(Review) ผ่าตัด"ต่อมกลิ่น" ลดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์

15 16
สวัสดีค่ะ วันนี้จะขอมาแชร์ประสบการณ์การการกำจัดกลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์ออกจากรักแร้กันนะคะ

*เอ่อ สิงในจีบันมาตั้งแต่ก่อตั้งเวป แต่เราไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน ผิดพลาดยังไงขอโทษด้วยค่ะ

เริ่มมาจากเราได้กรรมพันธ์ุมากจากฝั่งพ่อ โดยปกติเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย เหงื่อก็ออกไม่มาก แล้วก็จัดได้ว่าเข้าขั้นผอมทีเดียว
แต่เราก็มีกลิ่นประมาณไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอาบน้ำ ทำให้เราต้องใช้โรลออนมาตั้งแต่มัธยม ตั้งแต่สมัยที่ท้องตลาดบ้านเรามีแค่ยี่ห้อทเวลพลัส 
เปลี่ยนยี่ห้อที่ใช้ไปเรื่อยๆค่ะ เพราะก็ไม่มียี่ห้อไหนเอาอยู่ ตั้งแต่ยี่ห้อตลาดบ้านเรายันแบรนด์ของญี่ปุ่นอเมริกา 
บางอันใช้ได้ผลดีในช่วงแรกๆ แต่พอขึ้นขวดที่สองก็ไม่ค่อยเห็นผล 
หลังๆมาก็เพิ่มสครับนู้นนี่นั่น ช่วงไหนเบื่อโรลออนก็หันมาสารส้ม ใช้ตั้งแต่ก้อนๆที่เอาไว้แกว่งให้น้ำตกตระกอน จนเดียวนี้พัฒนาเป็นก้อนจับพอดีมือ
แป้งเต่าที่ว่าเจ๋งใช้ไป3-4ขวดเริ่มเอาไม่อยู่(จนบางที่คิดว่า นี่ตรูซื้อของปลอมมาป่าวว๊า)
ค่ะ เราก็ใช้เวียนๆไปไม่ได้ผลก็เปลี่ยน
จนกระทั่งตอนมหาลัยเราหาข้อมูลในอินเตอร์เนตอย่างจริงจังถึงวิธีแก้ไข
ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้เลเซอร์ขนจะช่วยลดอาการได้

แน่นอนค่ะ เราซื้อคอร์สกำจัดขนทันทีโดยหวังว่าาผลพลอยได้จะช่วยลดกลิ่น
แต่ๆๆๆ เราใช้บริการจนหมดคอร์สเลเซอร์YAGของคลีนิกชื่อดังด้านเลเซอร์
ขนลดลงจริงค่ะ ถ้ามีขึ้นมาบ้างก็เป็นเส้นบางๆ
แต่กลิ่นก็ไม่ได้ลดลงอย่างที่คาดหวัง (อาจจะมีผลบ้าง ทางด้านชะลอการเกิดกลิ่นจากช่วงกลางวันไปเป็นบ่ายๆ)

เราก็เออช่างมัน ทำดีที่สุดแล้ว ก็กลับมาพึ่งโรลออน แป้งเต่่า สารส้ม สเปรย์(สมัยนั้นเริ่มมีบางรายผลิตสเปรย์ออกมาจำหน่าย)
ผ่านไปหลายปี จนขนที่ขึ้นบางๆเริ่มเส้นใหญ่ขึ้น แต่กลิ่นก็ยังอยู่เหมือนเดิม
กระทั่งมีจุดเปลี่ยน*ขอไม่เล่าสาเหตุนะคะ 

คุณแม่บอกว่าไม่ได้การณ์และ มันต้องมีทางแก้
เราเข้าไปหาข้อมูลอินเตอร์เนตอีกครั้ง วิธีแก้ก็เดิมๆค่ะ ซึ่งเราก็ทำมาหมดแล้ว
แต่คราวนี้มีวิวัฒนาการใหม่มาคือ *ตัดต่อมเหงื่อ

