ทางออก"แสนจนตรอก"สุดท้ายเมื่อผู้ชายบอกเลิก (เตือนสติหญิง) และชาย

1 9
สวัสดีคะ ผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะมาขอใช้พื้นที่แห่งนี้เขียนเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายและเหลือเชื่อให้ทุกท่านอ่าน  ขอให้อ่านให้จบนะ เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงประเภทนี้ก็มีอยู่ในโลก

เรื่องนี้เป็นเรื่องของเรา แฟนเรา(ชื่อแฝง=ผู้ชาย,เขา) และแฟนเก่าของแฟนเราคบกันมา6ปี(ชื่อแฝง=นาง) เรากับผู้ชายแรกๆเริ่มคุยๆกันมาก่อน บ้านเรากับที่ทำงานผู้ชายอยู่ใกล้กันคะ เลยรู้จักกัน เราถามไปแล้วว่า"มีแฟนอยู่หรือเปล่า" ผู้ชาย บอกว่า"เลิกไปแล้ว" โอเค เราผ่านข้อหาการเป็นมือที่สามของชาวบ้าน คุยกันไปเรื่อยๆเราก็รู้เรื่องของนาง เราไม่ได้เปิดตัวว่าเราเป็นแฟนใหม่ของผู้ชายเลยสักนิด เราให้พวกเขาไปเคลียร์กันให้เรียบร้อยก่อนตลอด แต่แล้ววันนึงก็ถึงวันที่เรากับนางต้องเคลียร์กันหน้าต่อหน้า นึกว่าจะจบคะ เพราะผู้ชายก็ยืนยันว่าเขาเลือกเรา แต่เป็นนางที่ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมไปสักที ผู้ชายกับนางเคยเช่าห้องกันอยู่แต่นางไม่ได้อยู่ที่ห้องนั้นแล้วเพราะที่ทำงานนางอยู่ไกล เราเคยบอกให้ผู้ชายย้ายออกมาจากที่นั้นหลายครั้ง แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเวลาจะย้ายห้องมันต้องใช้เงินพอสมควร ก็โอเค ไม่ว่าอะไร เชื่อใจตลอด หลังจากที่เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว นางก็โทรมาไลน์มาหาผู้ชายบ่อยๆ เราก็ไม่ว่าอะไรคะ ไม่เคยว่าอะไรเลย แค่บ่นๆว่า ยังคุยกันอยู่อีกหรอ แต่ไม่เคยไปหาเรื่อง เราคุยไลน์ โทรไลน์กับผู้ชายอยู่ทุกวัน เราถามผู้ชายอยู่บ่อยๆว่า นางยังมาหาอยู่ไหม  ผู้ชายก็ตอบว่า"ไม่มา" และคุยกับเราเหมือนเดิมทุกวัน

