมองค้อนแน่ๆ
เมื่อกินอิ่มเราก็เริ่มออกเดินทางกางแผนที่เราจะไปวัดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกัน เหมือนเดิมเรารอรถเมล์ที่ตรงข้ามโรงแรมเพื่อมุ่งหน้าไปยังวัด kek lok si
จริงเราไม่แน่ใจว่าสามารถนั่งรถบัสแบบนี้ไปได้ไหมหรือต้องเสียเงินมากน้อยเพียงใดเราเลยไม่เสี่ยง
ลงรถเมล์เจอวัดแล้วเห้ยมองใกลๆยังดูใหญ่โตขนาดนี้ อดใจไม่ไหวรีบพาตัวเองเข้าไปเลย ทางเข้าวัดสังเกตซอบเล็กๆข้างซ้ายของป้ายสีแดงเข้าไปเลยไม่ต้องกลัวผิด
ดูลึกลับนนิดหน่อยแต่ลุยไปเลย (มีกลิ่นฉี่นิดหน่อยด้วยนะ)
ระหว่างทางขึ้นก่อนถึงวัดkek lok siแวะเลี้ยงอาหารเต่ากันหน่อย คือมีเต่าเยอะมาก
ถึงวัดแล้ว สวยงามอลังการงานช้างมาก
ริบบิ้นสีๆสำหรับขอพร โดยชิ้นนึงเราต้องหยอดบริจาค 1 ริงกิต โดยเราจะเลือกอันไหนก็ได้ แล้วนำมาแขวนไว้กับต้นไม้เพื่อให้คำอธิฐานเป็นจริง (มโนเอง5555)
ขอพรเสร็จเราก็ไปขึ้นกระเช้าเพื่อที่จะขึ้นไปบนจุดสูงสุดของวันซึ่งมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่อยู่ให้เราขึ้นไปสักการะ โดยค่าขึ้นกระเช้านั้นราคาไปกลับ 6 ริงกิต แต่ใครอยากเดินขึ้นก็ได้นะตามสะดวก แต่ตอนนั้นเราไม่เห็นทางขึ้นเลยเสียเงินค่าขึ้นไป เสียดายมากเพราะว่าทางขึ้นไม่สูงเท่าไหร่
ระหว่าทางไปกระเช้าแอบเห็นวิวเมืองเล็กๆด้วย
ระยะทางกระเช้าดูไม่สูงเท่าไหร่เลยใช่แมะ เสียดายจัง
ถึงด้านบนของวัดแล้ว ง่าาาา แดดร้อนจุงเบยยย แต่คือเห็นวิวเมืองก็โเคนะสวยงามลืมแดดได้บ้าง
เริ่มหิวเราควรจะลงไปกินข้าวเที่ยงได้แล้ว ลงๆ
มื้อเที่ยงสำหรับวันนี้ลองทายกันเล่นๆว่าคือเมนูอะไร.........................แท่นแท๊นนนนน มันคือข้าวมันไก่ แม่งเหมือนข้าวหน้าเป็ดมาก ความเข้าใจแรกคือมันคือข้าวหน้าเป็ดสั่งมากินกันใหญ่เลย TT
เราว่าลงมาหาอะไรกินที่ตลาดด้านล่างวัดเป็นไรที่ดีที่สุดมีให้เลือกเยอะดี และกินเสร็จก็เดินข้ามมารอรถเมล์ได้ใกล้ๆ เพราะที่ต่อไปเราจะไปปีนังฮิลกัน โย้ววว
รถเมล์สายนี้ถึงปีนังฮิลราคาเท่าเดิม 1.4 ริงกิต
ค่าเข้าของปีนังฮิลอยู่ที่คนล่ะ 25 ริงกิต แต่!!!!!!!!!!! ที่เราจะบอกคือ การที่เรายังเป็นนักศึกษา มีบัตรประจำตัวนักศึกษานั้นสามารถนำมารถเป็นส่วนลดเข้าได้ในราคา 15 ริงกิต พระเจ้าโชคดีมากที่เรียนต่อ (เกี่ยวป่ะว่ะ5555) แล้วเราต้องไปรอคิดเพื่อขึ้นรถรางเพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบนกัน
ขึ้นลงแนะนำให้นั่งหน้าสุด สนุกสุด เสียวสุด มันสุด กรี๊ดสุดต้องลอง
ถึงแล้วจุดชมวิวที่สูงที่สุด เห็นเกาะปีนังทั้งเมือง มองเห็นอณาเขตที่ติดกับทะเลด้วย
มีกล้องให้ส่องแต่เสียเงินนะเออ ดูแต่ตาก็ได้ฟะ
มุมนึงที่ขาดไม่ได้ ตอนนี้แทบจะเจอได้ในหลายๆประเทศแล้ว คืออะไรน่ะหรอ........
ไม่ต้องไปถึงนัมซานที่เกาหลี มาปีนังก็ทำได้ 555555 (เดี๋ยวนี้เจอแบบนี้เยอะว่าไหม)
วิวตอนลงก็ไม่เบา เสียวไส้ไปกะเด็กฝรั่งข้างๆซึ่งนางไม่สะทกสะท้านอะไรเลย !
