[CR] Review :: มหกรรมรีวิว รองพื้น 14 ตัว ที่เคยใช้ ถูกยันแพง เชิญติดตามค่ะ

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้นุ่มนิ่มจะมารีวิว รองพื้นทั้งหมดที่เราเคยใช้ 14 ตัว มีทั้งถูกและแพงปะปนกันไปนะคะ ก่อนอื่นเลยเราขอแนะนำสภาพผิวหน้าของเราก่อน ผิวหน้าเราเป็นผิวผสม มันช่วง T zone ส่วน U zone จะแห้งนะคะ เนื่องจากผิวขาดน้ำ ช่วงไหนพักผ่อนเยอะ บำรุงจัดเต็มก็ ธ zone จะไม่ค่อยมันมาก แต่ถ้าช่วงไหนพักผ่อน อัดบำรุงกรุบกริบ T zone จะค่อนข้างมันมากค่ะ สภาพริ้วรอยร่องลึกยังไม่มี รอยดำ รอยแดงจากสิว ส่วนใหญ่จะเป็นรอยดำค่ะ มากน้อยแล้วแต่ช่วงสิวบุก แต่ถ้าบำรุงดีก็จะจางไว ต้องบอกสาวๆก่อนเลยค่ะว่า ประสิทธิภาพรองพื้นจะดีขึ้นและเห็นผลตามที่แต่ละ brand เคลมไว้นั้นต้องมาควบคู่กับการบำรุงผิวหน้าที่ดีด้วยนะคะ จะสังเกตได้ชัดว่ารองพื้นจะเกาะผิวหน้าได้ดีขึ้น แต่งหน้าสวยขึ้นจริงๆค่ะ พูดมากไปละๆ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

การรวมตัวกันของรองพื้นที่จะยกขโยงกันมาวันนี้จ้า บางตัวเราต้องขอยืมใช้ภาพจาก internet นะคะ เพราะว่าเพิ่งจะเคลียร์โต๊ะเครื่องแป้งไป ตัวที่ใช้หมดส่วนใหญ่จะโดนทิ้งขวดไปหมดแล้ว T-T

ก่อนจะเริ่มรีวิว เราอธิบายก่อนนะว่าการรีวิวของเราจะ เน้นหัวข้อดังนี้

- ความรู้สึกเมื่อทา เกลี่ยง่าย/ยาก, หนักหน้า/สบายผิว

- Finish look ที่ได้ matte/dewy

- ประสิทธิภาพการปกปิดรอยดำ รอยแดง

- ควบคุมความมัน/กันน้ำ

- สีของรองพื้นระหว่างวัน

- ให้คะแนน คะแนนเต็ม 10

- ซื้อต่อไหม

ทั้งหมดคือความรู้สึกส่วนตัวจากการใช้นะคะ ไม่มีสปอนเซอร์ ควักกระเป๋าเองล้วนๆจ้า และไม่ได้มีอคติกับ brand ไหนเป็นพิเศษนะคะ ผลลัพธ์ที่ได้มากจากการใช้บนสภาพผิวหน้าเราเอง ถ้าสภาพผิวเหมือนกันมีโอกาสได้ผลลัพธ์เหมือนกันค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไง รีวิวนี้อาจเป็นตัวประกอบการตัดสินใจได้ แต่อย่าตัดสินเลยไปเลยถ้ายังไม่ได้ลองนะจ้ะ เอ้าเริ่มมม

1. Revlon Photoready

ตัวนี้เนื้อค่อนข้างเป็น Liquid ในเนื้อรองพื้นจะผสมชิมเมอร์เม็ดเล็กละเอียดๆไว้อยู่ช่วยกระจายแสงและเพิ่มความแววาวให้ใบหน้าค่ะ ชื่อก็บอกว่า photoready ด้วยคุณสมบัติช่วยกระจายแสงจะทำให้หน้าเราผ่องขึ้นกล้อง ถ่ายรูปมาละสวย สำหรับเราเราไม่ได้รู้สึก ว้าว อะไรกับผลลัพธ์จากการถ่ายรูปเท่าไหร่นะ

ความรู้สึกหลังทาลงบนแล้วจะไม่ได้ดู matte นะ ดูฉ่ำเลย เราเป็นสายชอบ ดิวอี้หน่อยๆนะ เกลี่ยง่าย บางเบาระดับนึง แต่ถือว่าเบาสบายใช้ได้ ปกปิดน้อยถึงปานกลาง ต้องใช้ คอนซีลช่วย ควบคุมความมันและกันน้ำได้ระดับนึงเลยแต่ไม่เทพเท่ารุ่นฝาดำ แต่ไม่มันจนเยิ้มและจนเกิดคราบ โดนน้ำสาดช่วงสงกรานต์มีหลุด สำหรับเราถ้าวันปกติสามารถอยู่ได้ทั้งวัน สีมีดรอปบ้าง แต่ไม่ถึงกับราหูอม ดรอปนิดหน่อยเองเรารับได้ สีในรุ่นนี้จะออกเหลืองมากกว่ารุ่นฝาดำ (ฝาดำสีออกชมพู ซึ่งจะพูดในช่วงต่อไป) เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยเกิดอาการเทา ราคาถูก ซึ่งทำให้ตอนนี้ตัวนี้เป็นลูกรักเลย หยิบใช้เพลิน ใช้ไปใช้มาหมดไป 3 ขวดแล้วจ้า ประสิทธิภาพคุ้มราคา ปลื้มมมมมมมม

สรุปข้อดี

1. ถูก

2. คุมมันกันน้ำในระดับที่รับได้ สำหรับคนที่ไม่ต้องตรากตรำอาบเหงื่อต่างน้ำ

3. หน้าฉ่ำ กระจายแสงดูสุขภาพดี

4. มีสีที่ออกไปทาง undertone เหลือง

สรุปข้อเสีย

1. ปกปิดน้อย บางครั้งรอยสิงมาเยือนต้องประโคมคอนซีลหนักหน่อย

ให้คะแนน 10/10 เพราะมันให้ทุกอย่างที่เราอยากได้ ฉ่ำ ไม่มันเยิ้ม คุมมันกันน้ำในระดับที่รับได้ เพราะชีวิตประจำวันเราไม่ได้ตรากตรำตากแดด เหงื่อไหลย้อยอะไรขนาดนั้น และที่สำคัญถูกค่ะ ใช้เพลิน กระเป๋าไม่ฉีก

