ดิสอิสเดอะเว๊.....at มัลดีฟ ::: รีวิว centara ras fushi resort รีสอร์ทมาแรงของคนไทย (รูปร่วมร้อย)
Beebugs 52 55สวัสดีค่ะ นี่เป็นรีวิวแรกของบีในจีบันนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้า
ที่อยากมารีวิวมัลดีฟในจีบัน เพราะคิดว่ามัลดีฟคือ destination ที่สาวๆทุกคนต้องอยากไป
ดูจากใน facebook, IG พอบีลงภาพเชคอิน เพื่อนสาวนี่หลังไมค์มาถามรายละเอียดกันพรึ่บพรับ
เลยขอมารีวิว เวลาใครมาถามจะได้ส่งลิงค์ให้โลด และได้เผื่อแผ่สาวๆทุกคนด้วยเนาะ
อย่างที่บอกไป Maldives เป็น destination ที่สาวๆทุกคนใฝ่ฝันจะไปฮันนีมูน
แต่เหยย...แล้วคนไม่มีคู่แบบเราล่ะ ถ้าอยากจะไป เพราะกลัวเกาะจะจมซะก่อน จะไปได้มั้ย
คิดๆแล้วก็เหยย...ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ ชวนเพื่อนสาวขี้เที่ยวเหมือนกัน แล้วไปกันเถอะ
เริ่มต้นทริป จากการเห็น sponsored post ใน facebook ของเอเจ้นนึงที่ขาย package ในช่วงโบนัสออกพอดี
Package ที่บีซื้อราคาต่อคน 39,800 บาท รายละเอียดแพคคือ
3 days 2 nights @Water villa เหมาจ่ายครั้งเดียวไม่ต้องพกเงินอีกแล้ว
แพคเกจนี้รวมตั๋วเครื่องบิน+ห้องพัก 2 คืน+อาหารทุกมื้อ+เครื่องดื่มไม่อั้น กิจกรรมทางน้ำ ทางบก ราคานี้เสาร์อาทิตย์ก็ไปได้ค่า
ก็โทรไปแจ้งวันที่เราสะดวกจะไปกับทางเอเจ้นเล้ย รอไร
จ่ายเงินครบ ทางเอเจ้นก็จะให้ booking no. มาสำหรับตั๋วเครื่องบิน และที่พัก
ก่อนเดินทางปกติ บีจะทำ web checkin ทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ ศรีลังกาแอร์ไลน์ดีงามมาก เราสามารถเลือกที่นั่งจากการทำ web checkin ได้ด้วย
จัด window seat ไปดิฮะ วิวท้องฟ้า วิวทะเลจากบนเครื่องรอเราอยู่
อ้อ ถ้าบินศรีลังกาแอร์ไลน์ ต้องไปทรานสิทเครื่องที่ colombo นะคะ ถ้าใครอยากไป direct จากกรุงเทพ ไปลงมาเล่เลย ก็ Bangkok airways โลดค่ะ
แต่ศรีลังกาแอร์ไลน์ ก็แฮปปี้นะเหวยยย full service นะ เสริฟอาหารทั้ง 2 ไฟล์ท, มีหนังให้ดู , มีผ้าห่ม นอนๆกินๆ แป้ปเดียวก็ถึง
มีเมนูอาหารมาให้เลือก ขาไป Bangkok – Colombo บีเลือก Scramble Egg คือรสชาติคุ้นชิน กินได้ ไม่แขกใดๆ รอดตายฮ่ะ
ส่วนจาก Colombo ไป male นี่ของจริงแล้ว อาหรับมาเลยทั้งข้าวและของหวาน ลองชิมเบา ๆ
ในใจตอนนั้นก็หวั่นๆว่า อาหารที่มัลดีฟจะเป็นยังไงน้ออออ
ไฟล์ทบีเวลารอตอนทรานสิทก็ไม่นานค่ะ เวลาไป เวลากลับดีงามมาก
กรุงเทพ – โคลัมโบ 9.10 – 11.00
โคลัมโบ – มาเล่ 13.35 – 14.30
ส่วนเวลากลับออกจากมาเล่ 22.20 น. ถึงกรุงเทพ 6.15 ของเช้าอีกวัน ทำให้วันสุดท้ายเราสามารถอยู่ที่รีสอร์ทได้ถึงเกือบสองทุ่ม
พอไปถึงสนามบินมาเล่ เอากระเป่าปุ๊ป ก็เดินไปเคาน์เตอร์โรงเรม no.12 นะคะ
สนามบินมาเล่เล็ก ๆ จุ๋มจิ๋ม น่ารัก ไม่หลง หาไม่ยากค่ะ
ขนาดลงเครื่องมา ยังไม่มีงวงช้าง ไม่มีรถมารับใดๆ เดินเข้าสนามบินเองเล้ยย ชิวๆ
พอยื่น voucher ที่พัก ที่จากเอเจ้นส่งมาให้กับ staff รีสอร์ทแล้ว ก็รอสมาชิกคนอื่น เพื่อขึ้น speedboat ไปรีสอร์ทกัน
ใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงรีสอร์ทค่า
