Hong Kong Treasure Hunt : ตอน ซอกแซกตะลอนกิน
KahnJi158มาแล้วจ้าาามาแล้ว..หลังจากพูดเรื่องที่พักหลับนอนกับแหล่งช้อปปิ้งกันไปแล้ว กลับมาต่อตอนที่ 3 อย่างไม่ขาดตอน มาฮ่องกงนี่ถ้าไม่พูดถึงเรื่องปากท้องคงไม่ได้ กานต์กับพี่เกดคอนเฟิร์มเลยว่า เราอิ่มหนำกันมาก.. ก็ของกินที่นี่เค้าละลานตาจริงๆ ตั้งแต่ของคาว ของหวาน ยันเครื่องดื่ม และยิ่งพวกติ่มซำอาหารจีนแล้วด้วยนะ อะหืมมม..อาหย่อยไม่อาหย่อยล่ะ กลับไปน้ำหนักขึ้นสองโลอ้ะ (ตอนนี้เช้าคอร์ส dukan กันเลยทีเดียว)
ไอเราก็กลัวสาวจีบันจะหิวว..เลยเอารีวิวรวมเด็ดคาเฟ่ ร้านอาหาร ที่ได้ไปซอกแซก ตะลอนกินตลอดทั้ง 4 วัน มาเสิร์ฟถึงหน้าจอ ให้น้ำยายไหยยยยไปพร้อมๆกัน (อนุญาตให้สาปแช่งกันได้ 55) ปะปะไปดูกันเลยย..
Ho Hung Kee Congee & Noodle Wantun Shop
มื้อแรกที่ฮ่องกง กินไรดีนะ.. จริงๆ แล้วมื้อแรกของเราจะต้องไปกินร้านอาหารที่สนามบิน แต่เนื่องจากเรากินข้าวมาจากบนเครื่องแล้ว พอลงเครื่องมายังกินอะไรไม่ค่อยลง เราจึงมุ่งตรงไปที่โรงแรมที่พักก่อนเลย แต่ ณ จุดนั้นหลังจากเอากระเป๋าไปเก็บ สำรวจโน่นสำรวจนี่ได้สักพัก ชักเริ่มหิวแล้วสิ ..เราเลยไปกินข้าวเที่ยงแบบเลทๆ กันที่ Hysan Place เดินจากโรงแรมไปไม่ไกลนัก ห้างนี้สังเกตง่ายๆ จะมี Apple Store ใหญ่มากกก(แต่ไม่ที่สุด) กินพื้นที่ไป 3ชั้นของห้าง ..เห็นปุ๊บก็เดินตรงเข้าห้าง กดลิฟท์ขึ้นมาที่ชั้น 12 พุ่งตรงมาที่ร้าน Ho Hung Kee
ร้านนี้เปิดมานานกว่า 60 ปี ได้รับการการันตีรางวัลจากการท่องเที่ยวฮ่องกงและรางวัล Michelin One-Star Restaurant เป็นรางวัลที่จัดขึ้นโดยบริษัทยางรถยนต์มิชิลินของฝรั่งเศส ที่ต้องการรวบรวมและจัดอันดับร้านอาหารตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ให้คนได้ขับรถตามไปกินกัน พอขับรถออกไปยางก็จะสึกมากขึ้น และก็จะขายยางได้มากขึ้น ไอเดียเจ๋งแฮะ ..นี่ล่ะ คือที่มาของรางวัลนี้และเค้าบอกว่าร้านไหนที่มีดาวมิชิลิน แล้วเราไม่ได้ไปกินเนี่ยถือว่าพลาดมากๆ พลาดสุดๆ
เราไม่พลาดแน่นอนสั่งอาหารมาพิสูจน์กันเลยดีกว่า !
มาร้านนี้เค้าบอกว่าห้ามพลาดเลยคือ ผัดซีอิ้วเนื้อ ได้รับยกย่องว่าเป็นผัดซีอิ้วที่อร่อยที่สุดในฮ่องกง ..
โจ๊กหมูเนื้อนุ่ม ใส่ตับ ใส่ไส้ หน้าตาที่เราคุ้นเคย ดูจืดๆ แต่รสชาติกลมกล่อม ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย
บะหมี่น้ำเกี้ยวกุ้ง น้ำซุปเข้มข้น ดูเหมือนน้อย แต่เส้นเยอะมากก สั่งมาแชร์กันกินยังได้
ก๋วยเตี๋ยวหลอด มีไส้หมู ไก่ เนื้อ กุ้ง แยกเป็นแถวๆ สาวๆกระเพาะเล็ก(หรอ) อย่างเราๆ สั่งมากินแทนข้าวได้ อร่อยยาวข้าววันกันเลยทีเดียวเลย
ราคาโดยประมาณ : $35 - $120
เปิด : 11am - 12am(midnight)
Site : http://www.tasty.com.hk/
ที่อยู่ : 1204-1205 , Hysan Place , Causeway Bay
Café Matchbox
ข้ามมื้อเย็นของเมื่อวานไป เพราะอาหารที่กินจากช่วงบ่ายเมื่อวาน อิ่ม+แน่นมากยังไม่ย่อยเลย..ดีนะ เตรียมตัวมาดี กะไว้แล้วต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อิชั้นจัดอีโน กาวิสค่อน ยาช่วยย่อยมาจากเมืองไทยด้วยซะเลย ฮ่าาาๆ ถือว่าพร้อมลุย
มื้อเช้าวันนี้เรามากินกันที่ Café Matchbox เป็นร้านที่เดินจากโรงแรมไปไม่ถึง 10 ก้าว ใกล้สุดๆ หน้าร้านดูเป็นแนวฮ่องกงวินเทจ เป็นร้านเล็กๆ อบอวลไปด้วยบรรยากาศแบบเก่าๆ เรามากินกันตอน 8 โมงกว่าๆ คนไม่เยอะมาก สงสัยจะไปทำงานกันหมดแล้ว
ชอบเมนูอาหารที่นี่เค้ามีรูปให้ดูทุกอัน แถมมีเบอร์ติดด้วย ..ง่ายต่อการสั่งและรับออเดอร์ สำหรับเมนูอาหารเช้ามีอยู่หลายอย่าง หลังจากเจออาหารจัดเต็มเมื่อวาน เราเลยเซพกระเพาะไว้กินร้านอื่น สั่งเป็นจานๆมา แต่ก็เยอะอยู่ดี TT TT
อาหารที่เราสั่งมากันนั้นก็จะมี..
