Review - All Naked (1-3) Palettes (Review, Swatches, Mini-How to, and Comparison)

51 21

 

     พูดเลยว่ารีวิวนี้เป็นรีวิวที่กรี๊ดสุดๆ มันเป็นการรวมตัวของสิ่งที่ปอเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะกรี๊ดเหมือนกับปอ นั่นก็คือ "Urban Decay all Naked Palettes" คือตอนแรกได้Naked3 ที่เพิ่งออกใหม่มา กะจะรีวิวตัวเดียว แต่คิดไปคิดมา ปอก็ยังไม่เคยทำรีวิวของ Naked1และ Naked2 เลย ก็เลยใช้โอกาสนี้มารีวิวทีเดียวทั้ง 3 ตัวเลยแล้วกัน

 

     การรีวิวของปอจะเริ่มจากการรีวิวทีละพาเลต ซึ่งแต่ละพาเลต ปอจะมีการทำ Swatch สีทั้งกับแสงนีออนและแสงธรรมชาติ พร้อมทั้งมีลุคแต่งตาง่ายๆ มาฝาก พูดง่ายๆ ก็คือ "1 How to ต่อ 1 Palette" เพิ่มความเก๋ให้กับการรีวิวด้วย

 

     ท้ายที่สุดหลังจากที่รีวิวแยกแต่ละพาเลตจบแล้ว ปอจะทำการเปรียบเทียบสีเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทั้ง 3 พาเลตให้ดูด้วย รวมทั้งบอกความคิดเห็นของตัวปอ และคำแนะนำในการเลือกซื้อ เผื่อจะเป็นแนวทางให้คนที่กำลังตัดสินใจ (ปล. ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล คำแนะนำของปอเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการใช้ตัดสินใจเท่านั้น)

 

NAKED1 Palette (The Original Palette)

 


 

      พาเลตนี้ออกมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 หรือค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นที่ฮือฮากันมาก และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่รู้จักรู้จักแบรนด์ Urban Decay พาเลตนี้จะมาในแพกเกจทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำตาล บุด้วยกำมะหยี่ดูดีมีสกุล แต่ว่าดึงดูดฝุ่นให้มาเกาะเป็นอย่างมาก 

 


 

     ตัวเคสบุกำมะหยี่จะวางมาในถาดพลาสติกบุกำมะหยีบางๆ สีน้ำเงิน ซึ่งจะมีช่องใส่ Urban Decay Eyeshadow Primer Potion ขนาดสำหรับการเดินทาง (0.13 fl. oz.) มาให้ด้วย

 


 

     เปิดดูข้างในกันดีกว่า ด้านในจะประกอบด้วยอายแชโดว์ทั้งหมด 12 สี ซึ่ง Naked1 จะเป็นโทนสี "น้ำตาลทองแดง (Bronze-Hued Neutrals)" ไล่ตั้งแต่สีอ่อน จนถึงสีเข้ม มีทั้งเนื้อ Matte, Satin, Shimmering ไปจนถึง Glittering และมาพร้อมกับแปรงลงอายแชโดว์อีก 1 ด้าม (แรกๆ ที่ออกมาจะเป็น Urban Decay 24/7 Glide-On Eye Pencil แต่ตอนหลังได้เปลี่ยนมาเป็นแปรงอย่างที่เห็นแทน 

 

Swatches

 


 

