[ Gadget Review ] Samsung Galaxy Note 8.0 มินิรีวิวแบบฉบับสาวๆ

ตอนนี้ก็มีผู้ช่วยใหม่แล้ว นั่นก็คือ 

Samsung Galaxy Note 8 ที่เพิ่งออกมานั่นเอง 

ทีนี้มาดูเหตุผลกันว่าทำไมต้องเป็น Note 8 

สำหรับคนชอบดูเป็นวีดีโอ ตามนี้เลยค่า 

 

ประเด็นหลักเลยที่ดูอยู่ที่เรื่องของน้ำหนัก และต้องง่ายต่อการพกพา

เพราะไม่เอาโทรศัพท์ หรือ อะไรใส่ต่างๆกระเป๋ากางเกงอยู่แล้ว

Galaxy Note 8 นี่ผ่านเลยเพราะน้ำหนักเบา ถือนานๆก็ไม่เมื่อยมือ

ใส่เข้าไปในกระเป๋าถือแล้วไม่ต้องห่วงว่าน้ำหนักจะทำให้หูกระเป๋าเสีย

แต่วัสดุของ Galaxy Note 8 ที่ทำให้เบาก็คือ ฝาหลัง ซึ่งฝาหลังจะออกแนวพลาสติก ๆ

แต่ยังไงๆก็ต้องใส่เคสอยู่ดีจึงไม่กระทบอะไรกับรูปลักษณ์ภายนอกและเบาดีด้วย

ต่อมาก็ขนาด อย่างที่บอกคืออยากได้อะไรที่จอใหญ่กว่ามือถือ

Galaxy Note 8 ก็ตอบโจทย์ได้ดีอยู่เช่นกัน หน้าจอกว้าง 8 นิ้ว

และ Galaxy Note 8 ก็มีความละเอียดของหน้าจอที่เรียกได้ว่าชัดดีมาก

ส่วนเรื่องของราคา Galaxy Note 8 ก็เซฟมากด้วยราคาที่ลัลล้าสุดๆ

สามารถถือเล่นนานๆได้บนรถไฟฟ้า ไม่เกะกะใคร และแถมมีปากกามาด้วย

ขอข้ามเรื่องสเปค เพราะบอกตรงๆว่าดูบ้างแต่ไม่ได้เป็นประเด็นหลัก

เน้นดีไซน์ เครื่องไม่หนืดหน่วงเวลาเปิดโปรแกรม หรือใช้งานสลับโปรแกรม

มีความจุเยอะๆ ซึ่ง Galaxy Note 8 สามารถใส่ Micro SD ได้ถึง 64 GB

ในราคาเริ่มต้น 16GB ของแอปเปิ้ลเท่านั้น อีก 1 จุด คือสามารถเสียบชาร์ตง่าย

ไม่ได้ต้องการสายชาร์ตเฉพาะ คือสายโทรศัพท์ Blackberry เก่าก็ชาร์ตได้
ขอแค่เป็น USB 2.0 เท่านั้นเองค่ะ

มาพูดถึงฟังก์ชั่นเด่นๆหลักๆกันสักเล็กน้อย

- มี S Pen ที่สามารถเอาไปจิ้มกับ Galaxy Note รุ่นอื่นได้

- มี Air view ที่เป็นเหมือนการพรีวิวก่อนกดเข้าแอปนั้นๆ

- มี Page buddy เวลาเสียบหูฟังหรือดึงปากกาจะมีการรันกระดาษโน้ต หรือMedia Player ทันทีทันใจ

- มี Multi Window สามารถรันโปรแกรม 2 โปรแกรมคู่กันได้ ดูคลิปยูทูปกับเล่นเฟสบุ๊คพร้อมๆกันได้

- เวลาเขียนปากกาแล้วมือโดนบริเวณอื่นของหน้าจอก็ไม่มีผลอะไร

- เขียนภาษาไทยด้วยปากกาเป็นประโยคยาวๆเครื่องก็สามารถพิมพ์ไทยให้เราได้ไม่ค่อยผิดด้วย ฉลาดมาก อ่านลายมือจิ๊บออกด้วย ฮ่าๆ เค้าบอกว่ายิ่งเขียนเครื่องจะยิ่งปรับเพราะจะจำลายมือผู้ใช้งานได้

- สามารถเป็นโทรศัพท์ได้อีกด้วย

จิ๊บเป็นคนชอบถ่ายรูปมากๆ แล้วกล้องที่ใช้ก็เป็นของ Samsung รุ่นทูวิว

ใช้เมมโมรี่การ์ดแบบเดียวกัน พอถ่ายในกล้องเสร็จ แค่ถอดเมมมาเสียบเข้ากับ Galaxy Note 8 

