[รีวิวครั้งแรก] รองพื้น ysl vs. chanel vs. shu uemura

16 7

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน
นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของเรานะคะ

หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่า


ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า
ผิวหน้าโดยรวมของเราค่อนข้างดีในระดับหนึ่งค่ะ
มีปัญหาคือช่วงทีโซนจะมัน ตรงแก้มแห้ง
แต่ก็ไม่ค่อยมีสิวเพราะกินยาค่ะ
สิวก็จะขึ้นช่วงมีประจำเดือนบ้าง พอหมดช่วงก็จะหายไป



เอาล่ะค่ะ
หลังจากที่แนะนำตัวไปเล็กน้อยเกี่ยวกับสภาพผิว
เข้าเรื่องเลยละกันนะคะ

วันนี้เราจะมารีวิวรองพื้นตัวที่เราใช้ค่ะ
มี 3 ตัว ได้แก่
1. YSL le teint touche éclat #B20
2. CHANEL perfection lumière #10 beige
3. SHU UEMURA face architect #565 medium light sand+

ทุกตัวมี SPF ค่ะ แต่น้อยมาก เพราะฉะนั้นอย่าหวังพึ่งรองพื้นอย่างเดียวนะคะ
สาวๆต้องทาครีมกันแดดด้วย ^^

ตัวแรกที่จะรีวิวคือ

YSL le teint touche éclat #B20

ตัวนี้ญาติเราซื้อมาให้จากอังกฤษค่ะ
ราคาถูกกว่าเค้าเตอร์ไทยเกือบครึ่งนึง
เพราะฉะนั้น ใช้ทิ้งๆขว้างๆได้ค่ะ
เย้ยยย ไม่ใช่ละ 555555

สำหรับการปกปิดนะคะ
ตัวนี้ไม่ช่วยในเรื่องการปกปิดอย่างใดค่ะ
อาจจะช่วยนิสสสสนึง แบบว่านิดมากๆเลย
ตัวนี้เหมาะกับสาวที่สภาพผิวดีอยู่แล้ว
แต้มคอนซีลเลอร์สำหรับรอยสิวนิดหน่อย
เพอร์เฟคค่ะ ^_____^




เทียบให้ดูการปกปิดค่ะ โดยสังเกตจากเส้นเลือดตรงแขนนะคะ
จะเห็นได้ว่า
การปกปิดนั้นได้เพียงระดับหนึ่งค่ะ

แต่ถ้าหากสาวๆไม่เน้นการปิดปิด
และอยากให้หน้าใสฉ่ำโกลวแล้วล่ะก็ ... ตัวนี้คือคำตอบเลยค่ะ
เพราะจะทำให้หน้าไบร์ทตลอดทั้งวัน
เราเคยใช้ตัวนี้ ออกจากบ้านตั้งแต่ 8-9 โมง กลับมาตอนตี 1-2 ยังปิ๊งเหมือนเดิมค่ะ
แต่ก็อาจมีซับหน้าระหว่างวันบ้าง
เพราะอย่างที่บอกค่ะ ผิวเรามันช่วงทีโซน

ตัวนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ
ตอนแรกเราไม่ชอบเลย
แต่ใช้ไปซักพักก็ชินค่ะ หอมดีนะ : )

ในเรื่องของความชุ่มชื้น
ตัวนี้เนื้อเหลวมาก เพราะฉะนั้นจึงมีความชุ่มชื้นระดับนึง
แต่ยังไงก็ควรลงมอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนลงตัวนี้นะคะ


ปกติเราจะใช้ตัวนี้สำหรับวันไปเรียนค่ะ
​สบายผิวมาก 
ลงด้วยนิวมือนี่แหละค่ะ
ปั๊มลงหลังมือก่อน แล้วทาตามใจชอบเลยค่ะ
ปั๊มเดียวเหลือเฟือมาก
ทาได้ถึงคอเลย
แต่ว่าถ้าสาวๆคนไหนถนัดใช้แปรงต้องระวังหน่อยนะคะ
เราเคยกดใส่หลังมือแล้วใช้แปรงทา
ใช้ตั้ง 4 ปั๊ม !!!!! ถึงจะทั่วหน้า
แต่ถ้าแต้มไว้บนหน้าก่อนแล้วเอาแปรงวนทีหลัง
แบบนี้เริ่ดค่ะ : D