สองเดือนผ่านมา จนประมาณต้นเดือนพ.ย. นางโทรมาหาผู้ชายบอกว่า "ท้อง" ตอนนั้นเราอยู่กับผู้ชายด้วยคะ ทุกคนอยู่ในภาวะช็อค ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น เราคิดว่าทำไมมันถึงเพิ่งมาติดตอนนี้ ตอนที่เลิกกันไป โกหกหรือเปล่า เราคิดมาตลอดว่าท้องก่อนมาคบกับเราอายุครรภ์ก็น่าจะได้ประมาณ2เดือน นางถ่ายรูปผลที่ขึ้นสองขีดมาให้ เรากับผู้ชายก็ยังไม่เชื่อ นางวีดีโอคอลไลน์ตรวจปัสสะวะมาให้ แต่ไม่ได้ถ่ายอะไรมาก ถ่ายแต่หน้าตัวเองกับเสียงน้ำกับชักโครก เรากับผู้ชายก็ยังไม่เชื่อและไม่อยากจะเชื่อ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมห่างกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานางก็มาหาผู้ชายมานอนที่ห้องทุกวันไม่ว่าที่ทำงานนางจะไกล ไม่ว่านางจะต้องตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นนางก็ยอม อารมณ์มาเฝ้าผู้ชาย เราก็ไม่ว่าอะไรคะ จะว่าอะไรได้เป็นสิทธิของนาง ผู้ชายกับเราก็ทำใจยากที่ต้องมาเลิกกันทั้งๆที่ยังรักกันอยู่ เราถามผู้ชายบ่อยครั้งว่านางมีอาการคนท้องบ้างไหม นางปัสสะวะบ่อยไหม นางเหนื่อยง่ายไหม อะไรพวกนั้น แต่คำตอบคือ "ไม่นะ"  ถ้าคุณท้องคุณจะบอกพ่อกับแม่คุณไหมละคะ นางคนนี้ไม่บอกคะ โดยให้เหตุผลว่า "ถ้าฉันไม่ได้ท้องจริงๆละ" (อ้าว ยังไง) แต่ไปบอกแม่ของผู้ชายแทน และแล้วความจริงก็เปิดเผย กลายเป็นตลอดเวลาที่ผู้ชายกับเราคบกันมาประมาณสองเดือนนางมานอนกับผู้ชายทุกอาทิตย์ โดยให้เหตุผลว่า"นี้มันก็ห้องของฉันเหมือนกัน" ผู้ชายก็ทำอะไรไม่ได้ แต่นอนเฉยๆนะคะ ผู้ชายก็คุยไลน์กับเราตลอดทุกคืน โดยที่เราไม่รู้อะไร นางพยายามจะมีอะไรกับผู้ชายตลอด แต่ก็ไม่สำเร็จจนมาวันนึง นางก็ใช้ความต้องการทางเพศของผู้ชายเป็นเครื่องมือของนางจนได้ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า (ความเงี่....) แต่มันผิดพลาดตรงที่ ผู้ชายดันไปปล่อยใน เพราะนางบอกว่าปล่อยได้ เดี๋ยวประจำเดือนก็มาแล้ว แต่พอถามไปถามมาอีก บอกว่าประจำเดือนมันเลื่อน อีกทีนึงพูดว่า นับวันผิด อ้าว ตกลงยังไง

เราพอได้รับรู้เรื่องพวกนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงคะ ก็ยิ่งโกรธและบอกให้ผู้ชายไม่ต้องไปรับผิดชอบเพราะพูดถึงความถูกต้องก็ไม่ควรจะมายุ่งกับแฟนคนอื่นแบบนี้ คิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่รู้อะไรเลยหรือ ก็คิดแค้นในใจ ว่าฉันไปทำอะไรให้เธอ ทำไมมาทำแบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตัวผู้ชายเองก็ยอมรับผิดทุกอย่างและเลือกลูกคะ ผู้ชายก็มีความรับผิดชอบ ถึงแม้จะรักกันมากแค่ไหน เขาก็เลือกลูก เราก็เข้าใจคะ แต่เรากับผู้ชายก็ยังทำใจกันไม่ได้ แรกๆยังไปกินข้าวด้วยกันอยู่ ถึงแม้นางจะโทรมาจิกตลอดว่า "ไปกินข้าวกับมันอีกแล้วใช่ไหม" เราก็ไม่อยากปล่อยเขาไป เขาก็ไม่อยากปล่อยเราไป นี้มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่าพวกเขากำลังจะเป็นครอบครัว ผู้ชายเคยถามนางว่า "มีความสุขหรอ ได้ไปแต่ตัว แต่หัวใจไม่ได้ ที่กลับมา ไม่ได้รักเธอนะ กลับมาเพราะลูก"