มักกะโรนีต้มใส่เบคอน (A) จานนี้อาหย่อยยยกินง่ายย น้ำซุปเข้มข้น ..กินหมดนะบอกเลยอันนี้ แฮร่~
ข้าวโอ๊ตใส่นม (B) คนฮ่องกงกินอันนี้ เหมือนกับคนไทยกินโจ๊ก รสชาติแป้งๆ หวานๆ
ขนมปังเนย ไข่ไม่สุก (C) ใครติดซอสอาจจะไม่ชิน ที่นี่เค้าไม่ใส่อะไรเพิ่มเลย อาจมีโรยเกลือบ้าง ..ยกมือไม่ชิน ><
ชานม (D) สั่งอันนี้มาเพราะอยากลองของออริจินอล ชิมอึกแรก โฮววว..ชาเข้มและจืดมากก TT TT ใส่น้ำตาลเพิ่ม 3 ช้อนรสชาติก็ยังไม่เหมือนที่ไทย ..เลยตระหนักว่า บ้านเรากินหวานมากกกก ไม่สงสัยเลยว่าแก้วเดียวก็อ้วนได้
ส่วนทาร์ตไข่ (E) เสียดายไม่ได้ลองง เอารูปมายั่วน้ำลายเล่น น่ากินจัง~
ราคาโดยประมาณ : $32 - $62
เปิด : Mon - Sun , 7am - 12am (midnight)
Site : www.cafematchbox.co.hk
ที่อยู่ : G/F, 2 Sun Wui Road, Causeway Bay
Allegretto Viva Espresso
บ่ายแก่ๆ วันที่สองเราดั้นด้นมาร้านกาแฟที่ย่าน Tsim Sha Tsui เพื่อที่จะมาร้าน Allegretto ..หลายคนอาจะสงสัย ดูจากหน้าร้านก็ดูธรรมดา แต่หมัดเด็ดมันอยู่ที่ ฟองนม 3D ที่ลอยอยู่ในแก้วววววว และแถมเป็นรูปแมวด้วย ทำงี้ทาสแมวเกินต้านทาน ขอยลโฉมสักแก้วละกันน
บรรยากาศภายในร้านดูโมเดิร์นๆ โทนดำแดง มีคนแวะเวียนมาไม่ขาดสาย จะมีคนไทยบ้างมั้ยน้าา.. พูดมาตั้งนานลืมสั่งกาแฟเลย
สำหรับกาแฟหรือเครื่องดื่มอะไรก็ตามที่มีฟองนม 3D โปะหน้า แต่ละแก้วนั้นมีบาร์ริสต้าหนุ่มรูปงามประจำร้านเป็นคนปั้นฟอง ใช้เวลาทำ 30 นาที เค้าเลยจำกัดให้สั่งได้แค่โต๊ะละแก้วเท่านั้น T T ..ไม่สามารถเก็บภาพขั้นตอนการตีฟองนมมาให้สาวๆ ดูได้ ไปดูหน้าตาตอนเสร็จเลยละกันเนาะ
น่าร้ากกกกกกก กานต์และพี่เกดใช้เวลาถ่ายรูปคู่กับน้องแมวอยู่นานนพอควร จนค่อยๆ จมลงๆ ถึงตัดใจได้ว่า อะเคร..กิน 55 นอกจากกาแฟ ช็อคโกแลต และชาชนิดต่างๆ แล้ว ขนมของหวานก็มีนะ
ราคาโดยประมาณ : เครื่องดื่ม $18 - $38 , ของหวาน $12 - $34
เปิด : Mon - Fri 8am - 8pm | Sat - Sun 10:30am - 8pm
Site : FB Page - Allegretto-Viva-Espresso-Hong-Kong
ที่อยู่ : Shop 1A, Promenade Level of Tower 3, China Hong Kong City, 33 Canton Road, Tsim Sha Tsui
Baby Café
มื้อค่ำของวันที่สอง เรามากินที่ร้านนี้ Baby Cafe ครั้งแรกที่ฟังชื่อร้านนี้นึกว่าเป็นร้านอาหารแนวเด็กๆ ใสๆ แต่พอเสิร์ชหาข้อมูลดู...อ้ออ เป็นร้านของดาราสาวสวย AngelaBaby ถึงแม้จะไม่มีผลงานในไทย แต่คนไทยหลายคนก็รู้จักเธอ :) อาหารที่ร้านสไตล์ Western , Japanese Fusion เปิดมาตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน 2011 ถือว่าเป็นร้านที่ดังอยู่พอสมควรเลยที่ฮ่องกง หนุ่มๆ สาวๆ เค้ามากินกันเยอะมากกกกก ถึงขนาดมีกดบัตรคิวรอกันเลยทีเดียว ..แต่บรรยากาศแบบนี้ คุ้นเคยนะ ฮ่าาๆ เพราะกินข้าวในห้างบ้านเราก็กดบัตรคิวกันตล๊อดดตล๊อดด
สาขาที่เรามาคือสาขา Langham Place ชั้น 11 ที่ย่าน Mongkok (ที่เลือกมาสาขานี้เพราะชั้นล่างสุดมี H&M อิอิ) แต่จริงๆร้านนี้เค้าก็มี 3 สาขานะ อีกสองที่ตั้งอยู่ที่ Tsim Sha Tsui และ Tuen Mun
ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดำ ดูชิคๆ เก๋ๆ มีสไตล์ ร้านไม่ใหญ่มาก แต่จำนวนโต๊ะนี่เยอะ แน่น อยู่ติดๆกันเลย ..มองไปรอบๆ ดูโต๊ะข้างๆ เริ่มหิว มามะมาเปิดเมนูสั่งอาหารกันดีฟ่าาาา
แค่อาหารเรียกน้ำย่อยมาก็ไม่ธรรมดาละ เป็นขนมปังก้อนกลมๆ มีกลิ่นน้ำผึ้งหอมมมๆ (A) ตามด้วยซุปแครอทรสชาติละมุนลิ้นน.น..
ส่วนจานหลักเราสั่งเมนูที่ Angela เค้าแนะนำ อันได้แก่..
Angela Tasting Platter (B) มีอาหาร 3 อย่างอยู่ในจานเดียว มีทั้งสปาเกตตี้ ขนมปังหน้าไข่สไตล์ญี่ปุ่น และสลัดแซลมอน เหมาะกับสาวๆมากเมนูนี้ ได้กินหลายๆอย่างในจานเดียว การจัดวางอาหารชนะเลิศมากก แค่ได้ถ่ายรูปมาอัพ IG อวดเพื่อนๆ ก็ฟินละ ฮ่าาาาๆ
Seared Tuna Salad with Japanese Hollandaise Sauce (C) เป็นสลัดทูน่าที่ไม่รู้สึกเลยว่ามันเป็นปลาดิบ เพราะไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด กินคู่กับซอสที่ราดมาอร่อยฝุดๆ
เมนูสเต็กจำชื่อไม่ได้ - -" (D) เนื้อนุ่ม ไม่เหนียวมาก จานนี้อาหารในจากสีสันตัดกันดีจัง เขียว เหลือง แดง แฮร่...ชอบบบ ~
เครื่องดื่มที่เราสั่งนี่ลอกมาจากโต๊ะข้างๆ เห็นสีสันของผลไม้ก้นแก้วแล้วใจละลาย สั่งพนักงานเลยขอแบบนี้ๆ ..พอเปิดดูเมนูชื่อก็น่ารักกก "Baby in Love" เป็นเครื่องดื่มรสอะไรไม่รู้ ประหลาดๆ หอมๆ อร่อยดี ฟินสุดตรงตักผลไม้มากินนี่ละ :DD
เนื่องจากคนเยอะมาก เราเลยไม่ได้สั่งของหวานมากิน ฮืออ.อ เสียดาย สาวๆคนไหนแวะไปกินแล้ว มารีวิวให้ฟังบ้างนะคะ ว่าอันไหนอร่อยบ้างงง
ราคาโดยประมาณ : เซ็ตอาหารพร้อมเครื่องดื่ม Lunch $88/ Dinner $128 , ของหวาน $12 - $34
เปิด : Mon - Sun 12pm - 11:30pm (midnight)
Site : http://www.babycafe.com.hk/
ที่อยู่ : L11-30, Langham Place, Mongkok
Lin Heung Tea House
กินดีอยู่ดีที่ฮ่องกง 2 วันละ ร้านอาหารที่เรากินกันถึงแม้บางร้านจะเป็นร้านอาหารฮ่องกง แต่ก็เป็นร้านที่อยู่ในห้าง ..วันที่สามไม่มื้อใดก็มื้อนึงขอกินแบบฮ่องกงแท้ๆ บรรยากาศฮ่องกงจ๋าาาบ้าง วันนี้เราเลยนั่ง Metro ลงสถานี Central ต่อแท๊กซี่มากินมื้อเช้ากันที่ร้าน Lin Heaung ซึ่งเป็นร้านติ่มซำที่เก่าแก่ที่สุดร้านนึงในฮ่องกง เปิดร้านมาตั้งแต่ปี 1926 นู้นนแหนะ ..สังเกตง่ายๆ ร้านตั้งอยู่ตรงหัวมุมแยกถนนพอดีเลย
เข้ามาในร้าน เดินขึ้นบันไดพรหมแดงมาชั้นสอง แว้บบบแรก..เชื่อละว่าฮ่องกงแท้ๆ ออริจินอล มีแต่คุณลุง คุณป้า มากินกันเยอะมากก แทบจะหาที่ว่างไม่เจอ นั่งโต๊ะไหนดีนะ.. พนง.ก็ค่อนข้างมีอายุ - -" ไม่สามารถพูดคุยด้วยภาษาปะกิดได้ ..เดินหาที่นั่งเองเลยละกัน (มีที่ว่างตรงไหน สามารถนั่งได้เลยอาจจะไม่เป็นโต๊ะส่วนตัว ต้องนั่งรวมกับคนอื่นนะคะ)
บรรยากาศค่อนข้างชุลมุน วุ่นวาย เสียงดังจอแจ ตามสไตล์คนที่นี่ รู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ และเนื่องจากมีคนมากินที่นี่เยอะมาก พนง.เค้าจะไม่มารับออเดอร์เรา (ตอนแรกก็นั่งรอตั้งนาน) เค้าใช้รถเข็นที่เต็มไปด้วยติ่มซำ ของทอด ของหวานใส่ลงไปเลย แล้วเดินเข็นช้าๆ วนไปทั่วร้าน ..ซึ่งเป็นจุดเด่นของร้านนี้เลย เพราะการใช้รถเข็นเสริฟติ่มซำ แบบดั้งเดิมร้านสมัยใหม่ในฮ่องกงไม่ค่อยมีละ ถ้าใครจะกินอะไรก็เดินไปหยิบและยื่นโพยที่อยู่ที่โต๊ะให้เค้าสแตมป์ ตามช่องราคา (ประมาณว่า จานเล็ก กลาง ใหญ่ แพงสุด เหมือนซูชิ ที่มีจานสีต่างๆ กันตามราคา) กินเสร็จก็ค่อยเอาใบนี้ไปคิดตังค์ที่เคาท์เตอร์
