เที่ยวพัทยา 2 วัน กับ 6 ที่เด็ด แบบ "อิ่ม มันส์ สวย!!"

14 11
สวัสดีค่าาาา เริ่มแรกขอแนะนำตัวก่อนเลย ฝนนะคะ ^^
สาวโปรแกรมเมอร์รักการเที่ยว ชอบกิน เดินทาง และถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ



ช่วงสัปดาห์ที่หนักหนากับการทำงานเหนื่อยล้ามาตลอดอย่างยาวนาน
 อยู่ๆ ก็มีข่าวดีก็ปรากฏขึ้นมา วันหยุดจ้า
ว่าแต่ ...​ เอ๊าะ วันหยุดกลางสัปดาห์ พุธ และ พฤหัส จะไปไหนดีน้าาาา ???
ก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมา  ใครๆ ก็พูดว่า หน้าฝนใครเขาไปทะเลกัน
เรานี่แหละจะไปทะเล กลางสัปดาห์ ที่พักราคาถูก ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ราคาก็ถูกไปอีก
โอ๊ย กรี๊ดดดด พนักงานเงินเดือน ฟินสิ 5555 


 
วันหยุดแค่ 2 วันก็เลยตัดสินใจว่า เอาละ พัทยา นี่แหละ ขับรถไปก็ไม่นาน
 เดินทางก็สะดวก เพราะไปบ่อยมาก สถานที่ให้เที่ยวก็เยอะไปหมด

  เดี๋ยวมาดูกันนะคะว่า 2 วัน กับ 6 สถานที่เที่ยว แบบ “อิ่ม มันส์ สวย” ของฝน
จะเป็นที่ไหน ยังไง กันบ้าง ^3^
 
 

 
ก่อนจะออกเดินทางก็ต้องจัดกระเป๋ากันก่อน 
ไป เที่ยวทะเลทั้งที สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนะคะ คือ ทาครีมกันแดดแบบหนาๆ 1 รอบ และพกครีมกันแดดสูตรเบาเอาไว้ทาระหว่างวันคะ และอย่าได้ลืมแว่นกันแดดเก๋ๆ บิกินี่ตัวโปรด หมวกน่ารักๆ อากาศค่อนข้างร้อน พกสเปรย์น้ำแร่ หรือ ทิชชู่เปียกไปด้วย ก็เพิ่มความสดชื่นได้นะคะ สาวๆ

อ๋ออีกอย่างนึงเลยนะคะ ก็คือเจ้า Galaxy S4 เครื่องโปรดเครื่องใหม่ของฝน ขาดไม่ได้เลยคะ
 
 

 
ขอเล่าที่มาของตัวนี้นิสนึง 
เนื่องจากฝนเป็นคนที่ซุ่มซ่าม ชอบทำโทรศัพท์ตกน้ำตลอด
เจ้า มือถือเครื่องเก่าของฝน โดนน้ำจากสงกรานต์มารอบนึง​ ส่งซ่อมทัน​ แต่พอมาอีกรอบนี่สิ ตกน้ำทะเลจ๋อม แบตก็แกะออกเองไม่ได้ อยู่บนเกาะอีกต่าง หาก กว่าจะเข้าฝั่งมาส่งศูนย์ซ่อม​ มือถือคู่ใจของฝนก็ตายไปซะแระ T___T
 



วันนั้นหลังจากที่ทราบข่าวการจากไปของมือถือคู่ใจของฝน ลากไปเศร้า  ...
ประจวบเหมาะพอดี เลย S4 ขายวันแรกจ้าาาา
ฝน อยากได้มือถือเครื่องใหม่ ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเครื่องเก่า แต่สามารถถอดแบตได้ เผื่อทำตกอีก 555 เลยไปยืนดูเห็นคนต่อแถวกันให้พรึ่บ ไปลองลูบๆ ถูๆ ไถๆ ดู สัมผัสแรกก็ เออเบาดีจัง พอลองเล่นๆ ดู ก็รู้สึกว่า เออมันก็ลื่นเหมือนกันนะ พอๆ กับเครื่องเก่าเลย ราคาก็พอๆ กันเลยอ่ะ ก็เลยตัดสินใจซื้อ แล้วซื้อวันแรกที่ออกนะแหม่สุดๆ จ้า เดินทุกศูนย์ ทุกค่าย เพื่อให้ได้สีขาวมาครอง ชอบสีขาวดู ผู้หญิ๋ง ผู้หญิง กว่าจะได้มาครอง เดินจนเหนื่อย แต่วันนั้นสนุกมาก