ผ่านไปประมาณเดือนเกือบสองเดือนหลังจากที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น แรกๆเราก็ยังติดต่อกับผู้ชายอยู่ ผู้ชายก็ยังทำตัวไปๆมาๆ โลเลอยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็เลือกลูกคะ จนหลังๆก็ห่างกันเรื่อยๆคะ เขาก็ยังทักมาเสมอ มาปรึกษา มาระบายว่าไม่ไหวแล้วไม่มีความสุขเลย แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้คะ พูดคำเห็นแก่ตัวไปหลายคำว่าให้หนีออกมาสิ มันไม่ใช้เรื่องบังเอิญหรอก มันเป็นมารยาของผู้หญิงคนนั้นที่จะเอาผู้ชายคืน ในเมื่อหัวใจไม่ได้ไปก็ต้องทำด้วยวิธีนี้ แต่หลังๆเรากับผู้ชายก็ต้องยอมแพ้และก็ไม้ได้ยุ่งอะไรแล้ว น่าสงสารตรงที่ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิต และแล้วสิ่งที่น่าสงสัยทั้งหมดกำลังจะเกิดขึ้นคะ ปากนางบอกว่าฉันรักลูกฉัน อย่ามาเอาเขาไป ลูกของฉัน ฉันเลี้ยงเองได้ กลับมากลับมาด้วยความรักสิ ไม่ใช่ความรับผิดชอบ (แสดงบทนางเอกสุดฤทธิ์) เรากับผู้ชายก็คิดว่า เอิ่ม อ้าว แล้วที่พยายามอยู่ทุกวันนี้ การเอาลูกมาอ้างเมื่อผู้ชายมาหาเรา การมาหามาเฝ้าผู้ชายทุกวันนั้น มันตรงกับคำพูดจากปากของนางบ้างไหม นางก็คงเหนื่อยนะคะเพราะผู้ชายก็ไม่ได้อยากอยู่กับนางเลย ผู้ชายไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ ไม่เคยมีความสุขอีกเลย นางเคยพูดว่าถ้ารักกันมากก็ไป ไม่ได้รั้ง (นางเอกเข้าสิงอีกละ) แต่พอผู้ชายจะไปกลับพูดว่า "แล้วลูกเราละ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะ" ผู้ชายเคยขอให้นางไปตรวจที่รพ.ที่เป็นกลาง นางก็ไม่ยอมคะบอกว่าทำไมไม่ตรวจที่ทำงานนาง (นางทำงานในคลีนิกคะ) นางให้เหตุผลว่า มันมีประวัติ นางไม่อยากมีประวัติ เราก็ "อ้าว แล้วคนท้องต้องฝากครรภ์หนิ ก็ต้องทำประวัติสิ??????" เกิดเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้มากมาย จนวันนึงนางก็จะไปตรวจที่รพ.คะ และพูดว่าขอแค่ไปตรวจแล้วผู้ชายจะทำอะไรก็แล้วแต่ แต่ผู้ชายไม่ได้ไปด้วย ไปตอนตรวจเสร็จแล้ว เพราะอยู่กับเรา ผลที่ออกมาจากปากนางคือ หมอบอกว่ามีสิทธิแท้งสูงเพราะผนังมดลูกบาง เด็กอาจจะเกิดมาไม่แข็งแรง นางบอกว่าหมอบอกว่าถ้าไม่อยากให้เกิดมาไม่แข็งแรงหมอก็มียาให้ (อันนี้เราก็ไม่รู้นะคะ เราไม่รู้เรื่องยาเรื่องอะไรเลยคะ) หมอให้ยาโน้นนี้มากินเยอะแยะตามสไตล์คุณแม่ลูกอ่อน ทั้งยาบำรุงเลือดเอยอะไรเอย มีการมาบ่นกับผู้ชายว่า นอนไม่หลับเลย (คนท้องนี้นอนเป็นว่าเล่นไม่ใช่หรอคะ?) ผู้ชายบอกว่า "ก็กินยานอนหลับสิ" นางบอก "แกอยากให้เค้าแท้งใช่ไหม กินยานอนหลับ" อ้าว ผู้ชายเงิบเลยคะ เพราะเขาไม่รู้มาก่อน นางหลุดเองซะงั้น