     ในพาเลตจะประกอบด้วย

  • Virgin เป็นสีขาวอ่อน เนื้อซาติน ผสมชิมเมอร์เล็กน้อย เป็นสีสว่างที่เหมาะกับการใช้ไฮไลเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับพาเลตนี้ สีนี้จะเป็นตัวไฮไลโหนกคิ้ว และสามารถใช้ลงบริเวณหัวตาให้ดูสว่างขึ้นได้ด้วย
  • Sin จะมีความเป็นชิมเมอร์อยู่พอสมควร เป็นสีชมพูแชมเปญ (สีนี้เป็นสี Permanent ของทางแบรนด์ สามารถซื้อแยกต่างหากได้)
  • Naked เป็นสีน้ำตาลอ่อน เนื้อแมตต์สนิท สีค่อนข้างอ่อนมากๆ เนื้อจะคล้ายๆ กับเนื้อชอล์กแต่ไม่เป็นฝุ่นซะทีเดียว
  • Sidecar เป็นเนื้อชิมเมอร์ สีจะออกเป็นสีทองแดงอ่อนๆ ที่ค่อนข้างจะออกเป็นโทนแดงนิดๆ ด้วยซ้ำ 
  • Buck เป็นอายแชโดว์เนื้อแมตต์เช่นกัน เป็นสีน้ำตาลเบจที่เข้มกว่า Naked ประมาณ 1-2 เฉด เป็นสีที่ปอชอบมากๆ 
  • Half Baked เป็นสีน้ำตาลทองแดง จะออกทองๆ เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ดูเป็นสีทองซะทีเดียว เป็นเนื้อ Frost-Metallic ที่ดูวิ๊งมากๆ (สีนี้เป็นสี Permanent ของทางแบรนด์ สามารถซื้อแยกต่างหากได้)
  • Smog เป็นสีน้ำตาลสัมฤทธิ์ที่เข้มระดับหนึ่ง เนื้อเป็นเนื้อ Frost (สีนี้เป็นสี Permanent ของทางแบรนด์ สามารถซื้อแยกต่างหากได้)
  • Darkhorse เป็นสีน้ำตาลช็อคโกแลตเข้มที่มีชิมเมอร์สีน้ำตาลทองแดงผสมอยู่เล็กน้อย
  • Toasted เป็นสีน้ำตาลอมชมพูเข้ม เนื้อชิมเมอร์ (สีนี้เป็นสี Permanent ของทางแบรนด์ สามารถซื้อแยกต่างหากได้)
  • Hustle เป็นสีน้ำตาลช็อคโกแลตเหลือบสีพลัมที่มีชิมเมอร์ผสมอยู่นิดหน่อย
  • Creep เป็นสีที่เข้มที่สุดในพาเลต จะเป็นสีดำที่ดูไม่ดำ จะออกดำเหลือบน้ำเงิน เหลือบม่วงนิดหน่อย ไม่ใช่สีแมตต์เพราะมีชิมเมอร์สีเงินและสีเขียวหัวเป็ดผสมอยู่ (ทางแบรนด์บอกว่ามีชิมเมอร์สีทองผสมด้วย แต่ตัวปอมองว่ามันออกเขียวๆ ม่วงๆ มากกว่า)
  • Gunmetal สีนี้อธิบายยากมาก มันออกเป็นสีน้ำเงินอ่อนๆ แต่ก็ออกเป็นสีเทาๆ เหมือนกัน มีชิมเมอร์สีเงินๆ ดูเป็นเนื้อ Metallic มากๆ (สีนี้เป็นสี Permanent ของทางแบรนด์ สามารถซื้อแยกต่างหากได้)

    สำหรับปอ สีใน Naked1 เป็นสีทั่วๆ ไป ที่ใช้ง่ายได้ง่าย และสามารถแต่ได้ทุกโอกาส เนื้ออายแชโดว์ดี สีคมชัด เม็ดสีแน่น สามารถครีเอทลุคได้ทั้งลุคแมตต์และลูกคชิมเมอร์ 

 

Mini-How to for NAKED1 

 

      ลุคสำหรับงานรับปริญญา หรืองานทางการที่ต้องดูเรียบร้อย

 


 

  1. ลง UD Eyeshadow Primer Potion ที่เปลือกตาปริมาณเล็กน้อย แล้วรอให้เซ็ตตัว
  2. ใช้สี Buck ลงให้ทั่วเปลือกตาบน
  3. จากนั้นใช้สี Smog ลงเป็น Shape ที่บริเวณหางตา จะลงเป็น V-Shape หรือไม่ก็ได้
  4. แล้วใช้สี Darkhorse ลงเพิ่มความคมชัดของรูปตาตามที่ลงไว้
  5. บริเวณหัวตาใช้สี Sin เพื่อเพิ่มความสว่าง ทำให้ตาดูมีประกายมากขึ้น
  6. จากนั้นใช้นิ้วแตะสี Half Baked ลงที่บริเวณกึ่งกลางเปลือกตา และบริเวณขอบตาล่างตั้งแต่กึ่งกลางตาดำจนถึงหัวตา ให้ต่อกันกับสี Sin แล้วใช้สี Dark Horse ลงขอบตาล่างบริเวณหางตา
  7. กรีดอายไลเนอร์สีดำชิดโคนขนตา ดัดขนตาและปัดมาสคาร่า จากนั้นใช้สี Virgin ไฮไลบริเวณโหนกคิ้วเพื่อให้เกิดระยะห่างระหว่างสีตากับคิ้วที่ชัดเจนขึ้น
  8. ฟินนน!!! 