เม้าท์ซะยาวววว ปะ! เราไปทะเลกันเถอะค่ะ 555

 
 


ทริปนี้เราก็ไปกันชิวๆ กัน 3 คนค่ะ ฝนและเพื่อนอีก 2 คน ออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกัน
พอสตาร์สรถพร้อมบึ่ง​ ก็ปรับ S4 เข้าสู่ Driving Mode กันซักหน่อยคะ ฝนเป็นคนที่ชอบวางมือถือไว้บนตักตอนขับรถเสมอ พอมีสายเรียกเข้า เราสามารถรับสายโดยการกดปุ่ม ที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ขึ้นสะดวกต่อการใช้งาน อีกทั้งเราสามารถรับสายได้โดยผ่าน S voice โดยพูดว่า "Answer" แต่ถ้าเราไม่อยากรับสาย ก็ฉันจะไปเที่ยวนี่น่า ก็แค่พูดว่า  "Reject" ง่ายๆ แค่นี้เองค่ะ ไม่ต้องให้ถึงมือเลยจ้าาาา
 
 

 
ขับรถมาเหนื่อยๆ ค่ะ ก็ต้องมาแวะพักยืดเส้น ยืดสายกันหน่อย วันนี้ขอมาแวะร้านโปรดร้านประจำที่ La Baguette (ลา บาแกตต์) เป็น ร้านเบเกอรี่ ตกแต่งสไตล์ริเวียร่า ฝรั่งเศส ดูสะอาดตา เข้าไปนั่งแล้วรู้สึกผ่อนคลาย และโรแมนติกมากๆ ถ้ามาช่วงเย็นทางร้านจะเปิดไฟสวยมากค่ะ 

การเดินทางมาร้านนี้ก็ง่ายๆ ค่ะ ขับรถเข้าสู่เขตเมืองพัทยา เลี้ยวขวาถนนพัทยาเหนือตรงไปจนสุดถนน ขับรถผ่านวงเวียนปลาโลมาเลี้ยวขวา เข้าถนนพัทยา-นาเกลือ จะเห็นร้าน ลา บาแกตต์ อยู่ซ้ายมือค่ะ


 

 
อย่างแรกที่ฝนทำหลังจากจอดรถเสร็จ ก็หยิบมือถือมาเลยค่ะ​ กระหน่ำถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่ง 555

สำหรับวันนี้ทางร้านแนะนำเมนูสุดฮิต ที่คนสั่งเยอะที่สุดนั่นก็คือ Royal Woodland Cake ค่ะ ราคา 125 บาท/ชิ้น กับ Cranberry Crepe Cake ราคาอยู่ที่ 115 บาท/ชิ้นค่ะ สั่งมาปุ๊ปก็ยังคงถ่ายรูปอีกเช่นเคยค่ะ จนเพื่อนๆ เริ่มเซ็ง เมื่อไหร่จะได้ทานกัน 

 

 
และ ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกๆ การมาเยือนคะ "เช็คอินลงบนเฟชบุ๊ค" นั่นเอง แหมมมมม แต่จะลงแต่ภาพเดี่ยวจะไม่เชื่อขอสักรูปที่เห็นทั้งสถานที่ บรรยากาศ และ หนังหน้าของเรา เพื่อบ่งบอกสักเล็กน้อยว่า เฮ้ยยยย มาจริงๆ นะจ๊ะ (ไม่ขี้อวดเลยเนอะ) เลยจัดไปงามๆ กับ Dual Shot สุดแสนเก๋ไก๋
 

เดินทางกันต่อไปยังพัทยาเหนือ
สำหรับ ที่พักและโรงแรมในพัทยามีเยอะแยะเต็มไปหมด วันนี้ขอหลบหนีความพลุกพล่าน มาหาความสงบ และส่วนตัวสุดๆ ที่ที่ฝนและเพื่อนๆ เลือกพักในทริปนี้เป็นที่ Ocean Marina Yacht Club ค่ะ หรูปะ



