ICL บอกลาสาวแว่น... ทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่สามารถทำ Lasik ได้ : ตอนที่ 1

26 32

จากที่ปวดหัวกับสายตาตัวเองมานานนักรู้ทั้งรู้ว่าอ.หมอเจตน์เคยตรวจให้ที่ BI แล้วว่าตาข้าพเจ้าทำเลสิกไม่ได้ เพราะสั้นเยอะ เอียงเยอะ (สั้น 750 เอียง 350) และ ตาแห้ง แพ้แสงด้วยอาการคนทำงานหน้าคอม เลนส์ตาบาง และจุดใหญ่ๆ ที่ยั้งใจไว้ไม่เสร็จเลสิกก็เพราะถ้าทำแล้วความสามารถในการแยก step สีจะลดลง แยกเฉดได้ไม่ละเอียด เช่นที่เคยเห็น เทา 1 2 3 4 5 ก็จะเห็นแค่ 1 3 5 ไรงี้ (ซึ่งข้อนี้สำคัญสำหรับการทำงานดิชั้นอย่างยิ่งยวด) รวมไปถึงว่่าเลสิกแล้วใส่คอนแทกเลนส์ปรับตาส่อนเวลาไปงานที่ต้องสวยไม่ได้แล้วนะ เพราะตาที่แห้งอยู่แล้วก็จะแห้งมากกกก แต่มันก็ตั้งหลายปีมาแล้วงิ มันก็น่าจะมีเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะพอไหวป๊ะ? ก็ให้ความหวังตัวเองมาตลอด....วันก่อนนู่นนนนได้มีโอกาสรู้จักบ. filtech ที่นำเข้าเครื่องเลเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงเลนส์ตาเทียม ละก็อุปกรณ์เลสิกทั้งหมด...พอคุยไปคุยมาถึงข้อมูล ICL ที่ถึงแม้มันยังเพิ่งมีมาไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็ไฟลุกกันอีกครั้งว่างวดนี้แหละ จะได้หลุดพ้นกับโรคขาดแว่นไม่ได้ซะที นับๆ ดูแล้วใส่แว่นมาตั้งแต่อยู่ ป.3 จนป่านนี้ก็ 20 กว่าปีแล้ว โคตรอึด


ไอ้เจ้า ICL นี้ พูดจาภาษาชาวบ้านก็คือ การผ่าตัดสอดเลนส์เทียมเสริมไปไว้ระหว่างเลนส์แก้วตา เพื่อให้ปรับโฟกัสได้ชัดขึ้น


ข้อมูลเพิ่มเติม (search ICL)

  • https://www.lasikadvanced.com/prepareforlasik.php?id=113
  • https://www.lasikthai.com/th/treatment/icl/default.php
  • https://www.rutningimbel.com/phakic.html
  • https://www.laservisionthai.com/th/other_treatment/info_02.htm
  • บ๊อกนี้มีคนที่เจอ effect ด้วย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skinnywoman&month=09-2008&date=10&group=4&gblog=108 แต่เท่าที่อ่าน ก็ว่ายังดีกว่าแว่นตอนนี้ละนะ เฮ้อออ


การใส่เลนส์เสริม (Phakic Intraocular Lens หรือ Phakic IOL)

เลนส์ชนิดพิเศษ
ผลิตจาก Collamer ขนาดเล็ก พับได้
เลนส์ถูกวางหลัง รูม่านตา
หน้าเลนส์แก้ว
เลนส์ใส่เข้าไปในตาอย่างถาวร
แก้ไขปัญหาสาย
ตาทำให้แสงตกกระทบ
พอดีที่จุดรับภาพ
 

เป็นวิธีการผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติ (สายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด และสายตาเอียง) แบบถาวรโดยแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดเล็ก 3 - 3.5 มิลลิเมตร ผ่านกระจกตาเพื่อนำเลนส์ (มีลักษณะพับได้) ใส่เข้าไป แผลนี้จะสมานตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเย็บแผล เลนส์ที่ถูกสอดเข้าไปในตา จะค่อย ๆ คลี่ตัวออกและถูกวางไว้บริเวณหลังม่านตา และอยู่ด้านหน้าเลนส์แก้วตา ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การผ่าตัดใส่เลนส์ Phakic IOL มีความเสี่ยงต่ำมาก  คนไข้จะได้รับยาชาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการไม่สบายตาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างผ่าตัด การผ่าตัดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นคนไข้สามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้