     เท่านี้ก็ได้ลุคง่ายๆ ที่ดูเรียบร้อยและเป็นสีที่ไม่มีทางตาย น้ำตาลทองที่สามารถแต่งได้ตลอด เติมปากด้วยสีแดงอ่อนๆ เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ววว ^^

 

.....................

 

NAKED2 Palette

 


 

     หลังจากที่ปล่อย Naked1 มาตีตลาดได้อย่างถล่มถลาย เจ้าตัวนี้ก็ถูกปล่อยออกมาเช่นกัน มาในชื่อเดียวกัน แต่หน้าตาของพาเลตดูเปลี่ยนไป ดูแข็งแรงขึ้น เนื่องจากทำด้วยวัสดุที่เป็นโลหะแข็ง แล้วมีตัวล็อคไม่ให้เปิดได้เอง สำหรับปอแพกเกจดูดีกว่า Naked1 นะ เป็นสีออกเทาๆ มีตัวหนังสือนูนขึ้นมา เก๋อ่ะ!

 


 

     ตัวเคสวางมาบนกล่องกระดาษแข็งที่ดูแข็งแรงกว่าพลาสติกของ Naked1 มาพร้อมกับลิปกลอสไซส์ทดลองชื่อสีว่า Naked จะเป็นชมพูอ่อนดูเป็นธรรมชาติ มีชิมเมอร์สีขาวผสมอยู่ พอใช้จะรู้สึกเย็นๆ และมีกลิ่นของมิ้นต์

 


 

     Naked2 จะประกอบด้วยอายแชโดว์ทั้งหมด 12 สีเช่นกัน ซึ่งมาในโทน "สีน้ำตาลเทา (Taupe-Hued Neutrals)" มีเนื้อหลากหลายชนิดเช่นกัน และมีแปรงมาให้ 1 ด้าม มีหัวแปรง 2 แบบ นั่นคือ Good Karma Brush (หัวแบน) และ Crease Brush (หัวกลม) ซึ่งเป็นหัวแปรงไซส์เดียวกับแปรง Full Size รวมทั้งขนแปรงด้วย

 

Swatches

 


 

     เปิดพาเลตมาจะประกอบด้วย

  • Foxy เป็นสีเบจอ่อนๆ เนื้อแมตต์ สามาถใช้เป็นสีไฮไลคิ้วได้สำหรับคนที่ผิวเข้มหน่อย
  • Half Baked เป็นสีเดียวกับใน Naked1 เลย ย้อนกลับไปอ่านด้านบนได้ (:
  • Bootycall เป็นสีขาวนวลๆ อมสีพีชนิดๆ เป็นเนื้อ Frost เป็นสีใหม่ที่เพิ่งมีในพาเลตนี้
  • Chopper สีเดียวกับชื่อเลย จะออกเป็นสีแดงอมส้ม มีชิมเมอร์สีทองแดงผสมอยู่ ระวังเรื่องของการ Fall Out ของสีนี้นิดหน่อย แต่ถือว่าเป็นอีกสีที่สวย (สีนี้เป็นสี Permanent ของทางแบรนด์ สามารถซื้อแยกต่างหากได้)
  • Tease เป็นสีน้ำตาลอมม่วง หม่นๆ ออกคล้ายๆ สีกะปิ (ในความรู้สึกปอ) เนื้อแมตต์ สีเก๋อยู่นะ เนื้อสีแน่น แต่งลุคที่ดู Drama ได้สบาย
  • Snakebite เป็นสีบรอนซ์เข้ม มีชิมเมอร์สีทองหม่นๆ ที่ดูเป็นประกาย สีใกล้เคียงกับสี Smog แต่จะเป็นสีที่ดูอบอุ่นกว่า และใกล้เคียงกับสี Darkhorse แต่ไม่เข้มเท่า (ทั้งสองสีจาก Naked1) เนื้อสีแน่นมากๆ
  • Suspect เป็นสีชมพูแชมเปญอมน้ำตาลบรอนซ์ๆ เนื้อเมทัลลิก เนื้อค่อนข้างเป็นฝุ่น ต้องระวังการ Fall Out
  • Pistol เป็นสีเทาหม่นๆ เหลือบน้ำตาล คล้ายๆ กับสี Taupe ของ MAC แต่จะออกน้ำตาลมากกว่า และเป็นเนื้อ Frost 
  • Verve เป็นสีเทาอ่อนที่ออกสีชมพูผสมอยู่นิดหน่อย เนื้อเป็นประกาย โดดใจจอยมาก!!
  • YDK สีคล้ายๆ กับสี Chopper แต่จะเข้มและออกน้ำตาลกว่า 
  • Busted มันจะออกเป็นสีน้ำตาลเข้ม สไตล์สีเบอร์กันดี (Burgundy) เนื้อ Frost 
  • Blackout สีดำสนิท เนื้อแมตต์ (สำหรับปอ เวลาใช้งานเนื้อสีมันดูไม่ค่อยแน่นเท่าไร)