ซื้อต่อมั้ย อันนี่ซื้อต่อแน่นอนค่ะ ไม่งั้นไม่ใช้ไป 3 ขวดหรอก อิอิ

2. Revlon colorstay ฝาดำในตำนาน

รองพื้นในตำนานเลยค่ะตัวนี้ ทำให้มีความรู้สึกว่าต้องมีในครอบครอง จึงพุ่งตัวไปซื้อแบบไม่ต้องคิดเลยค่ะ

ตัวนี้เป็นรองพื้นเนื้อครีมที่มาในรูปแบบขวดนะคะ บางคนจะคิดว่าเป็นเนื้อ liquid แต่จริงๆเป็นเนื้อครีมน้าาา ข้อดีของเนื้อครีมทั้งหลายคือจะคุมมัน และมีข้อเสียตามมาคือหนักหน้าค่ะ

มาพูดถึงเรื่องความรู้สึกระหว่างหลังจากทา จะรู้สึกว่าเกลี่ยยากนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคนะ เนื้อแห้งเกาะผิวไว ต้องเกลี่ยดีๆนิดนึงเพื่อให้สีสม่ำเสมอค่ะ พอทาเสร็จปุ๊บ ให้ look matte จะรู้สึกหนักหน้ามาก แต่สวยเนียน ปกปิดระดับสูง ถ้ารอยดำสีไม่เข้มจริงไม่ต้องใช้คอนซีลเลย คุมมันกันน้ำระดับเทพ แบบที่ไม่ใช่ว่าคนหน้ามันจะไม่มันเลยนะ มันจะมีน้ำมันซึมออกมา เหงื่อออกก็จะมีเม็ดเหงื่อซึมออกมา แต่ไม่สามารถทำร้ายรองพื้นบนหน้าให้เกิดคราบได้ แค่ใช้ทิชชู่ซับ ก็จบค่ะ ผ่องเด้งเหมือนเดิม

เรื่องสี ข้อเสียของ revlon รุ่นนี้ คือ ไม่มีสี undertone เหลืองที่เป็นเหลืองจริงๆค่ะ สีเกือบทั้งหมดจะอมชมพู ขนาดที่เหลืองที่สุดยังมีติ่งของชมพูเลย ซึ่งผิวสาวไทยส่วนใหญ่เป็น undertone เหลือง เพราะฉะนั้น ระหว่างวันอาจมีสีหมองลงได้ บางคนทาแล้วหน้าเทา ก้อต้องเลือกสีที่ใกล้เคียงผิวที่สุดจะลดเรื่องนี้ได้ แต่ยังไงก็มีเทาบ้างอยู่ดี ยิ่งถ้าคนผิวคล้ำมากๆยังไงก็เทาค่ะ แต่เลี่ยงไม่ได้จริงๆบางงานอย่างรับปริญญาที่หน้าต้องปังทั้งวัน ต้องพึ่งนางเลยค่ะ ถูกและติดทน เด้งเช้าจรดเย็นจริงๆ แต่ต้องล้างหน้าดีๆค่ะไม่งั้น สิวอุดตันมาเยือน

สรุปข้อดี

1.คุมมันกันน้ำดี๊ดี

2.ติดทน ผ่อง เด้ง ทั้งวัน

3. ถูก คุ้มราคา

สรุปข้อเสีย

1. หนักหน้า

2. ไม่เป็นธรรมชาติ ดูหนา

3. สีออกชมพู ทำให้หน้าเทา

ให้คะแนน 9/10 จริงๆตัวนี้เป็นตัวที่เราหยิบมาใช้น้อยมาก เพราะหนักหน้า ถ้าจะใช้เป็นประจำละรู้สึดอึดอัดผิว แต่ให้คะแนนมากเพราะ คุณภาพคุ้มราคามากจริงๆ ช่วยเราได้ในโอกาสที่หน้าต้องเป๊ะปัง ต้องคุมมันกันน้ำระดับสุด

ซื้อต่อมั้ย ซื้อต่อแน่นอน แต่อีกนานเพราะใช้บางโอกาส แต่จำเป็นต้องมีนางติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ค่ะ

3. Giffarine Crystalline Foundation Cream

รองพื้นเนื้อครีมที่มาในรูปแบบหลอดค่ะ

ความรู้สึกเมื่อทา ตัวนี้เกลี่ยง่ายค่ะ เนื้อรองพื้นค่อนข้างลื่นๆ น่าผสม moisturizer เยอะหน่อย ไม่เหมาะกับคนผิวมันค่ะ ทาเสร็จละ matte ได้ซักพัก แล้วก็จะเริ่มฉ่ำๆค่อนไปทางเยิ้มในบริเวณที่หน้ามัน แต่เคยใช้ให้คนผิวแห้งเป็นขุยตัวนี้ใช้โอเคเลยค่ะ สภาพผิวของคนผิวแห้งจะรับกับรองพื้นตัวนี้ได้ดีไม่เป็นขุยและดูชุ่มชื้นค่ะ หนักหน้านิดหน่อย ปกปิดปานกลางถึงมากค่ะ สามารถ layer เพิ่มการปกปิดได้ สีดรอประหว่างวันอยู่พอตัวค่ะ ต้องใช้ที่สว่างกว่าผิว 1 เสต็ป เพื่อเวลามันดรอปลงแล้วจะพอดีผิวหน้าค่ะ สี undertone เหลืองได้ใจมาก เข้ากับสีผิวสาวไทยได้ดีเลย กันน้ำระดับนึงนะแต่เราว่าน้อยค่ะ เหงื่อออกมีเป็นคราบ ยิ่งถ้าหน้ามันนี่หลุดเลยค่ะ จมูกงี้หลุดก่อนเลย

