แชร์ข้อมูลลดน้ำหนัก 14 kgs ภายในเดือนครึ่ง จาก 83 เหลือ 69 กิโลกรัม

76 112

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวจีบัน วันนี้เตยจะมาแชร์เรื่องการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและเห็นผลอย่างชัดเจนค่ะ หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า เตยได้มีโอกาสเป็น 1 ใน 5 สาวโครงการ "New You by Proslim and Chocoshape" ของ Nestle กับรายการเช้าดูวู้ดดี้

 

รูปตอนที่อ้วนที่สุด

 

 

 

สาบานได้ว่าคนกลางที่ยืนพุงห้อยคือ ดิฉันเอง

 

 

 

มาเริ่มกันที่รูป Before and After ที่ทำโดยทีมงานของพี่วู้ดดี้ค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าเรายังไม่ผอมเท่าคนปกตินะคะ เพราะตอนที่เค้าประกาศผลว่าเราได้เข้าร่วมโครงการ เราหนักเกือบ 85 กิโลกรัม แต่ตอนที่เราชั่งนัำหนักในรายการเราเริ่มด้วย 82.2 ลดเหลือ 69 กิโลกรัมค่ะ

 

 

 

 

 

การลดน้ำหนักในโครงการนี้มี 3 เทนเนอร์ที่คอยดูแลอย่างเคร่งครัด

1. เทรนเนอร์โจ ทางด้านการออกกำลังกาย เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวของพี่วู้ดดี้

 

 

 

การออกกำลังกาย โจจะเน้นการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นได้อย่างเต็มที่ อย่างการวิ่งเร็วๆ เราต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะสามารถวิ่งเร็วได้ วิ่งเร็ว 10 วินาที สลับกับการเดิน 2 นาที ต้องทำให้ได้ 10 เซ็ต ที่่ต้องทำอย่างนี้เพราะช่วงเวลาที่หัวใจเต้นแรงก่อนที่จะกลับเข้าภาวะปกตินั้น ร่างกายจะเผาผลาญได้อย่างเต็มที่ ดีกว่าการออกกำลังโดยการวิ่งเหยาะๆเป็นชั่วโมง เพราะหัวใจเต้นอยู่ระดับเดิมการเผาผลาญก็จะทำได้อย่างไม่เต็มที่

กว่าจะมาถึงจุดนี้พวกเราวิ่งกันตับแทบหลุดค่ะ (ล้อเล่น ห้าๆๆๆ) เทรนเนอร์โหดมากกกกกกกกกกกกกกกก

 

2. เทรนเนอร์จูน  ทางด้านโภชนาการ เป็นนักโภชนาการให้กับนักวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทย อันนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน

 

 

 

 

 

-สิ่งที่ควรเลี่ยง และคิดว่าทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว คือ พวกอาหารที่มีไขมันสูง อย่างเช่น หนังสัตว์หรือพวกของทอด รวมทั้งพวกขนมหวานต่างๆเพราะพวกนี้น้ำตาลสูง

-การลดน้ำหนักที่ถูกวิธีควรจะทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ไม่ควรขาดมื้อใดมื้อหนึ่งโดยเฉพาะมื้อเช้า เพราะถ้าขาดไประบบเผาผลาญจะทำงานต่ำไปทั้งวันเลย ควรที่จะใช้วิธีจำกัดปริมาณในการกินมากกว่า มื้อเย็นก็ลองเปลี่ยนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลไม่สูง

-ผลไม้ที่แนะนำในช่วงการลดน้ำหนัก คือ แอปเปิ้ลเขียว , แก้วมังกรและฝรั่งค่ะ แต่ต้องดูเป็นรายบุคคลนะคะ เพราะฝรั่งในเคสของตัวเตยเองทานแล้วน้ำหนักไม่ค่อยลดและทำให้ท้องอืดด้วย ของเตยแอปเปิ้ลเขียวจะดีที่สุด ส่วนผลไม้ที่ควรเลี่ยง คือ มะม่วง เป็นแป้ง และพวกผลไม้ที่น้ำตาลสูง อย่างเช่น องุ่น เงาะ สัปปะรดและส้มโอ ทานได้บ้างค่ะในเวลาที่รู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำตาล แต่ควรควบคุมปริมาณด้วย