     มีหลายสีที่เป็นสีใหม่ และสีส่วนใหญ่คล้ายกับ Naked1 แต่จะมีสีที่เป็นเนื้อแมตต์มากกว่า และมีสีไฮไลที่เป็นเนื้อแมตต์ รวมทั้งสีดำคลาสสิกที่เป็นเนื้อแมตต์เช่นกัน

 

Mini-How to for NAKED2

 

    Let's party!! ไปปาร์ตี้ด้วยดวงตาเฉียวคม เซ็กซี่กันเถอะทุกโคนนนนนนนน ><

 


 

  1. ลง UD Eyeshadow Primer Potion ที่เปลือกตาปริมาณเล็กน้อยเช่นเดิม แล้วรอให้ผลิตภัณฑ์เซ็ตตัว
  2. เริ่มด้วยการใช้สี Verve ลงทีบริเวณหัวตา งานฟาดหัวตาต้องมา!
  3. จากนั้นใช้สี Tease ที่ปอเรียกมันว่าสีกะปิ ลงให้ทั่วทั้งเปลือกตาในส่วนที่เหลือ
  4. ใช้สี Chopper ผสมกับ Half Baked ลงที่บริเวณกึ่งกลางเปลือกตา แล้วเบลนสีให้เข้ากับสี Verve ด้านหัวตา
  5. สร้าง Shape หางตาด้วยสี Busted โดยที่สามารถเลือกสร้างรูปทรงที่หางตาได้ตามต้องการ แล้วแต่รูปตาของแต่ละบุคคล เกลี่ยสีให้ถึงประมาณกลางตา ให้ดูเบลอไปกับสีอื่นๆ ด้วย
  6. ย้ำความคมชัดของ Shape หางตาด้วยการใช้สีดำเนื้อแมตต์ในพาเลต นั่นคือสี Blackout เบลนซ้ำที่ Shape ที่สร้างไว้ตอนแรก 
  7. กรีดอายไลเนอร์ตวัดหางเฉียวๆ ตามรูปอายแชโดว์ที่ลงไว้ รวมถึงตัวตาให้เขียนให้หัวตาดูจิกนิดหนึ่ง
  8. ใช้สี Bootycall เป็นสีไฮไลโหนกคิ้ว ถ้าใครผิวเข้มหน่อยใช้สี Foxy จะสวยกว่า
  9. ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า ใครใคร่จะติดขนตาด้วยก็ไม่ว่ากัน แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยยย

     ที่ปอเลือกลงสีชิมเมอร์ๆ ทั้งที่หัวตาและกลางตา เพราะมันจะได้เล่นกับแสง ทำให้ดวงตาดูน่าสนใจมากขึ้น แต่เดิมปอเป็นคนที่หัวตาจิกลงอยู่แล้ว ยิ่งเขียนไลเนอร์ยิ่งดูตาจิกเข้าไปอีก แต่ชอบนะ สวยๆ เลิศๆ ไป 55+

 

.....................