ดึกและเดินดูเมืองยามค่ำคืนหาอะไรกินเพลินกันสักหน่อย
เดินผ่านโรงแรมแคปซูนน่ารักมากเเบบเห้ยอยากนอนอ่ะแก เลยดิ่งเข้าไปถามราคา ปรากฎว่า แพงจ้า!!!!! คืนล่ะ 750 บาทไทย แต่สำหรับใครมีกำลังทรัพย์อยากลองนอนก็เอาลองดูและแวะมาเล่าให้ฟังด้วยนะ
ในซอยนี้ทั้งซอยมีคาเฟ่ และโฮสเทลเยอะมากราคาไม่แพงด้วยนะ
บริเวณนี้เป็นตลาดเล็ก ๆ คนค่อนข้างเยอะเพราะมีทั้งร้านคาเฟ่ ร้านเค้ก อาหารให้เลือกเยอะ เรารู้สึกว่าส่วนใหญ่เราเจอฝรั่งแถวนี้เยอะเลยล่ะ
น้ำผลไม้สด ถุงละ 2 ริงกิตอร่อยมากกกกก ไม่แพงถุงก็เก๋เอาซี้
หมดวันกะ Day2
เริ่มต้นวันใหม่กะ Day3
เช้านี้เราออกล่าอาหารอินเดียกันเดินเข้าไปทางตลาดสด ที่ฝั่งตรงข้ามสามารถทะลุไปลิตเติ้ลอินเดียได้ บอกเลยว่าไม่ถูกปากสุดๆ แต่เพื่อนเราชอบมาก อาจเป็นเพราะเราไม่ชอบกินของมันๆ เลยต้องเดินไปหาอะไรกินในตลาดคนเดียว
เค้าบอกจะให้อร่อยต้องใช้มือกิน โอ๊ยยยย
เมื่อกินอาหารอินเดียไม่ได้ เลยเดินมากินผลไม้แทน อร่อยและถูกกว่าไทยครึ่งนึงได้
แล้วก็จบลงที่ก๋วยเตี๋ยวเป็นมื้อเช้าแทน TT (แต่อร่อยนะเราว่าซุปอร่อยมาก)
อิ่มแล้วลุยต่อไปทางลิตเติ้ลอินเดีย
จากนั้นเราก็มาเดินบริเวณถนนที่ติดกับทะเลมีสวนสาธารณะ มีครอบครัวพาลูกๆออกมาทำกิจกรรมกันเยอะนะ เราว่ามันดีมากๆกะการที่ครอบครัวหรือพ่อแม่มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูก ๆ เราเห็นได้น้อยนะที่เมืองไทย เด็กๆที่นี้ไม่ค่อยเล่นแท็ปเลตหรือมือถือเท่าไหร่ ส่วนใหญ่อยู่ตามสนามเด็กเล่น และสวนสาธารณะมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
ไอศครีมที่นี้ก็น่ารักดี มีหลายรสเลยราคาไม่แพง แถมเข้มข้นมากโดยเฉพาะทุเรียนกลิ่นนำมาก แต่รีบๆกินนะละลายไวมากเลยล่ะ
เดินผ่านมาเจอกับงานอะไรสักอย่างนึง คนเยอะมากของขายก็เยอะตาม แต่เราว่าตึกบริเวณนี้สวยดีนะออกแนวไปทางยุโรปซะมาก คือถ่ายรูปตรงนี้นี่คนคิดว่าไปยุโรปมาแน่ๆ
ก่อนกลับไปหาดใหญ่เรามาลุยโซนนี้กันดีกว่า สตรีทอาร์ต ไฮไลท์ของเมืองเลยก็ว่าได้
หวานเย็นไส้บ๊วยหนึ่งเม็ด รสชาติเหมือนยาสรุปว่าไม่คุ้มราคาเท่าไหร่
สี่โมงเย็นเราต้องขึ้นรถตู้กลับหาดใหญ่แล้ว ไปแลกเงินคืนจากสองพันเหลือเก้าร้อยกว่าบาท ก็เอาไปหาโรงแรมในหาดใญ่นอนคืนละร้อยกว่าบาท ไปนั่งกินข้าวต้มรถแดงอร่อยมาก ๆ (ไปหาดใหญ่ต้องกิน) เช้ามาก็ไปกินติ่มซำร้านดัง โชคดีแต่เตี๊ยม อร่อยและมีให้เลือกเยอะมากราคาไม่แพงเข่งละ 18 บาท แล้วนั่งรถสองแถวราคาเดิมไปสนามบิน
โดยรวมเราว่าเป็นทริปที่เราประทับใจนะ แทบทุกอย่างเลย เราว่าเวลาเที่ยวเราน้อยไปด้วยซ้ำเรายังไม่ได้ลองเข้าไปอีกหลายที่ เรารู้สึกว่าปีนังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์นะ ผู้คนรถราไม่วุ่นวาย การจัดการดูเป็นระบบระเบียบดี หวังว่าเราคงมีโอกาสกลับไปซ้ำอีก... และเราหวังจริงๆว่าคนที่ได้ลองไปคนจะหลงรักปีนังเข้าเหมือนเรา ......
เขียนกระทู้ครั้งแรกผิดถูกไม่สนุกหรืออย่างไรขออภัยด้วยนะค่ะ เราแต่รูปไม่ทันด้วยอาจจะไม่มีรูปสวยๆให้ดูเท่าไหร่ ไปดูเองเลยเถอะมันสวยกว่ารูปถ่ายเยอะ
Discussion (2)