ตัวที่ 2 CHANEL perfection lumière #10 beige

สำหรับการออกงานแล้วล่ะก็ ... ต้องตัวนี้เลยค่ะ
การปกปิด ดีเยี่ยมจริงๆ
ลงซ้ำตรงจุดที่ต้องการปกปิดได้เลย ไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์



จะสังเกตได้นะคะ ว่าการปกปิดนั้นเริ่ดกว่าตัว YSL เป็นไหนๆ

แต่ข้อเสียคือ
การลงด้วยนิ้วมือนั้นทำได้ยากมากๆค่ะ
แค่พอเราทาลงบนหน้าปุ๊บ มันจะแห้งไปเลย
แทบไม่มีโอกาสให้เราได้เกลี่ย
ตอนแรกเราก็ถอดใจกับตัวนี้เหมือนกันค่ะ
แต่พอลองกับแปรงปุ๊บ
กลายเป็นลูกรักเลยค่ะ ^^
วิธีที่เราใช้คือ ปั๊มลงหลังมือ 2 ปั๊ม
แล้วค่อยเอาแปรงมาจุ่ม แล้วทาบนใบหน้าค่ะ
อาจจะมีรายละเอียดเล็กๆที่แปรงลงรองพื้นเก็บไม่หมด
ก็ใช้นิ้วตบๆลงไปค่ะ

เรื่องให้ความชุ่มชื้น ตัวนี้ไม่มีเลยค่ะ
เพราะอย่างที่บอกคือ ลงปุ๊บก็แทบจะแห้งไปเลย
เพราะฉะนั้น ต้องลงมอยเจอร์ไรเซอร์หนักหน่อยค่ะ
และยอมรับค่ะว่าเนื้อตัวนี้ค่อนข้างหนักหน้า
เพราะฉะนั้น สำหรับวันสบายๆ ไม่แนะนำค่ะ

ตัวนี้ก็จะมีกลิ่นหอมเช่นกันค่ะ
คนที่ไม่ใช้น้ำหอม อาจจะไม่ชอบนะคะ

เรื่องควบคุมความมัน ตัวนี้ใกล้เคียง YSL ค่ะ
อาจจะดีกว่านิดนึง
แต่เราก็ยังต้องซับช่วงทีโซนอยู่ดีค่ะ



 

ตัวที่ 3 SHU UEMURA face architect #565 medium light sand+

บอกก่อนเลยว่าตัวนี้สีเข้มไปสำหรับเราค่ะ
เลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่
เรื่องความปกปิด อยู่ในระดับเดียวกับ chanel ค่ะ








เทียบการปกปิดระหว่าง CHANEL กับ SHU UEMURA นะคะ
แทบจะไม่ต่างกันเลย


การเกลี่ยก็เช่นเดียวกันกับ CHANEL ค่ะ
ตัวนี้จะแห้งไวมาก
ไม่ควรใช้นิ้วมือค่ะ

วิธีที่แนะนำคือ ปั๊มลงบนหลังมือแล้วใช้แปรงทาค่ะ
หรือจะแต้มลงใบหน้าก่อนแล้วค่อยใช้แปรงวนก็พอไหวค่ะ
เพราะไม่แห้งเร็วเท่า CHANEL

เรื่องควบคุมความมันนั้น
ตัวนี้เหมือนจะเอาอยู่ที่สุดค่ะ
ด้วยความที่เป็นรองพื้นตัวเก่งของ SHU ไม่ทำให้เสียใจแน่นอนค่ะ


ทั้ง 3 ตัวสีไม่ดรอปสำหรับเรานะคะ
YSL ยิ่งอยู่ๆไปยิ่งโกลวขึ้นด้วย
ผิวเหงื่ออกจะสวยมากๆเลย ^^
แต่สำหรับ CHANEL เพื่อนเราใช้แล้วสีดรอปจ้า ก็ต้องแล้วแต่คนเนอะ


สุดท้าย ไม่ว่าจะยังไง สาวๆก็ควรจะไปลองเล่นที่เค้าเตอร์ด้วยตัวเองนะคะ
จะได้รู้ว่าเหมาะกับสภาพผิวของเราเองรึเปล่า
ขอบคุณสำหรับการติดตามชมนะคะ ^^

เราก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ละกันนะคะ
เพื่อนๆคนไหนมีข้อมูลก็เอามาแบ่งปันกันได้นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
: D


 


 

 


girl's bestfriend

girl's bestfriend

FULL PROFILE