เนื่องจากร้านที่เราไปกินวันก่อนๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้าง.. และด้วยความที่กานต์เพิ่งมาฮ่องกงครั้งแรก มาร้านนี้เลยเพิ่งเห็นธรรมเนียมการล้างจานชามตะเกียบก่อนกิน คือ พอเรานั่งโต๊ะปุ๊บ พนง.ก็จะเอากาน้ำชามาให้ พร้อมกับอุปกรณ์การกิน ซึ่งตอนแรกนึกว่าชาเนี่ยมีไว้กิน กำลังจะเท พี่เกดเบรกกก...แก เค้าไว้ล้างช้อน ตึ่งงง! เกือบไปแล้วตรู ที่เค้าทำแบบนี้ก็เพื่อให้คนกินสบายใจว่าอุปกรณ์การกินสะอาดนะจ้ะ
พูดมาสักพักละ รถเข็นมาพอดี เดินไปหาไรกินกันดีกว่าาา..
อาหารที่เราเลือกส่วนใหญ่ก็จะเป็นตระกูลติ่มซำทั้งหลาย มาถึงถิ่นเค้าก็ต้องกินอะไรตามคนที่นี่เค้าโหน่ยยย ขนมจีบ ฮะเก๋า บ๊ะจ่าง ซาลาเปา เมนูแนะนำของร้านคือ ซาลาเปาไส้เม็ดบัว เจ้าของร้านคุยว่า ทำเองทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบนั่นเลย ซาลาเปาลูกใหญ่ยักษ์ก็เป็น signature ของร้านนี้ เป็นขนาดแบบโบราณจริงๆ มีที่มาของขนาดใหญ่ยักษ์แบบนี้ คือ คนจีนที่มากินติ๋มซำไม่ได้ร่ำรวยมาก เค้าจึงกินเพื่อความอิ่มท้อง ซาลาเปาจึงลูกใหญ่มากก จะได้กินให้หนักท้องตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน
เมนูแนะนำอีกอันนึงคือ ลูกชิ้นที่ทำจากหมูบดโปะด้วยตับหมู ใครมาร้านนี้ เป็นต้องสั่งทุกโต๊ะ เคล็ดลับที่ทำให้จานนี้ แตกต่างจากร้านอื่นคือ ใช้ตับหมูสด เท่านั้น ทำให้ตับหมู นุ่ม เด้งตึ๋ง ไม่คาว ปกติไม่ได้ชอบกินตับ พอกินที่นี่แล้วซัดเรียบอะ 55 เวลานึ่ง น้ำซุปจากตับหมูจะซึมลงมาที่ลูกชิ้นหมูบดด้านล่าง ทำให้ลูกชิ้น รสชาติกลมกล่อม หอมมมมากกกกกกกกก
สิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านบอกเราคือ การให้ความสำคัญกับวัตถุดิบต่างๆ อย่างพวกหมู ได้มาจากฟาร์มโดยตรง ไม่ได้ผ่านหลายต่อ วัตถุดิบที่ร้านนี้จะสด ใหม่ สะอาดอยู่เสมอ ยากที่จะเลียนแบบ เพราะงั้นใครมาฮ่องกง ห้ามพลาดที่จะมาร้านนี้เก็บได้ทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารที่ดังเดิ๊มมดังเดิมจริงๆค่ะ :)
ราคาโดยประมาณ : $41 - $100
เปิด : Mon - Sun 6am - 11pm
Site : -
ที่อยู่ : 160-164 Wellington Street, Central
VeggieSF Café
บอกเลยว่าอยากมาร้านที่สุดดดดดดด..ยิ่งเป็นสาวกมนุษย์กินพีชเป็นหลักอย่างเราๆ ตื่นเต้นมากก บอกเลย โฮะๆ VeggieSF Café ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ย่าน Central เป็นคาเฟ่ร้านอาหารมังสวิรัตสไตล์เวสเทิร์น
ในร้านตกแต่งร้านสไตล์วินเทจยกเมือง San Francisco ในยุค 50 มาอยู่ที่นี่ แค่ก้าวออกมาจากลิฟท์ก็เหมือนอยู่อีกยุคนึง อีกซีกโลกนึงเลย สีสันละลานตา มีของน่ารักๆ กระจุกกระจิก ของสะสมกระจายตัวตามจุดต่างๆ ในร้าน มองไปรอบๆก็เพลินดีเหมือนกันแฮะ..
