สิวอุดตัน สิวเสี้ยน กับวิธีการรักษาให้หายขาด ?! สัมภาษณ์พิเศษผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์ผิวหนัง

16 22

 

 

 

 

“ หมอมักจะคุยกับคนไข้ว่า สมมุติคนไข้เป็นสิวหนึ่งเม็ด ..

ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยมันหายเอง ”

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา

 
 แห่งศูนย์เลเซอร์ผิวหนังโรงพยาบาลศิริราช และ ศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย

 

( ที่มาภาพ : https://www.si.mahidol.ac.th/ )


 

เอิ๊กไปรักษาสิวและรอยสิวแดงประมาณ 2 อาทิตย์แล้วระหว่างรักษาก็ไปขออนุญาตข้อมูลคุณหมอนะคะเกี่ยวกับการรักษาสิวเสี้ยนสิวอุดตัน เพราะตัวเองมีเยอะอยากทราบว่าต้องทำยังไงบ้าง


ความเสียใจหมดหวังก็บังเกิดเมื่อคุณหมอพูดประโยคนึงว่า

 

 

"  วิธีที่รักษาสิวเสี้ยน สิวอุดตันทั้งหมดที่จะอธิบายให้ฟัง เป็นแค่วิธีชั่วคราวระยะสั้น หรือระยะยาวเท่านั้น ไม่ว่าจะพยายามลอกผิว ผลัดผิวด้านบนออก ทำเลเซอร์กำจัดขน กระชับรูขุมขน ลดความมัน สุดท้ายแล้วร่างกายก็จะกลับมาเป็นภาวะปกติคือกลับมามีน้ำมัน มีขี้ไคล เกิดการอุดตันได้อีกครั้งเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ สิวอุดตัน สิวเสี้ยนหายไปอย่างถาวร ยกเว้นการไปเปลี่ยนโครงสร้างของผิวได้ "

 

 

เลยทำการขอสัมภาษณ์พิเศษกับผู้ช่วยศาสาตราจารย์ รังสิมา กับหัวข้อ

 

" สิวอุดตัน สิวเสี้ยน จะมีวิธีการรักษาให้หายขาดไหม มาดูกันเลย ! "

** ในบทความนี้จะมีการทอดแทรกหรือขยายตัวอย่างบางประโยคสำหรับบางคำพูดของคุณหมอ และใช้คำในสไตล์คนไข้ของเอิ๊กใส่ลงไปให้เพื่อนได้เข้าใจและเห็นภาพกันนะคะ

ก่อนอื่นไปขอยืมรูปจากเว็บอื่นมาเพื่อมาใส่คำอธิบายภาพให้เพื่อนๆเข้าใจไปพร้อมกัน

ก่อนจะเข้าใจสิว ต้องเข้าใจผิวก่อน ดังนั้นเรามารู้จักผิวหนังเรากันก่อนสั้นๆ ว่ามี 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเรียงตามลำดับ หนังกำพร้า หนังแท้ ชั้นใต้ผิวหนัง และสำหรับชั้นใต้ผิวหนังก็มีรากขน มีขน และต่อมไขมัน เอาแค่นี้พอและดูภาพประกอบตามไปค่ะ

