รีวิว : Elan by Nature Edition
สวย ... ไม่แพ้ !!
ส่วนตัวแล้วดิชั้นชอบทดลองครีมใหม่ ๆ หลาย ๆ แบรนด์เพื่อหาอะไรใหม่ ๆ ที่ถูกอกถูกใจที่สุด (ถึงแม้ความเป็นจริง จะมีอะไรที่ถูกจริตกับผิวติดโต๊ะเครื่องแป้งที่บ้านตลอดเวลาก็ตาม) ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยได้ลองสอยครีม Elan by Nature Edition มาทีเดียวครบเซ็ตฉลองเงินเดือนออก (เฮ้ !!) หลังจากใช้มาได้ซักพัก ... ดิชั้นขอถือโอกาสนี้ทำรีวิวให้เพื่อนสาวชาวจีบันให้ดูเป็นทางเลือกใหม่ ๆ กันดูค่ะ :)
หมายเหตุกันนิดนึงนะคะ
Elan by Nature Edition
ดูคำเปรยของผลิตภัณฑ์ด้านบนแล้ว อิชั้นก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาว่าผลิตภัณฑ์ที่อิชั้นกำลังจะใช้ ไม่ได้ทำร้ายโลกของเรามากมายจนเกิดความจำเป็น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมาก ๆ ในความรู้สึกเดี๊ยนค่ะ ... อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกและผลที่ได้หลังใช้ ดังนั้น เราไปลุยกันเลยค่ะว่าตลอด 1 สัปดาห์ของดิชั้น กับ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Organic น้องใหม่ Elan by Nature Edition จะให้ผลลัพธ์และความรู้สึกเป็นอย่างไรกันบ้าง ... ไปค่ะ !!
1. Perfecting Sunscreen CreamMakeup Base, SPF 50 PA+++
with Broad-spectrum UVA/UVB Filter
(15 ml./ 590 Baht)
มาถึงตัวแรกสุด เป็นครีมกันแดด SPF 50 พร้อมค่ากันรังสี UVA ที่ PA+++ ในรูปแบบกระปุก อันนี้เป็นกันแดดแบบ Physical นะคะ คือใช้หลักการของการมีชั้นบาง ๆ ช่วยสะท้อนรังสี UV ออกไป โดยที่เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นมูสสีเนื้อ จึงสามารถใช้แทน Makeup Base ได้เลยค่ะ
Effect หลังใช้คือ "หน้าผ่องมากค่ะ !!" อันนี้ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าอาจจะวอกเกินไปสำหรับดิชั้น (ผิวอิชั้น NC-35 MAC) แต่หลังจากปล่อยให้กันแดด Set Up ซักพัก สีจะดรอปลงเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นพอดีกับสีผิว แต่ก็ไม่ได้วอกเกินไปเหมือนตอนเพิ่งทาใหม่ ๆ ค่ะ ... สำหรับสาว ๆ (ทั้งแท้และเทียม) ที่แต่งหน้าทาแป้งหลังจากขั้นตอนนี้ ดิชั้นคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับสีผิวของคุณค่ะ
ทีนี้หลังใช้ครีมกันแดดตัวนี้ครั้งแรกสุด ดิชั้นประสบปัญหา "ครีมกันแดดตกหลุมรูขุมขนบนใบหน้าดิชั้นค่ะ !!" ซึ่งความรู้สึกวันแรกที่ใช้ไม่ค่อยประทับใจในจุดนี้เท่าไหร่ แต่หลังจากที่ใช้ประกอบกับครีมและเซรั่มตัวอื่น ๆ ที่จะเล่าต่อไป ช่วง 2-3 วันต่อมา รู้สึกว่า "เนื้อมูสของครีมกันแดดไม่ได้ตกหลุมมากเท่าช่วงวันแรกที่ใช้" จึงค้นพบปัญหาส่วนตัวของตัวเองเพิ่มเติมว่า "เป็นเพราะผิวของดิชั้นขาดความชุ่มชื่น" นั่นเองค่ะ ...