ก็สามารถโพสรูปสวยๆจากกล้องลง FB หรือ IG ได้ในทันที

แต่ด้วยความที่เป็นเมมโมรี่จากกล้องก็จะมีรูปภาพเยอะมากๆ Air View เป็นโหมดที่

อำนวยความสะดวกให้สุดๆ แค่เอาปากกาจ่อก็จะมีพรีวิวว่าในอัลบัมนั้นมีรูปอะไรบ้าง

ประหยัดเวลาในการค้นหารูป ดีกว่าเปิดเข้าไปหาทีละอัลบัม

ฟังก์ชั่นต่อมา Multi Window อันนี้ก็ชอบมากกกกกก ชอบทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน

จะเล่นเฟสบุ๊คไป ดูยูทูปไปก็ได้ หรือจะแอบเล่นเฟสบุ๊คตอนฟังประชุมก็ได้

เพราะสามารถเปิดเฟสบุ๊คคู่ไปกับ S note เครื่องไม่หน่วงไม่หนืดด้วย

สามารถสลับใช้โปรแกรมทั้งสองโปรแกรมได้ในทันที

ทำซึ้งกับเอ็มวีในยูทูปไปพร้อมๆกับอัพสเตตัสแกล้งเพื่อนได้พร้อมๆกัน

หรือจะดูหนังไปเล่นเฟสบุ๊คไป หรือเช็คอินสตาแกรมไปด้วยพร้อมดูหนัง ด้วย Pop-Up VDO

ช่วงไหนหนังน่าเบื่อๆก็ฟังเสียง แต่มือก็อัพเดทได้ตลอดเวลา

ชอบอันนี้อีกเช่นกัน เพราะเป็นคนติดซีรีย์ ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงละครไทย

โดยเฉพาะซีรีย์ ต้องดูแทบทุกวันเวลาตอนเดินทางกลับบ้าน เพราะ กทม รถ ติด สุดๆ

ต่อมาแอบตื่นตาตื่นใจกับปากกาที่เขียนภาษาไทยแล้วเครื่องมันเข้าใจเรา

เขียนภาษาไทยคำปนภาษาอังกฤษคำ เครื่องก็เข้าใจเรา 

เขียนคำตามได้ถูกเป๊ะ

แต่ก่อนเล่น Ipad ปากกามีแต่ stylus หัวโต เขียนวาดไม่ค่อยมันเขียนคำลงบนรูปก็เก้ๆกังๆ

แบบนี้จดโน้ต วาดรูป หรือทำไดอารี่ ครอปรูปภาพแต่งรูปภาพสะดวกสุดๆ

พร้อมทั้งยังมี S Planner กับ S Note มาด้วย 

และสามารถเขียนนู้นนี่ลงปฎิทินได้เลยอีกตะหาก

เรื่องการทำมินิไดอารี่ หรือจดสิ่งที่คิดได้นี่เป็นเรื่องสำคัญกับจิ๊บพอสมควร

ด้วยความที่เป็นคนที่ลืมเร็ว คิดนู้นนี่ไปเรื่อย ไอเดียบรรเจิดเป็นช่วงๆไป

Galaxy หลายๆรุ่นก็ทำได้เพราะเคยเล่นของพี่ชายอยู่ทั้ง S3 และ Note 2

แต่พอมีจอใหญ่ๆมันก็ทำให้สิ่งเหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้น ( จอเล็กๆครอปรูปลำบาก )

และ S Note ก็มีโครงหรือ Platform ในการสร้างไดอารี่ในรูปแบบต่างๆไว้พร้อมให้เลือกใช้

จิ๊บจะชอบใช้เป็นพวกกระดาษโน้ตเปล่าๆ เวลานึกได้ว่าจะทำรีวิวใหม่เป็นแบบไหนก็จะชอบร่างไว้ก่อน

เป็นไอเดียว่างานชิ้นต่อไปจะไปในทิศทางไหน ซึ่งสะดวกมากเวลาที่ไอเดียพุ่งตอนอยู่บนรถ

เพราะบางที่แรงบันดาลใจก็มาจากการที่เราเดินเล่นอยู่ในห้างก็มี

จะเส้นเล็กเส้นใหญ่ ลายเส้นแบบไหน และสีอะไร ก็มีให้เลือกใช้ครบถ้วนเลยค่ะ

อ่อ !! อีกหนึ่งอย่างที่เป็นลูกเล่นกิ๊บเก๋ที่เพิ่มเข้ามาคือใช้เป็นรีโมทคอนโทรลได้

เพราะจะมีตัวอินฟาเรดอยู่ด้านข้างถัดจากปุ่มปรับเสียง

โดยใช้โปรแกรมที่มีมาให้ในเครื่อง Smart Remote หน้าตาแบบมุมขวาล่างค่ะ

กดเข้าไปก็เพียงเลือกรุ่นทีวี อันนี้จิ๊บลองกับ JVC ที่บ้าน ที่เป็นยี่ห้อไม่ดัง

ก็สามารถเปิด/ปิด ทีวี ปรับเสียง เปลี่ยนช่อง ได้ทันทีเลยค่ะ

อาจจะตบตีกับคนข้างๆเล็กน้อยถ้าเค้ามีฟังก์ชั่นนี้เช่นกัน ฮ่าๆ






สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลากันไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