  • ผิวหนังกำพร้า คือ ชั้นผิวหนังด้านบนที่มองเห็นด้วยตาเปล่า หรือ ชั้นขี้ไคลที่ผิวหนังตายไปแล้วกำลังจะหลุดออกไป ที่เราพูดกันบ่อยว่าผลัดเซลล์ผิวหน่ะค่ะ คือเราเอาขี้ไคลหรือหนังกำพร้าด้านบนออกไป
  • ขน หรือ รากขน จะโผล่ออกมาบนผิวหนัง บริเวณรากขน จะมีต่อมไขมันติดอยู่
  • เมื่อพูดถึงต่อมบางต่อมจะมีรูเปิดของมันเอง เช่น ต่อมเหงื่อ เวลาเหงื่อออกก็จะมีเหงื่อซึมผุดออกมา ต่างกับต่อมไขมันซึ่งไม่มีรูเปิด แต่ต่อมไขมัน จะหลั่งไขมันออกมาจากรูเปิดบริเวณปากรูขุมขน ไขมันจึงมีความสัมพันธ์กับขนอย่างลึกซึ้ง อย่างทำไมผมคนบางคนถึงมัน เพราะ มันมีรูขุมขนที่มีขนเยอะก็มีต่อมไขมันหลั่งไขมันได้เยอะตามไปด้วย ผมเราถึงมันกว่าหน้าเราได้ หรือหน้าอาจจะไม่มันแต่ผมมันก็ได้ เช่น เวลาไม่สระผมหลายวันน้ำมันผลิตออกมามากโดยไม่มีการชะล้างเอาคราบน้ำมัน คราบไคลออก หัวก็จะเยิ้มในที่สุด
  • ปกติร่างกายคนเราต้องการน้ำมันบนผิวหน้า เพราะถ้าไม่มีน้ำมัน ใบหน้าเราก็จะแห้ง ระคายเคืองต่อสารต่างๆได้ง่ายขึ้น ต่อมไขมันมีหน้าที่ผลิตน้ำมันมาเคลือบบนผิว เปรียบเสมือนเกาะป้องกันผิวหนังจากสิ่งต่างๆที่จะเข้ามา เช่น คนที่มักแพ้อะไรง่าย ผิวมักแห้ง ซึ่งหมายถึงน้ำมันเคลือบผิวน้อย ทำให้สารบางอย่างใช้ทุกวันซึมสู่ผิวได้ง่ายมากขึ้นทำให้เกิดอาการระคายเคือง หรือ แพ้ตามมา
  • คนเราต้องการความมันที่เหมาะสม แต่สภาพผิวของคนเราก็ยังมีความแตกต่างกันไป การที่น้ำมันจะไหลมามากหรือน้อยขึ้นกับแต่ละคน บางคนหลั่งมากก็อาจจะทำให้หน้ามัน หรือที่เราเรียกว่า ผิวมัน การที่ต่อมไขมันหลั่งน้ำมันออกมาน้อยก็อาจจะมีสภาพผิวแห้ง และไม่ว่าจะหน้ามันมากเกินไปก็อาจจะเกิดสิวได้เนื่องจากน้ำมันเมื่อไหลออกมามากมันก็เกิดการอุดตันโดยตัวมันเอง สิวที่เกิดจากผิวมันมักจะเป็น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวแดงเม็ดใหญ่ๆ ตรงกันข้าม น้ำมันไหลน้อยเกินไปเมื่อรับสารบางอย่างเข้าไปก็เกิดการระคายเคืองเป็นสิวได้เช่นกัน ผิวแห้งอาจมีสิวลักษณะเล็กๆมีหัวบ้าง ไม่มีหัวบ้าง ซึ่งสิวจำพวกนี้เกิดจากการระคายเคือง

 

กลไกการเกิดสิวต้องเข้าใจก่อนว่า ..


“ เชื้อสิวเป็นสิ่งที่ทุกคนมีบนใบหน้าเป็นเรื่องปกติ อาจจะไม่ก่อให้เกิดสิว หรือก่อให้เกิดสิวก็ได้ แต่คนที่มีเชื้อสิวมากแนวโน้มการเกิดสิวในอนาคตก็มากขึ้นตามไปด้วย