เรามากินกันในวันธรรมดาซึ่งเป็นช่วงเที่ยงพอดี เลยมีหนุ่มสาวออฟฟิชมากินกันอยู่เรื่อยๆ และบางช่วงคนก็เยอะจนต้องรอคิวกันหน้าลิฟท์ลยทีเดียว อาจะเป็นเพราะช่วงอาหารเที่ยงเปิดถึงแค่บ่าย 3 เท่านั้น คนเลยรีบมากินกัน
มาดูกันซิว่า เมนูผักๆ จะหน้าตาและรสชาติของอาหารจะเป็นยังไง จะน่าทานขนาดไหนไปดูกันเล้ยยย ยย ย
บอกเลย...อาหารหน้าแบบนี้ ใครจะไปคิดดดว่าทำจากผักทั้งหมด Veggie no MSG จ้า !
ประเดิมกันด้วยซุปแครอทข้น แต่ไม่มาก มีกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ดี
ก๋วยเตี๋ยวยำๆสไตล์ไทยๆ ชื่อว่า "Sawadee" (A) หน้าตาเหมือนก๋วยเตี๋ยวยำบกบ้านเรา ก่อนกินต้องคลุกเคล้าให้เข้ากัน เพราะน้ำยำจะอยู่ด้านล่าง เปรี้ยวๆ จี๊ดๆ กับผักชี หมูปิ้ง(ปลอม) โอ๊ยย ฟิน
I'm Fabulous (B) เบอร์เกอร์จานบิ๊ก Signature ของร้าน
จริงๆ มีให้เลือก 3 แบบ คือ Signature Beetroot Pate// Crispy black pepper soy patty// Grilled Portobello&Sweet Pineapple เสริฟ์พร้อมสลัด
แน่นอนว่าเราเลือกของแปลก ที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน Signature Beetroot นั่นแหละ แม้จะคำใหญ่ไปนิดดด กินยาก (จะหยิบกินก็เขิลผู้ชายโต๊ะข้างๆ) แต่รสชาติก็โอเคอยู่นะ
ตรงส่วนที่เป็นเนื้อบดที่ปกติทำจากเนื้อสัตว์เปลี่ยนมาใช้บีทรูทหั่นหยาบ ผสมซอสมะเขือเทศ ออกมาหน้าตาและ texture เหมือนเบอเกอร์ซอสเนื้อบดเป๊ะ ล้ำมาก
นักเก็ต (C) ..ลักษณะ รูปร่าง หน้าตา รสชาติเหมือนนักเก็ตเนื้อสัตว์เด๊ะๆ เลยค่ะ ทำจากเห็ด ผสมเต้าหู้เนื้อแข็ง (คิดได้ไงอะ) อันนี้อาหย่อยยกินไปเม้าไปได้เรื่อยๆ แป๊ปเดียวหมด
ลาซานย่า (D) แป้งเนื้อหนา นุ่ม ระหว่างชั้นคั่นด้วยผักต่างๆ พริกหวานเขียวแดง ข้าวโพดและอื่นๆ หอม อร่อยล้ำ
ข้าวแกงกะหรี่ (E) กัดคำแรกให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อจริงๆ มากกก...แล้วยิ่งผสมปนเปรวมกับผงกะหรี่ด้วยแล้ว เข้ากันดีจัง~
ราคาโดยประมาณ : $42 - $128
เปิด : Mon - Sat 12pm - 3pm | 6pm - 9pm
Site : http://www.veggiesf.com
ที่อยู่ : 10/F, 11 Stanley Street, Central
Tea Saloon by Another Fine Day
หลังจากที่มื้อเที่ยงได้ไปแวะกินอาหารมังสวิรัตหน้าตาและรสชาติดี๊ดีที่ร้าน VeggieSF แล้ว...บอกตรงๆ เลยว่าพืชผักย่อยง่ายเหลือเกิน ไม่ทันไรเริ่มหิวซะแล้ว..
