คอนเซปต์ “From Coffee to Cocktail” จะเป็นการเปลี่ยนจาก day-look เป็น night-look โดยเราจะเริ่มจากการแต่ง day-look แบบธรรมชาติ ใสๆ ไปนั่งจิบกาแฟใต้ร่มเงาของต้นไม้ในสวน ลุคนี้จะไม่แรงค่ะ เน้นความใสเหมือนไม่แต่งหน้า แบบ อุ้ย...เกิดมาก็ผิวเนียน ตาโต คิ้วโก่ง แก้มอมชมพูแบบไม่ตั้งใจเลยหละ แล้วก็ต่อด้วยการเปลี่ยนเป็น night-look โดยจะเติมเครื่องสำอางจากเดิมเพียงนิดหน่อย สำหรับผู้หญิงที่ขี้เกียจพกเครื่องสำอางเยอะแยะ มาดูเครื่องสำอางที่ใช้แต่งกันค่ะ

1. REVLON: Touch & Glow Extra Moisturizing Face Powder #Misty Rose 54

2. NARS: Deep Throat

3. KATE: lasting high coverage liquid foundation #OC-B

4. Kiss: Mat Chiffon UV Whitening Base #01

5. KATE: designing eyebrow N

6. SKIN FOOD: All Over Muffin Cake Finish #4

7. KATE: stick concealer #natural beige

8. BUET’s BEE: Tinted Lip Balm #Tiger Lily

9. BURT’s BEE: Tinted Lip Balm #Hibiscus

10. MAYBELLINE: Color Sensational lip gloss #Sweet Caramel

11. MAYBELLINE: the Falsies Volum’ Express waterproof #Black Drama

12. COSLUXE: Wanderlust Eyeliner

13. KATE: eyeliner pencil #BK

14. GINO McCRAY by BEAUTY BUFFET: Pro Make-Up eyebrow pencil
15. KATE: gradical eyes #GD-1

"Coffee in the Garden"

STEP1: หลังผ่านขั้นตอนทำความสะอาดหน้าและบำรุงผิวก็...แทนแท่น! นี่คือใบหน้าเปลือยเปล่าของเราค่ะ เราเป็นคนมีรอยสิวหลายจุด กระ แล้วก็ใต้ตาคล้ำ(ครบตามสูตร) จึงต้องเริ่มขั้นตอนแรกที่การพรางสิ่งไม่พึงประสงค์ด้วยคอนซีลเลอร์ จากนั้นก็ลงรองพื้น คือผิวเรามันมาก เลยต้องผสมเนื้อรองพื้นกับ base kiss ในสัดส่วน 2 ต่อ 1 base kiss ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเบสคุมมันขั้นเทพนี่เทพจริงๆ นะ ยังทำให้รองพื้นติดทนนานอีกด้วยไม่ต้องเติมแป้งระหว่างวันเลย แค่ซับมันก็พอ แต่ถ้าทาโดดๆ ก่อนลงรองพื้นเลยมันจะดูด้านเกิน อุดตันแล้วก็เป็นคราบด้วย เลยใช้วิธีผสมดีกว่าค่ะ

STEP2:  1) หลังจากรอให้รองพื้นเซทตัวสักพักก็ปัดแก้มต่อ ปัดค่อยๆ นะ ระวังอย่าให้ขนแปรงกินเนื้อ                    รองพื้นที่เราลงไว้

               2) แล้วก็ค่อยๆ ตบแป้งฝุ่นให้กระจายสม่ำเสมอทั่วหน้า การลงบลัชออนก่อนตบแป้งมันจะทำ                   ให้บลัชออนของเราอยู่นานและทนกว่าปัดหลังลงแป้งค่ะ

               3) จากนั้นก็เชดดิ้งโดยเราใช้ตัวเขียนคิ้วแบบฝุ่นของ KATE เนี่ยแหละ ปัดผสมๆ กัน 3 สี ลง                    บริเวณข้างจมูก หน้าผากตรงไรผม และก็หน้าด้านข้าง ให้แลดูดั้งโด่ง หน้าเรียวเล็ก ไม่                      ต้องพึ่งศัลยกรรมกันเลยทีเดียว

STEP3: A. ทา eye base ให้ทั่วเปลือกตาและโหนกคิ้ว และก็ทา eye shadow สี (1) ไล่จากหัวตาถึง                   กลางตา

             B. ทา eye shadow สี (4) ตรงหางตาเป็นรูปตัว V

             C. ผสมสี (2) กับ (3) แล้วแตะตรงกลางเปลือกตาเพื่อให้ตาดูมีมิติขึ้น

             D. ใช้แปรงค่อยๆ เกลี่ยให้ทุกสีดูกลมกลืนกัน แล้วก็ลงสี (1) ตรงหัวตาบนและล่างให้ตาดูโต                     ขึ้น

STEP4:  วาดโครงคิ้วด้วยดินสอโดยเว้นหัวคิ้วไว้สัก 0.5-1 เซน แล้วก็ใช้ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นสีเข้มผสมสีกลางเขียนตรงหัวคิ้ว เกลี่ยทั้งหมดให้ฟุ้งนิดๆ ดูเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ใช้ eyeliner แบบดินสอเขียนบางๆ ให้ชิดขอบตามากที่สุด ตาจะดูโตเป็นธรรมชาติ ดัดขนตาปัดมาสคาร่าให้ขนตาเด้งๆ

STEP5: ไฮไลท์หน้าบริเวณโหนกคิ้ว สันจมูก แล้วก็คาง ให้ดูเป็นผู้หญิงมีดั้งโด่งสวย คิ้วโก่ง คางยื่น (make-up is magic จริงๆ ด้วย แฮ่!) เราไฮไลท์บริเวณใต้ตาด้วยทำให้หน้าดูสว่างขึ้น วิ้งๆ ฉ่ำๆ เกาหลีๆ

ส่วนปากใช้ tinted lip balm ของ Burt’s Bee โดยภาพ (1) คือปากเปลือยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แต่ไฉนดูแดงเกิ้น (2) ทาด้วยลิปสี hibiscus ซึ่งใกล้เคียงสีปากเดิมเราที่สุด แต่เราอยากให้มันดูซอฟท์กว่านี้เลยต้องมีขั้นตอนที่ (3) ทาทับด้วยสี tiger lily ให้สีปากซอฟท์พอดีๆ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับ day-look ของเรา พร้อมไปนั่งดื่มกาแฟ ชมบรรยากาศธรรมชาติในสวนสวยๆ แล้ว

"Glamourous Cocktail Night" 

สำหรับ night-look มีแค่ 2 ขั้นตอนค่ะ ไม่ยากๆ

STEP1: ขั้นตอนแรกคือกรีด eyeliner คราวนี้ใช้แบบน้ำเพราะต้องการความอยู่ทน เป็นเส้นเรียว และก็สีชัดค่ะ โดยจะกรีดให้มีหางไล่เป็นสามเส้นตามรูป ความยาวจะไล่จากเส้นล่างสุดให้ยาวสุดจนถึงเส้นบนสุดให้สั้นสุด จะทำให้ดูเหมือนติดขนตาปลอมตรงหางตา ช่วยให้ตาโตขึ้น และยาวขึ้น! จากนั้นใช้ eyeliner แบบดินสอเขียนขอบตาล่าง เกลี่ยให้ดูฟุ้งๆ เบาๆ

STEP2: ทาลิปกลอสสีส้มทองออกนู้ดๆ ก็สามารถออกงานวัด เอ๊ย ไม่ใช่! ออกงานปาร์ตี้ได้แล้วค่ะ