สรุปข้อดี

1. เหมาะกับคนหน้าแห้งแบบเป็นขุย

2. ถูก

3. สี undertone เหลืองเข้ากับสาวไทย

4. ปกปิดดีใช้ได้

สรุปข้อเสีย

1. หาซื้อยากต้องเป็น member

2. คุมมันกันน้ำน้อยมาก

3. สีดรอประหว่างวัน

4. ไม่ติดทน ถ้าช่วงไหนมันมากจะหลุดอย่างไว

ให้คะแนน 4/10 ยังมีคะแนน เพราะถูกและเรายังใช้ประโยชน์จากการเอาไปแต่งหน้าให้เพื่อนที่หน้าแห้งเป็นขุยได้แล้วออกมาสวยด้วยนะ แต่สำหรับสภาพผิวเราเองเราใช้ไม่รอดเลยตัวนี้

ซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อจ้ะ

4. ฺBourjois Healthy mix Foundation

รองพื้นตัวนี้เนื้อกึ่ง Liquid กึ่ง Cream ในความรู้สึกเรานะ ที่ชอบที่สุดของตัวนี้คือกลิ่น หอม ฟิน กลิ่นผลไม้รวม ทาละรู้สึกผ่อนคลาย อิอิ

ความรู้สึกเมื่อทา เกลี่ยง่าย บางเบาไม่หนักหน้า ให้ look dewy ปกปิดร้อยถึงปานกลาง คุมมันกันน้ำได้ไม่ค่อยดี หลายคนใช้แล้วบอกว่าเป็นรองพื้นที่ถูกและดีสมราคา ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบอ่ะ รู้สึกทาแล้วพอตกบ่ายหน้าราหูอมมาก จนเพื่อนทักเลยว่าแกไปทำอะไรมากเหมือนโทรม เหมือนโดนของ คือตอนแรกเราไม่ได้เอะใจว่าเป็นที่รองพื้นนะ ก็ใช้อยู่ซักพัก จนรู้สึกว่าทำไมหน้าไม่ผ่องเลยลองเปลี่ยนรองพื้นดู พอเปลี่ยนปุ๊บเพื่อนทักปั๊บว่าเห้ยหลายวันก่อนไปทำอะไรมา วันนี้คือดูดีขึ้นอ่ะ เพิ่งหายป่วยหรอ คือ รู้ตัวการเลยจ้าาาา แต่พอเราบำรุงหน้าดีๆ วันไหนตื่นเช้ามาแล้วเห้ยหน้าดีเว่อร์ ลองมาใช้ตัวนี้ดู ก็ไม่เลวร้ายเหมือนตอนแรกนะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นอ่ะค่ะ พอตกบ่ายแก่ๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน หลุด เยิ้ม หน้าหมอง งง เราเลยสรุปเอาเองว่าตัวนี้มันเหมาะกับคนที่ผิวดีมากๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอ่ะ ไม่ได้หวังเรื่องช่วยให้ผ่องแต่หวังแค่ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอก็พออะไรแบบนี้ค่ะ ตัวนี้จะหาสีที่เข้ากับสีผิวจริงๆได้ค่อนข้างยากด้วยนะ เพราะมีสีให้เลือกน้อยมากค่ะ

สรุปข้อดี

1. กลิ่นหอมมาก

2. เกลี่ยง่าย บางเบา ฉ่ำ ถ้าคนผิวดีมากเป็นทุนเดิมจะโอเคกับตัวนี้

3. ราคาถูก

สรุปข้อเสีย

1. ไม่คุมมันไม่กันน้ำ

2. สีดรอปลงจนหน้าราหูอม

3. มีสีให้เลือกน้อยมาก

ให้คะแนน 0/10 ดูโหดร้ายอ่ะ แต่สำหรับเรามันไม่รอดจริงๆนะ แล้วไม่ค่อยกล้าเอาไปใช้แต่งให้คนอื่นด้วยอ่ะ

ซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อค่ะ

5. Coffret D'or Silky Lasting Gel Foundation UV

รองพื้นตัวนี้ที่ตัดสินใจซื้อเพราะ BA บอกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ เนื้อเป็นเนื้อเจลช่วยให้เกลี่ยง่าย ลื่น กลืนไปกันผิว เชื่อคนง๊ายง่ายเลยตำกลับมาค่ะ

ความรู้สึกเมื่อทา รู้สึกเกลี่ยง่ายอย่างที่เค้าบอกจริงๆค่ะ เนื้อเจลเด้งดึ๋งๆ แต่เพกเกจจิ้งเป็นประปุก ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเพราะใช้ไม่ค่อยสะดวกเท่าหัวปั๊ม ต้องเอาพายมาตักมันกะปริมาณไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ค่ะ เมื่อทาออกมาแล้วให้ look dewy นะ (บอกแล้วว่าชอบ Dewy อิอิ) ปกปิดปานกลางถึงมาก บางเบามั้ยก็ไม่ค่อยนะ เฉยๆ มันไม่ค่อยสบายผิวเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับหนักหน้าหลังทาเสร็จ แต่พอหน้าเริ่มมันจะเริ่มรู้สึกหนักหน้ามากอ่ะ คุมมันกันน้ำกลางๆค่ะ แต่ถ้าร้อนมากตัวนี้หน้าจะมันเลื่อมชัดเจนเลย แต่ไม่หลุดไม่คราบนะ ใช้ทิชชู่ซับเอาก็เอาอยู่ค่ะ แต่สีดรอปมากเลย บ่ายแก่ๆ หน้าเริ่มหมอง