 

NAKED3 Palette

 


 

     หลังจากที่ Naked2 ออกมา ทาง UD ก็ออก Naked Basic ออกมาด้วย ปอก็นึกว่ามันคงหมดพาเลตตระกูล Naked แล้ว แต่ที่ไหนได้ อยู่ๆ กลับมาเจ้าตัวนี้โผล่ออกมา ซึ่งเป็นที่กรี๊ดกร๊าด และยอดสั่งซื้อถล่มทลายมาก จนทำให้ในช่วงแรกที่ออกมานี่ Out of Stock ไปถึง 2 รอบ 

 


 

     ตัวเคสลักษณะคล้ายกับ Naked2 โดยทำจากโลหะเช่นกัน แต่จะเป็นคลื่นๆ ไม่เรียบ สี Pink Gold หรือ Rose Gold แล้วแต่จะเรียก สำหรับปอ รู้สึกว่าด้านข้างเวลาเปิดพาเลต จะดูแข็งแรงกว่า Naked2 ที่เวลาใช้งานแล้วพับไปนานๆ ข้างหลังมันจะหัก ตัวนี้ไม่มีที่วางมาแล้วนะ แต่จะใส่มาในกล่องกระดาษที่ดูแสนธรรมดา ที่ในกล่องจะมี UD Eyeshadow Primer Potion ขนาดทดลองทั้ง 4 สูตร บรรจุมาในซองเล็กๆ ให้ด้วย

 


 

     แท่น แทน แท๊นนน เปิดพาเลตมาก็มีอายแชโดว์ 12 สีเช่นเดิม ช่องเท่าเดิม ปริมาณเท่ากันกับ Naked1-2 นั่นคือ 0.05 oz. โดยอายแชโดว์ในพาเลตนี้จะมาในโทน "สีน้ำตาลชมพู (Rose-Hued Neutrals)" และมีแปรง 2 หัวมาให้ 1 ด้าม ซึ่งประกอบด้วย Good Karma Brush เหมือนกับ Naked2 และ Blending Brush ที่รูปร่างลักษณะคล้ายกับ MAC 217 Blending Brush มากๆ การใช้งานก็คงเหมือนกันคงสามารถใช้ลงสีอายแชโดว์โดยการแพคสีได้ และก็สามารถเบลนสีได้ด้วยเช่นกัน และหัวแปรงก็เป็น Full Size Brush เช่นเดียวกับ Naked2

 

Swatches

 


 

     ในพาเลตประกอบด้วยสีหวานๆ ดังนี้

  • Strange สีชมพูอ่อนดูธรรมชาติ เนื้อแมตต์ เป็นสีไฮไลที่สวยดีนะ เนื้อสีจะเป็นฝุ่นมาก ถ้าใช้เยอะเกินไป ฉะนั้นใช้แต่น้อยก็พอ
  • Dust เป็นสีที่ปอชอบที่สุดในพาเลตเลยก็ว่าได้ สีจะเป็นสีชมพูอ่อนเมทัลลิก เนื้อชิมเมอร์ที่จะเป็นประกายวิ๊งมากๆ คือเทียบกับพวก Eye Liner สีเงินเมทัลลิกได้เลย เลิศมาก พูดเลย!! ที่วิ๊งมากๆ เพราะมี Micro-Glitter สีขาวและสีทองผสมอยู่ในเนื้ออายแชโดว์ด้วย แต่ปัญหาคือเนื้อค่อนข้างเป็นฝุ่นและกลิตเตอร์มาก ทำให้ร่วงได้ง่ายมากๆ 
  • Burnout เป็นสีชมพูพีชเนื้อมุกๆ เงาๆ สีน่ารักมากๆ และเนื้อไม่เป็นฝุ่นด้วย 
  • Limit เป็นสีชมพูอมม่วงนิดๆ สีชมพูโทนเย็น เนื้อแมตต์ เนื้อสีแน่น เกลี่ยง่าย แต่เป็นมีความเป็นฝุ่นเล็กๆ เหมือนกัน
  • Buzz เอาจริงๆ สีนี้เป็นสีที่ชอบที่สุด ตั้งแต่เห็นพาเลต ก่อนที่จะได้ของจริงมาครอบครอง ถึงได้เปลี่ยนใจไปชอบสี Dust มันเด่นตรงสีอ่ะ สีชมพูกลีบกุหลาบที่เป็นประกายแบบเมทัลลิกจัดๆ บวกกับชิมเมอร์สีเงินเข้าไปอีก งานวิบวับมาเต็ม! 
  • Trick มองเผินๆ ดูเหมือนสีทองทั่วไป แต่ดูดีๆ มันจะออกเป็นสีทองแดงอมชมพูมากกว่า เนื้อชิมเมอร์นะ ที่ทำให้ดูเหมือนสีทอง เพราะมีกลิตเตอร์สีทองผสมอยู่ สำหรับปอรู้สึกว่าสีมันสวย แต่เวลาใช้งานสีมันไม่ค่อยติดเท่าไรอ่ะ เวลาลงที่เปลือกตาสีค่อนข้างอ่อนมากๆ 
  • Nooner เป็นสีน้ำตาลอมชมพู ที่จะออกชมพูมากหน่อย เนื้อแมตต์ เนื้อสีแน่น สีชัดและไม่ค่อยเป็นฝุ่น เหมาะสำหรับการคัดเบ้าแบบที่ไม่มีประกาย
  • Liar มันจะออกสีน้ำตาลอมม่วงอมเทา บอกไม่ถูก เนื้อเป็นประกาบเกือบจะเป็นเนื้อเมทัลลิก 
  • Factory เป็นสีน้ำตาลอมชมพูเหมือนกับ Nooner แต่จะออกน้ำตาลแดงมากกว่า และเป็นเนื้อ Satin คือเงาๆ มันๆ
  • Mugshot เป็นสี Taupe เข้มออกสีชมพูเบาๆ เนื้อเมทัลลิก 
  • Darkside เป็นสี Taupe อมม่วง ที่จะออกม่วงหน่อย เนื้อมุก 
  • Blackheart สีที่เข้มที่สุดในพาเลต เป็นสีดำฟุ้ง มี Micro-Glitter สีแดงทับทิมผสมอยู่ ทำให้สีดำดูซอฟต์ลง และหวานขึ้น เป็นอีกสีที่ปอชอบเป็นการส่วนตัว

