IPSA ME ตัวต่อตัว 1 คน 1 สูตร
p-pumpui43สวัสดีค่ะ วันนี้ปุ้ยจะมาอัพเดท skincare ตัวใหม่สำหรับผิวหน้า ให้สาวๆ ทุกคนได้ชมกันนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความพิเศษมากๆ ไม่ว่าสาวๆ จะมีผิวแบบไหน หรือกำลังประสบกับปัญหาผิวอย่างไรอยู่ก็ตาม การรีวิวนี้จะสามารถตอบโจทย์ให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปดูกันเลยค่ะ...
ผลิตภัณฑ์ที่วันนี้ปุ้ยจะมาพูดถึงนั่นก็คือ "IPSA metabolizer" ค่ะ
จากที่ได้เกริ่นมาในข้างต้นแล้วว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความพิเศษมากๆ ตรงที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกสภาพผิว นั่นก็เพราะแบรนด์ IPSA เค้ามีเครื่องมือที่เรียกว่า "IPSALYZER" (อิปซ่าไลเซอร์) นั่นเองค่ะ
IPSALYZER คืออะไร ?
IPSALYZER เป็นเครื่องมือที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ผิวหน้าอย่างละเอียด เพื่อบอกถึงข้อมูลของสภาพผิวที่แท้จริง โดยเครื่องมือนี้จะสามารถตรวจวัดลักษณะผิวอย่างล้ำลึกเกินกว่าที่เราจะสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าค่ะ
หน้าตาของเครื่อง IPSALYZER จะเป็นแบบนี้ค่ะ ด้านซ้ายคือเครื่องมือที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ผิวหน้าของเรา ซึ่งจะเชื่อมต่อกับจอแสดงผลทางด้านขวาค่ะ
เมื่อเราทำการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวเสร็จแล้ว ในจอจะแสดงผลการตรวจวัดสภาพผิวดังนี้ค่ะ
กรอบด้านซ้าย ด้านบนจะแสดงภาพเนื้อผิวของเรา และช่องด้านล่างจะแสดงค่าต่างๆ ที่ได้จากการตรวจวัดค่ะ
ซึ่งค่าที่แสดงผลออกมาจะมี 4 อย่าง ดังนี้
1.ระดับความชุ่มชื้น
2.ระดับน้ำมันผิว
3.ความกระชับและยืดหยุ่น
4.ความกระจ่างใส
ส่วนภายใน กรอบด้านขวา จะเปรียบเสมือนกราฟว่าผิวเราจะอยู่ที่จุดใดค่ะ
ซึ่งจะมี 4 ช่อง คือ
I = ผิวมัน
II = ผิวธรรมดา
III = ผิวมันผสม
IV = ผิวแห้ง
ซึ่งในทั้ง 2 กรอบข้างต้น จะเป็นตัวชี้วัดให้เห็นว่าผิวของเรานั้นเป็นแบบไหน และควรใช้ผลิตภัณฑ์สูตรใดที่จะเหมาะสมกับสภาพผิวของเรามากที่สุดค่ะ
ปุ้ยได้มีโอกาสไปทดสอบสภาพผิวที่เคาน์เตอร์ของ IPSA มาค่ะ
พูดเลยว่าทั้งตื่นเต้นและอยากรู้มากๆว่า ผลการวิเคราะห์ผิวจากเครื่อง IPSALYZER นั้นจะออกมาเป็นอย่างไร
มาดูผลลัพธ์ของเครื่อง IPSALYZER กันนะคะ
กรอบด้านซ้ายแสดงระดับความชุ่มชื้นของผิวปุ้ยอยู่ที่ 59 ค่ะ โดยค่ามาตรฐานจะอยู่ที่ 50 ดังนั้นแสดงว่าผิวปุ้ยมีความชุ่มชื้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างโอเคขึ้นมาหน่อยค่ะ
แต่เมื่อลงมาดูที่ระดับน้ำมันผิว จะเห็นว่าน้ำมันจะมีค่าเท่ากับ 9 ซึ่ง IPSA Crew ได้แจ้งว่า หากระดับความชุ่มชื้นอยู่ที่ 59 ระดับน้ำมันผิวนั้นไม่ควรจะเกิน 4 ค่ะ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สมดุล (ไม่ balance) กันนั่นเอง