พัก centara ras fushi ไม่มี seaplane นะคะ ถ้าอยากขึ้น seaplane ต้องไปพัก centara grand ฮ่ะ
มาถึงรีสอร์ท ก็ทำการ checkin เจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกเลขบัตรเครดิตเอาไว้นะคะ เผื่อมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ก็กางแผนที่แนะนำจุดต่าง ๆ , เวลาทาน breakfast – lunch – dinner และพาไปที่ห้อง
ที่ centara ras fushi มีพนักงานคนไทยนะคะ สามารถสื่อสารภาษาไทยกับเราได้เลย มีอะไรสงสัยก็ถามกันแบบคล่องปาก
มีปัญหาอะไร กดเบอร์มาที่ reception ก็มีเบอร์เฉพาะให้คนไทยด้วย เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ
บีได้ห้องพัก no.339 คือดีงามสยามพารากอนมาก (ห้องบีคือที่ปักหมุดไว้ด้านขวา บนๆอ่ะค่ะ)
ดีงามยังไง พูดดด... คือ
หนึ่ง...water villa มีปีกซ้าย ปีกขวาใช่มั้ยยู ถ้าอยู่ปีกซ้าย เห็นอะไรมั้ย
คือวิวจะบับ...มองเห็น beach งี้, มองเห็นบ้านเพื่อนฝั่งตรงข้ามงี้ คือวิวไม่สุดลูกหู ลูกตาแบบห้องบี
สอง...จะเห็นว่าห้องบีเป็นห้องสุดท้ายก่อนจะเป็น premium sunset water villa มันจะมีระยะห่าง บันได ไม่ชิดๆกับบ้านอื่น คือลงน้ำมา ก็มีที่เวิ้งว้างให้ตีขาเล่นเบาๆ
ถือว่าบุญเก่าสะสมมาดีมาก
(แอบถาม reception ว่า ถ้ากลับมาอีก request ห้องเดิมได้มั้ย เค้าก็บอกว่า ให้แจ้งมาตั้งแต่ตอนจองนะคะ
อะ..ถ้าใครจะไป no.339 ไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ request โลด)
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักก็มี free wifi (จริงๆก็มีทั่วรีสอร์ทนะคะ แต่บางจุดสัญญาณก็อับมากกก) ,
, เครื่องเล่นดีวีดี, มินิบาร์, เครื่องชงชาและกาแฟ, ตู้นิรภัย และเครื่องเป่าผม ตามมาตรฐานโรงแรม 4 ดาว
Package ที่ซื้อผ่านเอเจ้น จะเป็น All Inclusive Package นะคะ คือรวมค่าอาหารเช้า กลางวัน เย็น และรวมเครื่องดื่มหลายชนิด อยู่แล้ว
(แต่ลองเชคในเวป ถ้าจองที่พักจากเวป ไม่ได้เป็น All Inclusive นะ)
แล้ว All Inclusive กินอะไรได้บ้าง...ตามบีมาค่ะ
สามารถรับประทานอาหารบุฟเฟต์ ที่ห้องอาหารโอเชี่ยน ได้ทั้ง เช้า กลางวัน เย็น
ที่ห้องอาหารโอเชี่ยน บีได้ทานทั้งเช้า และกลางวัน อาหาร เป็นบุฟเฟต์เหมือนโรงแรม 4-5 ดาวทั่วไป เป็นอาหารนานาชาติค่ะ รสชาติกลางๆ เน้นประมาณเยอะ และมีของให้เลือกเยอะค่ะ
เครื่องดื่มแบบไม่อั้นทั้ง 3 บาร์ ไม่ว่าจะเป็น ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์คกลิ้งไวน์ เบียร์สปิริตค็อกเทล น้ำแร่ น้ำอัดลม ชา กาแฟ และน้ำผลไม้ > บีลอง mocktail ทุกอันครบค่ะ อร่อย สดชื่นมาก
ส่วนบาร์ที่แจ่มๆ ที่บีทิ้งตัวอยู่ทั้งวัน ทั้งคืน คือ
Viu bar จุดเด่นของ viu bar คือมีเปลเหนือน้ำชุดชิว ลมโกรกตลอดเวลา ส่วนตรงเลานจ์ก็มีรูตรงกลางดูปลาว่ายไปวนมาตลอดเวลาค่ะ
ซึ่งช่วงบ่ายจะมีอาหารว่างบริการอีกเป็นพวกขนมอบต่างๆ และแซนวิช ในเวลา 15.30-16.30 น.
ช่วงดู sunset ก็ยังมาเสริฟ Sundowner Canapés selection อาหารว่างก่อนอาหารค่ำ ในเวลา 18.30- 19.30 น.