เราไม่รอช้า วันรุ่งขึ้นพาแม่ตรงไปรพ.ยันฮี(ระบุชื่อคงไม่เป็นไรนะคะ)
ทำบัตรใหม่ บอกสาเหตุว่าอยากกำจัดกลิ่นกับประชาสัมพันธ์ เค้าก็ส่งเรื่องไปที่แผนกศัลยกรรมค่ะ
ที่แผนกนั้นก็มีพยาบาลหน้าตาสวยรอต้อนรับ ที่นี่คนไข้มารอศัลยกรรมเสริมความงามเยอะมากจมูก ตา เรียกได้ว่ามาปั๊บพบหมอวางยาสลบทำได้เลย
ค่ะ เราก็นั่งรอพบหมอแบบไม่ระบุชื่อ ท่านไหนก็ได้ 
จนพยาบาลเรียกเข้าไป พบนพ.สมศักดิ์ นามสกุลไรเราจำไม่ได้นะคะ แต่คาดว่าเป็นแพทย์ศัลยกรรมความงามทั่วไปค่ะ
เพราะในห้องที่เข้าพบจะมีรูปต้นแบบดาราและแบบจำลองขนาดเต้านมวางอยู่
แจ้งสาเหตุและความประสงค์ คุณหมอก็ชื้แจงวิธีการรักษา
คือ วิธีแรก ตัดต่อมเหงื่ออย่างที่เราหาข้อมูลมา แต่สักพักต่อมมันจะกลับมาเชื่อมต่อกันได้ เพราะ ร่างกายจำเป็นต้องระบายเหงื่อออก ผลการรักษาประมาณ50%
วิธีที่สองคือ ตัดต่อมกลิ่น ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆต่อมเหงื่อนั่นแหละ ให้ผลการรักษา70% เนื่องจาก ต่อมมีเยอะมาก ตัด100คงเป็นเรื่องที่เกินจริงไปนิด
ส่วนรายละเอียดอื่นๆเราจำไม่ได้แล้วค่ะ
ราคาพอๆกันค่ะ เมื่อปีที่แล้ว ตัดต่อมกลิ่นอยู่ที่15000บาท เราเลยเลือกวิธีนี้ค่ะ
สักพักผู้ช่วยพยาบาลก็พาเราไปเซ็นใบยินยอมผ่าตัด ถอดทรัพย์สินทุกอย่างไว้ที่ญาติ ถอดเสื้อและเสื้อในเปลี่ยนเป็นเสื้อของรพ.แทน
ทีนี่ก็พาเราไปนั่งรอคิวผ่าตัด พร้อมคนอื่นๆที่รอศัลยกรรมค่ะ
รอนานเหมือนกันจนกว่าจะหมดคิวตรวจตอนเช้า ตอนบ่ายหมอถึงจะลงมือผ่าตัดค่ะ
การผ่าตัดตรั้งนี้เป็นผ่าตัดเล็กนะคะ เราโดนวางยาสลบ รู้สึกจะฉีดยานะคะ อันนี้ไม่แน่ใจ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วให้นอนกางแขนออก จะมีเชือกมัดมือไว้
การผ่าตัดดำเนินการไปประมาณชั่วโมงนึงค่ะ เราไม่รู้สึกเจ็บแต่รู้สึกเบลอเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ได้ยินเสียงตลอดเวลา
จนกระทั่งผ่าเสร็จ มีคนเข็นเตียงมาที่แผนกพักฟื้น รอให้ฤทธิ์ยาสลบหมด ที่นี่จะมีคนไข้จากการผ่าตัดนอนรอญาติมารับกันหลายราย
รอสักพักเราก็ขอพยาบาลกลับค่ะ นอนรอเฉยๆเราเบื่อ เปลี่ยนชุดเสร็จก็จะมีรถเข็นมารับ พร้อมให้ญาติชำระค่ารักษาและพากลับได้
ซึ่งขากลับเรายังมึนๆ ไม่สามารถขับรถกลับเองได้ค่ะ
สำหรับบาดแผลประมาณ2เซน อยู่บรเวณส่วนต้นของรักแร้ด้านใน แล้วคุณหมอจะพันผ้ากอตและสำลีหนาๆชนิดที่หุบแขนไม่ลงเป็นของฝากกลับบ้านมาด้วย
รักแร้จะบวมๆ เป็นสีม่วงๆคล้ำๆหน่อย แรกๆอาจตกใจ แต่ประมาณอาทิตย์นึงก็ค่อยๆยุบลง
อีกประมาณเดือนหรือ2อาทิตย์ไม่แน่ใจ ก็ให้ไปตัดไหมและดูแผล การดูแลรักษาระหว่างนั้นก็ห้ามโดนน้ำ ห้ามกินของหมักดองอะไรประมาณนี้

พอถึงวันนัดเราก็ไปพบแพทย์ที่แผนกเดิม แผลปกติไม่มีอะไร แต่จะนูนๆคล้ายๆคีรอยนิดหน่อย เนื่องจากผิวบริเวณนั้นเป็นส่วนที่ขยับบ่อย 
หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่ๆๆๆๆ!!!!!! สิ่งที่เปลี่ยนไปในชีวิตคือ เราไม่มีกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์แล้วค่ะ ผลการผ่าตัดเราว่ามันเกิน70%อีกนะ
ตอนนี้เราโบกมือลาโรลออนและแป้งเต่า เหลือเพียงแค่สารส้มสำหรับบางวันเพื่อช่วยลดเหงื่อและรักษารอยดำผลพวงจากการใช้โรลออนมานานแรมทศวรรษ
ส่วนรอยแผลเป็น ผ่านมาหนึ่งปีแล้้้ว ตอนนี้มันเล็กลงและกลืนไปกับรอยพับของรักแร้ ถ้าไม่จ้องก็ไม่เห็นค่ะ
แต่กลิ้นนั้น ถ้าไม่ออกกำลังกายหนักๆจนเหงื่อท่วม ซึ่งอันนั้นจะให้หลีกเลี่ยงกลิ่นก็คงจะยาก แต่สำหรับเราซึ่งแต่ก่อนอยู่เฉยๆก็มีกลิืนแล้วนั้น ตอนนี้ปัญหานั้นแทบจะหมดไป โดยรวมแล้วเราพึงพอใจมากกับการผ่าตัดในครั้งนั้น ราคา15000 แลกกับความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันโดยปราศจากโรลออนมันคุ้มค่าสำหรับเรามาก 
ทั้งนี้กระทู้นี้หวังเพื่อจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการแก้ปัญหากลิ่นรักแร้ ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับหลายๆคน แต่ตอนนี้ข้อมูลในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับวิธีการนี้น้อยเหลือเกิน 
ยังไงคงเป็นประโยชน์สำหรับคนอ่านๆม่มากก็น้อยนะคะ :)


witch_witch

witch_witch

Really crazy in cosmetic!!!

FULL PROFILE