เราเลยแวะมาจิบชาที่ร้าน Tea Saloon by Another Fineday เพื่อเติมความหวานเข้าสู่กระแสเลือด! การเดินทางก่อนที่จะไปถึงร้านนี้ เราจะต้องขึ้น บันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งโดยรวมจะมีความยาวประมาณ 800 เมตร พาดผ่านย่าน Central ไปย่าน Mid-Levels ..เค้าบอกว่าถ้ายืนเฉยๆ จนสุดทางจะใช้เวลา 20 นาที ซึ่งคนที่ส่วนใหญ่เค้าก็เดินกัน ถือว่าใช้เวลาน้อยลงอีกแถมได้ออกกำลังกายด้วย ..แหมะ ว่าแล้วก็เดินมั่งละกันเนอะ อ้อ..มาฮ่องกงนี่ เดินขึ้นบันไดเลื่อนอย่าลืมยืนชิดขวานะคะ มิฉะนั้นอาจจะโดนชนได้ (เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตามเค้าละกัน)
จากบันไดเลื่อนยาวววว เราเดินลัดเลาะมาตามซอกซอยจนมาเจอร้านสีม่วงพาสเทลสดใส...ร้าน Tea Saloon by AnotherFineDay ร้านชาและขนมหวานน่ารักๆ ชวนหลงไหล ..เมื่อเข้ามาในร้าน มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสาวๆ ที่มานั่งเม้าท์ นั่งจิบชาคุยกัน
เราได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของร้าน เป็นคนเบื้องหลังวงการโฆษณา แน่นอนว่าที่มาที่ไปต้องไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยเรื่องราว แรงบันดาลใจและไอเดีย!! ที่มาของร้าน เกิดจากความต้องการที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้คน คิดไปคิดมา จึงได้ออกมาเป็นคอนเซปของร้าน คือ การสร้างพื้นที่เล็กๆ ไว้ให้ผู้คน เหมือนเข้ามาอยู่อีกโลกนึง ตัดขาดจากวิถีชีวิตที่แร่งรีบแบบฮ่องกง แบ่งปันเรื่องราว พูดคุย พักผ่อนให้กับผู้คนโดยผ่านน้ำชาคุณภาพที่คัดมาจากทั่วทุกมุมโลกและขนมของหวาน ที่ทำให้ทุกๆวัน ก็คือวันดีๆ วันนึงของคุณ ซึ่งนั่นก็คือชื่อร้านแรก Another Fine Day ที่ขายของตกแต่งบ้านสไตล์ผู้หญิ๊งผู้หญิง ตอนหลังก็มีมุมจิบชา รายล้อมด้วยโซฟาน่ารักๆ ของแต่งบ้านสวยๆ มีกิมมิก ที่น่ารักมากกก คือ ให้แขกผู้มาเยี่ยมเยือนนั่งจิบชาในร้าน เขียนจดหมายหาตัวเอง ปิดผนึกเอาไว้ แล้ว วันนึง ทางร้าน จะเอาจดหมายไปส่ง (ไม่มีกำหนดว่าจะส่งเมื่อไหร่ ถ้าหากเมื่อไหร่คุณได้รับจดหมายนั้น สามารถถือจดหมายกลับมาที่ร้าน และดื่มน้ำชาฟรีได้เลยจ้า....) ด้วยความน่ารักเหล่านี้เอง หลายๆคนติดใจ จึงต้องขยับขยายมาเปิดเป็นอีกร้านนึงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เมื่อช่วงเดือนเมษาที่ผ่านมา :)
ร้านใหม่บนเนิน โลเคชั่นเงียบสงบนี้ที่ทำให้เรา ว้าวว.ว กับ Concept ของร้าน คือ การคิดค้นผสมผสานชาจากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย อังกฤษ จีน และอื่นๆ ออกมาเป็น ชา 9 แบบ ตาม นพลักษณ์ (การแบ่งนิสัยของคนออกเป็น 9 ชนิด หรือ Enneagram) เท่าที่ทำมาสังเกตว่า ลูกค้า ก็มักจะเลือกชา ตรงตามลักษณ์ของตัวเอง โดยบังเอิญเช่นกัน พิสูจน์มาแล้วว่าจริงค่ะ! กานต์เลือกสั่งชา Madam Gray ที่ข้างกล่องชาเค้าบอกว่า "I recoginze my beauty and that of others" ดูเป็นคนดีมะ 55 ซึ่งก็เป็นคนคิดบวกแบบนั้นแหละ ..แต่จริงๆ แล้วบางช่วงเวลาเราก็อาจเป็นชาแบบอื่น หรือมีลักษณะนิสัยอื่นปะปนอยู่ด้วยก็เป็นได้นะ
พูดถึงของหวานกันบ้าง...ที่นี่เค้ามีจัด Afternoon Tea Set สำหรับหนุ่มๆ และคุณสาวๆ เอาไว้ด้วย มีทั้งของคาวและของหวานในเซ็ตเดียวกัน แน่นอนว่าของสาวๆ มีของคาวกรุบกริบและเน้นหนักไปทางของหวาน ส่วนของหนุ่มๆ จะเน้นหนักไปที่ของคาว ตบท้ายด้วยของหวานเล็กน้อย ทั้งสองเซ็ตเสิร์ฟพร้อมชาร้อนๆ จิบให้คล่องคอ ว่าแล้วเราก็สั่งมาชุดใหญ่เอาทั้งสองแบบรวมกันเลยละกัน
แต่ละอันไซส์เล็กกะทัดรัด ขนาดพอคำ ..พอมีทั้งของคาวอย่างพวกแซนด์วิช สลัด และของหวานๆ รวมอยู่ในอันเดียวนี่ดีเหมือนกันนะ ละลานตาหลากหลายดีจัง อะอ้ามม.มมม.ม อร่อยจุงเบยย~ TT TT *น้ำตาไหลพราก*
แนะนำเลยจ้า สโคนกุหลาบ กินคู่กับ แยมสตอเบอรี่กุหลาบ และวิปครีมสด หอมกุหลาบอบอวลมวลลิ้น
หลายอย่างที่ดูน่าจะหวานมากๆ กะแตะๆ ชิมนิดเดียวก็พอ..ที่ไหนได้ผ่านไปสักพักหายเรียบบบบ
คัพเค้ก ที่ผสมชาเออเกรย์ ท็อปปิ้งด้วยครีมชีส เปรี้ยวนิดๆ ตัดกับความขมและหอมของชาในเนื้อเค้ก ไม่รู้จะบรรยายยังไง
และจานนี้ ที่สุดของที่สุด เป็นทั้งอาหารตาและอาหารปาก 5555 Strawberry&Cream
เป็นขนม ที่เรียกว่า pop over ด้านนอกจะกรอบๆ พองด้านใน คล้ายๆ ครัวซอง ผสมพุดดิ้ง (อิเมจิ้นรสชาติ ความหอมกรอบและ texture เป็นชั้นๆ ของครัวซอง ผสมกับความละมุน หอมไข่แดง ของพุดดิ้งที่อยู่ระหว่างชั้นผสมกันนะคะ อืมมมมมมม...นั่นแหละมาถูกทางแล้ว!! น้ำลายหกละใช่ป่ะ ฮ่า ) ด้านบนโปะมาด้วยวีปครีมหอมๆ และราดด้วยแยมกลีบกุหลาบ หวานๆ เปรี้ยวๆ ตกแต่งด้วยดอกลาเวนเดอร์สีเหลืองอ่อน กินแล้วลืมอ้วนไปเลยจ้า.........
