เมื่อต้องเผชิญกับปัญหารอยแผลเป็นคีลอยด์

13 14

ขอเล่าที่มาก่อนนะ...เมื่อต้องผ่าตัดหน้าท้องจากซีสช็อคโกแลต โดยผ่าตัดผ่านหน้าท้อง เหมือนคลอดลูกเลย ทำให้เป็นแผลที่หน้าท้อง (เดี๋ยวนี้เค้ามีแบบเจาะแล้วนะ แผลจะไม่ใหญ่แล้ว)

หลังจากผ่าตัด หมอเปิดแผลให้ดู แผลดีมาก คุณหมอเย็บให้สวยเลย แต่พอแผลหายแล้วนี่สิ...อาการรอยนูนเริ่มมาเยี่ยมเยียน ตอนแรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่เส้นเล็กๆ ปล่อยผ่านไปประมาณ 6-7 เดือน ก็ทายา จำพวกสการ์ต่างๆ ทั้งแบบเจลและครีมก็ไม่ได้ผล จากที่นูนเส้นเล็กๆ ก็ใหญ่ขึ้น ชักทนไม่ไหว ต้องหาทางรักษาอย่างจริงจังแล้ว เลยหาข้อมูลว่ามีวิธีรักษาแผลคีลอยด์แบบไหนบ้าง มีทั้ง ฉีดยา/ ยิงเลเซอร์/ ใช้ซิลิโคนเจล

ซึ่งเราเลือกใช้ซิลิโคนเจล เพราะไม่ต้องไปหาหมอ และไม่อยากเจ็บตัว

เราเลือก Cica-Care (จริงๆ มีหลายยี่ห้อให้เลือกในท้องตลาด) มีหลายขนาดให้เลือก

  • 3x12 cm
  • 6x12 cm
  • 12x15 cm
ของเราเลือกแบบแผ่นใหญ่แล้วมาตัดเป็นเส้นยาว 1 กล่อง ได้หลายเส้นอยู่ (แล้วแต่ความกว้างของแผล) 1 เส้นใช้ได้ ประมาณ 1 เดือน (เราแอบใช้เกินเดือนทุกที เพราะเสียดาย)

จะเป็นแผ่นเจลหนาประมาณ 1.5 มิล จากที่อ่านคุณสมบัติของตัวนี้ที่เป็นซิลิโคน มันจะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น ช่วยให้แผลเป็นแบนราบลง ความนูนลดลง แผลเป็นนุ่มขึ้น และมีสีจางลง

(เค้าเคลมว่างั้น)

อันนี้ที่ถ่ายมาให้ดูคือเอามาใช้กับอีกที่หนึ่ง ซึ่งแผลเล็กกว่า

เวลาใช้ครั้งแรกก็ลอกแผ่นพลาสติกที่รองออก แล้วติดกับแผลได้เลย

แผลที่สามารถใช้ได้ คือแผลที่หายดีแล้ว แห้ง ไม่อักเสบ ไม่มีปากแผลที่เปิดอยู่ และไม่ต้องทายาใดๆ เหมาะกับแผลนูน แดง

ครั้งแรกๆ ที่ติดอาจจะรู้สึกรำคาญ (ข้างกล่างระบุให้ใช้ 12 ชั่วโมงต่อวัน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควร 24 ชั่วโมง) เราเลยใช้ 2 แผ่นสลับกัน เปลี่ยนตอนหลังอาบน้ำ เวลาล้างแผ่นเจลก็ใช้สบู่ที่เราอาบน้ำนั่นแหละล้าง แล้วก็ตากไว้ให้แห้ง (...เวลาตากก็บอกคนในบ้านด้วยนะ เดี๋ยวเค้าไม่รู้จะเก็บไปทิ้งซะนี่...โดนมาแล้ว T_T ) กาวก็จะกลับมาเหนียวเหมือนเดิม ใช้ไปเรื่อยๆ ความเหนียวของกาวก็จะลดลง ก็เปลี่ยนแผ่นใหม่ กว่าที่เราจะได้ภาพ ก่อนและหลังใช้มาให้ดู ต้องทำแบบนี้ทุกวัน ประมาณ 6-7 เดือน (ทำจนเป็นกิจวัตรเคยชิน)

ไปดูภาพกัน อาจจะน่ากลัวหน่อยนะ (ขออภัยหากภาพไม่สุภาพ)

ซึ่งผลที่ได้เราถือว่าพอใจอย่างมาก จากแผลเป็นที่นูน น่ากลัว ก็เรียบขึ้น

อาจจะไม่ได้หายไปเลย แต่ก็ดีขึ้นมาก

อันนี้คือภาพปัจจุบัน ซึ่งไม่ต้องใช้แผ่นเจลแล้ว

ข้อเสีย ของการใช้วิธีนี้

1.ต้องใช้เวลา และความอดทนค่อนข้างสูง

2.ราคาของแผ่นเจล ค่อนข้างแพง (แต่สำหรับเราก็คุ้มค่าอยู่)

3.อาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

เราคิดว่าสภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน การได้ผลลัพธ์ก็อาจจะได้มาก-น้อย ต่างกันไป

การใช้วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่อง คีลอยด์ เราเป็นแค่ 1 คนที่ลองใช้จริงแล้วได้ผล ก็เลยอยากมาแชร์ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ได้บ้าง เท่านั้นเอง

**ยินดีรับ ทุกคำติชม**

!!ขอบคุณค่ะ!!


phatlovely

phatlovely

พนักงาน Office ธรรมดาคนหนึ่ง ที่สนใจอยากดูแลตัวเอง...ขอเข้ามาเป็นสมาชิก Jeban ด้วยคนนะคะ

FULL PROFILE