ข้อดี

1. สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้อีกกี่ครั้งก็ได้ถ้าสายตาเปลี่ยนในอนาคต
2. ใส่คอนแทกเลนส์ทับได้เพราะไม่ใช่การเฉือนกระจกตาออกไปถาวร
3. ไม่มีปัญหาเรื่องตาแห้ง และการแยก step สีมากไปกว่าปกติที่เป็นอยู่ (ใครเคยได้แค่ไหนก้แค่นั้นแหละ)


ข้อเสีย

1. แพงเลือดสาดดดดดดดด จากราคาที่เช็กมาของรพ.กรุงเทพอยู่ที่ประมาณ 129000++/ ตา 1 ข้าง เจ๊ดเขร้!! ที่หาข้อมูลมาส่วนมากราคาจะอยู่ที่หลักหมื่น (80000+ สำหรับตาเอียง) แต่ถามไปถามมาก็คือที่ รพ.กท.ยังไม่รวมค่าเลเซอร์ yag ม่านตาปรับความดันและค่า follow อื่นๆ อีก....แต่ก็สรุปว่าคงไปทำที่รพ.วิภาวดี เพราะหมอคนเดียวกัน
2. ถ้าระหว่างที่ต้องดูแล เกิดติดเชื้อขึ้นมา ต้องเอาเลนส์ออก ซึ่งเป็นเคสร้ายแรงที่สุด ก็เท่ากะทำฟรี เสียตังค์ฟรี


เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นเรียบร้อย.....2 วันต่อมา ในหัวก็ยังคงวนเวียนอยู่กะเรื่อง ICL เป็นอันรู้ว่าเอาจริงแน่ๆ ทีนี้ เลยโทรไปขอคำแนะนำเพิ่มหน่อยเหอะวะ แล้วก็ติดต่อนัดคุณหมอฐิดานันท์เสร็จสรรพวันนั้นเลย


27/12/1011

เข้าไปตรวจที่รพ.กรุงเทพตรวจความโค้งลูกตา ความหนาบาง เช็กสายตา ดูความกว้างของมุมตา วัดความดัน อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะมากมาย .....แต่ยังติดตรงที่ว่าวันที่ไปช้าไปหน่อย ต้องรีบกลับไปรับลูกลิงเลยไม่สามารถหยอดยาขยายม่านตาได้ ก็เลยนัดกันอีกครั้ง หลังปีใหม่ พร้อมกับอีกขาก็ปรึกษาหมออาร์ต (คุณเพื่อนหมอตาสุดหล่อที่เมกา) ไปด้วยเพื่อความชัวร์ว่ามันโอเคจริงเหรอ.....เมื่อข้อมูลจากหมออาร์ตบอกว่าโอเค รวมทั้งซักถามทั้ง 2 หมอว่า effect มันจะมีอะไรมั่ง ซึ่งหลักๆ จะเป็นเรื่องความดันลูกตาสำหรับคนที่มุมฐานตาแคบจะมีปัญหาเยอะ ละก็เรื่องการ yag เลเซอร์เพื่อขยายการระบายน้ำในลูกตาเพื่อลดความดัน การมองเห็นแสงจ้า ฟุ้งกระจาย รวมไปถึงความเสี่ยงของต้อกระจก และการติดเชื้อว่าร้ายแรงสุดจะประมาณไหน ฟังๆ มาทั้งหมดมันก็ยังดีกว่าที่ตอนนี้ต้องใส่แว่นละวะ