ดิชั้นใช้ชีวิตแบบไม่ได้ผจญภัยตรากตรำอะไรมากนัก ... คือนั่งทำงานหน้าคอม อยู่ในห้องแอร์ รู้สึกว่าครีมกันแดดตัวนี้
"ควบคุมความมัน" ค่อนข้างดีเลยทีเดียวค่ะ คือหลังจากทาไปประมาณ 4-5 ชั่วโมง เริ่มมีน้ำมันดิบไหลบริเวณหน้าผากกะจมูกเงา ๆ เล็ก ๆ อิชั้นใช้กระดาษทิชชู่ในส้วมออฟฟิศซับความมันทีนึง Makeup ก็กลับมาผ่องเด้งเช้งกระเด๊ะเหมือนเดิม รวมทั้งตกเย็นก็ไม่ได้มีเครื่องสำอางไหลย้อย ถือว่าทำหน้าที่ควบคุมความมัน และ Makeup Base ได้เป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียวค่ะ :D
สิ่งที่ชอบ
2. White Radiant Day CreamWith UVA/UVB Filter,
Simmondsia Chinensis Seed Oil,
Vitamin C, Vitamin E, Allantoin
(30 ml./ 1,190 Baht)
อันนี้เป็นครีมไวเทนนิ่งสำหรับตอนกลางวันที่มาในรูปแบบกระปุกค่ะ ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยบำรุงผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใสขึ้น เพราะ ผสมสารสกัดจาก "ทับทิม" ซึ่งเป็นแหล่งของ Vitamin C ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมทั้ง Alpha-Arbutin ที่สกัดจากรากของต้น Mulberry ช่วยเรื่องของความขาวให้ผลทาง Whitening บวกกับ UV Filter ช่วยกันแสงแดดทั้ง UVA และ UVB จึงเป็นที่สุดจริง ๆ สำหรับครีม Whitening กระปุกนี้ค่ะ
โดยส่วนตัวดิชั้น "เป็นสาวผิวแทน" ตามเทรนด์ผิว Glow บ่มแดด California Girl (สลัดผ้าท้าสายตาหมาข้างบ้าน) ดิชั้นจึงไม่ได้อินกับผลลัพธ์เรื่อง "ความขาว" ซักเท่าไหร่ แต่สาว ๆ สายงานเหลา งานเกาหลี อาจจะถูกอกถูกใจกันดีทีเดียวเชียวค่ะ ... อิชั้นใช้ครีมกระปุกนี้หลังจาก Serum ของ Elan อีกที คาดหวังผลเรื่องลบเลือนจุดด่างดำจากหลุมสิวอุดตันรากยาว 3 มิลลิเมตรที่มักผุดขึ้นมาบนหนังหน้าของอิชั้นให้ขุดเล่น !! ... แต่ด้วยระยะเวลาทดลองใช้ไม่นาน (สัปดาห์เดียว) จึงยังไม่ได้เห็นผลทางด้านนี้ซักเท่าไหร่ค่ะ
สิ่งที่ได้จากครีมกระปุกนี้ในความรู้สึกส่วนตัวของดิชั้น คือ "การให้ความชุ่มชื้น แบบไม่ได้มันแพร่บ ๆ"ซึ่งถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สาวผิวมันอย่างดิชั้นมาก เพราะถ้าคุยกันแฟร์ ๆ "ผิวมันหาครีมกระปุกใช้ยากค่ะ !!" ส่วนมาก "ครีมกระปุก" มักจะมันเกินไปสำหรับดิชั้น แต่ครีมกระปุกนี้สอบผ่าน พร้อมให้ความชุ่มชื้นกับผิวของดิชั้นมากขึ้นระหว่างวัน ที่จริงพอผิวชุ่มชื้นขึ้น การแต่งหน้ามักจะได้ผลที่ดีตามไปด้วย คือ "ไม่ตกร่อง หรือ ตกร่องน้อยลงเยอะ" (จริง ๆ ด้วยค่ะพี่ PearyPie) ... ดังนั้นนี้ถือว่าโอเคสำหรับเดี๊ยนเลยค่ะ
แต่อย่างที่บอกไปว่าเดี๊ยนมาทางสาย "ผิวแทน" อันนี้อาจจะไม่ได้เป็นลูกรักของเดี๊ยนที่สุด ส่วนสำหรับสาว ๆ ที่มองครีมไวเทนนิ่งที่มีส่วนผสมออร์แกนิค ไม่ทำให้ผิวแพ้ ดิชั้นคิดว่า Whitening กระปุกนี้ของ Elan ถือเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งของคุณเลยค่ะ :)
สิ่งที่ชอบ
3. UpLifting & Firming SerumWith Hyaluronic Acid,
Cucumis Sativus Fruit Extract,
Allantoin and Alpha-Arbutin
(20 ml./ 1,590 Baht)
มาถึง Serum ตัวโปรดของดิชั้น ... ขอเรียกว่าเซรั่มโบท๊อกซ์ค่ะ !!