เดิน ทางมาไม่ไกลมากค่ะ ขับรถมาเส้นสุขุมวิท มุ่งหน้าไปสัตหีบ ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอป้ายบอกทาง แล้วก็ u-turn แต่ต้องขับเข้าไปอีก ห่างจากถนนใหญ่พอควร ระหว่างทางเข้าเป็นสวนสวยและร่มรื่นสุดๆ ค่ะ พอเลี้ยวเข้ามายังโรงแรมก็เห็นว่าติดทะเลเลยค่ะ 




มา ถึง Check in ขึ้นห้อง วางกระเป๋า แล้วเราก็ขอไปชมเรือยอร์ชทันทีเลยค่ะ พนักงานต้อนรับดูแล และบริการพวกเราดีจริงๆ ประทับใจมากกกกกกก หลังจากนั้นเราก็นั่งรถกอล์ฟไปยังท่าเรือ ซึ่งเป็นท่าจอดเรือยอร์ชส่วนตัว
มามะ เราไปชมเรือยอร์ชกันค่าา
 
 

 
เรือยอร์ชส่วนใหญ่ที่มาจอดจะเป็นเรือส่วนบุคคลค่ะ สวยๆ กันทั้งนั้นเลย

มา ถึงปุ๊ปก็ขอลงไปถ่ายรูปตามประสา สำหรับท่านที่สนใจจะใช้บริการเรือยอร์ชออก ไปชิวๆ เก๋ๆ ในทะเล ก็สามารถติดต่อสอบถามราคาได้ที่ทางโรงแรมก็มีบริการค่ะ
 
 

 
แอ ร๊ยยยยย แดดร้อนจริงๆ ค่ะ ให้ตายเถอะ ขอขึ้นมานั่งพักบนห้อง ตากแอร์เย็นๆ สักหน่อยค่ะ เลยชื่นชมบรรยากาศในห้องเคล้าแอร์เย็นๆ ไปพลาง ห้องที่ฝนกับเพื่อนๆ พักวันนี้เป็นแบบ 2 ห้องติดกัน​ ออกแบบและตกแต่งได้น่าอยู่มากค่ะ ให้ความรู้สึกหรูหรา และผ่อนคลายสบายตัวสุดๆ แอร๊ยยยยย ฟิน

 
 

 
ห้อง นี้เลิศมาก พอฝนเปิดม่านหน้าต่างออกมา จะเห็นวิว ทะเล หาดทราย และภูเขา สวยงามมากๆ เลยค่ะ ก็เลยขอถ่ายรูปมาให้ดูกันสักนิด เห็นวิวกว้างขนาดนี้ก็เกิดอยากจะลองใช้ Panorama Mode ขอบอกว่าถอย Galaxy S4 มาตั้งนาน เพิ่งจะคิดลองใช้เป็นครั้งแรก จริงๆ ภาพปกติก็โอเคอยู่แล้วล่ะ พอถ่ายในโหมด Panorama จะได้ภาพที่กว้างขึ้น อะไรทำนองนี้ รูปทั้งหมดนี้ก็มาจาก Galaxy S4 ที่ถ่ายให้เห็นวิวจากห้องพักของฝนนะคะ
 
 


หลัง จากที่พักหลบแดดในช่วงบ่ายจนหายร้อนกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลารับประทานอาหารเย็นที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ ที่ห้องอาหารด้านล่าง ลงมาเจออาหารปุ๊ป น้ำตาแทบไหล อาหารน่ากินมากอะ


พนักงาน ก็จัดการเสิร์ฟน้ำ และจัดจานให้กับพวกเรา (บริการประทับใจจริงๆ ค่ะ สุดๆ ไปเลย) ก็ตามธรรมเนียมค่ะ ทุกคนต่างหามุมกันถ่ายรูปกันใหญ่ ขอบอกว่าอยากให้ ลองทานอาหารของโรงแรมมากค่ะ อร่อยทุกอย่าง อิ่มมมม มากกกกกกอ่าาา ^^  
 
 

