REVIEW* FILLER จมูก + BOTOX กราม จ้าา

9 17
สวัสดีค่ะ แนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ เชอรี่ อายุ 24 ปีนะคะ เคยรีวิวอะไรบ้างนิดหน่อยในจีบันแต่นานมากกกกแล้ว

วันนี้มาตั้งกระทู้รีวิวหลังจากฉีดแล้วครึ่งปีค่ะ เผื่อเป็นแนวทางให้คนที่อยากไปทำนะคะ




รูป Before-after 

สาเหตุที่อยากทำ -- เพราะไม่มีดั้งค่ะ เป็นปมมาตั้งแต่เด็กว่าไม่มีดั้ง พ่อ+แม่ดั้งก็โด่งทำไมหนูไม่มี!!!!!!!! 
ตอนเด็กๆจะโดนล้อประจำว่า เก็บมาจากถังขยะบ้าง ใต้สะพานลอยบ้าง พ่อกะแม่ก็เกี่ยงกันว่าเราหน้าเหมือนใคร! (T_T)
แต่ประเด็นที่อยากทำจริงๆคือ เอาไว้วางแว่นค่ะ สายตาสั้น ใส่แว่นแล้วมันชอบไหลๆอ่ะ
เลยคิดว่าถ้าชั้นมีดั้งคงไม่ต้องดันแว่นบ่อยๆ

พอเริ่มโต ที่บ้านจะปลอบใจตลอด ว่าถ้าเข้ามหาลัยจะให้เงินไปทำดั้ง จนทำงานแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะให้ 555
อ้างโน่นนี่นั่นตล๊อดดดดด เช่น ไม่กลัวเน่า กลัวทะลุ บ้างหรอ??? อะไรแบบนี้ค่ะ
ตอนแรกๆร้องไห้เลย บอกว่าถ้าจะไม่ให้ทำแล้วมาหลอกหนูทำมายยยยยย
โฮววววววววววว เสียจายยยยยย คุณหลอกดาววววววว
พอทำงานแล้วก็เลยเก็บเงินๆๆๆๆค่ะ ตั้งใจว่าต้องทำให้ได้

ทีนี้ก็มาเลือกหมอ เล็งๆไว้หลายคน แต่ลองไปปรึกษาหมอกมล ที่ทาวน์อินทาวน์ค่ะ
เอาแบบจมูกของญาญ่าญิ๋งไปให้หมอ(กมล)ดู 
(มีคนเคยบอกว่าหน้าคล้ายๆกัน มีไฝที่หน้าเหมือนกันด้วยอ่ะ)
หมอมองๆหน้า จับจมูกดึงๆ แล้วบอกว่า เอาโด่งแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ทะลุชัวววว
จะทำได้ก็ต้องตัดกระดูกหลังหูมาดามไว้!!!!!!!!!!!!!!!!!
โอ๊ยยยย แค่ทำใจจะมาทำจมูกยังยากเลยค่ะหมอขาาา ถ้าต้องตัดกระดูกหูด้วยนี่ ถอยยยยยยดีกว่าาาาาค่าาาาาา

เลยถอดใจ เบนเข็มมาทางฉีดฟิลเลอร์แทน ที่บ้านเริ่มระแคะระคายละว่าจะไปทำ 
ก็เข้าคอนเซ็ปเดิมค่ะ เน่าแน่ ทะลุแน่ ไม่มีให้กำลังใจเล้ยยยยย
พอเราบอกว่า ไม่ยัดแท่งๆละ จะฉีดเอา ยิ่งแย่กว่าเดิม เพราะเคสที่มีปัญหามันเยอะกว่ามากๆ 
ทั้งฟิลเลอร์ปลอม หมอเถื่อน/หมอกระเป๋า ฉีดพลาดเข้าตา ตาบอด ฯลฯ...
หนักเลยทีนี้ ที่บ้านแอนตี้มากกกกก ถึงมากที่สุด เพราะมันเสี่ยงเยอะกว่ามากๆ