สรุปข้อดี

1. เกลี่ยง่าย

2. เพกเกจจิ้งน่ารัก

3. ให้ look dewy สุขภาพดีหลังทาเสร็จใหม่ๆ

สรุปข้อเสีย

1. เพกเกจจิ้งใช้ยาก

2. คุมมันกันน้ำไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

3. สีดรอป หน้าหมอง

4. หนักหน้าเมื่อหน้าเริ่มมัน

ให้คะแนน 5/10 ให้กลางๆค่ะ ไม่ถือกับว่าแย่ หากไปงานไม่กี่ชั่วโมง ในห้องแอร์ ก็เป็นตัวเลือกนึงที่หยิบขึ้นมาใช้เหมือนกัน เพราะปกปิดได้ในระดับดี ให้ look dewy สุขภาพดี

ซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อค่ะ

6. Laneige snow BB shooting cushion spf 50+ PA+++

ตัวนี้เป็น BB cushion ตลับแรกและตลับเดี่ยวที่มีตอนนี้ค่ะ แต่กำลังจะมีโครงการถอยของยี่ห้ออื่นมาลองใช้ต่อ

สำหรับตัวนี้อย่างที่รู้กันดีว่าเป็น BB ที่อยู่ในตลับฟองน้ำ ที่ชอบเพราะมันใช้ง่ายมาก สะดวกมาก สามารถทำให้เราลง BB ได้อย่างรวดเร็วทั่วหน้าจริงๆ แค่เอาพัฟของเค้าจุ่มลงไปบนฟองน้ำ แล้วเอามาแตะๆกดๆให้ทั่วหน้าก็สวยได้แล้ว สัมผัสแรกที่ได้คือรู้สึกเย็นสดชื่นผิวหน้ามาก เบาบางสะบายหน้าเพราะมีส่วนประกอบของน้ำค่อนข้างเยอะค่ะ ให้ look ที่ dewy ฉ่ำๆมากกกกกกก ระดับการปกปิดอยู่ที่ระดับน้อยค่ะ ตัวนี้ไม่คุมมันนะค่ะ ประสิทธิภาพการกันน้ำเราว่าก็ค่อยมี เน้นผิวใสสุขภาพดีมากกว่า และเหมาะกับคนที่ผิวสุขภาพดี และสาวหน้าแห้งหรือหน้าไม่มันมากที่ทำงานหรือใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในห้องแอร์ค่ะ สาวผิวมันมากๆถามเราเราไม่ค่อยแนะนำนะคะ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเป็นชอบซับหน้าเติมแป้งบ่อยๆ และไม่ได้ตรากตรำแดดเมืองไทย เพราะเราใช้แล้วบ่ายๆแก่มันมีเยิ้มและเป็นคราบค่ะ นี่ขนาดเราทำงานในห้องแอร์นะ แต่ช่วงเช้าถึงบ่ายอ่อนๆยังสวยฉ่ำดีอยู่ค่ะ

ในเรื่องของสี มีสีให้เลือกน้อยมาก สีจะไปทางโทนคนขาวค่ะ คนผิวคล้ำจะไม่มีสีอ่ะ เราใช้สีคล้ำที่สุดของเค้า ยังขาวอยู่เลย ต้องปรับพวกบรอนเซอร์ทับให้ดูไม่วอก แต่ตัวนี้ดีนะคะสีไม่ดรอป

สรุปข้อดี

1. ใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว

2. สีไม่ดรอป

3. เบา สบายผิวหน้า

สรุปข้อเสีย

1. ไม่คุมมัน ไม่กันน้ำ

2. เป็นคราบ ไม่อยู่กะหน้าทั้งวัน

3. สีมีให้เลือกน้อย คนคล้ำอย่างเราก็จ๋อยไป

ให้คะแนน 3/10 ตัวนี้เราชอบแค่รูปแบบ cushion ค่ะ ที่มันใช้ง่าย เร็ว เราหยิบมาใช้เฉพาะวันหยุดที่ขี้เกียจแต่งหน้า แต่ต้องออกไปนอกบ้านแป๊บๆ ก็หยิบขึ้นมา แตะๆกดๆ ลงแป้งทัน ละก้อออกตัวโลดดด ถ้าให้ใช้ไปทำงาน คงไม่ไหวเดี๋ยวหน้าเป็นคราบ

ซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อค่ะ แต่จะลองซื้อ cushion ของยี่ห้ออื่นมาลอง

7. Kanebo Lunasol Skin Modeling Liquid foundation

Lunasol ยืมรูปจาก internet ค่ะเพราะของเราหมดไปแล้ว ทิ้งขวดไปแล้วด้วย

รองพื้นเนื้อ liquid ค่อนข้างเหลวมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะเค้าเคลมมาว่ามีส่วนประกอบของน้ำกว่า 55% และให้ look ที่ ดิวอี้ๆ หน้าฉ่ำๆ ตอนจะซื้อก็เสพรีวิวมาเยอะค่ะ จนสะกดจิตตัวเองเดินไป counter ตอนเดินไป counter เราชี้รูปพรีเซ็นเตอร์เลยค่ะ พี่คะรองพื้นตัวไหนให้ look แบบนี้ ฮ่าๆ ชอบสายหน้าฉ่ำค่ะ สำหรับความรู้สึกตอนลองทาครั้งแรกที่ counter คือ ชอบเลยค่ะ เพราะเบาสบายผิวหน้าสุดๆ ไม่ได้ถึงกับเหมือนไม่ได้ทารองพื้นนะ ส่วนตัวคิดว่ารองพื้นทุกตัวไม่ว่าบางเบาขนาดไหน ก็ต้องรู้สึกอยู่ดีว่ามีรองพื้นบนหน้า แต่จะเบาสบายต่างกันมากน้อยเท่านั้นเอง ตัวนี้เราว่า อยู่ในขั้นที่เบาสบายค่อนข้างมากค่ะ เกลี่ยง่ายค่ะเพราะเนื้อรองพื้นลื่นๆ เหลวๆ เนื้อโอเคมาก ทาไปตอนแรกๆ จะดู matte ปนฉ่ำ พอซักพักเริ่มเซ็ตตัวน้ำมันบนหน้าเริ่มออกละ มันฉ่ำ สวย แวววาว แบบ ชอบอ่ะ รัก look นี้