 
สำหรับ ห้องอาหารของโรงแรมมี 2 โซนนะคะ มีทั้งนั่งในห้องแอร์เย็นๆ เซฟๆ ผิวหน้าและผิวกาย กับอีกโซนเป็นโซนที่นั่งด้านนอก พอตกเย็น แดดคล้อย แนะนำเลยค่ะ ให้ไปนั่งด้านนอก มองไปแล้วเห็นวิวทะเล กับ เรือยอร์ชสุดหรูจอดอยู่บริเวณด้านหน้าของโรงแรม หันซ้าย ขวา ไปเจอสวนและหญ่าเขียวชะอุ่ม สุดแสนจะผ่อนคลายจริงๆ รับรองว่า ฟินสุดๆ ค่ะ

แหม่...คนกำลังทานอาหารเพลินๆ มือไม้ก็เปื้อนซะด้วยสิ ดันมีสายเรียกเข้าพอดี ไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ ปัดมือรับโทรศัพท์ผ่าน Air Gesture ฟีเจอร์ฉลาดๆ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง อิอิ


หลายๆ ท่านที่เห็นในโฆษณาแล้ว ลองปัดมือรับโทรศัพท์ แต่เอ๊ะทำไมไม่เห็นเหมือนในโฆษณาเลยนะ รับสายไม่เห็นได้เลย ไม่ต้องตกใจไปค่ะ จริงๆ ต้องรับด้วยท่ามาตรฐาน ตามรูปนี้นะคะ
 


หลัง จากที่ทานอาหารอิ่มกันแล้ว ขอไปเดินย่อย ด้วยการถ่ายรูปเล่นบริเวณรอบๆ โรงแรมกัน แต่วันนี้ฝนตกหน่อยๆ ฟ้าเลยครึ้มๆ ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา ยังสามารถสนุกกับการถ่ายภาพสวยๆ กันได้ 


บังเอิญว่าฝนเกิดอยากจะถ่ายวิวตรงทางเดิน แต่ดันมีคนเดินบังทัศนียภาพของเราซะงั้นสิ เลยได้โอกาสขอลองใช้ Eraser Mode เห็นเขาว่ามันลบได้จริง ไหนมาลองพิสูจน์กันหน่อย
 
 


ได้ ผลแฮะ!!!  เจ้า Eraser ทำงานโดยการจับภาพทั้ง 5 เฟรม เพื่อตัดสิ่งที่เคลื่อนไหวออกจากภาพ ทีนี้เราก็จะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ โดยที่ไม่ต้องไปบอกว่า “พี่คะๆ ช่วยหลบไปหน่อยได้ไหมคะ หนูจะถ่ายตรงนี้” ไม่เอานะคะ เสียมารยาทแย่เลย 
 
ต่อมาก็เป็นโหมดสนุกๆ นั่นก็คือ Drama Shot เห็น ฮิตเหลือเกินในเฟชบุ๊ค คนโพสต์รูปแบบนี้เยอะมาก เราก็ไม่พลาดค่ะ จัดไปตามกระแส รูปไหนเฟรมไหนที่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยโอ ก็ติ๊กที่ช่องสี่เหลี่ยมเพื่อเอาออกไปจากเฟรมได้
ก็เลือกเฉพาะช็อตเด็ดๆ เท่านี้ก็ได้ภาพเท่ๆ มาโพสลงเฟชบุ๊คกันแล้วค่ะ

 


พอมืดๆ ค่ำๆ แล้วเราก็ออกไปหาร้านนั่งดริ้ง ตามประสานักท่องราตรี ในตัวเมืองพัทยากันซักหน่อยค่ะ ส่วนตัวฝนขอแนะนำ The Living Bistro and Bar เด อะลิฟวิ่ง บิสโตรแอนด์บาร์ เป็นร้านโปรดที่มาพัทยาทีไร ตกกลางคืนก็มานั่งร้านนี้ทุกทีค่ะ บรรยากาศดีนะเป็น Open Air ลมโกรกเบาๆ เปิดเพลงสลับกับดนตรีสด ใครที่มาร้านนี้ก็ต่างประทับใจโดยเฉพาะ “ห้องน้ำ” บริการประทับใจจริงๆ จ้า ขอบอก!!!

