[REVIEW] Gwyneth Paltrow's French Beauty products & Sephora from Paris


 
 
สวัสดีค่ะ สาวๆจีบัน
หลังจากตักตวงความรู้ที่นี่มานาน เลยลองมาแชร์กับเค้าเป็นครั้งแรก
เริ่มจากการรีวิวเบาๆ แล้วกันนะคะ  (เพราะอาย ไม่กล้าทำ How-to) ฮ่า
 
ตามหัวข้อเลยค่ะ ว่าจะทำรีวิว Beauty products ตามกวินเน็ธ พัลโทรว์
เพราะก่อนไปฝรั่งเศส ก็ทำresearch ว่า จะซื้ออะไรดี....
เลยไปเจอหลายๆเว็บ ซึ่งแนะนำเครื่องสำอางค์ใน Pharmacy
 
ดูๆแล้ว ก็น่าสนหลายตัว เพราะยังไม่มีขายในบ้านเรา
แถมคนที่แนะนำก็เป็น นางเอกสวยตลอดกาล กวินเน็ธ พัลโทรว์ 
(นางเอก Iron Man คนนี้อีก )



 
 
แต่ในเมื่อเรากำลังไปปารีส เมืองแห่งเครื่องสำอางค์อลังการ
เราก็ต้องมีสติมากกก เพราะมันน่าซื้อไปซะทุกอย่าง
ก่อนไป เลยปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า
 
"เราจะไม่ซื้ออะไรที่ไม่จำเป็น หรือเป็นแบรนด์ที่มีขายในไทย"
 
เพราะทุกวันนี้เครื่องสำอางค์ก็เยอะมากกก จนใช้ไม่ทันวันหมดอายุแล้ว
เพราะฉะนั้น High brand ตัดดดด!! เก็บเงินไปเอ็นจอยชีวิต กินเอสคาโก้ดีกว่า เย้!



เริ่มรีวิวเลยแล้วกันนะคะ

.................................
 

 
 
ตัวแรก ก็ผิดคำปฏิญาณแล้ว
แต่มันเป็นข้อยกเว้น เพราะราคาที่นี่ ลากเลือด ลากไส้มากกก
แต่คุณสมบัติไม่ต้องพล่ามแล้ว!! มันดี มันเริ่ด จบ ผ่าน!
อย่าเรียกว่าเดินเลย เรียกว่าพุ่งหลาวเข้าไปซื้อเลยดีกว่า
เพราะซื้อมาในราคาโปร - 2 ขวด 18 ยูโร (690บาท)
หรือ 345 บาท ต่อขวดเท่านั้น!!!!

.........................................................................




 
 
ตัวที่สองนี่ ขอใส่ชุดราตรี ตรบมือให้เลยค่ะ
'Klorane Dry Shampoo' มันดีมากกก
 
อยู่ในกรุงเทพ มีมลพิษเยอะ ฝุ่นเยอะ กลับบ้านแล้วต้องสระผม ทุกวัน
แต่ตามหลักแล้ว การสระผมทุกวัน จะทำให้ผมแห้ง
เพราะมันจะเป็นการชะล้างน้ำมันที่หล่อเลี้ยงผมออกซะหมด
เลยมี Dry Shampoo เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสเปรย์ที่ซับความมันออกจากผม
วันไหนรีบๆ ตื่นมาสระผมไม่ทัน ก็ฉีดเลยจ้า
 
ซื้อ Dry Shampoo มาลองครั้งแรกคือ ยี่ห้อของ Sephora
ซึ่งใช้แล้วก็ติดใจนะ เพราะเป็นคนผมเส้นเล็ก และ ลีบ
ฉีดแล้วจะเพิ่มวอลลุ่มให้กับผม เลยพกติดตัวไว้เลยค่ะ
 