การปกปิดปกปิดได้น้อยถึงปานกลางค่ะ ถ้ารอยดำ ไม่มากใช้คอนซีลช่วยเอาค่ะ แต่ถ้ารอยดำเยอะมาก คงต้องขอเลี่ยงไปก่อน

ส่วนเรื่องสีมีสีให้เลือกไม่มาก ไม่น้อยเกินไปค่ะ ระหว่างวันถ้าวันไหนหน้ามันมากเหงื่ออกเยอะจะมีดรอปลงบ้างเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ สำหรับประสิทธิภาพควบคุมความมัน ตัวนี้คุมมันได้ค่อนข้างดีสำหรับรองพื้นสาย dewy ค่ะ แต่ถ้าตากตรำตากแดดเปรี้ยงๆทั้งวัน บ่ายแก่ๆจะเริ่มมีคราบตามร่องข้างจมูก แต่มีแค่นิดเดียวเองค่ะ เราว่าเป็นธรรมดาของรองพื้น look ดิวอี้ที่มีต่อผิวมันนะคะ แต่เราไม่ซีเรียสมากค่ะ ใช้มือกดๆหรือใช้กระดาษทิชชูซับออกเบาๆ ตบแป้งเพิ่มระหว่างวันก็สวยเหมือนเดิมแล้ว แต่ถ้าเป็นคนที่ออกแดดบ้างนิดหน่อย ทำงานในห้องแอร์ส่วนใหญ่ เอาอยู่ค่ะ ถ้าฉ่ำค่อนไปทางมันมากไปก้อซับละเติมแป้งเอาค่ะ ก้อเด้งเหมือนเดิมละ เราเคยทาไปงานรับปริญญาเพื่อนค่ะตั้งแต่เช้า ตากแดดตากฝน เย็นๆก็ซับหน้า เติมแป้งเบาๆ ตกดึกเพื่อนทักค่ะ ว่า เห้ยแก ใช้รองพื้นอะไรอ่ะผิวหน้าสวยเช้า ยันเย็นเลย ปลื้มมมค่ะ

สรุปข้อดี

1. บางเบา สบายผิว

2. เกลี่ยง่าย

3. Finish look ฉ่ำ สวย

4. ทาออกมาแล้วผิวสวยค่ะ

5. คุมมันกันน้ำได้ในระดับที่ดีของรองพื้นสาย dewy

สรุปข้อเสีย

1. สีดรอปบ้างในวันที่ตรากตรำ หน้ามัน เหงื่อออก

2. ปกปิดน้อย สำหรับคนที่สงครามรอยดำเยอะ ต้องการปกปิดจะไม่ค่อยชอบ

ให้คะแนน 9/10 ไม่เต็มเพราะติดตรงที่มีเป็นคราบบ้างถ้าวันไหนหน้ามันมาก แต่ถ้าคนไหนหน้ามันระดับสูงไม่แนะนำค่ะ แต่เรามีมันมากบ้างบางวัน วันไหนบำรุงผิวดี ตื่นมาหน้าเด้งดึ๋ง เราจะหยิบมาใช้ค่ะ เพราะมันสวยมากกกกกก รัก^^

ซื้อต่อมั้ย ซื้อต่อแน่นอนค่ะ เอาไว้ทาวันผิวดี แต่ตอนนี้ยังไม่เงิน มัวแต่ไปตำอย่างอื่น

8. Shu uemura Face Architect smooth fit fluid foundation

รองพื้นเนื้อ Fluid เม็ดสีแน่นค่ะ ตัวนี้จะว่าบางเบาก็ไม่เชิงค่ะ แต่ก็ไม่หนักหน้า ปกปิดระดับกลางถึงมาก สามารถ layer เพิ่มระดับการปกปิดได้ ตัวนี้เม็ดสีแน่นเวลาเราใช้เราจะ บีบออกมา 2 จุด จุดนึงบีบออกมาในปริมาณที่ทาทั่วหน้า อีกจุดก็บีบออกมาจุดเล็กๆ ทิ้งพักไว้ที่หลังมือให้เนื้อหนืดขึ้น จากนั้นก็นำมาใช้แทนคอนซีลบริเวณรอยสิวค่ะ เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่าย ลื่นมือ ให้ look กึ่ง matte กึ่ง dewy การคุมมันทำได้ดีค่ะ แต่ถ้าเจอแดด น้ำมันบนหน้าออกมาเยอะมากๆ ก็มีคราบเหมือนกัน แต่ไม่น่าเกลียด ใช้มือกดๆหรือทิชชู่ซับแล้วตบแป้ง ก็สวยเหมือนเดิมแล้ว แต่จะเริ่มหนักหน้าหากไม่ซับ แต่ถ้าซับความหนักก็จะหายไป ส่วนเรื่องกันน้ำเราว่ากันน้ำได้ดีทีเเดียวเลย เราเคยทาแล้วลงเล่นทะเล มีหลุดออกบ้างเล็กน้อย มีคราบเล้กน้อยแต่พอเอาผ้าซับๆน้ำออก นางยังอยู่นะคะ เลิศอ่ะ เรื่องสีถ้าเจอแดด เจอเหงื่อ เจอความันมากๆก็มีดรอปค่ะ สีก็มีให้เลือกค่อนข้างครอบคลุมนะถึงจะไม่เยอะ แต่ก็พอหาสีที่เข้ากับหน้าได้อยู่

สรุปข้อดี

1. เกลี่ยง่าย

2. เม็ดสีแน่น

3. ปกปิดได้ในระดับที่สูงโดยไม่รู้สึกหนักหน้าเท่าตัวที่ปกปิดสูงตัวอื่นๆ

4. กันน้ำได้ดี

สรุปข้อเสีย

1. ถ้าหน้ามันจะรู้สึกหนัก

2. ถ้าหน้ามันมากสีจะดรอป

3. ถ้าหน้ามันมากเกิดคราบแต่เล็กน้อย

ให้คะแนน 8/10 ประทับที่นางกันน้ำได้ดีค่ะ และปกปิดได้ดีค่ะ ขอตัดคะแนนตรงที่มีรู้สึกหนักหน้าไปหน่อย เราเป็นคนชอบเบาๆค่ะ หนักซักนิดนึงจะเริ่มฉุกคิดละ ฮ่าๆ

