ความอัดอั้นตันใจของคนที่มีพี่สาวหรือน้องสาวค่ะ
นู๋แอฟ418สวัสดีค่ะ สาวๆ จีบัน ทุกคน วันนี้เรามีเรื่องกลัดกลุ้มใจอยากจะระบายให้สาว ๆ จีบันได้รับฟังกัน ก็คือ ขอเล่้าเป็นนิทานดีกว่าน้อ อาจจะยาวสักหน่อย ตั้งใจอ่านดี ๆ นะคะ เราเชื่อว่า มีหลายคนเลยที่เป็นแบบนี้ ลองอ่านดูนะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่ง มีพ่อ แม่ พ่อทำงานเป็นราชการ ส่วนแม่นั้นเป็นเพียงแม่บ้านที่ไม่มีรายได้อะไร นอกจากเงินเดือนสามีเท่านั้น และลูกสาว สองคน ลูกคนคนโต เป็นคนที่มีความคิดเ้ห็นเป็นของตัวเองสูงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ถ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ ใช่ก็คือใช่ ไม่สนใจคนรอบข้าง ในเวลาที่ she กำลังเหวี่ยง ลูกสาวคนเล็ก เป็นคนที่ค่อนข้างจะคิดมาก มาตั้งแต่เด็ก ๆ (คิดมากถึงขึ้นพ่อแม่ชอบบอกว่าเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงถึงขึ้นจะหนีออกจากบ้าน ซึ่งตอนนั้นอยู่ เพียง ป. 4 เท่านั้น) ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือ พ่อกับแม่บ่นหรือต่อว่าเรื่องอะไร she ก็จะรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา แถมค่อนข้างจะทำตามที่พ่อแม่บอกถึงแม้ไม่รู้เลยว่า อนาคตจะเป็นอย่างไรแม้กระทั่งเรื่องเรียน
ตอนเข้ามหาลัย ลูกสาวคนโต เลือกเอ็นคณะที่ทำงานแถวบ้านไม่ได้ (ซึ่งบ้านก็อยู่ในจังหวัดที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอาง่าย ๆ คือไม่ใช่จังหวัดใหญ่ ๆ) และเรียนตามใจที่ตัวเองอยากจะเรียน ขณะนั้นแม่และพ่อบอกว่าให้เรียนคณะบริหารดีกว่าไม๊ She ก็บอกไม่ถ้าไม่ได้เรียนคณะนี้ ก็จะไม่เรียน สรุป พ่อแม่ก็ให้เรียน ซึ่ง หน่วยกิตก็ 400-500 ค่าเทอม 10,000 แต่เป็นม.รัฐบาล ก็ถือว่าแพงนะคะ รวมแล้วเทอมละ 12000 - 16000 ต่อเทอม ประมาณนี้
ลูกสาวคนเล็ก ตอนแรกเอ็นติด ม. เดียวกันกับพี่สาวแต่คนละคณะ ค่าเทอมก็จัดว่าไม่แพงมาก ไม่ใช่คณะบริหารแต่ก็หางานยากมากในจังหวัดเรา หรือไม่ตรงสายที่ตลาดแถวบ้านต้องการเช่นเดียวกัน แต่!! น้องสาวเลือกที่จะไม่เรียนเพราะว่า เคยแอบเห็นพ่อบ่นว่า ค่าเทอมที่เบิกไปของพี่สาว ก็เบิกได้เทอมเดียวเพราะ ตอนนั้น รัฐเค้าให้เบิกได้ปีละ 15000 เท่านั้น เทอมเดียวก็เบิกหมดแล้ว น้องสาวกลัวพ่อไม่ไหว หากจ่ายหนักถึงสองคน เพราะในใจไม่อยากให้เป็นพ่อหนี้ จึงเลือกที่จะบอกว่าพ่อ หนูขอเรียนที่อื่นที่ค่าเทอมถูกกว่า และเป็นคณะบริหาร ซึ่งแม่ก็ได้แนะนำตั้งแต่ต้นว่า อยากให้เรียนบริหาร จึงตัดสินใจไม่เรียน ม.