4/1/2012

วันนี้หมอนัด follow หยอดยาขยายม่านตา (ใช้เวลา 45 นาที) ตรวจจอประสาทตา ตรวจสายตา 2 รอบ ตรวจนั่นนี่ ซักถามเรื่อง effect และความคาดหวังต่างๆ อีกครั้ง....คราวหน้านัดอีกที (วันที่ 2 กพ.) ก็จะยิงเลเซอร์ yag ระบายความดันละน๊าาาา ไอ้เจ้าเลเซอร์นี่หมอก็อธิบายว่าจุดไหน เพราะอะไรที่จะทำให้มีผลข้างเคียงการฟุ้งของแสงไรงี้ด้วย แล้วก็ควร yag อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ก่อนจะใส่เลนส์จริง เพื่อที่จะได้รู้ว่า รูที่ yag ไว้มันแห้งและเปิดจริงหรือต้องมายิงซ้ำอีก


งานนี้คนกลัวไม่ใช่คนจะทำ แต่คุณซะมีดั๊นนี่แค่ฟังก็นั่งลุ้นแล้วฮร่ะ ฮุฮุ


31/1/2012

มีนัดวัดเลนส์ที่บ. filtech ที่เมืองทอง...ส่งลิงไปรร.ปั๊บก็บึ่งไปเลย น้องปัญคนงามมาดูแลต้อนรับ อธิบายขั้นตอนการทำ u/s ในวันนี้ (บังเอิญมากว่าน้องปัญเป็นสาวจีบันดั้วะ!) ซึ่งก็ขลุกขลักนิดนึงตรงที่ บ.เพิ่งย้ายออฟฟิสมาที่นี่ (หนีน้ำท่วม) เลยยังตกแต่ง ซ่อมแซมไม่เสร็จ ห้องที่ปกติใช้วัดเลนส์ก็ยังไม่เสร็จก็เลยต้องใช้ห้องประชุมเป็นการชั่วคราวไปก่อน แต่จะเลื่อนไปอีกก็กลัวว่าจะได้เลนส์ช้าออกไปอีกเพราะสั่งเลนส์จากสวิสใช้เวลาประมาณเดือนครึ่ง-2 เดือน ซึ่งการคำนวนวันนัดวันเลนส์ วัน yag วันใส่เลนส์มีผลต่อแปลนงานแปลนเที่ยวต่างๆ ที่จะต้องทำในเดือนนี้ เดือนนู้นต่อไปอีก 2-3 เดือนนั้นเลย ต้องแปลนดีๆ เพราะว่าถ้าจะ yag วันที่ 9 (เลื่อนจากวันที่ 2 เพราะต้นติดธุระหลายอย่างเคลียร์ไม่ทัน) ก็จะต้องพักตา ห้ามโดนน้ำห้ามแต่งหน้าไปพักนึง ก็จะต้องเคลียร์ๆๆ งานและธุระต่างๆ ช่วงปลายเดือนให้เรียบร้อยเตรียมไป HK กะที่บ้าน กลับจาก HK ก็น่าจะพอดีกับได้เลนส์ กะไว้ว่าเต็มที่ก็ต้องใส่เลนส์ไม่เกินเดือนมีนา เพราะต้องพักตาไปอีก 2 สัปดาห์เหมือนเดิม พอพ้นช่วงก็แปลนเที่ยวกันต่อตอนปลายเมษา ซึ่งก็ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีก็จะเป็นทริปแรกที่ไม่ต้องใส่แว่นล่ะเว้ยเฮ้ยยยย!!!
 

u/s ลูกกะตา วัดเลนส์ ICL


มาถึงตอนที่จะเริ่มทำ u/s ลูกกะตาล่ะ....เริ่มต้นก็ต้องหยอดยาชา และป้ายน้ำตาเทียมแบบเจล...อย่างที่บอกว่าสถานที่ยังไม่เรียบร้อย ก็เลยต้องใช้เก้าอี้ทำงานนั่งเงยหน้าให้ปวดคอกันนิดนึง (น้องปัญบอกว่าปกติช่วงนี้จะนัดไปวัดเลนส์ที่รพ.ก็ได้จ้า แต่อิชั้นมาที่นี่สะดวกกว่านะ)