สาเหตุเกิดได้หลายอย่าง เป็นอะไรก็ได้ ความเครียด เครื่องสำอาง ฮอร์โมน อาการแพ้ อาหาร ผิวที่สร้างขี้ไคลมากกว่าปกติ ฯลฯ แล้วสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นทำให้บางสิ่งบางอย่างมาอุดตันบริเวณปากรูขุมขน แล้วไปปิดการไหลออกของน้ำมันตรงบริเวณรูเปิดปากรูขุมขน เมื่อน้ำมันที่ต้องไหลออกมาเคลือบผิวหนังออกไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไขมันมาเกาะอยู่บริเวณใกล้รูเปิดรูขุมขน C ไขมันที่มารวมตัวกระจุกนั้นจะมีลักษณะเป็นสีขาว หรือสิวอุดตันนี้ เราเรียกว่าสิวหัวปิด (ดูภาพ C ประกอบ) พออุดตันเยอะขึ้นโดยธรรมชาติมันจะเกิดการดันออก ผลักหัวสิวออก เมื่อเกิดการดันออกหัวสิวสัมผัสอากาศส่วนที่อยู่ด้านบนก็จะกลายเป็นสีดำ สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด (ดูภาพ B ประกอบ ) ดังนั้นใบหน้าเราจะมีสิวอุดตันที่เป็นทั้งจุดดำ และ จุดขาว

ถ้าเราไม่รักษาสิวอุดตันที่เกิดขึ้นนี้ บริเวณผิวหนังของเราจะมีเชื้อสิวอยู่แล้วทุกคน เชื้อสิว หรือ P.acne เชื้อพวกนี้โตได้ดีด้วยไขมันบนหน้าเรา เมื่อมีน้ำมันมากตรงจุดไหน มันจะไปกัดกินบริเวณนั้น หรือเมื่อน้ำมันออกมาด้านบนรูขุมขนไม่ได้ รวมตัวอัดกันอยู่ เชื้อสิวพวกนี้จะรีบตามไปกัดกินไขมัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นของเราอักเสบและเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น เพราะฉะนั้นสำหรับสิวหัวขาวซึ่งเป็นสิวหัวปิดก็จะกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด และร่างกายคนเราก็จะมีการรักษาตัวเองอัตโนมัติ เช่น เมื่อมีแผลร่างกายเราจะตกสะเก็ด ดังนั้นเมื่อเวลาใบหน้าเกิดสิวอักเสบร่างกายจะเกิดการรักษาอัตโนมัต ร่างกายจะไปเรียกตัวฆ่าเชื้อมานั่นก็คือ พวกเม็ดเลือดขาวทั้งหลาย ที่มันอยู่ในร่างกายก็จะเรียกมารวมกัน เกิดการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียเชื้อสิวทำให้ผิวหนังบริเวณรอบสิวเกิดการบวมแดงขึ้น ถ้าอักเสบแดงแล้วไม่ยุบหายไป ก็หมายความว่าติดเชื้อซึ่งเราจะเห็นในลักษณะเป็นหนอง หนองคือซากของเม็ดเลือดขาว การที่เราเห็นสิวที่เป็นหนอง มักเกิดหลังจากที่ร่างกายพยายามต่อต้านการอักเสบภายในตัวเราเอง ส่วนมากจะต่อต้านชนะเพราะสุดท้ายหนองเหล่านั้นจะหายไป จะหายของมันไปเอง ถ้าเราไม่ไปแคะ แกะ เกา บีบ กด ดัน สิวเม็ดนั้น การอักเสบก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะร่างกายจะมีกระบวนการรักษาตัวมันเอง ร่างกายของเราก็จะกำจัดเชื้อสิวออกไป และรักษาบาดแผลที่มีอยู่ให้หายสนิทเอง นี่เป็นวงจรปกติของร่างกายคนเรา และวงจรการเกิดสิวที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้

 

สำคัญมาก สำหรับการอักเสบ มันมีโอกาสนำมาซึ่งแผลเป็น ไม่ว่าจะ รอยแดง รอยดำ หลุมสิว ถ้าร่างกายเราเกิดแผลบริเวณรอยต่อของชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า “ ร่างกายเราจะไม่มีแผลเป็น “ แต่ถ้าร่างกายเกิดแผลบริเวณที่ลึกกว่านั้นในบริเวณหนังแท้ชั้นคอลลาเจนร่างกายเราก็จะเกิดแผลเป็น หรือรอยแดง ซึ่งบางทีทิ้งเวลานานหลายเดือนกว่าจะหาย

