บ่น...ครอบครัวแฟนกับเรื่องรถ

ขอระบายปัญหาพร้อมกับปรึกษาสาวๆ Jeban ด้วยนะคะ

    เรื่องมีอยู่ว่า แม่แฟนขาดสภาพคล่องทางการเงิน แล้วก็ได้เอารถมอเตอร์ไซต์ไปเข้าไฟแนนซ์ โดยหวังว่า อีก 2-3 เดือนจะได้เงินก้อนใหญ่จากการกู้สหกรณ์อะไรซักอย่าง แล้วพอผ่านไป 2 เดือน ปรากฏว่าส่งไม่ไหว เขาก็เสียดายรถ ถ้าจะปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึด เลยมาถามเราว่าจะให้เราส่งต่อ เอาไหม เหลืออีก 13 งวด งวดละ 1400 แล้วพอส่งหมดก็จะยกให้เลย เพราะถือว่าให้ลูก ซึ่งตอนนั้น ประจวบเหมาะกับว่าเราไม่มีรถใช้เพราะแม่เราขอรถคืนไปขับที่ต่างจังหวัด บวกกับเราก็เสียดายรถคันนี้ที่เพิ่งใช้งานมาได้ปีกว่าๆ เราจึงตอบตกลงรับไว้ส่งเอง

    หลังจากนั้น ด้วยความที่เขาไม่มีรถใช้ เขาก็มายืมรถเราใช้แทบทุกวัน ซึ่งเราก็เข้าใจได้ประมาณหนึ่งว่าเขาไม่มีรถใช้ แต่บางทีก็แอบนอยด์เพราะบางทีช่วงเวลาที่ต้องใช้รถก็ตรงกัน

    แล้วประมาณเดือนเศษ เขาก็มาขอความช่วยเหลือเราว่าเขาจะออกรถใหม่ ตอนแรกโทรมาบอกว่าให้เราค้ำประกันให้ แต่พอไปถึงปรากฏว่าทางร้านบอกว่าถ้าใช้ชื่อเราเป็นคนซื้อจะอนุมัติง่ายกว่า เพราะเราทำงานบริษัทและไม่ติดประวัติอะไร เรานั่งตัดสินใจอยู่นาน โดยมีความรู้สึกว่าความช่วยเหลืออันนี้มันมากเกินไปแล้ว แต่อีกใจก็อยากช่วย แล้วพ่อเลี้ยงแฟนก็บอกเราว่า เอาเหอะพ่อจะไม่ให้เสียหรอก เดี๋ยวได้เงินกู้สหกรณ์จะมาทุ่มและโอนให้เรียบร้อย เราเชื่อใจเขา เพราะเขาเป็นคนทำมาหากินไม่เกเรอะไร จึงตัดสินใจ ออกรถในชื่อเรา แล้วเขาเป็นคนค้ำแทน

    ผ่านมาประมาณ 7-8 เดือน ทางไฟแนนซ์ก็โทรมาทวงว่ายังไม่ได้ส่ง เราก็อ้างโน่นอ้างนี่เขาไป แล้วก็โทรไปถามแม่แฟน เขาก็บอกว่ารอเงินที่กู้สหกรณ์อยู่ น่าจะได้เดือนหน้า บอกให้เราผลัดเขาไปก่อนเดือนนึง เราก็โทรไปบอกไฟแนนซ์ แล้วหลังจากนั้น ไฟแนนซ์ก็ไม่ได้โทรมาอีกเลย เราก็เข้าใจว่า เขาเคลียร์เรียบร้อยแล้ว

    วันนี้แม่แฟนบังเอิญเจอเราก็บอกเราว่า พอดี พ่อจะได้วงเงินกู้ซื้อรถของกรุงไทย ถ้าแม่จะเอาอันนั้นเพราะมันจ่ายถูกกว่า แล้วปล่อยยึดรถคันนี้ จะมีผลอะไรกะเราไหม? เราก็บอกว่ามีสิแม่ ประวัติหนูก็จะเสีย และแถมเรายังต้องจ่ายส่วนต่างตอนเขาขายทอดตลาดอีก เขาก็บอกว่า แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวคงต้องคุยกะพ่ออีกที

    ในใจเราตอนนี้ก็คิดว่า จะง่ายไปไหม ตอนจะเอา ก็ว่าอย่างโน้นอย่างนี้จะรับผิดชอบ แต่พอตอนนี้จะได้โอกาสที่ดีกว่า กลับไม่คิดว่าเราจะเดือดร้อน ถ้าสมมุติเขาปล่อยยึดจริง เราไม่กลัวว่าจะเสียประวัติเท่าไหร่หรอก แต่เรากลัวว่าพอเขามาเรียกเก็บส่วนต่างที่ขายทอดตลาด เราจะต้องเป็นคนจ่าย ทั้งที่ไม่ใช่หนี้ของเราน่าสิ ถ้าเขาผ่อนรถกันง่าย แล้วคืนกันง่ายๆ อย่างนี้ ใครๆ ก็คงทำกันไปแล้ว....

    ถึงตอนนี้อะไรๆ ก็ยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีเลย ใจนึงก็อยากให้รถคันเก่าเขากลับคืนไป เอาคันใหม่มาส่งต่อ เพราะจำนวนเงินที่เราส่งไฟแนนซ์รถคันแรก กับที่เขาผ่อนรถคันที่สอง ก็พอๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เราติดตรงที่ว่า แม่แฟนค้างค่างวดมา 3 งวดแล้ว เดือนละ 2400 แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายให้ยอดหนี้ให้เป็นปัจจุบันได้  แล้วแฟนเรา ก็เอ่ยมาว่าไม่อยากได้รถคันใหม่ เพราะไม่อยากมีหนี้เพิ่ม

    เฮ้อออ.. นี่แหละค่ะ ปัญหาหนักอกเราตอนนี้ ซึ่งยังหาทางออกไม่เจอ