ปกติอยู่เมืองไทยไม่ค่อยลุ่มหลงเรื่องของหวานซักเท่าไหร่ ไม่ได้เพราะกลัวอ้วนหรอกนะคะ..แต่ร้านที่ไทยมักจะหวานมากกกจนเลี่ยน กินได้ครึ่งนึงก็จอดละ มากินที่นี่ยอมรับเลยว่ากินแทนข้าวก็ยอมอะ ยอมจริงๆ ข้าวเย็นวันนี้งดละ จัดเต็มขนาดนี้อิ่มยันเช้าเลยละกัน
ราคาโดยประมาณ : Afternoon Tea Set $288 , อาหารและของหวาน $138 - $178 , เครื่องดื่ม $40 - $60
เปิด : Tue - Fri , 12pm - 7pm | Sat - Sun 10:30am - 7pm
Site : FB Page : Tea Saloon By Anotherfineday , http://www.anotherfineday.com.hk
ที่อยู่ : 80-82 Peel Street, Midlevels
Teakha
วันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเต๊บบ เรามาเที่ยวกันที่ย่าน Sheung Wan บ่ายๆ เลยขอแวะเติมพลังซักหน่อย เลยมาที่ร้าน Teakha ไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อร้านภาษาไทยรึปล่าว ทีค่ะ..ถ้าแปลเป็นไทยก็..ชาค่ะ :)
ร้านนี้เค้าขายชาจากหลายประเทศ รวมทั้งชาจากประเทศไทยและมีขนมเค้ก เบเกอรี่ให้กินด้วย แถวย่านนี้ไม่ค่อยมีร้านเครื่องดื่ม ที่นี่เลยเหมือนเป็นโอเอซิสของย่านนี้ เราเดินหาร้านนี้อยู่ตั้งนาน ..ถ้าไม่มีป้ายกาน้ำชาสีเขียวฟ้าติดอยู่หน้าร้านเราจะไม่รู้เลยนะ เพราะตัวตึกรามบ้านช่องแถวนี้หน้าตาเหมือนกันหม๊ดด.ด - -"
ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนๆกัน แต่พอเข้ามาในร้านแล้วเย็นสบาย(เพราะแอร์..ไม่ใช่ละ 55) เป็นร้านเล็กๆ มีไม่กี่โต๊ะ แต่ก็สามารถมานั่งด้านนอกได้ ซึ่งช่วงวันเสาร์อาทิตย์คนมากินกันเยอะ เค้าจะตั้งโต๊ะวางยาวเต็มหน้าร้านเลย
เอาล่ะ...สั่งของมากินกันดีกว่า กินอะไรดีน้าาา..
เครื่องดื่มและชาที่เราสั่งก็จะมี..