- การกินผักบางชนิด กินแล้วทำไมไม่ผอม??? พี่จูนมักจะเน้นว่าควรทานผักใบเขียวเยอะๆ แต่ผักบางประเภทเป็นผักหัวแป้ง พูดง่ายๆก็คือย่อยไปแล้วเป็นแป้งค่ะ โดยเฉพาะพวกหัวๆ อย่างเช่น แครอท บล็อคโคลี ดอกกะหล่ำ มะละกอ เผือก มัน ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนมะเขือเทศนั้นถ้าทานมากอาจจะทำให้เกิดภาวะบวมน้ำได้ค่ะ

-อาหารจานโปรดของใครหลายๆคนอย่าง "ส้มตำ" สามารถทำให้อ้วนได้เช่นกันค่ะ ส้มตำใส่ทั้งน้ำตาลปี๊บ กุ้งเเห้ง ถั่วลิสง ผงชูรส (ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ) มะละกอ (เป็นผักหัวแป้ง)

-ต้มจับฉ่าย อาหารลดน้ำหนักของใครหลายๆคน แต่พี่จูนห้ามค่ะ เพราะก่อนที่จะเอาไปต้มเราก็ต้องเอาผักมาผัดกับน้ำมันก่อน

-ภาวะบวมน้ำ บางครั้งเราอาจจะสงสัยว่ากินก็น้อยทำไมน้ำหนักไม่ลด เกิดจากการที่เราดื่มน้ำน้อยเกินไป พอร่างกายรู้สึกว่าจะเริ่มขาดน้ำก็จะกักน้ำไว้ค่ะ เราควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 3-4 ลิตร และการทานอาหารที่มีรสเค็มจัดก็ทำให้เราบวมน้ำได้เช่นกันค่ะ

-การงดบริโภคคาร์โบไฮเดรต สามารถทำได้นะคะแต่ไม่ควรทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะจะเกิดผลเสียในการลดน้ำหนักระยะยาว ช่วงแรกๆน้ำหนักจะลดลงไปเยอะ แต่ถ้าทำไปนานๆร่างกายจะเริ่มชินกับการไม่ย่อยแป้ง พอกลับมากิน น้ำหนักจะขึ้นง่าย เท่าที่เทรนเนอร์ให้ทำ คือ งดแป้ง 2-3 วันแล้วกลับมากินแป้งค่ะ  จะทำแค่อาทิตย์ละ 2-3 วัน

- ข้าวสวยธรรมดา 1 ทัพพี = ข้าวกล้อง 1 1/2 ทัพพี = ข้าวเหนียว 1/2 ทัพพี ฉะนั้นการเลือกข้าววรจะเลือกข้าวกล้องมากกว่าเพราะเราสามารถทานได้ในปริมาณมากกว่าแต่แคลอรี่เท่ากัน

- ระหว่างช่วงที่เราลดน้ำหนักเทรนเนอร์ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้เลยค่ะ เพราะน้ำตาลสูง

- ไม่ควรงดทานพวกเนื้อสัตว์เพราะมีโปรตีนที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ถ้างดทานไปเลยกล้ามเนื้อจะหายค่ะ ผลที่ได้น้ำหนักลดลงแต่ระบบเผาผลาญจะต่ำไปเลยค่ะ ซึ่งจะส่งผลกับการลดน้ำหนักในระยะยาว

-พวกถั่วทั้งหลาย เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ ถั่วพิตาชิโอ การทานพวกนี้ 4-5 เม็ด เท่ากับการทานข้าว 1 ทัพพีแล้ว