ซื้อต่อมั้ย 2 จิต 2 ใจ ค่ะ ถ้ามีเงินมากพอคงซื้อมาไว้ใช้สลับๆกันกับตัวอื่นอยู่เหมือนกัน

9. Lancome maqui blanc miracle

ตอนไปซื้อตัวนี้เราตั้งใจจะไปถอยรุ่น teint แต่พอเราบอก BA ว่าเราอยากได้ที่ปกปิดด้วย เค้าเลยแนะนำตัวนี้มาค่ะบอกว่าปกปิดได้ดีกว่า teint

รุ่นนี้เค้าเคลมมาว่า จะทำให้ผิวหน้าดูสวย สว่างสดใสมีออร่า มาจากภายใน ซึ่งเราคิดว่า เวลาทาไปแล้วผิวดูมีออร่าขึ้นมาจริงๆค่ะ ยิ่งถ้าใช้กับคนที่ไม่มีริ้วรอยหรือรอยแผลเป็นจะยิ่งเสริมให้ผิวดูดีขึ้น ความรู้สึกเมื่อได้ทา ตัวนี้เป็นเนื้อ liquid เหลวๆค่ะ เกลี่ยง่าย เบาบางมาก ระดับการปกปิดถือว่าน้อยค่ะ พยายาม layer ให้ไปถึงระดับกลางแต่มันก็ยังไปไม่ถึงนะ เราว่าตัวนี้เน้นเสริมให้ผิวดูเรียบเนียน สีสม่ำเสมอและดูสวยออร่ามากกว่า อย่างที่บอกว่าถ้าคนผิวดีอยู่แล้วใช้มันจะสวยมาก การคุมมันไม่ค่อยคุมมันนะไม่เป็นคราบแต่หน้าก็จะดูมันๆค่ะ เรื่องสีมีให้เลือกไม่ค่อยครอบคลุมตัวที่เข้มที่สุดของเค้าก็ยังเข้มได้ไม่สุดนะคะ แต่สีเข้าดีตรงที่เนื้อสีดูสวยทุกสี และสีไม่ดรอปค่ะ

สรุปข้อดี

1.บางเบามาก

2.เกลี่ยง่าย

3.ใช้แล้วผิวดูมีออร่า

4. ผลิตภํณฑ์สีสวย ไม่ดรอป

สรุปข้อเสีย

1. ไม่ปกปิด

2. ไม่คุมมัน

3. สีไม่ค่อยครอบคลุมเฉดสีผิว

ให้คะแนน 6/10 ไม่ค่อยตอบโจทยืเราเท่าไหร่ ตรงที่ไม่ปกปิด ไม่คุมมัน แต่ถ้าเราหน้าดีขึ้น รอยสิวไม่มีกลับมาใช้เราอาจจะให้คะแนนนางดีกว่า ตอนตอนนี้เท่านี้ก่อน

ซื้อต่อมั้ย รุ่นนี้ไม่ซื้อค่ะ แต่กำลังจะซื้อ รุ่นใหม่ที่เป็น matte มาลองใช้ดู

10. Nars sheer matte

ตัวนี้ซื้อมาเพราะจริงๆอยากได้ Nars sheer glow แต่ก็กลัวว่ามันจะเอาหน้ามันของเราไม่อยู่ เลยขอเอา sheer matte มาใช้ เผื่อระหว่างวันหน้าเริ่มมันมันอาจจะวาวพอดี เนื้อตัวนี้จะค่อนไปทางเหลวค่ะ แต่มีความหนืดๆหน่อยนึง ทาแล้วจะให้ look matte เกลี่ยง่าย แต่ไม่ถึงกับลื่นมือ เบาสบายหน้าค่ะ คุมมันได้ดีมาก กันน้ำได้ดีเลย ทาไปเล่นสงกรานต์ปีที่แล้วเอาอยู่ แต่ก้อมีหลุด ถือว่าไม่น่าเกลียด ต่อนะๆ พอความมันเริ่มออกมาก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นวาวๆนะ พอซับหน้าก็กลับมา matte เหมือนเดิม เม็ดสีแน่นมาก ให้การปกปิดปานกลางถึงมาก ค่อยๆ layer เพิ่มระดับการปกปิด เราจึงใช้เหมือน shu คือ บีบออกมา 2 จุด ลงทั่วหน้า กับใช้แทนคอนซีล ตัวนี้ไม่มีเป็นคราบเลยค่ะ แต่อย่างที่บอกตอนต้นว่าเราชอบสาย dewy ฉะนั้น เราจึงต้องไปถอย sheer glow ที่โด่งดังมาใช้ซะแล้วค่ะ จริงๆคุณสมบัติเหมือนกัน เพียงต่างกันที่ matte กับ glow ฉะนั้นรายละเอียดอื่นๆ ขอไปลงที่ตัว sheer glow ละกันน้า

ให้คะแนน 10/10

ซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อค่ะ จะซื้อ sheer glow แต่ถ้าใครชอบสายหน้า matte อันนี้เป็นหนึ่งตัวที่ควรรับไว้พิจารณาค่ะ