ดู sunset ไป กินไป เย็นๆ มีดนตรีสดมาเล่นขับกล่อมบรรยากาศอี้ก โรแมนติกมากเชียว
Wave pool bar หรือที่บีเรียกเอาเองว่าบาร์น้ำ ว่ายน้ำไป จิบคอคเทลไป เป็นบาร์ที่กว้างไปยั้นชายหาด สวยงามไปอี้กก
เราสามารถทานอาหารได้ทุกห้องอาหาร ได้แก่ สวนบัว ลาเบรทซ่า (อาหารอิตาเลี่ยน) และ อัลไคมา (เป็นอาหารพวกเสต๊กกระทะร้อน บรรยากาศในเต็นท์เบดูอิน ซึ่งที่อัลไคมา มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับ สถานที่บรรยากาศ 20 USD ต่อคน)
โดยการกินฟรีในแพคเกจ จะเป็นอาหารที่เป็น set menu แต่ถ้าจะสั่ง a la cart เพิ่มเติม ก็สามารถสั่งได้ โดยเค้ามีเครดิตให้คนละ 40 USD
บีได้ลองทานอาหารทุกห้องอาหารค่ะ พูดเลยว่าอร่อย รอดตายทุกมื้อค่ะ ไม่แค่อร่อยยังเยอะด้วย
มื้อเย็นคืนแรกที่ลาเบรทซ่า เราซ่ากันเล็กน้อย นอกจากสั่ง menu set ซึ่งมีทั้งขนมปังชีส, พิซซ่า, สลัด แบบเยอะๆแน่นๆแล้ว เรายังสั่งเมนูพิเศษคือ seafood platter ราคา 90 USD เพิ่มอีกด้วย เพราะอยากกินซีฟู้ดมัลดีฟ
แต่อาหารมา ถึงกับลมจับ หม้อใหญ่มากกก คือกินล๊อบสเตอร์กันไปคนละครึ่งตัว ถึงกับต้องบอกพนักงานให้เอาพิซซ่าที่ยังไม่ออกมา กับอาหารที่เหลือ ไปส่งให้ที่ห้องเถอะ ไม่ไหวแล้ว
แล้วรุ่งขึ้น เราถึงตื่นขึ้นมากินต่อ
ภาพนี้คือ beef steak chateau ที่ห้องอาหารอัลไคมา บรรยากาศในเต็นท์เบดูอิน คือดี อร่อย ทำ medium rare มาแบบพอดี๊ พอดีกับที่ต้องการ
ส่วนห้องอาหารสวนบัว จะเป็นอาหารไทย บีได้ทานตอนกลางวัน รสชาติอาหารก็อร่อยคุ้นปากเลยค่ะ
สำหรับกิจกรรม พวกที่ไม่มีเครื่องยนต์เช่น เรือแคนู เรือถีบ วินด์เซิร์ฟ ฟรีค่ะ แต่ไม่ได้เล่น ถ่ายรุปคนอื่นให้ดูนะ
ส่วนสน๊อคเกิ้ล ก็สามารถยืมได้ฟรีนะคะ แต่ต้องทำ dive test คือลองใส่สน๊อคเกิ้ล แล้วดำน้ำตื้นๆ ให้พนักงานดู โดยไม่ใส่ชูชีพนะ
บีกับเพื่อนว่ายน้ำไม่เป็นทั้งคู่ แต่บีเทสผ่าน เพื่อนเทสไม่ผ่าน
ก็เน้นเป่าหงส์ เป่าห่วงยางเล่นน้ำกันชิวๆแทนค่ะ
ส่วนกิจกรรมอื่นๆที่ต้องเสียเงินเพิ่ม ก็ตามรูปด้านล่างค่ะ
สรุปทั้งทริปนอกจาก 39,800 บาท ราคาแพคเกจแล้ว
บีก็เสียค่าเสียหายไปกับ seafood platter ไป 110.88 USD และ
13.89 USD จากเสต็คกระทะร้อนที่ร้านอัลไคม่า (เพราะร้านนี้ไม่มี set menu ที่ฟรี)
แต่จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ค่ะ
โดยรวมทริปนี้บีแฮปปี้มากๆๆๆๆๆๆๆนะ คือขนาดเพื่อนที่บอกไว้ก่อนมาว่ากะมามัลดีฟครั้งเดียวพอ
แต่ตอนนี้ร่ำร้องจะกลับไปอีก จะพาพ่อ พาแม่มาด้วย
คือมันเหมาะกับเป็นที่ที่พักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ ไม่จำเป็นต้องมาฮันนี่มูนหรอก มาเที่ยวชิวๆก็ได้
วิวดีๆ ลมเย็นๆ พนักงานก็มี service mind ที่ดีมากทุกคน
เป็นรีสอร์ท 4 ดาวที่บริการเกิน 5 ดาวไปอี้ก รู้สึกเป็นคุณหนูที่แบบอยากกินอะไรก็แค่สั่งๆๆๆ ไม่ต้องแคร์เงินในกระเป๋า
นอนๆนั่งๆอยู่ กะมีพนักงานเอาของว่างมาเสริฟ เดินไปไหน ก็มีพนักงานมาคอยถามสารทุกข์สุกดิบ เหยยยย คือดี
คือจะไปอี้กกกกก #เอ้า #เก็บตังค์ค่า