ส่วน การเดินทางนั้นก็มาไม่ยากค่ะ ถ้ามาจากเส้นสุขุมวิท เลี้ยวมายัง ถ.พัทยาเหนือ มุ่งหน้าเข้ามาที่หาด ก็จะเจอร้านอยู่ติดถนนใหญ่ สังเกตง่ายหาไม่ยากเลยค่ะ
 
 


สำหรับถ่ายภาพตอนกลางคืนฝนก็เลือกเป็น Night Mode ค่ะ แนะนำตอนถ่ายก็จะต้องทำมือนิ่งๆ ไว้ประมาณ 5 วินาทีจะได้ภาพค่อนข้างชัด แสงที่ออกมาสวย ไม่มืดค่ะ ภาพที่ได้ก็ตามภาพด้านล่างนี้เลยค่าาาา

ภาพคู่ด้านบนเป็นภาพจากกล้องถ่ายรูป ส่วนภาพคู่ด้านล่างก็เป็นภาพจาก Galaxy S4 Night Mode นั่นเองค่ะ
 
 


ปิดท้ายด้วยภาพนี้เลยค่ะ ที่ภูมิใจนำเสนอสุดๆ มือนิ่งสุดๆ 555 ได้ภาพออกมาสวยสมใจค่า อิอิ
 
 


 ซึม ซับสีสันยามราตรีพอควร เราก็กลับห้องมาพักผ่อน ที่นี่มีไดร์เป่าผมให้ใช้ในห้องพัก พอดีฝนก็พกมา เผื่อสาวๆ ท่านไหนจะมาพักที่นี่ ขอกระซิบดังๆ เลยว่า ไม่ต้องแบกไดร์เป่าผมมานะ

วันนี้หมดแรงไปกับแสงแดดที่แผดเผาในช่วงบ่าย พอเจอเตียงก็กลิ้งตัวลงนอน หยิบมือถือขึ้นมากด S Voice ระบบปฏิบัติการผ่านคำสั่งเสียง พูดไปเลยค่ะสั้นๆ “Play” เท่านี้ ก็เปิดเพลงในเครื่องของเรา นอนฟังพักผ่อนสบายๆ และถ้าอยากปิดเพลงเพราะความง่วงมาเยือน ก็แค่คว่ำหน้าจอลงบนเตียงเท่านั้นค่ะ  

อ่อ ก่อนอื่นอย่าลืมเปิด Smart Pause ด้วยนะคะเดี๋ยวจะงง ว่าทำไมฉันคว่ำแล้วเพลงมันก็ไม่เห็นหยุดสักทีเนี่ย 555






 --- GOOD MORNING!! วันใหม่กันแล้วค่าาาา 
---



ตื่น เช้ามาก็ไม่พลาดลงมาทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ที่ห้องอาหาร เป็นอาหารแบบบุฟเฟต์นานาชาติที่มีให้เลือกรับประทานหลากหลาย บอกเลยว่าห้ามพลาดมื้อเช้าเด็ดขาด สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตื่นสาย มาพักที่นี่ตื่นลงมาทานอาหารเช้าให้ทันก่อน 10.30 น. ให้ได้นะคะ อร่อยสุดๆ ค่ะ

 


ทาน อาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขอไปเดินเล่นถ่ายรูปกันตรงท่าเรือยอร์ชกัน อีกสักหน่อย สำหรับเช้าในฤดูฝน วันนี้ก็ครึ้มๆ มาเลยค่ะ ... แต่ก็ดีที่ทำให้แดดไม่แรงมาก อากาศกำลังดีเลย เราก็เดินไปเก็บภาพบรรยากาศเล่นๆ กันก่อนจะ Check out ลา Ocean Marina Yacht Club กันไปเนอะ ^ ^
 
 


หลังจากที่เดินทางออกจากที่พักมาไม่ไกล สถานที่แรกที่ฝนมาแวะก็คือ ตลาดน้ำ 4 ภาค นั่นเองค่ะ มีของกินของฝาก ของที่ระลึก เต็มไปหมดเลยค่ะ โดยเฉพาะของกินแปลกๆ อร่อยๆ ใครที่เป็นทั้งนักช็อป และนักชิม ต้องไม่พลาดแวะมาที่นี่นะคะ เดินที่เดียวได้ 4 ภาคของประเทศไทย ของกินก็หลากหลายค่ะ ราคาเบาๆ บรรยากาศจำลองแบบตลาดน้ำ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติค่อนข้างมากค่ะ แม่ค้าที่นี่พูดได้หลายภาษานะคะ ทำเป็นเล่นไป