ส่วนในเรื่องความกระชับ ยืดหยุ่น และความกระจ่างใสนั้น นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ^^
ต่อมา เรามาดูที่ กรอบด้านขวา กันนะคะ จากกราฟจะเห็นว่าลักษณะผิวของปุ้ยจะอยู่ตรงจุดสีแดง ซึ่งก็คือช่อง II นั่นเองค่ะ นั่นก็แสดงว่าปุ้ยเป็นคนที่มีผิวธรรมดา และต้องการคงระดับความชุ่มชื้นไว้ค่ะ
หลังจากที่ทำการตรวจเช็คสภาพผิวเสร็จแล้วก็จะทำให้เรารู้จักกับผิวของตัวเองได้ดีขึ้น และทำให้รู้ว่าควรจะเลือกใช้ครีมบำรุงชนิดใดที่จะเหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเราเองมากที่สุด
หลังจากที่ได้วิเคราะห์สภาพผิวโดยเครื่อง IPSALYZER แล้ว ก็จะทำให้เราได้รู้ว่าสภาพผิวที่แท้จริงของเรานั้นเป็นเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะนำไปสู่การเลือกสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิว "IPSA Metabolizer" ที่เหมาะสมกับผิวของเราค่ะ
IPSA Metabolizer (ME) จะมีทั้งหมด 4 สูตร ได้แก่
และในแต่ละสูตรจะมี เบอร์ ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ดังนี้ค่ะ
แต่ละเบอร์จะมีความแตกต่างกันตรงเนื้อของผลิตภัณฑ์ค่ะ เช่น ถ้าเป็นเบอร์ 1 ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน เนื้อของผลิตภัณฑ์จะไม่ได้อยู่ในรูปแบบครีมที่มีความเข้มข้นสูง แต่จะมาในรูปแบบของน้ำที่จะสามารถซึมซาบเร็ว จึงไม่ทำให้เหนอะหนะผิว และไม่ทำให้หน้ามันนั่นเองค่ะ
*คุณปู IPSA Crew แอบกระซิบมาว่า ไม่ว่าจะเป็นเบอร์อะไร ก็จะมีส่วนผสมของ Algaelumina สารสกัดสาหร่ายน้ำลึก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ IPSA เช่นเดียวกันทุกขวดเลยนะคะ
หลังจากที่เราได้รู้จักกับ IPSA Metabolizer ทั้งหมดกันแล้ว เรามาดูหน้าตาจริงๆ ของเจ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้กันเลยดีกว่าค่ะ
IPSA Metabolizer ของปุ้ยจะเป็นสูตร Miost เบอร์ 1 คือจะช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวข้างใน แต่จะไม่ทำให้ผิวข้างนอกเกิดความมันค่ะ
- ลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์จะมาในรูปแบบของน้ำ เหมาะสมกับสภาพผิว
- บรรจุภัณฑ์เป็นแบบของขวดปั๊ม สะดวกสบายต่อการใช้งาน
- เมื่อทดลองหยดใส่หลังมือจะเห็นได้ว่าเนื้อผลิตภัณฑ์นั้นจะไหลลงในทันที
- และเมื่อลองลูบที่หลังมือดูแล้ว จะพบว่าผลิตภัณฑ์สามารถซึมซาบได้เร็ว และไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ
มาลองดูการเปรียบเทียบระหว่างน้ำเปล่าปกติกับ IPSA Metabolizer กันนะคะ
หยดด้านซ้าย คือน้ำเปล่าปกติ ส่วนหยดด้านขวาคือ IPSA Metabolizer ค่ะ
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทั้ง 2 หยดนั้น จะมีความเหลวพอๆ กัน