แต่พอเจอ Klorane ตัวนี้ โยนตัวเก่าทิ้งแทบไม่ทัน
เพราะมันทำให้ผมพองมากกกกก พองเหมือนผมสุขภาพดีมาตั้งแต่เกิดดด
(ไม่เหมือนคุณนายกระบังลมนะเออ)
 
วิธีใช้ก็คือ ฉีดเข้าหนังศรีษะ แล้วสาง จัดทรง
น้ำหวานใช้วิธี ก้มหัวแล้วฉีด หลังจากนั้นใช้มือสางๆ เพื่อสร้างวอลลุ่ม
 
ตอนแรกซื้อขวดเล็กมาลอง แล้วชอบมากก 
ก่อนกลับเลยไปซื้อเพิ่มอีกหนึ่งขวดใหญ่ เก็บไว้ที่บ้าน
แล้วเอาขวดเล็กติดกระเป๋าไปไหนมาไหนตลอดค่ะ
 
.........................................................................


 
 
 
อีกตัวคือ 'Homeoplasmine'
เค้าว่ากันว่าในวงการแฟชั่น นักแสดง และเมคอัพกูรูต่างก็เลิฟตัวนี้กันมาก
ใช้แก้ริมผีปากแห้ง ทาไว้ค้างคืน ตื่นขึ้นมาปากจะนุ่มชุ่มชื้นนน
 
เนื้อ Petroleum Jelly มีคุณสมบัติคล้ายกับวาสลีนที่เราใช้ๆกัน
แต่มาในหลอด ที่คล้ายกับเคาเตอร์เพน ซะเหลือเกิน
 
เห็นแล้วไม่น่าใช้เอาซะเลย แต่อย่าดูแค่ภายนอกนะคะ
เพราะมันเริ่ดมากกก ปากนุ่มอย่างที่เค้าเคลมไว้จริงๆ
พอมาคิดดูอีกที่ มันดีกว่าวาสลีน ตรงที่มันอยู่ในหลอดนี่แหละ
 
ลองคิดดูว่า เราใช้วาสลีนหนึ่งกระปุก กว่าจะหมดกระปุก 
เป็นปีๆ ไม่เคยหมด ทำหายก่อนประจำ!
แล้วนิ้วเราที่สะสมเชื้อโรค ก็จุ่มลงไปในกระปุกนี้เป็นปี
ควักมาก็ติดเล็บอีก เพลียยย!
 
รวมๆ แล้วชอบค่ะ ใช้ทุกวันเลย
ราคาก็เบาๆ 40g ประมาณ 2 ยูโร หรือ 78 บาทเอง

...................................................................


 
 
ตัวต่อไปคือ ​Embryolisse Lait-Crème Concentré
ไม่มีขายในไทย ก็ยังไม่ผิดคำปฏิญาณนะ ฮ่า
อีกตัวที่เมคอัพกูรูฮิตกัน เพราะเค้าว่ามันเพิ่มความชุ่มชื้น
ทำให้ผิวหน้าเรียบ แต่งหน้าผิวโกลว์งามมม
การันตีโดย สองสาว pixiwoo เลยนะ
 
เนื้อครีมเบา แล้วก็ Hydrating มากก เหมาะกับคนผิวแห้ง 
ถ้าอยู่ที่ที่อากาศแห้งมาก คงจะใช้เป็น moisturiser ก่อนแต่งหน้า
แต่บ้านเราอากาศชื้น คงต้องใช้เวลาอยู่บ้านแล้วล่ะค่ะ
ถ้าให้ทาออกข้างนอกคงเยิ้มเกินไป
 
เค้ายังว่าอีกว่าใช้แล้วจะไม่เป็นสิวนะ 
แต่ผิวหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เลยไม่กล้่าฟันธง
 
แต่หลังจากใช้แล้ว หน้านุ่มมาก ดูอิ่มน้ำ
ใช้เป็น night cream ได้เลยค่ะ ชอบมากเลย
ขนาด 75 ml - ราคาประมาณ เกือบๆ 600 บาทค่ะ

.................................................................