เดินเล่นกันพอแล้วก็ไปต่อกันที่ The Glass House อยู่บริเวณละแวกใกล้ๆ กันเลยค่ะ ขอบอกเลยว่าร้านอาหารร้านนี้เด็ดจริงๆ ค่ะ สำหรับฝนที่นี่เป็นร้านอาหารไทยที่ชอบที่สุดในพัทยา อยู่ติดริมทะเลเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เป็นส่วนตัว การตกแต่งร้านที่ดูสะอาดตา และสวยงาม รับรองว่า ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ค่ะ

ฝนก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ มาฝากทุกท่านนะคะ ฮี้ๆ

 


ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพจากกล้องในมือถือของฝนเองค่ะ ส่วนอาหารที่ฝนมาที่นี่แล้วต้องสั่งทุกครั้ง ก็คือ กุ้งกลาสเฮ้าส์ กับยำปลาแซลม่อนซาซิมิ  อีกทั้งยังมีส้มตำทะเล และอื่นๆ ก็อร่อยเช่นกันค่ะ ราคาของอาหารเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 250-400 บาท สำหรับมื้อนี้ฝนและเพื่อนๆ สั่งกันไป 7 อย่าง เช็คบิลแล้วอยู่ที่ 1,900 บาทค่ะ
 


 
หลังจากทานอาหารกลางวันกันอิ่มแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปกันต่อที่ไร่องุ่น Silver Lake เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเลยก็ว่าได้ค่ะ ถ้าอากาศเย็นหน่อยจะเผลอนึกว่าอยู่เกาหลีกันเลยทีเดียว แนะนำให้มาช่วงหน้าหนาวตอนเช้าๆ อย่ามาสายมากค่ะ เพราะว่าร้อนจริงๆ เลยยยย ลงจากรถมาถึงกับจะเป็นลม   

 
 


มาที่นี่ทั้งที เลยขอลองชิมไวน์องุ่นสักแก้วนึง จัด Tango มา 1 แก้วคะ คำแรกก็ อะหืม ร้อนฉ่าเลยคะ เอาเป็นว่าไม่แนะนำให้ดื่มไวน์ในขณะที่มาเที่ยวแล้วอากาศร้อนนะคะ ซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือซื้อไปนั่งดริ้งสวยๆ ที่โรงแรมช่วงกลางคืนแบบอากาศเย็นๆจะดีกว่าค่ะ 555  


                 
 


​ส่วนตัวแนะนำเลยนะคะ ดับกระหายด้วยน้ำองุ่นเย็นๆ ดีที่สุดเลยค่ะ ที่ Sliver Lake จะมี Shop สำหรับซื้อของฝาก ผลิตภัณฑ์หลักๆ จะมาจากองุ่นนำไปเป็นของฝากได้ค่ะ

และแล้วก็จบทริปนี้กันไปแบบหอบแฮ่ก 
ขอลากันไปด้วยภาพประกอบ สีหน้าแสดงถึงอุณหภูมิความร้อนของวันนั้นกันนะคะ  :P



 กลับถึงบ้าน เราก็ปิดท้ายทริปนี้ ด้วยการทำ อัลบัมรูปภาพด้วย Story Album 

 


ใน S4 เราสามารถสร้าง Story Album ง่ายๆ โดย เลือกรูปภาพ และตั้งค่าอัลบัม โดยสามารถเลือกรูปปก ตั้งชื่ออัลบัม และเลือกธีมที่ใช้จัดโชว์รูปภาพบนหน้าจอ Galaxy S4 ซึ่งก็ง่ายต่อการบันทึกความทรงจำดีๆ ที่เราสามารถเอาไปไว้บนหน้าจอเพื่อดูเล่นๆ จะได้นึกถึงช่วงเวลาสนุกๆ มันส์ๆ ของเรา ^^ โดยการลาก Widget Story Album ไปไว้บนหน้าจอของเรา เท่านี้ เราก็จะมีอัลบัมสวยๆ เอาไว้ดูเล่นบนหน้าจอในวันชิวๆ กันแล้วค่ะ ^______^
 

คราวนี้จบจริงๆ แล้วค่า ฝนขอลาทุกคนไปทำ whitening treatment ก่อนนะคะ -_-' แดดพัทยาทำพิษมากๆ
ทำเอาตอนนี้ตัวดำเป็นเหนี่ยงเลยยยยย แล้วพบกันใหม่นะคะ