ชาสมุนไพรใส่ตะไคร้ ขิง โหระพา (A) ..ฟังชื่อเห็นจากหน้าตาแล้วดูอึ๋ยยๆ เขียวๆ แต่พอลองจิบๆดู สดชื่น โล่งคอดีนะ
ชามะนาว (B) ที่รสไม่ได้เหมือนบ้านเราไม่มีความเปรี้ยวเลย และไม่หวานมาก แต่หอมเลมอนที่เราต้องใช้ช้อนบดๆ
อันสุดท้ายเป็นน้ำกระเจี๊ยบ (C) หน้าตาดี รสชาติก็ธรรมดา ปกติ แต่ดีตรงที่ไม่หวานเกินไป ถือว่าผ่าน
แต่บอกเลยประทับใจขนมร้านนี้มากก.กถึงมากที่สุด ทั้งเค้กชาเขียว (D) ที่กินจนหมดก็ยังไม่รู้สึกหวานเลี่ยน สโคน (E) ที่รสละมุนๆ หอมหวาน และแซนด์วิชแฮมมะเขือเทศ (F) ที่คลุกเคล้าเครื่องเทศ ห๊อมมหอม จนอยากจะซื้อขึ้นเครื่องกลับมาฝากคนที่บ้านเลยทีเดียว
ราคาโดยประมาณ : ขนม $15 - $55 , เครื่องดื่ม $32 - $45
เปิด : Tue - Sun , 11am - 7pm
Site : http://www.teakha.com
ที่อยู่ : No. 18b, Tai Ping Shan Street, Sheung Wan
Tim Ho Wan
เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลื๊ออเกินนน..มาถึงวันสุดท้าย มื้อสุดท้ายแล้ว TT TT เรามากินมื้อเย็นกันที่ร้านติ๋มซำ Tim Ho Wan อยู่ในห้าง IFC Mall ซึ่งเป็นห้างที่มี Apple Store ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง และเป็นห้างที่มีสถานี Metro เราจะนั่งต่อไปยังสนามบิน ..เราเลยแวะกินกันที่นี่ก่อนลาจากเมืองใหญ่อันแสนคึกคักแห่งนี้
ร้านนี้การันตีความอร่อยแท้แน่นอน จากรางวัล Michelin One-Star Restaurant เลยนะ สาขาอื่นๆนี่ต่อคิวกันยาวมากกกกกกว่าจะได้กิน แต่สาขาและช่วงที่เราไปกินคนยังไม่ค่อยเยอะ ถือว่าโชคดีเพราะเริ่มหิวแล้ว สั่งอาหารกันเต๊อะ...สั่งอาหารที่นี่ก็ง่ายนะ เมนูมีภาพประกอบให้ตัดสินใจ หยิบโพยภาษาปะกิด อยากกินอะไรก็ติ๊กๆ ส่งยื่นให้พนักงานได้เลย
รอประมาณ 10 นาที แข่งร้อนๆก็มาเสิร์ฟ ตามด้วยอาหารหลายจากนมากมายเต็มโต๊ะ.. อาหารที่เราสั่งหลักๆ แน่นอน....ติ่มซำ กินกันให้เบื่อไปเลยข้างนึง 55
เราจำชื่อของแต่ละเมนูไม่ได้ แต่สี่แข่งในรูปการันตีเลยว่าอร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ ปอเปี๊ยะทอดใส้แน่น มีซาลาเปาแป้งกรอบใส้หมูบาบีคิวด้วยนะ เนื้อแป้งรสคล้ายๆมิสเตอบัน ตีเป็ดตุ๋นเนื้อเปื่อยกำลังดีดูดแล้วกลืนลงคอได้เลย อันสุดท้ายเป็นแป้งทอด คล้ายๆขนมผักกาดบ้านเรา
เห็นแต่ละแข่งแต่ละจานดูไม่ได้เยอะ บอกเลยเนื้อแน่น ใส้แน่นมากก กินไม่หมดเลยทีเดียวว = =" แต่ร้านนี้ถือเป็นร้านนึงเลยนะที่ต้องแวะเวียนมาลองกินให้ได้เวลามาฮ่องกง ยิ่งสาขานี้ก่อนไปสนามบินหรือเพิ่งมาจากสนามบินมากินจิสะดวกสุดๆ นอกจากจะอร่อยแล้ว ราคายังถูกมากกกด้วย
ราคาโดยประมาณ : $11 - $40
เปิด : Mon - Sun 9am - 9pm
Site : http://www.timhowan.com
ที่อยู่ : Shop 12A, Hong Kong Station (Podium Level 1, IFC Mall), Central
เป็นยังไงกันบ้างคะ...ดูแล้วหิวกันบ้างมั้ยย ขอสารภาพเลย ณ จุดนี้เขียนรีวิวเสร็จหิวมากกกกกก 55555 นี่รีวิวเกือบครบทุกมื้อเลยนะ สาวๆ ชอบเมนูไหน ร้านไหนกันบ้างคะ :D
ใครที่ไปฮ่องกงอย่าลืมแวะไปลองร้านต่างๆ ที่รีวิวไปนะคะ หรือสาวๆ คนไหนที่ไปบ่อยมีร้านไหนแนะนำ บอกต่อกันได้เลยนะ เรื่องกินต่างแดนนี่เราไฟว์มากกก ไปทั้งทีต้องไม่พลาด อิอิ
สำหรับกระทู้หน้าของการไปเที่ยวฮ่องกงจะเป็นเรื่องอะไรนั้น อดใจรอกันอีกซักนิด บอกเลยว่าสนุกแน่ตอนหน้าาาา รอติดตามชมกันได้เลย!
จิ้มดู 2 ตอนย้อนหลังได้เลยจ้าาา..
Hong Kong Treasure Hunt : ตอน เที่ยวแบบชิคๆ พักแบบฮิพๆ
Hong Kong Treasure Hunt : ตอน ช้อปปิ้งเมืองใหญ่ กินเที่ยวจัดเต็ม
มีร้านเด็ดที่กินทุกย่านดังแล้ววว..ที่พักล่ะจ้ะมีรึยัง? เรามีส่วนลดห้องพัก 40% ที่ Mini Hotel ฮ่องกงทั้ง 2 สาขา สำหรับสาวๆจีบันด้วยน้าา กดดูที่รูปได้เลยค่ะ :D
Discussion (8)
น่ากินนนที่สุดดดด
หิวเลย กานต์จิ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก สุดยอดมากค้า หิวข้าวเลยตอนนี้ 55555
ติดตามกระทู้ฮ่องกงมาหลายตอน รอรีวิวร้านอาหารอย่างใจจดใจจ่อ
มาแบบจัดเต็มตามสไตล์ Jeban