พอได้ที่ ก็เริ่มเอาอุปกรณ์เครื่องตรวจ u/s มาคลึงๆ ลูกกะตา เป็นหัวนุ่มๆ น้ำๆ อารมณ์ประมาณ eye mask เย็นๆ แต่ก็ต้องฝืนลืมตาตรงมองไปข้างหน้าให้นิ่งที่สุดเพื่อที่จะได้วัดความกว้างความโค้งระหว่างกระจกตาได้ใกล้เคียงที่สุด ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 15-20 นาทีก็เสร็จ...ระหว่างนั้นก็ซักถามข้อมูลต่างๆ เพื่อความเข้าใจมากขึ้น ส่วนมากที่ถามก็จะเป็นเรื่อง error effect ต่างๆ ซะมากกว่า


เวลา u/s ก็จะแปะๆ วนๆ คลึงๆ อย่างนี้ หยึยนิดนึงนะ แต่ไม่เจ็บ
 


ข้อมูลที่ได้เพิ่มในการอัพเดทหลังจากทำ u/s คือ

  • ค่าทำ ICL สำหรับสายตาเอียงของรพ.วิภาวดีอยู่ที่ 199,000/2 ข้าง รวมค่า yag ค่าห้อง 2 คืน (ทำวันละข้าง) ค่าผ่าตัด ค่า follow อื่นๆ หมดแล้ว...ถูกกว่า รพ.กท.เหยียบแสนนะนั่น!
  • error ของการทำ ICL อยู่ที่ประมาณ 1% ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องค่าสายตาที่เยอะจนเก็บไม่หมด การติดเชื้อระหว่างการดูแลหลังการทำ (ส่วนใหญ่ที่พบมาจากน้ำเข้าตา) และการเกิดต้อกระจกภายหลัง
  • โดยเฉลี่ยแล้วปัจจุบันในประเทศไทยมีคนทำ ICL วันละคน
  • การทำ ICL ช่องว่างในลูกกะตาจะต้องมีความลึก 2.8+ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลนส์ ที่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดต้อกระจกได้ (คนที่ช่องนี้ตื้นหมอจะไม่ทำให้นะคะ)
  • ICL สามารถแก้สายตาสั้นได้ตั้งแต่ 50 ถึง 1800 ถ้าเกินกว่านี้ก็ต้องใส่แว่นช่วยล่ะ เคสที่น้องบอกว่าเคยเจอโหดสุดๆ คือคนไข้สายตาสั้น 2400!!!  -_-
  • การเลือกค่าสายตาของเลนส์ คุณหมอจะช่วยเลือกให้ว่าจะให้ค่าสายตาติดบวกนิดๆ หรือลบนิดๆ เผื่อสายตาปรับหลังจากใส่เลนส์นิดหน่อย (โดยปกติจะเหลือลบนิดๆ ไว้มากกว่า)
  • ถ้าให้เทียบกับการใส่แว่นเป็น TV จอแก้วยุค 70 ละก็ ICL คือภาพระบบ HD เลยทีเดียว เวอร์เนอะ เดี๋ยวทำแล้วได้ขนาดนั้นเลยป่ะจะมาบอกอีกที


9/2/2012

ได้เวลานัด ยิง Yag เปิดรูม่านตากันแล้ว....
ไปถึงรพ.วิภาวดีตอน 9 โมง 50 หน้าโล้นมาเลย เพราะเค้าห้ามแต่งหน้าใดๆ แม้แต่แป้ง...ลงทะเบียนผู้ป่วยเรียบร้อยก็ขึ้นไปที่ศูนย์เลสิกชั้น 18 พบคุณหมอแป๊บนึงว่าวันนี้มีขั้นตอนอะไรบ้าง แล้วคุณพยาบาลก็มาอธิบายรายละเอียดอีกที
 