 
 
ขวดคล้ายๆน้ำหอมตัวนี้ คือ 'NUXE Huile Prodigieuse'
เป็นน้ำมันที่สามารถทาได้ทั้งตัว จากหัวจรดเท้า
เป็นน้ำมันทาผมได้ เป็น body oil ได้
 
มีกลิ่นที่อยู่ในจุดกึ่งๆ คือ บางคนอาจจะว่าหอม แต่บางคนจะบอกว่าเวียนหัว
แต่น้ำหวานคิดว่า พอมาทากับตัว แล้วมันหอมมากนะ
หลังๆนี่เบื่อการใช้น้ำหอม แต่ชอบการทาโลชั่นหอมมากกว่า
 
เจอตัวนี้เลยลองซื้อมาใช้ดู ด้วยโปร หนึ่งแถมหนึ่งอีกแล้ว
ราคาโปรประมาณ 500 กว่าบาท... 100 ml ใช้ได้นานมาก 
 
ตอนแรกก็ชั่งใจว่า ถ้าใช้ต้องมันแผล็บพร้อมปิ้งแน่ๆ
แต่น้ำมันตัวนี้ ซึมเร็วมากๆ ไม่เหนอะหนะ
ทาหลังอาบน้ำ แทน baby oil ได้เลย
วันไหนผมแห้ง ก็ลงปลายผม เพิ่มความชุ่มชื้น
ปลื้มเหมือนกันนะ ลองทาไปงาน คนก็ทักนะว่าหอม
 
มีอีกรุ่น ที่มาพร้อมกับ Gold shimmer
คือทาแล้วจะวิ้งๆ โกล์วๆ ดูสุขภาพดี เหมือนไปอาบแดด
แต่ก็ไม่ได้ซื้อมา เพราะเราไม่นิยมดูสุขภาพดี เดี๋ยวไม่มีใครมาดูแล แฮ่!

..........................................................................................



 
 'Biafine Act' 
หลอดใหญ่เหมือนยาสีฟันนี้
เค้าเคลมว่า สามารถลดรอยไหม้ ซันเบิร์์น
แพทย์สั่งยาตัวนี้เพื่อลดการไหม้จากเลเซอร์ หรือ ศัลยกรรม
ลดรอยแผลเป็น รอยแตกลายงา เพิ่มความชุ่มชื่น แก้ริมฝีปากแตกลอก แก้ผื่น 
แถมนักแสดง นางงาม ยังใช้มาส์กหน้า ทำให้ผิวสุขภาพดี โกลว์ รูขุมขนดูเล็กลง
ยืนยันโดย Sylvie Tellier นางงามมิสฟรานซ์นะจ๊ะ
 
แค่่พิมพ์ยังเหนื่อย เค้าว่ากันว่าเป็น miracle cream ครอบจักรวาล
ว่าแล้วต้องลอง เพราะการันตีโดยเมคอัพกูรูหลายคนมาก
เนื้อให้ความชุ่มชื่นมาก เหมาะกับการเป็นมาส์กก่อนนอน
ต้องขอเวลาทดลองหน่อยแล้วกันค่ะ แล้วจะมารีวิวอีกที
ว่าผลเป็นอย่างที่เค้าว่ากันมั้ย
 
...........................................................................................



 
ตัวสุดท้ายที่ได้จาก Pharmacy (ตัวนี้กวินเน็ธไม่ได้แนะนำนะคะ)
คือ 'Dermophil Indien Lip Balm สี Rose'
ลิปบาล์มแท่งเล็ก มีสีชมพูอ่อนๆ
 
ทาทั้งวันเลยค่ะ มันชุ่มชื้นมาก สีอ่อนๆ ทาได้เรื่อยๆ
ตัวนี้ซื้อมาน่าจะไม่ถึง 50บาทนะคะ
ตอนนั้นเดินๆอยู่แล้วอากาศมันหนาว ปากแตกกระจาย
เลยวิ่งไปซื้อมาติดกระเป๋าไว้ซักอัน
 
แต่ก็ยังคิดว่า Maybelline Baby Lips ก็ดีพอๆกัน แถมหาซื้อง่ายด้วย


..........................................................................................
 
