กลิ้งตามใจ ไปวังเวียง (ฉบับแวะเวียงจันทน์ก่อนไปวังเวียง)

สวัสดีค่าเพื่อนเพื่อนชาวจีบัน ทุกคน

ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ชื่อ แพรค่ะ เป็นสาวออฟฟิศ อายุ 24

ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าเงินพร้อม เวลาพร้อม ลุย!ทันที

วันนี้แพรจะพาเพื่อนเพื่อนชาวจีบัน ไปรู้จักกับ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต สุดฮิป

ที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติ กับ ความสนุกสนานของกิจกรรมยามค่ำคืนได้อย่างลงตัว

สถานที่ที่แพรกำลังกล่าวถึง นั่นคือ วังเวียง ประเทศลาว นั่นเองค่ะ

ช่วงที่แพรไปประมาณเดือนมีนาคมค่ะ และมีการผ่านเมืองสำคัญอีกเมืองนึงก่อนถึง วังเวียง

นั่นคือ นครหลวงเวียงจันทน์ ค่ะ

วังเวียง เป็นเมืองเล็กๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมของ คนไทย และ ชาวต่างชาติทั้งหนุ่มสาวตาน้ำข้าว และ

ชาวเกาหลี ตั้งแต่รุ่นอปป้า นูน่า รวมไปถึง อาจุมม่า และ อาจอชี ก็มาเที่ยวกันเยอะเลยค่ะ

เป็นเพราะว่า ที่เกาหลีมีการโปรโมต วังเวียง ในรายการท่องเที่ยวของบ้านเค้ากันเยอะเลยล่ะค่ะ (ข้อมูลนี้ได้มาจากเพื่อนสาวเกาหลีที่แพรได้ไปรู้จักกันที่วังเวียงค่ะ)

อ่อ! ข้อสำคัญสำหรับการเดินทางไปวังเวียง คือ ต้องใช้พาสปอร์ตด้วยนะคะ

การเดินทางของแพรเริ่มต้นด้วยรถ บขส. กรุงเทพ - เวียงจันทน์ ราคาอยู่ที่ 900 บาท

ใช้เวลาประมาณ 10-11 ชั่วโมงค่ะ

โดยการเดินทางเราจะต้องผ่านด่านทั้งสองด่าน(พูดเหมือนเป็นเกมเลย)

ด่านแรกคือด่านประเทศไทยที่จะต้องกรอกเอกสารออกนอกประเทศ กรอกเสร็จยื่นเอกสารพร้อม

พาสปอร์ต ทางเจ้าหน้าที่ก็จะปั๊มตรา เราก็เดินมาขึ้นรถบัสที่รออยู่ด้านนอกได้เลย

สำหรับด่านที่สองจะเป็นด่านเข้าประเทศลาว ต้องซื้อตั๋ว one way ticket ด้วยนะคะ

ราคาแพรจำไม่ได้แล้ว แต่ไม่น่าจะเกิน 20 บาทค่ะ โดยต้องยื่นเงินพร้อมพาสปอร์ต

และเราก็ใช้บัตรนี้แหละค่ะ เสียบเข้าผ่านเครื่องคล้่ายๆบีทีเอสบ้านเรา และก็จะถือว่า

เราได้มาเยือนแผ่นดินลาว ประเทศน่ารักๆประเทศนี้กันแล้วค่ะ

พอมาถึงจุดลงรถนะคะ เราจะเหมือนเป็นดารา ซุปตาร์ ชื่อดัง

เพราะบรรดาลุงๆสามล้อจะมามุงๆถามว่า พวกเราจะไปไหนกัน

แพรกับเพื่อนตอนแรกก็ ยืน งง เอ๋อๆ เพราะยังไม่ตื่นดี และต้องบอกก่อนว่า พวกเราไม่ได้แพลนอะไร

กันมามากมาย เป็นการด้นสดกันเลยทีเดียว และก็มีคุณพี่คนนึง แกก็มาเสนอว่าจะพาเที่ยว

ในเวียงจันทน์คนละ 300 บาท และจะพาไปจุดขึ้นรถที่จะต่อไปวังเวียง ตอนนั้นพวกเราก็ยัง งง อยู่

เลยขอตั้งหลักด้วยการขอไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และให้คุณพี่สามล้อยืนรอ

ซึ่งต้องบอกเลยว่า สงสารแกเหมือนกันค่ะ เพราะถ้าแค่ ล้างหน้า แปรงฟัน คงไม่เท่าไหร่

แต่ต้องรอสาวไทยสี่คน แต่งหน้า กันนี่ละค่ะ ที่ทำให้นาน 5555 (เรื่องนี้เพื่อนๆจีบันคงเข้าใจนะคะ)