     สีในพาเลตนี้หวานมากๆ ปอบอกเลย แทบทุกสีจะออกสีชมพูหมดเลย แต่ก็แต่งง่ายอยู่นะ ลุคหวานๆ แต่ก็สามารถทำให้ดูเซ็กซี่ได้ด้วยสีเข้มๆ ในพาเลต ถ้าคนที่ชอบแต่งหน้าหวานๆ น่าจะชอบกัน

 

Mini-How to for NAKED3

 

    อุ๊ยตาย ว๊ายกรี๊ด!!! ไม่คิดว่าตัวเองจะแต่งลุคหวานแหววแบบนี้ได้นะ 555+ ไม่ยากๆ ลองทำตามกันดู 

 

  1. ลง UD Eyeshadow Primer Potion ที่เปลือกตาปริมาณเล็กน้อยเหมือนเช่นเดิม แล้วรอให้ผลิตภัณฑ์เซ็ตตัว
  2. ใช้นิ้วลงสี Buzz ให้ทั่วเปลือกตา เหมือนเป็นพื้นสี
  3. ฟาดหัวตาและขอบตาล่างให้วิบวับแบบสุดๆ ด้วยสี Dust 
  4. สร้างเงาของเบ้าตาขึ้นมาโดยการใช้สี Nooner (ปอเป็นคนตาบวม แต่งออกมาเลยไม่เห็นเบ้าตา แต่ถ้าใครเป็นคนมีเบ้า คัดแล้วจะเห็นเบ้าชัดเจน)
  5. สร้าง Shape หางตาให้คมชัดด้วยสี Factory 
  6. ลงสีดำ Blackheart ทับลงไปบริเวณหางตาและชิดโคนขนตา แล้วเกลี่ยให้ฟุ้งๆ ทำตาดูคงชัดมากยิ่งขึ้น เพิ่มความเซ็กซี่ให้กับดวงตาเล็กน้อย 
  7. ใช้แปรงแพคสี Trick ลงไปที่กึ่งกลางเปลือกตานิดหน่อย 
  8. ขอบตาล่างใช้สี Factory ลงให้บาลานซ์กับเปลือกตาบน แล้วใช้สี Blackheart ลงเบาๆ ที่ขอบตาล่างบริเวณหางตา
  9. ไฮไลโหนกคิ้วด้วยสี Strange แล้วกรีดอายไลเนอร์เส้นเรียวบาง ชิดโคนขนตาให้มากที่สุด ไม่ต้องวิงหางใดๆ ทั้งสิ้น (หรือใครใคร่จะใช้ไลเนอร์ดินสอเขียนเอาก็ได้ ก็จะดูซอฟต์ลง) ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า เท่านี้ก็พอ ถ้าจะติดขนตาก็ขอให้ติดแค่แบบธรรมชาติก็น่าจะเพียงพอแล้ว