เปลี่ยนจาก Phamarcy เป็นฟาก Sephora บ้าง
ก่อนไปก็คิดแล้วววว ถ้าเห็นร้านขาวๆดำๆ ไฟเยอะๆ
ให้รีบหลบเลย เดี๋ยวเจ็บตัว 
 
ในที่สุดก็ถลอกมานิดหน่อย เพราะมันต้องซื้อจริงจริ๊งงงงง!!
 
และแล้วก็ผิดคำปฏิญาณที่นี่เลย ว่าจะไม่ซื้อ High brand
เพราะเพื่อนอยากจะได้ tax refund แต่ต้องซื้อครบ 175 ยูโร
เลยเดินๆดูว่าจะซื้ออะไรให้ถึงยอด



 
คิดว่า Lancome ละกัน เพราะถูกกว่าเมืองไทย
เดินไปเจอ 'Hydra Zen Neurocalm Soothing anti-stress moisturising cream'
เอ้อ น่าสน ดูคลายเครียด (พยายามหาข้อดี จูงใจให้ซื้อออ)
ในช่วงที่ชั่งใจ เหมือนเรดาห์BA จะจับได้
ชีเดินเข้ามาเลยจ้า บอกว่า 
'ถ้าคุณซื้อกระปุกนี้ เราแนะนำเป็นเซ็ตเลยดีกว่า
ราคาเท่ากันเลย ได้ cleansing กับ toner เพิ่มมาอีก'
 
ถึงกับตาลุก รีบบึ่งไปเคาท์เตอร์เลย
เพราะราคาทั้งหมดประมาณ 1600 บาท แถมหัก tax refundอีก
ไซส์ครีม 50ml และอีกสองขวด ขวดละ 125ml
ที่ไทย แค่ครีมอย่างเดียวก็ประมาณ 2700 บาทแล้วนะคะ
กลับมาแม่ยังถามเลยว่า เธอซื้อของปลอมเหรอเปล่า  ฮ่า
 
แต่ใช้ถือว่าเฉยๆนะคะ ไม่ได้แปลกใจอะไร
มาตรฐาน Lancome มีกลิ่นน้ำหอม
ใช้ Lancome blanc expert อยู่ ก็รู้สึกเนื้อมันคล้ายกันนะคะ
เป็น moisturiser ซึมเร็วใช้ได้ ใช้เป็น Day cream ได้ เหมาะกับคนหน้าแห้งค่ะ
 
......................................................................
 
 
แต่ที่แปลกใจคือนี่!......
 
พออยู่ในร้าน ก็จับนู้น ลองนี่ไปเรี่อย ลองสีลิปทั้งเคาท์เตอร์
ระหว่างรอจ่ายตังค์ก็เอามือถูๆกัน เพื่อลบสีบนมืออกไปเรื่อยๆ
แล้วก็เห็นรอยนึงที่ถูยังไงก็ไม่ออก ถูจนมือแดงก็ยังไม่ออก
เลยนึกย้อนไปว่า ไอสีนี่ มันคืออะไร?