ที่ตัวเองเอ็นติด แต่พ่อได้บอกกับลูกคนเล็กว่า ลูกอย่าเสียใจทีหลังนะที่ไม่ได้เรียนคณะนี้หรือที่นี่เพราะว่า พ่อให้ลูกเลือกเองทุกคน คนน้องสาวก็บอกไม่เสียใจค่ะ จึงตัดสินใจไปเรียนที่อื่นอย่างไม่ลังเล และรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นม.ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร อาจจะยากหรือง่ายในการหางานก็ตาม เพราะหวังอย่างเดียวว่าจะเป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อเท่านั้น
พอถึงตอนฝึกงาน พี่สาวเลือกไปฝึกงานต่างภาค ซึ่งไกลมากกกกกกกกกก เพราะคณะเค้ามันต้องฝึกในสถานที่แห่งนั้น เพราะมันก็เวิร์คกับสายงาน หากเค้าจบ พ่อแม่ก็จ่าย คชจ.ให้ รวมถึงค่าเครื่องบิน ไป และกลับ รวมทุกอย่างแล้ว 1 เทอมประมาณ 3-4 หมื่นบาทได้ แต่ตอนที่ไป ทางบ้านไม่มีกล้องถ่ายรูป แต่พ่อแม่บอกตอนนี้ต้องเซฟ คชจ. เราไปเช่ากล้องของอาที่เป็นร้านถ่ายรูปไม๊ พี่สาวบอกไม่ อยากได้ของใหม่ ไปตั้งเทอม 1 จะไปเช่าทำไม น้องสาวเกิดความเห็นใจพ่อกับแม่ ตอนนั้นเรียนอยู่ ปี 3 มีเงินเก็บ หมื่นกว่าบาท จึงควักตังค์ให้แม่ยืม เพื่อเอาไปซื้อกล้องให้พี่สาว อย่างสมใจ แต่ใจน้องสาวก็เริ่มแอบคิดแล้วว่า ทำไมฟ้าช่างไม่ยุติธรรมสะแล้ว ฉันเป็นคนเสียสละเพื่อพ่อแม่ แต่เธอทำแบบนี้หรอ She เริ่มชักไม่แน่ใจแล้วว่า เธอจะเก็บความรู้สึกที่บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก หนูจะไม่อิจจฉาพี่เพราะหนูเลือกแล้ว ไม่ไหวสะแล้ว เพราะสถานการณ์หลาย ๆ อย่างมันช่างเหมือนบีบความรู้สึกของเธอเหลือเกิน พ่อแม่รักเท่ากันหรือไม่ นั่นคือความคิดในใจของเธอ มันผุดขึ้นมา แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด ทียังไม่แสดงออกมาเท่านั้น หัวใจดวงน้อยที่อยากจะแบ่งเบาภาระพ่อแม่นั้น เริ่มหวั่นไหว สับสนกับสิ่งที่มากระทบจิตใจเธอสะแล้ว ส่วนน้องสาวก็ฝึกงานแถวบ้านตามเสต็ปที่เธอตั้งปณิธานไว้
หลังจากพี่สาวฝึกงานจบ เธอกำลังจะได้งานอย่างตั้งใจ แต่พ่อด้วยความที่เป็นห่วงลูก ประจวบกับที่ลูกสาวคนโตมันจะอ้อนแกมพูดเล่นอยู่เสมอว่า พ่อหนูจะเรียนจบแล้วนะ ไม่ให้หนูต่อโทหรอ พ่อจึงบอกว่า อย่าไปเลย พ่อจะให้หนูเรียนโท แต่อันที่จริงแล้ว พ่อไม่อยากให้ลูกไปไกลและรู้อยู่เต็มอกว่า วุฒิของลูกสาวคนโตไม่เอื้ออำนวยที่จะทำงานแถวนี้ จึงหวังว่าจะให้ลูกสาวคนโตไปเรียนโทบริหารเพื่อจะได้เป็นการพลิกให้ลูกได้ทำงานอยู่ำใกล้ตัวเองให้มากที่สุด ลูกสาวคนโตดีใจมากจึงปฏิเสธงานเพื่อที่จะเรียนโท แต่ She กลับไม่รู้เลยว่า ความคิดน้องสาวของเธอคือ ฉันต้องแบกรับความรู้สึกสงสารพ่อไปอีกนานแค่ไหน โดยที่ไม่รู้เลย ซึ่งในใจของน้องสาวคิดว่า ถ้าเธอจะเรียนโทจริงๆ ทำไมไม่หางานหรือเก้บเงินก่อน แล้วค่อยเรียนเอง ทำไมต้องมาหนักพ่อแม่อีกแล้ว ซึ่งเธอก็น่าจะปฏิเสธได้แต่เธอ ไม่ทำ ซึ่งพ่อก็ได้กู้เงินมาเพิ่มอีกเพื่อส่งลูกสาวคนโตเรียน ดังนั้นพ่อแม่จึงหางานให้ลูกสาวคนโต ทำงานที่แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ทำำพลาง ๆ ไปก่อนในช่วงที่เรียนโทจบ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เห็นแก่ความรู้สึกลูกคนเล็กเลย ลูกสาวคนเล็กเลยถามพ่อแม่ว่า ถ้าหนูเรียนจบตรี หนูจะได้เรียนโทไม๊คะแม่ แม่ตอบว่า แม่คุยพี่สาวแล้วว่าถ้าเค้าเรียนโทจบ มีงานทำ เค้าต้องช่วยแม่ส่งหนู ซึ่งเค้าก็โอเค (แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววว่าจะช่วยได้เลย เพราะเค้าก็ยังเอาตัวเค้าไม่รอดเลยทีเดีัยว)
จนกระทั่งลูกสาวคนเล็กเรียนจบ พร้อมกับเกรดที่สวยงาม ลูกสาวคนเล็กก็พยายามหางานแต่ช่วงนั้นมันวิกฤติเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถได้งานที่สมใจ พ่อแม่ก็ช่วยหางานให้ลูกในที่แห่งหนึ่งของจังหวัดเช่นเดียวกัน เธออยากเรียนโท แต่เธอรู้ว่าพ่อแม่คงไม่สามารถซึ่งมันก็จริง เธอจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะลบคำสบประหม่าของคนรอบข้างเรื่องสถาบันการเรียน เธอทำงานในที่เดิมนั้น 1 ปีเต็ม ๆ และเธอก็สอบเข้าทำงานในสถาบันการเงินแห่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนต้องอิืจฉา เธอทำสำเร็จ สร้างความภูมิใจ ให้พ่อกับแม่ แต่ความรักที่เธออยากได้ ไม่มีใครแสดงออก มีแต่เพียงคำพูดที่พูดออกมาว่า มีลูกอยู่สองคน ไม่เคยหนักใจว่าูลูกคนเล็กจะทำยังไงจะไปไหน เพราะไม่เคยห่วงเค้า เค้าเอาตัวรอดได้ จะห่วงก็ห่วงแต่ลูกสาวคนโตเท่านั้น เพราะยังไม่จบโทเลย งานที่เดิมก็บ่นอยากจะลาออกทุกวัน แต่ไม่เห็นกระตือรือร้นอะไร เธอภูมิใจที่พ่อแม่พูดแบบนี้ แต่เธอก็ถูกเอาเปรียบทางความคิดทุกอย่างจากพี่สาวของเธออยู่ดี ความอัดอั้นตันใจของเธอก็ยังล้นอก เมื่อพ่อส่งลูกสองคนจบ ก็อยากจะมีรถ ไปเที่ยวต่างจังหวัด ทำทุกอย่างที่อยากจะทำ เพราะหมดภาระแล้ว ก็เหลือแต่ใช้หนี้ต่อไป และพ่อมักจะให้ความสำคัญลูกคนโตก่อนเสมอเพราะเขาเป็นพี่ ไปออกรถก็พูดว่า รถคันนี้จะเป็นของหนูนะลูก (พี่สาวคนโต) ซึ่งลูกสาวคนเล็กก็ได้แต่นั่งน้อยใจ แม้กระทั่งมรดกที่ปู่และย่ามอบให้พ่อ ก็ขายให้พี่สาวเรียน และขายมาสร้างบ้าน ตอนนี้เหลือเพียงเสี้ยวเดียวของทั้งหมด ซึ่งน้องสาวยังไม่ได้อะไร แต่ ณ ตอนนี้เธออยากจะบอกพ่อแม่เธอว่า เธอไม่เคยน้อยใจที่เธอเลือกแบบนี้ แต่เธอน้อยที่ทำไมต้องมองข้ามความรู้สึกของคนที่อยากจะทำอะไรดีๆ ให้ อยากทดแทนพระคุณ อยากทำทุกอย่างเท่าที่อยากจะทำได้ แต่ทำไปเหมือนไม่มีเธอคนนี้ในสายตาเลย แม้กระทั้งตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกว่า เูธอถูกข่มเหงทางจิตใจ ถูกข่มทางความรู้สึก และการทำ คำพูด ซึ่งจะว่าไปการเสียสละในวันนั้น มันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าเธอย้อนเวลากลับไป ถ้าเธอไ่ม่คิดอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่แบบนี้ เธอคงไม่ยืนอยู่จุดนี้ได้หรอก ซึ่งขณะนี้พี่สาวของเธอก็ยังทำงานอยู่ีที่เดิมอยู่เลย
นิทานเรื่องนี้จะสอนได้รู้ว่าอะไรอะ ทุก ๆ วันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ บางครั้งก็มีความรู้สึกว่า อุตส่าห์เงียบ อยู่เฉยๆ เพื่อที่จะไม่รับรู้อะไร ก็ยังมาทำให้รู้สึก บางทีคนเรามันต้องมีโกรธมีอะไรบ้าง เวลาเรียกใช้ก็ใช้แต่คนเดียว พอพีสาวบอกว่าไม่ไป สุดท้ายคนที่ต้องทำคือน้องสาว การเีสียสละมันทำให้เราเป็นทุกข์ขนาดนี้เลยหรอคะ นิทานเรื่องนี้สอนว่ายังไงอะ บอกให้รู้ทีำได้ไม๊ัคะสาว ๆ ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลา มันอัดอั้นต้นใจจริง ๆ เราเชื่อนะว่ามีหลายคนเป็นเหมือนเราเลย แชร์ความคิดเห็นมาหน่อยเผื่อจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง จนตอนนี้อยากจะมีลูกคนเดียว อยากจะมอบความรักให้ลูกคนเดียว เพราะเรากลัวว่า เราจะรักลูกไม่เท่ากัน หรือให้ลูกได้ไม่เท่ากัน เหมือนพ่อแม่เรา ซึ่งเรากลัวว่าลูกเราจะเป็นและคิดเหมือนกับที่เราเคยคิด รบกวนสาว ๆ หน่อยนะคะ คลายปมในใจให้เราทีถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไงคะ
Discussion (18)
ของอะไรที่พ่อซื้อให้เราใหม่จะไม่บอกแม่กับพี่เด็ดขาดให้เราเก็บไว้ใช้คนเดียวไม่งั้นโดนพี่ขโมยอีก เพราะแม่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในการสร้างนิสัยอีหยิบแ่ก่พี่ชายเรา บางทีเขามีรูปหรือเอกสารส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานของเขาด้วยซ้ำยังขับรถจากลำลูกกา คลอง7 มาที่บ้านมาใช้เครื่องปริ้นสีที่ห้องเราอีก พอหมึกหมดเราต้องออกเงินซื้อตลับหมึกเองทั้งตลับหมึกดำและสี ราคาไม่ต่ำกว่า2พันกว่าบาท บางทีเงินเราก็ฝืดต้องยืมพ่อไปซื้อก็ต้องรับคำด่าไปคนเดียว
เมียมัน(พี่สะใภ้) ตามความรู้สึกเรา เราว่าเขาหน้าไหว้หลังหลอก และชอบอวดมั่งอวดมี ชอบหลอกด่าเรา ถามอะไรไปบอกอย่างเดียวว่าเดี๋ยวเมลไปบอก รอไปสิไม่มาหรอกเมลห่านอะไรนั่น จริงๆกลัวคนอื่นได้ดีกว่ามัน บังคับให้ซิ้อชุดที่แม่ยืมมันให้เราใส่ไปออกงานตัวละ600 แล้วเราไปแอบไปรู้ที่หลังว่ามันซื้อมาจากเน็ตแค่ตัวละ4ร้อยกว่าบาท
บางทีมานินทาว่าแม่เราลับหลังกับเรา ชอบเปรียบเทียบกับเราทุกอย่าง เปรียบเทียบแม้กระทั่งสีผิว ทั่งที่คนทั่วไปบอกเราว่าเราเป็นคนผิวขาวผ่องสวยนะ แต่มันยังเอาแขนมาเทียบอยู่ตลอด ว่านี่ฉันขาวกว่าแล้วหัวเราะคิคิ ที่หนักกว่านั้นก็คือบางทีเราใส่เสื้อแขนยาวอยู่มันมากระชากแขนแล้วถลกแขนเสื้อเราขึ้นแล้วกรี๊ดกร๊าดว่าว๊าย..ยยยขาวนะเนี้ย แต่เราไม่ถือหรอก สีผิวมนุษย์มีได้ทุกเฉดสีตามธรรมชาติ แต่อยากตบสั่งสอนอีพีสะใภ้มากกว่า ข้อหาหาเรื่องมาเย้ยหยัน เอาให้จากปัญญานิ่มสมองกลับมาเป็นผู้เป็นคนซะบ้าง โดนตบสักทีจะได้เลิกพูดเพ้อเจ้อบ้าบอ คนอะไรพูดพล่ามสาระพัดเรื่องได้เป็นชั่วโมงเหมือนอวดฉลาด
ของเราก็เป็นแต่เป็นกับพี่ชายคนกลางค่ะ
ถ้า จขกท. มีอะไร อยากระบาย เรารับฟังนะคะ อีเมล์มา or_a_pen@hotmail.com ก็ได้ค่ะ
เป็นไหมคะ เวลาที่รู้สึกว่าทำไมเป็นเรา ทำไมไม่เป็นพี่ของเรา
สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเสียสละ มันทำให้เรามีชีวิตต่างออกไปจากเพื่อนอย่างชัดเจนค่ะ
เรารับผิดชอบเรื่องของพ่อและแม่แทบทุกอย่าง
เราคิดถึงพ่อกับแม่ทุกครั้ง เราคอยเตือนตัวเองให้กตัญญูต่อพ่อแม่และสำนึกในบุญคุณ
แต่เวลาเห็นพี่น้องคลานตามมาด้วยกัน ไม่ได้คิดเหมือนกันแล้วมันน่าน้อยใจค่ะ
เห็นพ่อแม่ลำบากอยู่ทุกวัน มันจี๊ดที่ใจค่ะ
เรายังอยู่มหาลัยหาเงินก็ยังไม่พอเลี้ยงเขา ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำได้ด้วยใจ
มันเจ็บที่ใจจริงๆค่ะ
อีเมล์มาแชร์เรื่องราวกันได้นะคะ :)