     ปอเชื่อว่าหลายคนสนใจงานผิวมากกว่า งานฉ่ำโบ๊ะในลุคนี้มากกว่า แถมให้เล็กน้อยสำหรับ Base Makeup ปอเริ่มต้นด้วยการใช้รองพื้น DiorSkin Forever แล้วลงฐานแก้มด้วย Nars The Multiple สี Orgasm แล้วไฮไลเพิ่มระดับความโกว์ลด้วย Benefit Sun Beam ไม่มีการลงคอนซีลเลอร์ใดๆ ทั้งสิ้น แล้วลงแป้งฝุ่นบางๆ แล้วปัดแก้มทับด้วยสีชมพู อย่าง Sleek Powder Blush สี Flamingo ประมาณนี้ เลยออกมาเป็นลุคที่หวานมาก จนตัวเองยังแทบไม่เชื่อรูปที่ถ่ายออกมา (รูปนี้เป็นรูปเดียวที่ถ่ายกับแสงธรรมชาติ ไม่มีการใช้แสงช่วยนอกจากแฟลชกล้อง)

 

Fin!!! จบแล้วสำหรับการรีวิวแต่ละพาเลต 

 

....................

 

Comparison!!!

 

     มาถึงการเปรียบเทียบทั้ง 3 พาเลตล่ะ

 



 

 

     ในเรื่องของแพกเกจ มันเหมือนกัน จะมี Naked1 ที่แตกต่างไปจาก Naked2-3 แต่ในด้านความหรูหรา ทั้ง 3 พาเลตมีเหมือนกัน 555+

 



 

 

     ในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ ปอไม่ค่อยโอเคกับ Naked3 นะ ดูยังไงไม่รู้ มันยิ่งทำให้ก๊อปง่ายมากขึ้นอ่ะ เพราะกล่องมันเป็นกล่องกระดาษมาตั้งแต่ต้น แต่ในมุมกลับกันอาจจะทำให้ประหยับทรัพยากรและประหยัดพื้นที่มั้ง ส่วนของที่ให้มาพร้อมกับพาเลต Naked3 ก็ดูยังไงไม่รู้ Eyeshadow Primer Potion ที่มาแบบเป็นซองๆ ดูไม่ค่อยมีราคาเท่าไรเลย แต่ตัวแปรงของทั้ง 3 พาเลตปอชอบนะ ใช้งานได้ดีเลย โดยเฉพาะแปรง Blending Brush ของ Naked3 เกลี่ยสีได้ดีมาก

 



 

 

     ในเรื่องของเนื้ออายแชโดว์นั้นมาในปริมาณเท่ากันอยู่แล้วไม่มีปัญหา แต่เรื่องเฉดสีนี่แหละที่ทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกพาเลตไหนดี หรือควรจะซื้อมันเอาให้หมด ลองดูก่อน เดี๋ยวจะมาสรุปให้ตอนท้ายอีกที

 



 

 

     ดูกันชัดๆ เทียบกันทั้ง 3 พาเลตไปเลย!!! สังเกตได้ว่า Naked1 กับ Naked2 มีสีที่คล้ายๆ และใกล้เคียงกันมาก คือทั้งคู่ยังคงความเป็นสีน้ำตาลไว้สูงทั้งคู่ แม้ว่าจะเป็นน้ำตาลคนละโทนก็ตาม แล้วยังมีสีซ้ำกันอีกต่างหาก ซึ่งต่างจาก Naked3 โดยสิ้นเชิง ที่ถ่ายในไฟเดียวกัน พร้อมๆ กัน สีกลับดูแตกต่างออกไปเลย Naked3 จะออกเป็นสีชมพู อุ่นๆ ชัดเจนมาก สีหวานมากๆ เลย 

 

     ปอเปรียบเทียบสีที่ใกล้เคียงกันจากทั้ง 3 พาเลตมาด้วย ลองดูกัน (:

 


 

 

สีที่อ่อนที่สุดของแต่ละพาเลต สีสำหรับการไฮไล



 

 

สีเนื้อมุกในโทนสีชมพู เพิ่มความวิ๊งให้ดวงตา

 



 

สีแมตต์ในโทนสีน้ำตาล ทั้งน้ำตาลแดง, น้ำตาลเทา และน้ำตาลชมพู

 



 

สีในโทนสีทองแดงและมีสีทองแดงเป็นส่วนประกอบ

 



 

สีเข้มในแต่ละพาเลตที่ส่วนมากจะใช้สร้างรูปตาหรือคัดเบ้า

 


 

 

สีดำของแต่ละพาเลต

 