 

3. เทรนเนอร์เนย ทางด้านการสร้างแรงบันดาลใจ บล็อกเกอร์ผู้โด่งดัง "The Big Motivation" ผู้ชายที่สามารถลดน้ำหนักจาก 140 กิโลกรัม เหลือ 66 กิโลกรัม ภายใน 8 เดือน

 

 

 

น้องเนยจะเป็นคนสอนเรื่องวิธีคิด อย่างแรกคือ ต้องแยกให้ออกว่า "หิว" หรือ "อยาก" คนอ้วนมักรวมทั้งตัวเตยเองพูดเสมอว่า หิว แต่พอคิดดูดีๆก็จะรู้ว่า อยากกินมากกว่า เพราะท้องก็ไม่ร้องซักหน่อย

การลดที่เราลดมาได้แล้วเราควรจะเอาชนะตัวเองลดลงไปอีกเรื่อยๆ ควรจะทำให้ได้มากกว่านั้น ไม่ควรมีข้ออ้างว่าอ้วนเพราะกระดูกใหญ่หรือว่าเป็นเพราะพันธุกกรม เพราะคนทุกคนสามารถลดน้ำหนักได้ แต่อาจจะในระดับที่ต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของแต่ละคนด้วย

 

ต่อไปจะเป็นรูปในแต่ละสัปดาห์ ทั้ง 7 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความแตกต่างของพวกเรา 5 คนค่ะ

 

Week 1 เตยหนัก 82.2 กลมได้ใจมากกกกกกกกกกกก

 

 

 

 

 

Week 2 เตยหนักประมาณ 81.7 กิโลกรัม

 

 

 

 

 

 

Week 3 เตยหนักประมาณ 80.3 kgs

 

 

 

 

 

Week 4 เตยหนักประมาณ 78.7 kgs

 

 

 

 

 

 

Week 5 เตยหนักประมาณ 75.7 kgs

 

 

 

 

Week 6 เตยหนัก 74.2 kgs

 

 

 

 

 

 

Week 7 หนัก 71.8 kgs

 

 

 

 

 

วันประกาศปิดโครงการ เตยหนัก 69 kgs ค่ะ มี Stylist มาดูเรื่องแต่งตัวให้ ชอบมากเลยค่ะ
 

 

 

 

 

 

 

เรื่องเมนูการทานอาหารในแต่ละวันของเตยนะคะ มานจะแตกต่างกันไป โดยนักโภชนาการจะควบคุมให้ค่ะแทบจะจัดให้ในแต่ละวันเลย เพราะเค้าไม่ต้องการให้ร่างกายชินกับการลดวิธีใดวิธีหนึ่งนานๆ  เพราะถ้าร่างกายเริ่มชินแล้วน้ำหนักจะไม่ค่อยลดค่ะ

ถ้าใครมีคำถามอะไรก็ถามไว้ได้นะคะ ถ้าเตยตอบได้ยินดีที่จะแชร์ข้อมูลให้ค่ะ หวังว่ากระทู้ที่ยาวมากอันนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักนะคะ ถึงโครงการจะจบไปแล้ว พวกเราทั้ง 5 คนก็ยังลดต่อค่ะ ไว้อีก 2 เดือนข้างหน้าคงจะได้มาอัพเดตกันอีกทีนะคะ อย่าลืมว่าอาหารทุกอย่างกินได้ทั้งนั้นค่ะ สำคัญที่ปริมาณนะคะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


KathyC

KathyC

ชื่อเตยค่ะ อดีตแอร์โฮสเตสตัวอวบของสายการบินเมืองแขก รักการแต่งมากก แต่ฝีมือยังไม่ดีเท่าไหร่
ถ้าอยากรู้จักมากขึ้นเรามี FB Page : KathyC ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรก็สามารถไปถามกันได้ค่ะ

YouTube Chanel : Kathy Chanpen
Instagram : kathychanpen

FULL PROFILE