สุดท้ายคือดื้อไปทำจนได้ค่ะ แต่ใช้เวลาหาคลินิกนานเหมือนกัน จนมาเจอที่นี่
ดูรีวิวมาสักพักละ ในพันทิปนี่แหละ พนักงานที่คลินิกมารีวิวเอง เพราะได้ส่วนลดพนักงานครึ่งนึง (การตลาดชัดๆ)
แต่เค้าอวยว่าหมอผช.ที่นี่เก่งเรื่องฉีดฟิลเลอร์นี้มาก มีใบประกาศอะไรๆนี่แหละ
เลยลองส่งเมลไปถามดู มีคุณหมอผญ.ตอบกลับมา เค้าตอบโอเคเลยนะ งั้นโง้นงี้
มาคุยกันก่อนได้นะคะ คุยกะหมอไม่เสียค่าปรึกษานะคะ
โทรเข้าไปถามที่คลินิกเค้าก้แนะนำว่า หมอผญ.อ่ะ มือขวาของหมอผช.เลยนะ มาปรึกษาไม่เสียตัง
แต่ถ้าหมอผช.คิวเค้าเยอะ ต้องเสียค่าปรึกษา500
ไอ้เราก็งก500 ลองไปดูลาดเลาก่อนก็ได้ฟระ

ไปถึงพนักงานก็มาชั่งนน. วัดความดัน แล้วก็แนะนำเยอะมาก ฉีดตรงนี้นั้นโน้นนะคะคุณน้องขาา....
ฮาร์ดเซลส์สุดริดค่าา
แต่เรายืนยันว่าจะพบหมอก่อน 
สุดท้ายคุยไปคุยมา เลยตกลงฉีดโบท็อกกรามด้วย หมอบอกว่าเป็นการปรับรูปหน้า เอาวะลองก้ลอง 
ก็ทำเลยค่ะ ขึ้นไปห้อง เค้าให้ยามากินกำใหญ่มากๆ มีขนมจีบ+น้ำเปล่าให้กินก่อนกินยาด้วย สงสัยยาจะแรง




แล้วก็โปะยาชาค่ะ เราก็นอนเล่นมือถือไปเรื่อยๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ชาได้ที่
จมูกเหมือนไม่ใช่ของตัวเองแล้วทีนี้ จากนั้นขั้นตอนที่เจ็บที่สุดก็มาถึงค่ะ นั่นคือ ฉีดยาชา!!!!!!!
เจ็บมาก น้ำตาไหล ใจจะขาดให้ได้ แต่ฮึดต่อ เพราะจ่ายตังไปแล้ว 55555 งกแหละประเด็น
รอแป๊บนึงก้ถึงพิธีการสำคัญค่ะ นั่นก็คือฟิลเลอร์ ช้านจะมีดั้งแล้วววววววว
ที่นี่มีจุดเด่นคือใช้เข็มปลายทู่ในการฉีดค่ะ แผลจะใหญ่นิดนึง แต่ลดความเสี่ยงเรื่องเข็มไปเจาะเส้นเลือดอื่นๆ

ตอนฉีดจะรู้สึกตึงๆค่ะ หมอจะฉีดทีละนิด แล้วปั้นให้เข้ารูป อันนี้ฉีดเข็มเดียวนะคะ
จากนั้นฉีดกรามต่อ หมอไล่เก็บตรงกลางให้ด้วย หน้าจะได้เรียวๆ



รูปหลังทำเสร็จสดๆค่ะ



โด่งขึ้นทันตา อิอิ (ขออภัยรอยสิวแอบเยอะ)



ดั้งหนูมาแล้ววววว ฮิ้วววววววว

ที่บ้านไม่มีคนรู้ค่ะว่าไปทำ เพราะไม่มีแผลที่เห็นได้ชัด มีรอยตรงจมูก1รู แล้วรอยเขียวๆตรงที่โบฯนิดหน่อย
แต่งหน้ากลบไปก้หาย



รูปนี้โนเมคอัพค่ะ



หลังทำ1อาทิตย์ค่ะ

ตอนแรกแอบจิตตก คิดว่ามันเบี้ยวๆ แต่ไปๆมาๆก็ชินค่ะ คงคิดมากไปเอง
คลินิคมีการติดตามผลที่ดีมาก ไลน์มาถามอาการทุกวันค่ะ ประทับใจๆ



หลังทำ1เดือนค่ะ

พบปัญหาเล็กน้อยว่า แผลตรงปลายจมูกหายช้ามากๆค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นจุดดำๆอยู่ แต่เอาคอนซีลเลอร์กลบก็หายค่ะ
มีวันนึง รู้สึกว่ามีอะไรไหลๆออกมาจากรูเข็ม ปรากฏว่าเป็นเจลใสๆค่ะ ตกใจมาก รีบโทรกลับไปถามที่คลินิก
เค้าบอกว่า  ฟิลเลอร์ยังสมานกับเนื้อเราไม่ได้ ให้กินน้ำเยอะๆ