เริ่มต้นเลยก็ไปวัดความโค้งกระจกตา และช่องว่างภายในลูกกะตากันอีกครั้ง ตัวที่วัดคล้ายๆ ที่ไป u/s วัดเลนส์แต่คราวนี้ง่ายมาก เป็นดิจิตอล ทำตาโตๆ ให้เครื่องแป๊บเดียวก็เสร็จ ....ออกมาพยาบาลก็มาหยอดยาหดรูม่านตาให้ หยดแล้วก็ทิ้งไว้ 3 รอบ ขั้นตอนนี้เล่นเอาปวดหัวตึ้บเลย หนักหัวเหมือนเมาค้าง รวมกับช่วงเช้าที่ง่วงๆ ด้วยนี่มึนสุดๆ พอได้ที่แล้วก็หยอดยาชา วัดความดันลูกตา (เครื่องที่มีลมเป่าๆ) เตรียมตัวไป Yag ที่ชั้น 2


ช่วงเช้านี่เหมือนจะง่าย ขั้นตอนจริงๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ แต่จะเสียเวลาก็ตรงรอยาชา รอห้องนี่ล่ะ


พอถึงขั้นตอน Yag คุณหมอจะเอาเครื่องมือที่เหมือนเลนส์กล้องตัวจิ๋วๆ ที่ฝั่งนึงเป็นคอนแทกเลนส์มาแปะที่ลูกกะตา เอาหน้าวางที่เครื่อง laser แล้วก็เริ่ม Yag ที่ตะแรกน้องปัญคนงามเล่าไว้ซะน่ากลัว เอาเข้าจริงก็ไม่โหดอย่างที่คิด คุณหมอก็พูดไปคุยไป ส่วนลูกกะตาก็จะรู้สึกเหมือนโดนหนังยางดีด ตามจังหวะการยิง ปึ้ก ปึ้ก ปี้ก ไม่ถึง 15 นาทีก็เสร็จ..... ตาข้างขวานี่ชิวมาก ไม่เจ็บเลย แต่ข้างซ้ายจะ sensitve กว่าก็มีสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนกัน แต่ก็โอเค ไม่เจ็บอะไรมากมาย....แล้วก็ออกมานั่งรอ เดินเล่นรอครึ่งชม. เพื่อรอวัดความดันลูกตาอีกครั้ง


ระหว่างที่รอหลัง Yag เสร็จนี่จะมองเห็น cell ที่ฟุ้งกระจายในลูกตาสีขาวๆ ดำๆ เหมือนอะมีบ้าลอยไปลอยมาเหมือนหมอก แต่ก็ยังไม่เจ็บอะไร พอวัดความดันลูกตาเสร็จ ก็มาเก็บ Yag อีกรอบ เพื่อให้ได้ความกว้างรูม่านตาที่โอเค รอบ 2 นี่ตอนที่ติดเครื่องเมือเข้าไปเคืองใช้ได้ รู้สึกว่ายาชาเริ่มหมดฤทธิ์ล่ะแสบเลย เพราะตาแห้งมาก ถูกกระทำมาซะเยอะ ต้องนั่งหลับตาพักใหญ่เลยกว่าจะลืมตาได้


การดูแล ในขั้นตอน Yag นี่ก็มียาหยอดแก้อักเสบ วันละ 4 ครั้ง ควรนอนหมอนสูงหรือนั่งในช่วงแรก เพื่อให้ cell ที่ฟุ้งกระจายตกลงมาข้างล่าง (ถ้านอนหงายมันจะตกไปข้างหลังทำให้รำคาญว่ามีอะมีบ้าลอยไม่เลิก) อื่นๆ ก็ทำได้ตามกิจวัตรประจำวันได้หมด แต่ก็ยังไม่ควรให้น้ำเข้าตาแค่นั้นเลย.....วันที่ 2 หลังจาก Yag แล้ว ไม่เคืองตา ไม่รู้สึกเจ็บเลย ปกติมาก ยังมีอะมีบ้าลอยนิดหน่อย แต่ไม่เยอะเท่าเมื่อวานแล้ว


ผ่านพ้น Yag ไปแล้ว จ่ายค่ามัดจำเลนส์แล้ว ก็มาได้ครึ่งทางแล้ว.....เหลือรอเลนส์ปลายเดือนมีนา ก็จะได้ลาแว่นกันแล้วน๊าาาาาา


Jeban'

Jeban'

Makeup is magic!!!!

FULL PROFILE