สรุปและคำแนะนำ

 

     ส่วนตัวปอชอบ Naked1 Palette มากที่สุด เพราะสีใช้ง่ายและครอบคลุมการแต่งหน้าได้หลากหลายแบบตั้งแต่แต่งหน้าเหมือนไม่แต่ง (Make up no makeup look) ไปจนถึงลุคปาร์ตี้แซ่บเว่อร์ ก็ทำได้ ต่อมา Naked2 Palette สีมันค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ Naked1 มาก แต่ความรู้สึกส่วนตัวรู้สึกว่าเนื้อสีมันไม่แน่นเท่า Naked1 และ Naked3 มันค่อนข้างจะเป็นฝุ่นมากเกินไป และอย่างสีดำ ที่เวลาใช้งานควรดำสนิท มันกลับไม่ค่อยดำเท่าที่ควร ส่วน Naked3 นั้น สีหวานฉ่ำมาก อย่างที่เห็นคือแทบทุกสีเป็นสีชมพูหรือมีสีชมพูผสมอยู่ทั้งหมด แต่ดูเป็นสีสุภาพนะ แล้วก็เป็นสีที่สามารถใช้แบบ Single Color ได้ คือใช้สีเดียวแต่ง ก็สามารถ Finish Look ได้

 

      ถ้าให้แนะนำว่าควรเลือกซื้อพาเลตไหน สำหรับคนที่ยังไม่มีเลยสักพาเลต แน่นอนว่าปอแนะนำ Naked1 มากที่สุด อย่างที่บอกคือสีมันใช้ง่าย และครอบคลุมแทบทุกลุค อยู่ที่ว่าใครจะเลือกแต่งแบบไหน แถมสีก็เป็นสีที่แต่งแล้วไม่ค่อยพลาด แต่งแล้วไม่ตาย แต่แล้วไม่โป๊ะ หรือถ้าคิดว่าโทนสีนี้เยอะแล้วจะเลือกเป็นโทนสีหวานๆ อย่าง Naked3 ก็ใช้ได้ง่ายเหมือนกัน แต่ถ้าใครมีพาเลตใดพาเลตหนึ่งแล้ว เช่น ถ้ามี Naked 1 แล้วปอไม่แนะนำให้ซื้อ Naked2 ในทำนองเดียวกัน ใครที่มี Naked2 แล้ว ก็ไม่ต้องซื้อ Naked1 เพราะการใช้งานมันจะใกล้เคียงกันมาก รวมทั้งโทนสีด้วย มันจะไม่ค่อยหลากหลายเท่าไร แต่สำหรับ Naked3 ใครที่มี Naked1 หรือ Naked2 แล้วอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะมีอยู่แล้วทั้งคู่ ก็สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ เพราะโทนสีมันโดด แตกต่างจาก Naked1 และ Naked2 อย่างสิ้นเชิง 

 

สรุปง่ายๆ ก็คือ

  • มี Naked1 ไม่ต้องมี Naked2 สามารถมี Naked3 เพิ่มได้
  • มี Naked2 ไม่ต้องมี Naked1 สามารถมี Naked3 เพิ่มได้
  • มีทั้ง Naked1 และ Naked2 ก็สามารถมี Naked3 เพิ่มได้
  • ไม่มีอะไรเลย ในกรณีที่ 1 ปอแนะนำ Naked1 สำหรับคนที่ต้องการโทนสีที่เรียบง่าย ใช้ง่าย และครอบคลุมหลากหลายลุค 
  • ไม่มีอะไรเลย ในกรณีที่ 2 ปอแนะนำ Naked3 สำหรับคนที่มีสีน้ำตาลทองเยอะแล้ว สีชมพูใน Naked3 แต่งง่าย และได้ลุคเก๋ๆ หลายลุคอยู่เช่นกัน
  • ไม่มีอะไรเลย แต่มีงบเหลือในระดับหนึ่ง แนะนำ Naked1 และ Naked3 
  • ไม่มีอะไรเลย แต่มีงบเหลือเฟือ แนะนำให้ซื้อหมดเลย เพื่อความสะใจในชีวิต!!! ฮ่าๆๆๆๆ

 

The End

 


 

 

Porsche Por


porschepor

porschepor

Hello everyone!
I'm Porsche Por!
I'm a normal person who love in makeup and fashion.
I think makeup and fashion can show who you think and you are ^^

FULL PROFILE