รีวิว... ติดใจเซรัมฉ่ำน้ำแบรนด์ไทย

ต้องบอกก่อนเลยว่า ปกติไม่ค่อยได้ใช้พวกครีมบำรุงเท่าไหร่ เคยโดนแฟนบังคับใช้แล้วรู้สึกว่ามันเหนียวเหนอะหนะไปหมดแถมเป็นคนเหงื่อเยอะ เวลาทาครีมมันเลยเป็นคราบขาวๆ เลยเลือกที่จะไม่ทาดีกว่า

แต่สุดท้ายก็มีเหตุการณ์ที่ต้องทำให้เปลี่ยนใจกลับมาทาครีมจนได้ หลังจากที่ไปพักร้อน แบคแพคกับกลุ่มเพื่อนไปพักผ่อนที่ภาคเหนือ และเดินทางออกไปลาว คือขอลุยก่อนจะงานจะเข้า! พอจบทริปกลับบ้านมานี่สิ บอกเลยว่านอกจากความเหนื่อย ความสุข ความสนุกแล้วยังได้บางอย่างติดตามมาด้วย

หน้าไหม้ค่ะ หน้าไหม้! ของฝากที่ไม่อยากได้ และแห้งเป็นขุยๆ แถมพอสังเกตดูดีๆ จากหน้าขาวๆ เปลี่ยนเฉดซะงั้นกลายเป็นเกือบคล้ำซะงั้นค่ะ แถมรู้สึกแสบๆ ตึงๆ เวลาอ้าปากกว้างๆ หรือเวลายิ้มและหัวเราะอีกด้วย เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่า สงสัยคงตากแดดมาเยอะ แถมอากาศก็เย็น มันเลยแสบ ส่วนสิวผดก็คงเกิดจากฝุ่น ด้วยความที่ไม่รู้เร่องเกี่ยวกับการรักษาผิวหน้า เลยใช้โฟมล้างไปเรื่อยๆ คิดว่าหน้าคงดีขึ้นเอง แต่ผ่านไปลายวัน อาการแสบตึงยังอยู่ แถมเป็นรอยย่นๆ อีกด้วย

จากผิวหน้าที่ไม่เคยเป็นอะไรเลยตอนนี้เริ่มเครียดแล้วค่ะ แฟนเลยบอกให้ไปทาครีม เพราะหน้าอาจจะแห้งและผิวอาจจะไหม้ ด้วยความที่กลัวหน้าจะพังไปกว่าเดิม เลยเอาชื่อเซรั่ม กับเจล La Vita ที่แฟนให้ไป Search ก็เลยกล้าที่จะลองใช้เพราะเค้าบอกว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ทำมาจากใบบัวบก แล้วก็มีชื่อของจุฬาฯ รองรับความปลอดภัยด้วย

ครั้งแรกที่ใช้ไม่แสบผิวอย่างที่คิดค่ะ เพราะเป็นเนื้อครีมเจลเหลวๆ พอทาแล้วก็จะซึมรวดเร็วมาก รู้สึกเย็นเย็น ไม่เหนอะหนะเหมือนครีมที่เคยใช้ ก็เลยทั้งเช้าและก่อนนอนเลยค่ะ

1-2 สัปดาห์แรกที่ใช้ อาหารแสบตึง หายไปแล้วค่ะ ริ้วรอยและขุยแห้งก็หายไปด้วย

สัปดาห์ที่ 3ผิวหน้าเริ่มดูมีสุขภาพดีขึ้น เปล่งปลั่ง จนเพื่อนๆ เริ่มทักว่าหน้าดีขึ้นมากไปทำอะไรมา

ตอนนี้ใช้ได้ประมาณ 2 เดือนครึ่งแล้ว ผิวหน้ากลับมาดีเหมือนเดิม ไม่ใช่สิ! เรียกกว่าดีกว่าเดิมเลยดีกว่าคะ นอกจากผิวจะไม่แห้งแสบเหมือนเดิมแล้ว ดูเหมือนจะกระจ่างใส เหมือนจะขาวขึ้นด้วยค่ะ

ปล. บอกเลยว่า ใช้เซรั่มตัวนี้ กับเจล + ครีมกันแดด และดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ได้เข้าคลินิกหรือคอร์สทำหน้าใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ :D