วิจารณ์แบบงูๆ ปลาๆ The Girl with The Dragon Tattoo ฉบับ Fincher ควรไปดูหรือไม่?

2 12
สืบเนื่องจากกระทู้นี้  https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=134338  
เลยอยากมาอัพเดทความเคลื่อนไหว และฟีดแบ็กหนังที่ได้ไปดูมา 

เรื่องที่ได้ไปดู นั่นก็คือ แทน แทน แท้นนนนนนน 
The Girl with The Dragon Tattoo ค่ะ เนื่องจากเก็บไว้เป็นลิสต์ในดวงใจตามที่สาวๆ หลายคนแนะนำมา 
และรอบลงตัวพอดี 


ศัพท์แสงทางเทคนิคอาจจะแปลกๆ นะคะ พยายามจะอธิบายจากภาพและความรู้สึกออกมาเป็นคำพูด แต่ไม่รู้จะพูดแบบไหน เลยออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะคะ 

ปูพื้นเกี่ยวกับเรื่อง The Girl with The Dragon Tattoo เล็กน้อย
ภาพยนตร์ The Girl with the Dragon Tattoo สร้างจากนวนิยายไตรภาคซีรีส์ชุด The Millennium Trilogy จากนักเขียนสวีเดน Stieg Larsson ที่ขายได้กว่า 50 ล้านเล่มทั่วโลก และถูกแปลขายไปกว่า 46 ประเทศ
โดยเรื่องราวในภาพยนตร์ The Girl with the Dragon Tattoo จะเป็นภาคปฐมบทของไตรภาคซีรีส์ที่มีอีกสองภาคชื่อ The Girl Who Played with Fire และ The Girl Who Kicked the Hornet's Nest
หญิงสาวกร้านโลกที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยสัก ซึ่งหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นนักล้วงข้อมูล เธอได้จับพลัดจับผลูไปรู้จักกับนักข่าวหัวเห็ดที่ถูกว่าจ้างให้ เสาะหาเบาะแสการหายตัวไปของทายาทมหาเศรษฐี ทั้งสองคนมารวมหัวจมท้ายในการสืบปริศนาอันยอกย้อนที่เต็มไปด้วยเบื้องหลังของความเกลียดชัง น่าสะพรึงกลัว
 
เป็นที่รู้กันว่า หนังมักจะไม่ได้หยิบจับเอารายละเอียดจากหนังสือมาดื้อๆ แต่มักผ่านการตีความจากผู้กำกับที่นำเรื่องนั้นมาสร้างเป็นหนัง ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้กำกับว่าจะหยิบจับส่วนไหน โฟกัสส่วนไหน
สำหรับฟินเชอร์แล้ว นำมาตีความได้ค่อนข้างผาดโผน เมื่อเทียบกับฉบับของสวีเดนซึ่งเดินเรื่องค่อนข้างช้าแต่ก็ชวนเสียวสันหลังในอีกแบบเพราะชวนให้ลุ้นกับการค่อยๆ คลายปมปริศนา แต่ลายเซ็นของฟินเชอร์เน้นการเดินเรื่องที่กระชับ การตัดภาพแบบฉับไว ไม่สวิงสวายเท่า The Social Network แต่ก็ห้ามคลาดสายตา เพราะถ้าเผลอสติหลุดจากหนังเพียงนิดเดียว ก็อาจต่อไม่ติดได้ โดยมีฉากหลังเป็นเกาะ Hedestad อันขาวโพลนสวยงามและเย็นยะเยือกซะยิ่งกว่าฉบับสวีเดนเสียอีก จุดนี้ถือว่าฟินเชอร์ผ่านฉลุยในด้านการเซ็ตฉากที่ชวนให้คนดูทั้งเพลิดเพลินและขนลุกในเวลาเดียวกัน


ด้านการกำกับภาพ ฟินเชอร์ก็เอาอยู่ทุกเม็ดทุกมุม โดยเฉพาะช่วงไตเติ้ลหรือ Opening  song ของเรื่องที่ไม่ใครก็ใครก็ต้องอ้าปากค้างในความคมชัดของภาพ เพลง immigrant song ที่ฟังดูยิ่งใหญ่แต่ก็น่าหวาดหวั่น ภาพประกอบเพลงแบบเซอเรียลลื่นไหลราวกับต้องการบอกเรื่องราวอันแสนประหวั่นพรั่นพรึงที่เกิดขึ้นในเรื่อง ให้คนดูได้ warm up ก่อนเจอกับเรื่องแบบเต็มๆ ด้านภาพ มุมกล้อง การตัดต่อ และรายละเอียดปลีกย่อย เป็นคนละแบบกับฉบับสวีเดน อย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าฉบับสวีเดนก็ฟินแล้ว ขอให้คิดใหม่ได้เลยค่ะ มันคล้ายๆกับการ variation เพลงคลาสสิก ที่แม้จะเป็นเค้าโครงเดิม แต่รับรองว่าจะได้อรรถรสและอารมณ์ในการรับชมที่รสชาติต่างออกไป



ที่ชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นการตีความคาแรกเตอร์ของฟินเชอร์ ซึ่งจะลงรายละเอียดในตัวของ Lisbeth Salander มากขึ้นในด้านของความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของภายนอกที่แข็งกระด้าง ทำให้คนดูรู้สึกรัก Lisbeth ของฟินเชอร์ (ที่รับบทโดย Rooney Mara แฟนสาวของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กในเรื่อง The Social network นั่นเอง) มากกว่าฉบับสวีเดน (รับบทโดย Noomi Rapace) ที่จะดูดิบเถื่อนและคาดเดาได้ยากกว่า ซึ่งแน่นอนว่า Lisbeth ทั้งสองเวอร์ชั่นก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ตัดสินไม่ได้ว่าใครดีกว่าใคร เพราะอย่างที่บอกว่า มันเป็นการจับมาตีความใหม่ ไม่ใช่การซ้อนทับบทในฉบับเดิม รวมไปถึงการลงรายละเอียดที่มากขึ้นของความสัมพันธ์ระหว่าง Lisbeth กับ Blomkvist ทำให้เรามีเหตุผลคล้อยตามความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากขึ้น (ทั้งที่จริงๆ ส่วนตัวก็ยังคงรู้สึกแปลกใจที่ Lisbeth ที่ดูเกลียดผู้ชายเอามากๆ จะมาลงกับ Blomkvist ในลักษณะนี้ แต่ด้วยความเป็น Lisbeth บางทีเธอก็คิดข้ามช็อตสามัญสำนึกของคนทั่วไป)

 
ขอบอกไว้ก่อนว่าหนังเรื่องนี้ จะไม่ใช่หนังที่ดูเพลิดเพลินแล้วจบแค่ในโรง แต่จะมีความรู้สึกสงสัย ระคนแปลกใจ จนต้องเก็บมาคุยกับคนที่ไปดูด้วยกัน หรือคนที่ได้ดูเรื่องนี้แล้วว่า "เพราะอะไร" หรือ "ทำไม" กันอีกยาว
 
สรุปแล้ว The Girl with The Dragon Tattoo ฉบับของฟินเชอร์นี้ เป็นอะไรที่คอหนังโดยเฉพาะ คอ Thriller ควรได้โดนกันซักครั้ง และขอเน้นย้ำว่าควรไปโดนที่โรงหนังเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคุณจะพลาดกับความอลังการของภาพ เสียง ที่เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ไม่ควรพลาดของฉบับนี้ ซึ่งมีแต่คนที่ดูในโรงหนังเท่านั้นจะได้ดื่มด่ำ 



....Fin....


@airdoll@

@airdoll@

nice to meet you all :)
benign_oryza@hotmail.com

FULL PROFILE