11. Nars sheer glow

ลูกรักอีกหนึ่งตัวเลยค่ะ เป็นตัวที่หมดแล้วต้องซื้อต่อทันทีตลอด ด้วยราคาที่ไม่แรงมาก ประสิทธิภาพได้ทุกอย่างที่เราอยากได้ เริ่มด้วยตอนไปลองที่ counter เห็นจำนวนสีละชอบเลยมีสีให้เลือกเยอะครอบคลุมทุกเฉดสีผิว เราก้อให้ BA จัดการเลือกให้ ลองให้บนหน้า เป็นรองพื้นที่ค่อนข้างเบา ไม่หนักหน้าค่ะ เกลี่ยง่ายแต่ไม่ถึงกับลื่นมือ พอเค้าเอากระจกให้เราส่องคือแบบ หือ มันสวยอ่ะ เนื้อรองพื้นจะ ปกปิดปานกลางถึงมาก layer เพิ่มได้ เนื้อสีแน่น เราก็ใช้แบบบีบสองจุดใช้ลงแทนคอนซีลไปด้วยเหมือนที่ใช้กับ shu และ รุ่น matte รองพื้นให้ look ผิวดูฉ่ำโกลวกำลังดีเลย ชอบ คือรุ่น matte ก้อชอบแต่รุ่นนี้ชอบกว่า รัก!!! คุมมันได้ดี กันน้ำก็ดีค่ะ โดนน้ำสาด นางก็มีกระเทือนบ้าง แต่พอซับละก็สวย เมื่อผิวเริ่มมัน เราซับออก มันก็ยัง glow อยู่ สีมีดรอประหว่างวันนะคะทั้ง matte และ glow แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ เพราะมันแก้ได้ง่ายด้วยการซื้อสีที่สว่างกว่าผิว 1 เสต็ป ก็จบเรื่องแล้ว เพราะเรารักนาง

สรุปข้อดี

1.เนื้อสีแน่น

2. บางเบา

3. คุมมัน กันน้ำ

4. รุ่น matte ก็ matte จริงๆ รุ่น glow ก็ glow กำลังดี

5. เกลี่ยง่าย

สรุปข้อเสีย

1.สีดรอป

2. ไม่มีหัวปั๊มมาให้ ต้องซื้อแยก

ให้คะแนน 10/10 เพราะรักจึงยอมทุกสิ่ง ฮ่าๆๆ

ซื้อต่อมั้ย ซื้อต่อแน่นอนค่าาาาาาา

12. Makeup forever HD foundation

ด้วยกิติศัพท์อันเลื่องลือ ในด้านการให้ผลลัพธ์ที่ HD ของนาง เราจึงทำการเดินลอยๆไปชี้ที่ counter ว่าอยากได้อันนี้ลองสีให้หน่อยค่ะ ถึงราคาจะแรงเราก็ต้องควักกระเป๋าเอานางมาประดับโต๊ะเครื่องแป้งให้ดูมีระดับ ฮ่าๆๆ เป็นรองพื้นที่มีสีให้เลือกเยอะละลานตามาก ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีสีที่เข้ากับเรา

นางเป็นรองพื้นเนื้อ liquid ที่เกลี่ยง่ายมาก ลื่นมือมาก ปกปิดดีมาก ระดับ HD แต่ถ้ารอยดำมากไม่ได้นะคะ แต่รอยจะจางลงมากต้องคอนซีลช่วยอีกนิด แต่นางบางเบามากแทบจะรู้สึกไม่ต่างจากสกินแคร์ look ที่ได้ไม่รู้จะเรียกว่า matte หรือ dewy เรียกว่ามันเป็นผิวมากกกกกค่ะ เหมือนเป็น second skin คุมมันกันน้ำระดับดีมาก ถ่ายรูปออกมาสวยมากจริงๆ สมชื่อ HD foundation อำพรางรูขุมขนได้ดี สีนี่ไม่มีดรอประหว่างวันนะคะ ครบเครื่องค่ะตัวนี้ แต่ราคาก้อแรง แต่ต้องยอมนางจริงๆค่ะ

ข้อดี

ตามข้างต้นเลยค่ะ พิมพ์ไปเด๋วจะเหมือนอ่านซ้ำ

ข้อเสีย

ข้อเสียเดียวเลย คือ แพง

ให้คะแนน 10/10

ซื้อต่อมั้ย ซื้อค่ะ ตอบดังๆ ฮ่าๆๆๆๆ

13. Diorskin Forever

หลังจากที่มีรายได้เป็นของตัวเองเราก็เริ่มมอง brand ที่ดูหรูหราขึ้นมา เพื่ออยากลองว่า ทำไมมันแพง แล้วมันดียังไง เราก็เลยเลือกมาลอง dior ค่ะ

นางเป็นรองพื้นเนื้อ liquid ที่ค่อนข้างเหลวค่ะBA บอกว่านางมีส่วนผสมของน้ำแร่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยเรื่องลดอักเสบได้ พอได้ละรู้สึกว่าเกลี่ยง่ายมาก ลื่นมือใช้ได้ค่ะ ตัวนี้เราว่าให้ความรู้สึกเหมือนวันสบายๆที่อยากให้หนังหน้าดี ให้ลุกซ์ dewy หน่อยๆ หน่อยเดียว ปกปิดได้น้อยถึงปานกลางค่ะ แต่จะค่อนไปทางน้อย ทาแล้วผิวสม่ำเสมอ ดูมีความวาวที่กำลังดี เหมือนผิวสุขภาพดีตามธรรมชาติ เบาบางสบายหน้ามากค่ะ แต่ไม่คุมมันพอหน้ามันก็มันเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ไม่เกิดคราบนะ เราก็ซับแล้วเติมแป้งเอา แต่ก็ซับบ่อยกว่าตัวอื่นค่ะ ถ้าหน้าไม่มันเราว่าใช้ตัวนี้ผิวสวยเลยหล่ะค่ะ สีของรองพื้นสวยทุกสีค่ะ ออกนวลๆที่จะทำให้อยู่บนหน้าแล้วสวยอ่ะค่ะ ไม่มีการดรอประหว่างวัน