พอประมาณเดือนมกราคมผู้ชายก็เริ่มตะหงิดๆใจคะ เพราะว่านางไม่กินข้าวไม่กินอะไรเลย ยาที่หมอให้ก็ไม่กิน กินอยู่มื้อเดียวพอเป็นพิธี นอนก็ดึก เขาก็สงสัยนะคะว่าแม่ที่กำลังจะมีลูก แม่ที่บอกว่าอยากมีลูก รักลูกมากนั้น ไม่ได้บำรุงและดูแลตัวเองอะไรเลย ไหนบอกว่ารักลูก แต่ดูที่ทำตัวเองสิ แล้วทำไมยังไม่ไปฝากครรภ์ ก็ตอบไม่ได้ ในSocial mediaของนางมีแต่ กินอะไรไม่ลงเลย นอนก็ไม่หลับ มีแค่คนทักว่าผอมลง ผู้ชายแอบเข้าไปดูในเฟสนางคะ ในแชตเฟสบุคนางคุยกับชาวบ้านมีแต่ "ไม่กินข้าวเย็นคะ ลดความอ้วน" (อ้าว คนท้องไม่กินข้าวหรอ? คนท้องผอมลงหรอ? คืออะไรคะ?) แต่ผู้ชายก็ยังไม่พูดอะไรได้แต่มาปรึกษาเรา เราก็บอกไปแค่ว่า "ดูไปก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปพูดอะไร" นางถึงขนาดส่งรูปอัลตร้าซาวด์มาให้ดู (นางใช้ iphone5 นะคะ แต่ทำไมรูปไม่ชัดเลย?) พร้อมพูดว่า "หมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดี" (อ้าว ตอนแรกบอกผนังมดลูกบาง เด็กอาจจะไม่แข็งแรง เอ๊ะ ยังไง) และแล้วเมื่อต้นเดือนกุมภาผู้ชายก็ตัดสินใจแยกตัวออกมาบอกว่าขออยู่คนเดียว มาเช่าห้องอยู่แถวที่ทำงานคะ นางก็ทำเป็นจะมานอนด้วยบ่อยครั้ง โทรมาถามว่า"อยู่คนเดียวหรือเปล่า มัน(ตัวเรา)รู้เรื่องที่ย้ายไหม" ผู้ชายประมาณว่ามั่นใจแล้วว่านางไม่ท้องจริงๆ ตอนแรกๆก็ไม่บอกนางคะ บอกว่าให้นางเงียบไปเอง เราก็โมโห "ถ้ามันจะเงียบนะ มันเงียบไปนานละ ไม่มานอนด้วยทุกอาทิตย์แบบนั้นหรอก"


สุดท้ายเมื่อนางรู้ความจริงว่าผู้ชายไม่เชื่ออะไรนางอีกแล้ว ผู้ชายรู้ว่านางไม่มีลูก ผู้ชายออกมาจากห้องเดิมนั้นแล้ว นางก็แชตเฟสมา บอกผู้ชายว่า "ช่วยตรวจเลือดให้หน่อย หมอบอกให้เจาะ2คน เพราะฉันไม่แข็งแรง(หึ ก็แน่สิ กินอะไรบ้างละ) หมอให้พ่อเจาะด้วย ถ้าพ่อเป็นเหมือนแม่ จะได้ไม่เอาไว้" (ไหนตอนเอารูปอัลตร้าซาวด์มา หมอบอกเด็กแข็งแรงดีวะ!!) "จะตรวจว่าเป็นทารัสหรือเปล่า เพราะถ้าเป็น2คนมันเสียงต่อเด็ก ไม่เชื่อแกก็ลองไปอ่านในเน็ตละกันนะ ว่าถ้ามีลูกจะต้องทำอะไรบ้าง" (อืม แน่นอนว่าอย่างแรก คุณแม่จะต้องดูแลตัวเองให้ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ใช่ลดความอ้วนนะ) นางอัพรูปลง IGนาง เป็นรูปยานอนหลับพร้อมแคปชั่นว่า "แค่2เม็ดนี้คงจะทำให้เราหลับสักทีนะ ไม่อยากเพิ่มยาแรงกว่านี้แล้ว" (อ้าว แล้วลูกละ?) และมีการอัพรูปฉีดยาปฏิชีวนะเข้าเส้นเลือดตัวเองอีก (อ้าว แล้วลูกละ ไม่ต้องเอาเลือดไปเลี้ยงหรอ?) เราก็ไปค้นข้อมูลในเน็ตมาเหมือนกันคะว่ายาอะไรที่เป็นอัตราต่อทารกในครรภ์ ยาสองประเภทนี้เป็นอัตรายต่อเด็กทั้งนั้น