 
 
แล้วก็ได้รู้ว่ามันคือ 'Sephora Star Lip stain' แท่งคล้ายสีเมจิกเนี่ยล่ะค่ะ
 
บอกเลยว่าทุกๆLipstain แพ้เลย มันติดทนจนน่ากลัว
เป็นรองแค่ปากกาตราม้า ที่เขียนลังเท่านั้นล่ะค่ะ
ทาแล้วเหมือนไม่ทา เพราะแห้งติดเป็นสีปากเลยค่ะ
ทาตอนเช้า กลับมาดึก สียังเจิดอยู่เลยค่ะ
ทั้งๆที่กินทั้งวัน แถมติดนิสัยเลียปาก เม้มปากอีก
เพื่อนยังถามเลยว่า วันนี้เติมปากไปกี่ครั้ง ทั้งๆที่ไม่ได้เติมแต่เช้า
แต่พอใช้ make-up remover ล้างก็ออกนะคะ



ปกติ Sephora จะมีเป็น Cream Lipstain
แต่น้ำหวานเพิ่งเคยใช้ที่เป็นหัวเมจิก เป็นน้ำ
ทาน้อยๆ แล้วใช้นิ้วเกลี่ยๆ ก็จะได้สีอ่อนๆหน่อย
ถ้าจัดเต็ม ก็ทาเต็มจากปากกาได้เลยค่ะ
 
เสียอย่างเดียวมีสีให้เลือกน้อย
มีสีแดง สีชมพู แล้วก็สีชมพูม่วง แค่ 3 สีเท่านั้น
ยังคิดเสียดายที่ซื้อมาแค่สีชมพูสีเดียว
 
..............................................................


 
อีกอย่างที่ได้มาคือ Express Nail polish remover 
ไม่รู้ว่าเราเชยหรือยังไง แบบเฮ้ยยย มันเท่มากอ่ะ 
ข้างในเป็นฟองน้ำชุ่มน้ำยาล้างเล็บ ที่มีรูเล็กๆตรงกลาง
ให้เราเอานิ้วจุ่มเข้าไป แล้วรูดออกมา ปุ๊บบ
สีที่อยู่บนเล็บเราก็จะหลุดไปในขวด 
 
มันประเสริฐอ่ะ! จิ้มแล้วจบ!
ไม่เปลืองสำลี แค่ต้องระวังไม่เปิดฝาขวดทิ้งไว้แค่นั้น
แต่ยังคิดว่า 300-400 บาทกับยาล้างเล็บก็แพงอยู่นะ
 
 
...................................................................

 
รีวิวยาวมากกกกก แบ่งเป็นสองกระทู้แล้วกันนะคะ
อีกกระทู้จะมารีวิวอายแชโดว์ H&M และ ของที่ได้มาจาก Amsterdam นะคะ
 
 
 
 
 
 
 

Discussion (11)

ไปซื้อตามเเล้วค่ะ ทั้ง dry shampoo กับ Biafineact
ส่วน bioderma นี่ใช่อยู่แล้ว ปลาบปลื้มเป็นที่สุด ซื้อมาตุ้นไว้ห้าขวดใหญ่เเล้ว lot de 2 เราซื้อมา 15.50 Euro เองค่า อิอิ ส่วนสีฟ้าขวดใหญ่ตอนนี้ลดเหลือขวดละหกยูนิดๆ

ตอนนี้ลองใช้ biafineact อยู่ เนื้อมันนิ่มๆๆๆดีนะคะ เพิ่งทาหน้าไป พรุ่งนี้เช้าลองสังเกตผล ฮ่าๆๆ ถ้าใช้ดีจะซื้อตุนกลับไปเมืองไทยเลยค่า
ขอบคุณจขกทที่แนะนำมากๆค่ะ

แชมพู มันน่าลองอ่ะ เราผมมันเร็วมาก 

lip stain สีสวยมากกกกกกก

ถ้าจำไม่ผิด Klorane Dry Shampoo ขวดเล็ก 50ml น่าจะประมาณ 250 บาท

ขวดใหญ่ 150ml ประมาณ 500บาทนะคะ จำราคาเป๊ะๆไม่ได้จริงๆ :(

'Klorane Dry Shampoo' ค่าเสียหายเท่าไหร่ค่ะนี่

 

เป็นคนตื่นสาย ไม่ชอบสระผมเหมือนกัน 555555