ซึ่งก็หมายความว่า ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะได้รับความรู้สึกเบาสบายผิวหน้า และไม่ก่อให้เกิดความมันเหนียวเหนอะหนะนั่นเองค่ะ
วิธีการใช้ IPSA Metabolizer ให้เกิดประสิทธิผลสูงที่สุด เราลงทุนซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีมาแล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุดใช่ไหมคะ
อย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลย ^^ อันดับแรก เรามาดูที่สำลีในมือของเรากันก่อนนะคะ ว่าสำคัญขนาดไหน
จากรูปเราจะเห็นได้ว่าการใช้สำลีในการทาโลชั่นนั้น จะช่วยให้โลชั่นซึมซาบได้เต็มที่และทั่วถึงมากกว่าการใช้มือในการทาค่ะ
เอาล่ะค่ะ เรามาเริ่มวิธีการการใช้ที่ช่วยให้เกิดประสิทธิผล
เต็มความสามารถของผลิตภัณฑ์ได้อย่างสูงสุดกันเลย
เริ่มกันที่ภาพที่ 1 นะคะ
หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อย ให้จับสำลีอย่างถูกต้อง
โดยวางปลายแผ่นสำลีให้ชิดปลายนิ้ว ก่อนพับสำลีรอบนิ้วกลางกับนิ้วนาง
เพื่อให้สำลีสามารถสัมผัสผิวหน้าได้อย่างทั่วถึง
ภาพที่ 2
กดหัวปั๊มขวด 3 ครั้ง ให้ได้ ME ลงบนแผ่นสำลี
ในขณะที่แผ่นสำลีชุ่ม ให้เราเริ่มจากบริเวณที่แห้งก่อน (เช่น แก้ม) เป็นอันดับแรก
ต่อมาลูบจากมุมปากขึ้นไปหาแก้ม และหางตา
ลูบเช็ดให้แผ่นสำลีเลื่อนติดผิว แล้วเคลื่อนไปช้าๆ 3 วินาที
ทำแบบเดียวกันทั้ง 2 ข้าง
ภาพที่ 3
หลังจากนั้น ค่อยๆ เช็ดทั่วทั้งใบหน้า ในลักษณะวนเป็นวง
ภาพที่ 4
สุดท้ายใช้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างแตะเบาๆ เพื่อเกลี่ยผลิตภัณฑ์ให้ซึมซาบ
สำหรับบริเวณที่ขาดความชุ่มชื้น ใช้แผ่นสำลีแผ่นใหม่ กดซ้ำเบาๆ อีกครั้ง ในกรณีที่ใช้ ME เบอร์ 1 ให้แตะเบาๆ แทน
ประสบการณ์การใช้ IPSA Metabolizer
ปุ้ยเชื่อว่าผิวที่ดี จะเริ่มต้นมาจากข้างใน ถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องเหมาะสมกับสภาพผิวที่แท้จริงของเรา ผิวภายในก็น่าจะปรับให้มีสมดุลที่ดี และมีความแข็งแรงมากขึ้น
ปุ้ยคิดว่าการที่เราได้ซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีคุณภาพดี แล้วยังได้รับการตรวจเช็คสภาพผิวอย่างจริงจัง ปุ้ยคิดว่านี่ก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการตัดสินใจที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกทางเลือกหนึ่งเลยก็ว่าได้
ถ้าหากสาวๆ สนใจอยากเข้าไปทดลองสินค้าหรือมีคำถามคาใจ ปุ้ยยินดีที่จะแนะนำว่าให้ลองเข้าไปที่เคาน์เตอร์ได้เลยค่ะ BA แบรนด์นี้อธิบายดี มีคุณภาพ ให้บริการได้น่าประทับใจสุดๆ เลยค่ะ
และนี่ก็คือทั้งหมดที่ปุ้ยนำมาฝากให้กับสาวๆ ทุกคนเกี่ยวกับ IPSA Metabolizer หวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากการรีวิวในครั้งนี้นะคะ
Have a nice day ค่ะ :-)
Discussion (3)