ล่าสุดเมื่อวานซืนเห็นเงียบไป ท้องก็ยังไม่ป่อง เราเลยถามไปว่า นี้เทอ เด็กตายแล้วหรอ ตามประสา cat fight นะคะ นางตอบมาว่า "ตายตามพ่อมันไปแล้ว" (แลดูรักลูกเนอะ) แต่ก็อยากจะรู้ว่า สุดท้ายแล้วเกิดอะไรกับเด็กกันแน่ พอโดนยิงคำถามใส่ไปว่า เด็กไปไหนแล้วละ เด็กคงตายไปตั้งแต่เดือนสองเดือนแรกแล้วใช่ไหม มีการเอารูปอัลตร้าซาวด์มาให้ดู แต่ว่าทำไมไม่ถ่ายเต็มใบละ ทำไมไม่ถ่ายชื่อโรงพยาบาลกับชื่อแม่มาด้วยละ ถ่ายมาแต่หน้าเด็ก ไปเอาลูกใครมาหรอ นางก็เงิบคะ นางก็หลุดตอบมาว่าเอาออกแล้ว การเอาออกแล้วนี้ถ้าไม่ได้ส่งผลเสียต่อแม่หรือตัวเด็กก็ผิดกฎหมายสิคะ หมอที่ไหนเอาออกให้คะ มีหลักฐานหรือเปล่า ใบเสร็จหรือยา? โรงพยาบาล? เราคิดว่านางคงเจอทางตัน เพราะว่า ถ้าเป็นผู้หญิงเรา ต่อให้ต้องเอาลูกออก ก็ต้องบอกคนเป็นพ่อให้รับรู้ ที่เงียบไปคงเพราะไม่อยากโดนคำถามพวกนี้มากกว่านะคะ พอเราถามไป คำตอบที่ได้กลับมามีแต่ ปัดไปเรื่องอื่น เสื อกอะไร แล้วยังไง มาๆๆๆๆ ต่อๆๆๆๆ มันๆๆๆๆ  เราลืมหมดแล้วอะ (มันลืมได้ด้วยหรอคะ?) แล้วยังไงหรอ อิๆๆๆ แล้วไง เสื อกไรหรอ (อารมณ์แบบตอบไม่ได้หรือเปล่าคะ)


ถ้าคุณรักลูกคุณจริง 1.คุณต้องดูแลตัวเอง 2.ทานอาหารที่มีประโยชน์ 3.ทานยาตามที่หมอสั่ง 4.ไม่ลดความอ้วนช่วงตั้งครรภ์ 5.ไม่กินยาอะไรก็แล้วแต่ที่เสี่ยงต่อทารกในครรภ์ 6.คุณแม่มือใหม่นี้ต้องนอนเป็นหมีเลยใช่ไหมคะ แต่ทำไมนางนอนไม่หลับละคะ

เราอยากจะถามความเห็นของผู้อ่านทุกท่านว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเรื่องตั้งใจ เพราะแต่ละอย่างที่นางกระทำและคำพูดไม่เคยสอนคล้องกันเลย ทั้งๆทีปากบอกว่ารักลูก แต่ไม่เคยทำอะไรที่คนเป็นแม่ควรทำ กลับทำร้ายเด็กด้วยซ้ำ