หลังทำ2เดือนค่ะ



หลังทำ3เดือนค่ะ



ด้านข้างชัดๆค่ะ



รูปล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิ.ย.ค่ะ

สรุปว่า พอใจมากๆค่ะ สำหรับฟิลเลอร์คงจะไปเติมอีก ปีละครั้งพอ
โดยส่วนตัวคิดว่าชอบแบบนี้มากกว่าแบบเป็นแท่งที่เห็นได้ชัดค่ะ
เพราระมันดูธรรรมชาติมากค่ะ จนเหมือนไม่ได้ทำมา 555 มีหยดน้ำตรงปลายด้วย

ส่วนโบท็อกก็ชอบนะคะ แต่คิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ และคงไม่ทำอีก

สรุปว่าที่บ้านไม่มีใครสังเกตเลยค่ะจนผ่านไปแล้วเดือนนึง ทนไม่ไหว มันแน่นอก!!! ต้องยกออก!!!! เลยบอกไปค่ะ
ฟีดแบคก็แย่ๆนิดนึง แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก เพราะเห็นว่าโตๆกันแล้ว
เพื่อนบางคนก็บอกว่า ทำมาแล้วได้แค่นี้หรอ เสียดายตัง แต่เราว่ามันโอเคแล้วสำหรับเราค่ะ เอาพอแค่เกาะแว่นได้ก็พอ

บางวันรู้สึกว่าไม่ค่อยโด่งก็บีบๆขึ้นมาได้นิดหน่อย 
พยายามเลี่ยงความร้อนแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ กินน้ำเยอะๆแทน
แต่ที่ผิดหวังนิดๆคือ เวลาแต่งหน้าก็ยังคงต้องไล้ดั้งอยู่ดี 5555 บอกแล้วว่ามันธรรมชาติไป
เคยแต่งหน้าแต่ไม่ไล้ดั้งแล้วออกไปหาเพื่อน เพื่อนบอกว่า ตอนไล้ตั้งแล้วดูมีดั้งมากกว่าตอนนี้อ่ะแก เงิบบบบบบ

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจอยากทำนะคะ
ปล.จ่ายตังทำเองค่ะ ไม่มีสปอนเซอร์นะคะ

ลาไปด้วยรูปนี้ค่ะ



มาเพิ่มเติมเรื่องค่าเสียหายค่ะ เราทำที่ AIC Clinic พระรามสี่ นะคะ
ฟิลเลอร์ 1 หลอด 22000 บาท
โบท็อก ข้างละ 20 ยูนิต ยูนิตละ 500 บาท
อาจจะคิดว่าแพงไปเมื่อเทียบกับราคาตามรีวิวที่อื่นๆ
แต่เราถือว่าซื้อความสบายใจค่ะ 
ยอมจ่ายแพงแต่ได้ทำกับคุณหมอจริงๆ
สภาพคลินิกที่สะอาดและปลอดภัย เราว่าคุ้มนะคะ
เพราะมันจะอยู่บนหน้าเราไปสักพักใหญ่เลยล่ะค่ะ 
เลยต้องเลือกนิดนึงอ่ะเนอะ

^^


cherryqoo

cherryqoo

hi^^

สาวPlus sizeผู้โดดเดี่ยว

วัฏจักรชีวิตคือถูกปล่อยเกาะอยู่กลางอ่าวไทยหนึ่งเดือน
ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะมารับไปปล่อยในเมืองอีกสองอาทิตย์ แบบนี้วนไปเรื่อยๆ

ว่างเว้นจากการทำงาน จะมานั่งส่องเครื่องสำอางไปพลางๆ
เผลอๆก็กดลงตะกร้า โอนไวจ่ายตังเรียบร้อย กล่องไปนอนรอที่บ้าน

แบบว่าชอบโมเม้นตอนเปิดกล่องของขวัญน่ะ ถึงขึ้นเสพติดเลยแหละ

เป็นนักเดินทาง ที่เน้นช็อปปิ้งเป็นหลัก
เป็นนักชิม ที่กินจริงจัง ไม่แปลกใจทำไม Plus size

LINE ID : cherryqoosunday

FULL PROFILE