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผิวของดิชั้นต้องเจอมลภาวะ สารพิษ ชีวิตเศร้า ความเหงา ความเจ็บปวด และอื่น ๆ อีกมากมาย ... เป็นปัจจัยค่ะ !! สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยให้ผิวของดิชั้น AGED !!!
ดิชั้นต้องการสิ่งที่ช่วยทวงคืนความสาวของอิชั้นให้กลับมาสะพรั่งเบิกบานใจอีกครั้ง !! ... โดยไม่กระทบกับเงินในกระเป๋าของดิชั้นเกินไป และต้องข้องเกี่ยวกับการเดินเอาหน้าไปชนเข็มที่คลีนิคคุณหมอน้อยที่สุด
ดิชั้นพบแล้วค่ะ Serum ที่ช่วยให้ผิวของดิชั้นรู้สึกสาวสดใสขึ้นอีกครั้งนึง (เสียงโฆษณาชวนเชื่อมาก) ... อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจริง ๆ ค่ะ เพราะว่า "ชอบมาก" กับ Serum ของ Elan ตัวนี้ ... ก่อนอื่นค่ะ ทางแบรนด์เคลมว่า Serum ตัวนี้มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ซึ่งช่วยเรื่องการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยคืนสภาวะผิวให้พร้อมต่อการบำรุงอย่างล้ำลึก พร้อมกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน (โอ้ววว) ... บวกกับสารสกัดจากแตงกวาช่วยสมาสสนธิกำลังกันเติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงขึ้น ... ทางแบรนด์เคลมเพิ่มเติมอีกว่า หากใช้ในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเรื่องการเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ตื้นขึ้นได้อีกด้วย (บ้าจริงพี่ชายยยยย !!)
สารภาพค่ะว่าตอนอ่านใบคำเปรยของแบรนด์นี้ ... ดิชั้นหยิบตัวนี้มาใช้เป็นตัวแรก ๆ แบบไม่คิดอะไรอีกแล้วค่ะ (ผิวเดี๊ยน Aged ... ผิวเดี๊ยน Aged ...) โดยเซรั่มตัวนี้มาใช้รูปแบบขวดปั๊ม เนื้อเซรั่มใส ไม่มีสี Texture คล้ายเจลใส ๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นทันทีที่ทาค่ะ และเซรั่มตัวนี้ "ซึมซาบเร็วมาก" ไม่หลงเหลือความมันเหนอะหนะเลยค่ะ ... หลังทาครั้งแรก ดิชั้นสัมผัสได้ถึงความ "ตึง" ที่ผิวหน้า รู้สึกผิวกระชับขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งเดี๊ยนรู้สึกดีกับ Effect นี้มากค่ะ :)
ดิชั้นใช้เซรั่มโบท๊อกซ์ตัวนี้เป็นประจำ เช้า - เย็น หลังใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ... สิ่งที่ดิชั้นชอบเกี่ยวกับเซรั่มตัวนี้คือ "นางช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น" ... ไม่ว่าก่อนหรือหลังแต่งหน้า ขณะที่ผิวไม่ได้มันมาก ดิชั้นเห็นว่าผิวของดิชั้นเรียบเนียน ใส และ Glow ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด !! ผิวดู Dewy ดูชุ่มชื้นตลอดเวลา
ส่วนตัว ... หากเทียบกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในข่ายราคาใกล้เคียงกัน ดิชั้นไม่เคยเจอผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่ให้ผลลัพธ์และความรู้สึกได้เท่ากับเซรั่มตัวนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าราคาเทียบกับปริมาณ อาจจะแลดูเป็นปัญหากับกระเป๋าสตางค์ของดิชั้นเล็กน้อย แต่เซรั่มขวดนี้ถือเป็น "ลูกรักของดิชั้นค่ะ" :D
สิ่งที่ชอบ
4. Age-Perfecting Signature SerumWith Alpha-Arbutin, Hyaluronic Acid,
Glycyrrhiza Glabra Extract
and Pearl Powder
(30 ml./ 2,000 Baht)