หลังจากเราทำธุระส่วนตัวเสร็จ คุณพี่แกยังไม่ไปไหน พวกเราเลยตกลงเหมารถแกให้พาเที่ยว

โดยขอต่อราคาเหลือคนละ 250 บาทค่ะ

สถานที่แรกที่แกพาเราไป คือ ธนาคารลาวค่ะเพื่อไปแลกเงิน พวกเราก็ตืนเต้นกันใหญ่

เพราะได้สัมผัสกับเงินกีบครั้งแรก แถมยังมีทั้งแบงก์หมื่น แบงก์แสนอีก

หลังจากแลกแบงก์เสร็จ เราก็ไปกันที่ วัดสีสะเกด หรือ วัดสะตะสะหัสสาราม (วัดแสน)

ซึ่งเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของเวียงจันทน์ ถูกสร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช

ส่วนที่มาของคำว่า วัดแสน มาจากพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงสร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กและ

องค์ใหญ่ประดิษฐานไว้รอบพระระเบียงและในพระอุโบสถไว้นับแสนองค์

สถานที่ต่อมา พวกเราจะไปต่อกันที่ หอพระแก้ว แต่ในช่วงนั้นกำลังทำการบูรณะอยู่

เลยไม่ได้เข้าไปชม พวกเราจึงไปต่อกันที่ วัดสีเมืองวัดสำคัญซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง

เวียงจันทน์อันศักดิ์สิทธิ์ และพวกเราได้มีโอกาสมาไหว้สักการะ พร้อมกับทำบุญที่วัดแห่งนี้

เพื่อความเป็นสิริมงคล และ เพื่อความสบายใจให้การเที่ยวของพวกเราในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

และมีความสุขค่ะ ซึ่งบรรยากาศในวันนั้นคนค่อนข้างเยอะค่ะ มีทั้งชาวไทย และ ชาวลาวที่มาทำบุญ

และเราก็ไปต่อกันที่จุดแลนด์มาร์คของเวียงจันทน์ นั่นคือ ประตูชัย

ประตูชัยนี้นะคะสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสีย

สละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งการออกแบบได้รับอิทธิพลมาจาก

ประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่ก็มีการผสมผสานศิลปะแบบชาวล้านช้างลงไปด้วยเช่นกัน

เพื่อนๆสามารถขึ้นไปจุดชมวิวบริเวณด้านบนของประตูชัยได้ด้วยนะคะ แต่ครั้งนี้แพรกับเพื่อนไม่ได้

ขึ้นไปค่ะ

สถานที่สุดท้ายก่อนที่เราจะไปขึ้นรถ เพื่อเดินทางไปยัง วังเวียง สถานที่ที่พวกเราตั้งใจจะมากัน

คุณพี่สามล้อก็พาเราไปที่ พระธาตุหลวง สถานที่แห่งนี้ชาวลาวเค้าบอกว่าเป็นเหมือนกับศูนย์รวม

จิตใจของชาวลาว โดยด้านหน้าของพระธาตุหลวงจะมีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช

ตั้งอยู่บนฐานสูง ไว้ให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมไหว้สักการะบูชากันก่อนค่ะ

หลังจากที่พวกเราได้ไปไหว้สักการะพระบรมรูปของท่านแล้ว เราก็ได้ไปนั่งพักเหนื่อย

บริเวณใต้ต้นโพธิ์ที่มีพระพุทธรูปประจำวันเกิดประดิษฐานอยู่โดยรอบ ซึ่งตัวแพรเองชอบมาก

เป็นภาพที่สวยงามดีค่ะ

หลังจากทีเรานั่งพักให้หายเหนื่อยเราก็เดินไปหาคุณพี่สามล้อเพื่อให้เค้าพาเราไปหาข้าวกินค่ะ

(และหลังจากที่ไปพระธาตุหลวง กล้องของแพรก็ได้ทำร้ายตัวเองด้วยการสูบแบตเตอรี่จนหมด

ทำให้ไม่ได้ถ่ายร้านอาหารที่ไปทาน และไม่ได้ถ่ายบรรยากาศร้านกาแฟยอดนิยมอย่างร้านโจมา)

ไว้คราวหน้าถ้าแพรได้มีโอกาสไปอีกจะถ่ายบรรยากาศร้านโจมา มาให้เพื่อนๆดูนะคะ :)

กระทู้หน้าจะเป็นตอนที่แพรและเพื่อนๆได้ไปถึงวังเวียงแล้วค่ะ แพรหวังว่าเพื่อนๆชาวจีบันจะสนุกไปกับการติดตามการเที่ยวเวียงจันทน์ของแพรในครั้งนี้นะคะ :))