นี้คือเรื่องของเราคะ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล ที่นำมาเผยแพร่นี้เพราะอยากจะเอาไว้เตือนสติผู้หญิงที่ผิดหวังกับความรัก อะไรที่ไม่ใช่ของๆเราก็ไม่ใช่ของๆเรา อย่าพยายามเกินเหตุเพราะมันอาจจะส่งผลร้ายต่อบุคคลบริสุทธิ์และบุคคลรอบข้าง



สุดท้ายอยากจะขอฝากผู้หญิงทุกคนนะคะ เรื่องการทำแท้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน สังคมเราเป็นสังคมพุทธ กรรมนี้มันบาปมากๆ ขอให้ใช้สติ ไม่ใช่มารยานะคะ อย่าเอาลูกของตัวเองมาเป็นเครื่องมือผูกมัดผู้ชาย เพราะอาวุธที่คุณหยิบขึ้นมาเขาบริสุทธิ์คะ เขาไม่รู้เรื่องอะไร เขาไม่รู้ว่าแม่ของเขาทำอะไรกับเขาบ้าง

ขอให้วิญญาณเด็กทารกไปสู่สุขติ อย่าได้เจอเรื่องร้ายๆกับแม่ร้ายๆแบบนี้อีก
 
 

เพิ่มเติม
ในความคิด จขกท มันผิดทั้งสองฝ่ายคะ
1.ผิดที่ผู้ชายไม่ยับยั้งชั่งใจ อันนี้ต้องขอถามผู้ชายด้วยกันว่า คุณทนได้แค่ไหนที่มีแฟนเก่ามานอนด้วยหลายวันในอาทิตย์โดยอ้างว่า"นี้ก็ห้องของฉันเหมือนกัน"และพยายามยามอยากจะมีอะไรด้วยตลอด2เดือน แต่ถ้าเขารักเราจริงเขาคงไม่ทำนะคะ
2.นางเอาลูกมาผูกมัดผู้ชาย ทั้งๆทีเด็กไม่ได้ทำอะไรผิด ลองคิดเสียว่าถ้าเด็กคนนั้นเกิดมาจริงๆ จะตั้งคำถามกับพ่อแม่ว่าอะไรในเมื่อพ่อไม่ได้รักแม่ แต่ในเคสนี้คือ นางไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ทารกในครรภ์เลย แถมยังทำตัวแบบที่คนเป็นแม่ไม่ควรทำ ปากบอกว่าอยากมีลูกแต่ไม่กินข้าวไม่กินยาและลดความอ้วน กินยาฉีดยาทีคนเป็นแม่ไม่ควรทำ ถ้ามันเป็นเรื่องบังเอิญคุณแม่ดูแลตัวเอง เราจะไม่ว่าอะไรเลยคะ
3.เมื่อเร็วๆพอเราถามถึงเด็กกลับตอบไม่ได้ ตอบได้แค่"ตายตามพ่อมันไปแล้ว" "เอาออกแล้ว" แต่เราถามไปว่าเอาออกยังไงในเมื่อตอนเอารูปอัลตร้าซาวด์มาให้ดูบอกว่าเด็กแข็งแรงดี เดี๋ยวอ่อนแอเดี๋ยวแข็งแรง มันไม่น่าสงสัยหรอคะ รูปอัลตร้าซาวด์ก็ไม่ถ่ายมาแบบเต็มไป พอถามไปก็ตอบไม่ได้ แถไปเรื่องอื่น
4.ถ้าเป็นผู้หญิงอย่างเราๆ การทำแท้งการเอาออก ยังไงก็ต้องบอกให้พ่อมันรู้ใช้ไหมคะ แต่นี้เงียบไปเลย เราคิดว่าคงไม่อยากโดนยิงคำถามพวกนี้ใส่และไม่รู้จะพูดยังไง เราคิดว่าเด็กคงไม่อยู่ตั้งแต่เดือนสองเดือนแรกแล้วละคะ
 
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบคะ ;(

 


nhonnnji

nhonnnji

IG : nhonbellewi

FULL PROFILE