สรุปข้อดี

1.เกลี่ยง่าย

2.เบาสบายผิว

3.สีสวย เนื้อดี

4. ช่วยปรับให้หน้าดูสุขภาพดี

5. สีไม่ดรอประหว่างวัน

ข้อเสีย

1.ราคาแพง

2. ไม่คุมมัน

3. ไม่ปกปิด

ให้คะแนน 5/10 ให้กลางๆ ถามว่าดีมั้ย ถ้าคุณผิวดีมันดีสำหรับคุณ แต่สำหรับเรา ไม่ตอบโจทย์ ไม่ปกปิด ไม่คุมมัน ต้องซับบ่อย แล้วก็แพงค่ะ

ซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อค่ะ อย่างที่บอกไม่ตอบโจทย์แถมราคาแพง

ในที่สุดก็เดินทางกันมาถึงตัวสุดท้ายแล้วค่ะ เอาจริงเราตั้งใจเก็บนางมาเป็นตัวสุดท้ายด้วย เพราะรู้สึก ว้าวว และประทับใจกับประสิทธิภาพของนาง ทั้งๆที่ไม่เคยเสพรีวิวในตัวของนางมาก่อนค่ะ

14. Diorskin Star

ตัวนี้เราว่าเนื้อกึ่งๆครีมกึ่งๆ fluid แต่ไม่หนักหน้าเลย ตอนเราเดินไป counter ไปขอลองเล่นกับรองพื้นของเค้า BA แนะนำว่าตัวนี้เพิ่งออกมาใหม่เลยค่ะน้อง Diorskin star ที่จะทำให้หน้าของน้องสวยทุกสภาวะแสงค่ะ เราก็โอ้โหจริงๆหรอ เค้าก็เลยบอกว่า งั้นพี่ให้ tester น้องไปลองค่ะ ติดใจหรือยังไงค่อยกลับมาสอยได้พี่ไม่ว่า รักเรายังเหมือนเดิม ฮ่าๆ คือนางน่ารักอ่ะ เราเลยโอเคค่ะพี่จัดมาเลย หลังจากใช้ tester หมด ทำยังไงหรอคะ พุ่งตัวไปสอยนางไว้ใช้ส่วนตัวเลย เริ่มเลยนะ

ความรู้สึกเมื่อได้ทา เนื้อค่อนข้างหนืดหน่อยๆ แต่เกลี่ยง่ายไม่ถึงกับลื่นมือ ตัวนี้แห้งค่อนข้างไวค่ะ ถ้าเกลี่ยยังไม่คล่องเราแนะนำเกลี่ยที่ละจุดดีกว่า เราว่าเวลานางแห้งแล้วเกาะผิวเราดีมากเลย รู้สึกบางเบาไม่หนักหนาเลยค่ะ ให้ look matte ปกติเราไม่ชอบหน้า matte แต่เรายอมยกใจให้นางเพราะว่า หน้าผ่องเด้งตั้งแต่เช้ายันมืด สีไม่มีดรอปเลย แล้วก็สวยทุกสภาวะแสงจริงๆค่ะ ไปอยู่ในแสงไหนหน้าก็จะผ่องตามสภาวะแสงนั้น คนรอบข้างถึงกับทักค่ะว่า เห้ย หน้าดีอ่ะ ผ่องมาก ใช้อะไร เราเลยตอบไปแบบภูมิใจว่า diorskin star จ้ะ คุมมันกันน้ำดีมาก ปกปิดปานกลางถึงมาก ซึ่งใช้การ layer เพิ่มระดับเอาค่ะไม่มีโบ๊ะ จริงๆ ปลื้ม รัก ปันใจ ถึงจะแพงเราก็สู้ค่ะ

สรุปข้อดี

1. บางเบามาก

2. ปกปิดดี ไม่ดูหนาโบ๊ะ

3. คุมมันกันน้ำเลิศ

4. สีไม่ดรอป หน้าไม่หมอง

5. ผ่องเด้งเช้าจรดเย็น

6. สวยทุกสภาวะแสง

สรุปข้อเสีย

มีข้อเดียวเลย แพง

ให้คะแนน 10/10 ไม่มีคำบรรยาย อิอิ

ซื้อต่อมั้ย ซื้อต่อแน่นอนค่ะ รักนะจุ๊บๆ

จบไปเรียบร้อยแล้วค่ะกับการรีวิวเป็นมหากาพย์ยืดยาวมาถึง 14 ตัว มีอะไรถามเราทิ้งไว้ได้นะคะ อย่างที่ย้ำไปตอนแรกค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้มาจากการลองบนสภาพผิวของเรา ซึ่งแต่ละคนก็มีสภาพผิวแตกต่างกันออกไป แต่เรายินดีที่จะให้ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของสาวๆค่ะ ยังไงก็จะเข้าไม่เข้ากับเราอันนี้ต้องเกิดจากการไปลองเองนะจ้ะ ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้ค่ะ

สุดท้ายนี้ หากสาวๆท่านไหนมีคำถามสามารถหลังไมค์มาได้นะคะ และเราขอฝากอีกหนึ่งช่องทางการติดต่อไว้สำหรับสาวๆที่รักการแต่งหน้าเผื่ออยากพูดคุยกันค่ะ ^^

https://www.facebook.com/pages/Superb-by-Suphak-Makeup-artist/1463729503866151?fref=ts

Discussion (33)

รองพื้นของBYS ก็ใช้ดีนะค่ะ กันน้ำกันเหงื่อใช้แล้วน่าฉ่ำเฟ้อออ ฟินอ่ะ สีไม่ดรอปด้วย
จัดมาแบบเต็ม ขอบคุณมากจ้า

มันอยู่ที่สภาพผิวด้วยค่ะเราว่า สถาพผิวเหมือนกันบางครั้งให้ผลที่ต่างกัน มันมีปัจจัยอีกหลายๆอย่างเลย ดีดีมากเลยที่สาวๆจะมีความเห็นทีแตกต่างช่วยมาแชร์ ช๊อบชอบ

บางอันที่เราใช้ไม่ได้เป็นอย่าง จขกท ว่าแหะ
Dior star เหมือนกันค่ะทาแล้วแบบเฮ้ยยยเลยค่ะรักแรกพบอีกละ