อีก 1 สิ่งที่ใช้ตามทันทีหลังทาเซรั่มโบท๊อกซ์ตัวบนค่ะ โดยทางแบรนด์เคลมว่า เซรั่มตัวนี้เป็น All-in-1 Serum ที่เปรียบเทียบได้กับ "อาหารผิว" ... โดยเซรั่มตัวนี้มีทีเด็ดตรงที่มี Amino-Peptide ที่ถูกย่อยมาในรูปแบบโมเลกุลขนาดเล็ก ซึมซาบเข้าสู้ผิวได้เร็วขึ้นและช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมผิว ผนวกกับสารสกัดจากยีสต์ รูปแบบคล้ายคลึงกันกับ "น้ำวิเศษ" ที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ตื้นขึ้น !! ... ยังไม่พอค่ะ นางยังมีสารสกัดจากรากชะเอม ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อม "ผงไข่มุก" ที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักใน Whitening หลาย ๆ แบรนด์ แน่นอนว่าช่วยเรื่อง "ความขาวกระจ่างใส" และสุดท้ายคือ Hydrolyzed Collagen หรือคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด เพื่อให้สามารถซึมซาบและบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายและรวดเร็ว ให้ผิวเต่งตึง เด้งดึ๋ง ดูมีสุขภาพผิวที่ดีค่ะ
ดังนั้นสรุปคำเปรยของเซรั่มขวดนี้ คือช่วยเรื่อง "เติมความชุ่มชืัน. ช่วยเรื่องริ้วรอย, ขาวสว่างกระจ่างใส, All-in-1 Serum" จริง ๆ ค่ะ
เมื่ออ่านคำเปรยของแบรนด์แล้ว ... ดิชั้นไม่รอช้าที่จะทดลองใช้เซรั่มอาหารผิวตัวนี้ตามทันทีหลังจากเซรั่มโบท๊อกซ์ รูปแบบของเซรั่มตัวนี้จะเป็นเนื้อสีขาว ไม่เหลวมากนัก ลักษณะคล้าย Emulsion ของหลาย ๆ ยี่ห้อค่ะ ปั๊มใช้ประมาณ 2 ปั๊ม ก็ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอแล้วล่ะค่ะ
Feeling หลังทาเซรั่มตัวนี้ ดิชั้นรู้สึกว่าเซรั่มไม่ได้เข้มข้นเกินไปจนทำให้อึดอัดใบหน้าเหมือนกับ Emulsion หลาย ๆ ยี่ห้อที่เคยใช้ ค่อนข้างให้ความรู้สึกที่ดีเลยทีเดียวค่ะ และเซรั่มตัวนี้ไม่ได้ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเหมาะกับสาวผิวมันอย่างดิชั้นอีกหนึ่งตัวเลยล่ะค่ะ
ดิชั้นใช้เซรั่มตัวนี้แค่ช่วงเย็น เพราะเกรงว่าจะหนักหน้าไปนิดนึงระหว่างวัน ... ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ทดลองใช้ ถ้าเทียบกับเซรั่มโบท๊อกซ์ตัวบน ดิชั้นยังให้คะแนนความชอบที่เซรั่มโบท๊อกซ์มากกว่า ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่ว่า "เซรั่มตัวนี้ไม่ได้มี Effect อะไรชัดเจนไปทางด้านใดด้านหนึ่ง" การที่ผิวของดิชั้นเรียบเนียนขึ้น ดูชุ่มชื้นขึ้น หรือไม่มันเท่าแต่ก่อน ดิชั้นไม่แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์มาจากเซรั่มตัวนี้ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่า หากคุณมีครีม มีเซรั่ม มีอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ "เซรั่มตัวนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคุณ"
... แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เร่งรีบ ไม่ชอบพิธีกรรมการปรนนิบัติผิวหน้าหลังอาบน้ำ หรือเป็นคนขี้เกียจทาครีมหลายขั้นตอน "ดิชั้นแนะนำให้คุณทดลองใช้เซรั่มตัวนี้แค่ตัวเดียว แล้วจบปึ๊งออกไปสวยซิ่งในขั้นตอนเดียวเลยค่ะ"
สิ่งที่ชอบ
5. Rejuvenating Sleeping MaskWith Royal Jelly,
Macadamia Ternifolia Seed Oil
Hydrolyzed Milk Protein,
Oryza Sativa (Rice) Bran Oil
and Hydrolyzed Collagen
(30 ml./ 790 Baht)
อันนี้เป็นอีก 1 ผลิตภัณฑ์ใน Set ที่ดิชั้นสุดแสนจะแนะนำให้คุณ ๆ ได้ลองค่ะ !!