 

 

ถ้าเราไม่ยุ่งกับสิว ร่างกายเราอาจจะซ่อมแซมจนสิวนั้นหายไปโดยไม่มีรอยเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราพยายามไปเพิ่มความอักเสบของผิวโดยการกด บีบ ดัน แคะ แกะ เกา เค้น ทำให้กระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นครั้งเดียวต้องเกิดหลายครั้ง เนื้อเยื่อเราอักเสบมากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเลือดขาวที่จะมาซ่อมแซมรักษาทำงานหนักมากขึ้น ผิวหนังตรงนั้นเกิดความบอบช้ำ ความอักเสบที่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะเกิดการติดเชื้อ สิวหัวหนองไม่ได้หมายความว่าหนองจะอยู่ด้านบนเพียงอย่างเดียว บางทีมันไหลย้อนกลับมาบริเวณชั้นใต้ผิวหนังที่ลึกลงมาข้างล่าง ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น ส่งผลให้การเกิดแผลเป็นได้มากขึ้น เพราะถึงขั้นนี้คอลลาเจนก็ถูกทำลายไปมากการเรียงตัวมันจะเปลี่ยนไปทำให้เราเกิดเป็นแผลชนิด “หลุมสิว” ทันที

 

เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดสิวหมอจะพยายามบอกคุณเสมอว่า “อย่าไปกดสิวหรืออย่าไปทำอะไรเพิ่มขึ้นกับสิวเพราะมันทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น นอกจากมันทำให้เกิดแผลรอยแดงทิ้งไว้ ยังมีโอกาสทำให้เป็นแผลหลุมมากขึ้นกว่าเดิม”


 

 

การรักษาวิธีหลักที่เราใช้กันเป็นประจำ

  1. ทายา ถ้าเป็นสิวอุดตันไม่มาก เมื่อเกิดการอุดตันเช่นสิวหัวขาว หมอจึงมักจะให้ยาเปิดปากรูขุมขนบริเวณนั้น (สลายขี้ไคล้เหนือบริเวณนั้นออก) เมื่อรูขุมขนเปิด สิวจะหายเอง เพราะไขมันจะถูกขับไหลออกเป็นปกติ เช่น กรดวิตามิน A
  2. ทำทรีทเมนท์ ถ้าเป็นสิวอุดตันเยอะ เพื่อใช้ในการผลัดผิวออกเร็วขึ้น เช่น กรดผลไม้ กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี(พอทำได้) วิธีนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เมื่อทำมากขึ้นจะทำให้ผิวแห้ง กลายเป็นผิวหนังระคายเคืองได้ง่าย ก็ทำให้เกิดสิวเห่อขึ้นมาได้เหมือนกัน
  3. ทานยาปฎิชีวนะ ถ้าเป็นทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ เพราะเริ่มมีการติดเชื้อร่วมด้วย ยากลุ่มนี้จะฆ่าเชื้อ P.acne ได้ดีเช่น คลินดามัยซิน ด็อกซีซัยคลิน
  4. ทานฮอร์โมน ถ้าผู้ที่มีผิวมันเป็นเพศหญิง โอกาสเกิดสิวจะมีมากสำหรับผิวมัน จะต้องมีการปรับสภาพผิว ให้มีสมดุลน้ำมันที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป จนเกิดการอุดตันโดยน้ำมันเคลือบผิวที่มากไปของตัวเอง จะต้องใช้ฮอร์โมนเข้ามาช่วย เช่น ยาคุมกำเนิด จะช่วยให้หน้ามันน้อยลงได้ เพราะความมันเกิดจากการที่มีฮอร์โมนเพศชายเด่น แต่ผู้ชายใช้ไม่ได้
  5. ทานพวกกรดวิตามินเอ ถ้าผู้ที่มีผิวมันเป็นเพศชายหรือเพศหญิง และมีสิวรุนแรงมากจริงๆ ต้องได้รับการปรึกษาจากแพทย์ก่อนรับประทานเพราะเป็นยาอันตราย ทานแล้วปากแห้ง ตาแห้ง เช่น โรแอคคิวเทน เพราะถ้าหน้าไม่ได้มันมาก ไปหารับประทานเองจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และกลายเป็นสิวอีกแบบอื่นตามมา
  6. ไม่กดสิว ไม่บีบสิว ไม่แกะสิว ถ้าเรากดไม่เป็นเนื้อเราจะช้ำ เนื้อเยื่อคอลลาเจนเกิดการเรียงตัวผิดปกติเสียหาย ช้ำมากแล้วก็อาจติดเชื้อตามมา เมื่อมันลึกยิ่งขึ้น สุดท้ายมีแผลเป็นตามมา ทั้งรอยแดง รอยดำ หลุมสิว

ทุกวิธีที่รักษาทั้งหมด เป็นแค่วิธีชั่วคราว ไม่ว่าจะพยายามลอกผิว ผลัดผิวด้านบนออก สุดท้ายแล้วร่างกายก็จะกลับมาเป็นภาวะปกติคือกลับมามีน้ำมัน มีขี้ไคล เกิดการอุดตันได้อีกครั้งเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ สิวอุดตัน สิวเสี้ยนหายไปอย่างถาวร ยกเว้นการไปเปลี่ยนโครงสร้างของผิวได้

 

 

 

 

การรักษาวิธีเสริม

ตั้งแต่ เลเซอร์ ,IPL, ฉายแสงสีฟ้า ฯลฯ

จะพูดในเรื่องของ "เส้นขน" ขนกับสิว มีความสัมพันธ์ใกล้กัน ยกตัวอย่าง คนบางคนเอาเลเซอร์มารักษาสิวเสี้ยน สิวเสี้ยนแท้จริง คือรูขุมขนถูกอัดแน่นด้วยขนหลายๆๆเส้นมากระจุกในรูเดียวกัน เราจึงใช้เลเซอร์มากำจัดขนอ่อนๆในรูขุมขนเพราะมันทำหน้าที่ได้ดี เมื่อเรากำจัดขนไปจนหมด รูขุมขนเมื่อไม่มีขน รูมันก็เล็กลง สิวเสี้ยนก็จะดีขึ้น (แต่ส่วนใหญ่สิวเสี้ยนจะใช้ยาทาไปก่อน เพราะรูขุมขนมันใหญ่มันอุดตันได้มากทายาให้ค่อยๆผลัดขี้ไคล้ที่หนาที่มาอุดตันให้ค่อยๆหลุดออกไป) เลเซอร์จะเข้ามาช่วยในกรณีที่คนไข้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับชีวิต ขี้เกียจทายา จึงยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อจะยิงขนเหล่านั้นทิ้ง แต่ในงานวิจัยเลเซอร์ช่วยในเรื่องการรักษาสิวเสี้ยนได้ 50-60% เท่านั้น

การรักษาโดยเลเซอร์ด้วยวิธีอื่นในเรื่องการฆ่าเชื้อสิวโดยตรง ยังให้ผลทำให้หน้ามันน้อยลงสำหรับเลเซอร์ที่เหมาะสมเพราะมีการยิงความร้อนลงไปที่ต่อมไขมันโดยตรง ทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง

แต่การรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องมายิงเลเซอร์บ่อย อย่างต่ำอาทิตย์ละสองครั้ง แต่สุดท้ายเชื้อสิวมันจะกลับมา เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ใบหน้าทุกคนต้องมีเชื้อสิว ที่เราเลือกฆ่าเชื้อสิวโดยใช้เลเซอร์เนื่องจากเพื่อไม่ให้มีสิวอุดตันอยู่ เมื่อไม่มีสิวอุดตันเชื้อP.acneก็ไม่สามารถมากัดกินน้ำมันบนผิวแล้วทำให้เกิดการอักเสบเป็นสิวเม็ดแดงใหญ่ตามมา

การเปลี่ยนโครงสร้างของผิวโดยการใช้เลเซอร์ แม้ไม่ถาวรแต่อยู่ได้ยาวนานกว่าขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคน เช่นการกำจัดขนก็อาจจะกลับมาอีกในอีกหลายปีถัดไป เพราะคนเรามีอายุมากขึ้นทุกวัน คอลลาเจนเสื่อมสภาพ รูขุมขนก็กว้างขึ้น เราไม่มีทางเอาชนะความแก่ตามธรรมชาติได้ ก็ต้องมาทำซ้ำเรื่อยไป และการเลเซอร์ครั้งนึงเป็นเรื่องต่อเนื่อง และต้องใช้ระยะเวลาต้องมายิงซ้ำ


 

คำแนะนำ จะเลือกวิธีไหนก็ต้องกลับมาทำซ้ำเหมือนกัน ขึ้นกับระยะเวลาสั้นหรือยาวก็สุดแล้วแต่เราเลือก  เช่น ถ้าเราเลือกทายาก็ให้ทาเป็นช่วงเมื่อผิวบริเวณผลัดออก รูเปิด น้ำมันไหลเวียนปกติ ใบหน้าหายอุดตัน เราก็หยุด เมื่อร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ เริ่มอุดตันใหม่ก็กลับมาทายาใหม่ ซ้ำไปซ้ำมา

 

 

“สิ่งสำคัญที่หมอย้ำกับคนไข้ที่เป็นสิวว่า เมื่อเป็นสิวแล้ว เราไม่ควรทำอะไรมันเลยจะดีกว่า ปล่อยหน้าที่นี้ไว้ให้หมอทำ เพราะหมอจะเลือกหนทางที่ดีและเหมาะสม และไม่ทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างอื่นเพิ่มตามมา ปัญหาของคนไข้เป็นสิวส่วนนึงคือการเกิดรอยหลุมสิวที่กำลังจะตามมา เพราะบางทีคนไข้ไม่เข้าใจอยากจะให้สิวหายไวไว ก็ไปพยายามไปบีบ แคะ แกะ เกาสิว ไปรีดมันออกมา แต่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ มันกำลังไปทำให้เกิด หลุมสิวที่มันอยู่กับเราตลอดกาล “

 

เพราะถ้าหน้าเป็นหลุมแล้วไม่มีวิธีไหนที่คุณสามารถถมมันให้เต็ม มันเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างของผิวไปอย่างถาวรเป็นแผลเป็นรักษายากกว่าการเป็นสิว

 

 

 

และแล้วก็จบบทสนทนาไปด้วยความกระจ่างว่านอกจากอย่าบีบสิวให้มันหายเอง แล้วยังค้นพบสัจธรรมแด่ตัวเองและผองเพื่อนกับความหวังในการหาแนวทางรักษา เรื่องสิวเสี้ยน สิวอุดตันว่าไม่มีทางจากไปอย่างถาวร ยกเว้นโครงสร้างผิวเปลี่ยนนั้นหมายถึงเมื่อเราอายุมากขึ้นมันจะเปลี่ยนไปเองตามผิวของเรา

ขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชาเป็นอย่างสูงในความกรุณาเอิ้อเฟื้อเสียสละเวลาในการให้สัมภาษณ์ความรู้ทางด้านผิวหนังในครั้งนี้ค่ะ

 


และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันอยู่ได้รับความรู้นำไปดูแลตนเองค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ


 


erk-erk

erk-erk

มีแก้ม , ผมตรง , พูดเก่งค่ะ อิอิ <3
ชอบเรื่องผิว และ เทคโนโลยีความงามเกี่ยวกับผิว ยืน 1 ค่ะ
;) ทักทายกันได้ค่ะ
ขอบคุณนะคะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

FULL PROFILE