ผลิตภัณฑ์นี้เป็น Sleeping Mask หรือครีมที่เรา ๆ สามารถทาพอกไว้หนา ๆ แล้วนอนตากแอร์เย็น ๆ หลับได้อย่างสบายใจเฉิบ ปล่อยให้นางทำหน้าที่ที่นางควรทำกับผิวสวยใสของเราไปขณะที่เราหลับค่ะ ... ซึ่ง Feeling ของมาร์กตัวนี้ ดิชั้นช๊อบชอบ :D
ทาง Elan เคลมไว้ว่า Sleeping Mask ตัวนี้มีส่วนผสมของ Royal Jelly หรือ "นมผึ้ง" ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารผิวที่ดีที่สุด ผสานพลังกับ Macadamia Oil ช่วยเรื่องคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวขณะนอนหลับ ฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำให้อวบอิ่มขึ้น พร้อมทั้ง Hydrolyzed Milk Protein โปรตีนจากน้ำนมวัวที่มีส่วนผสมของกรด Lactic ช่วยให้ผิวขาวสว่างใสอีกหนึ่งทาง และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นทันทีภายใน 1 คืน !!
เนื้อของมาร์กเป็นครีมเจลเนื้อสีขาวขุ่นมาในขวดปั๊ม ขนาด 30 ml. ดิชั้นปั๊มค่อนข้างหนักมืออยู่ที่ 3 ปั๊มเพื่อ "มาร์กแรง ๆ" ทั่วใบหน้าและลำคอ นอนกดมือถือจนง่วงได้ที่ มือถือตกกระแทกหน้า 1 ที แล้วก็หลับ ... !!
จากที่เล่าให้ฟังเรื่องครีมกันแดดเนื้อมูส ที่วันแรกนางดันมาตกหลุมสิวจำนวนมากของดิชั้น ... ดิชั้นใช้ Combination ของ เซรั่มโบท๊อกซ์ + Sleeping Mask ตัวนี้แหละค่ะที่ช่วยให้ดิชั้นรู้ว่าผิวของดิชั้นขาดความชุ่มชื้นและต้องการการดูแลที่ดีขึ้น ... ดิชั้นจึงมาร์กหน้าของดิชั้นด้วย Sleeping Mask ตัวนี้ทุกคืน และค้นพบว่า "มันเลิศมากในทุกกรณี" ดิชั้นรู้สึกว่าผิวของดิชั้นเนียนเรียบขึ้น !! ชุ่มชื้นขึ้นชัด ๆ !! และทำให้ครีมกันแดดเนื้อมูสตัวนั้นตกหลุมสิวน้อยลงตั้งแต่วันที่ 2 ที่ 3 ที่เริ่มใช้มา และผิวของดิชั้นไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแต่งหน้า ... ก็สวย !!
ที่สำคัญ ... มาร์กตัวนี้ราคาอยู่ที่แค่ 790 บาทเองค่ะคู๊ณณณณณ !!
ถ้า 1 เดือน มี 30 วัน (ก็ใช่น่ะสิ่) ... ดิชั้นใช้มาร์กนี้วันเว้นวัน ตีว่าดิชั้นมาร์กหน้า 15 วันต่อเดือน ... ประมาณต้นทุนชีวิตเพื่อความสวยของดิชั้นต่อมาร์กครั้งนึงอยู่ที่แค่ครั้งละ 52 บาทและดิชั้นมั่นใจว่ามันไม่ได้หมดในเดือนเดียว ... ราคาถูกไม่ต่างกับ Sheet Mask ที่ขายกันใน Watson และ Boots ... และที่สำคัญ ... มันเห็นผลค่ะ !!
คุณไม่ต้องเชื่อปอล์ก็ได้ ... แต่ปอล์อยากให้คุณเปิดใจ ...สิ่งที่ชอบ
Rejuvenating Sleeping Mask ตัวนี้ ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นกับผิวดิชั้นได้จริง ดังนั้น ...
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ... ผลลัพธ์เหล่านี้เป็นความเห็นส่วนตัวของดิชั้นเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งใด ๆ บนโลกที่เกิดขึ้นมาจะดีจะร้ายมากน้อยเพียงใด ... ดิชั้นบอกไว้คำเดียวว่า "คุณต้องเป็นคนที่ทดลองด้วยตัวเองค่ะ" ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิชั้นก็หวังว่ารีวิวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะเป็นหนึ่งในข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับ "คุณที่อยากลองเปลี่ยน" ค่ะ ... :)
มีรีวิว หรือ How to อะไรเอามาแชร์กัน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ JEBAN COMMUNITY
ได้ง่ายนิดเดียว เริ่มเขียนเลย