ร่วมไว้อาลัย คุณกุ้งนาง ปัทมสูตร ค่ะ

5 33


https://www.youtube.com/watch?v=rG2N1qJ2BOQ&feature=related


กุ้งนาง ปัทมสูตร อดีตดาราดัง เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งกระดูก ด้วยวัยเพียง 42 ปี

             หลังจากที่ กุ้งนาง ปัทมสูตร อดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้เข้ารักษาตัวจากโรคมะเร็งเมื่อปลาย ปี 2553  ล่าสุดมีรายงาน กุ้งนาง ปัทมสูตร วัย 42 ปี ได้เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งกระดูกเชิงกรานลามไปที่ปอด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (5 กันยายน) ท่ามกลางความเสียใจของบรรดาญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงาน

            ทั้งนี้ พิธีรดน้ำศพ กุ้งนาง ปัทมสูตร นั้นจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (6 กันยายน) เวลา 16.00 น. ที่ศาลา 5 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

            สำหรับประวัติของ กุ้งนาง ปัทมสูตร นั้น เป็นลูกสาวคนกลางของสุประวัติ ปัทมสูต นักแสดงอาวุโส และผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ชื่อดัง  โดยมีพี่สาวคือก้ามปู ซึ่งสมรสกับเป็ด เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดัง และน้องชายชื่อกษาปณ์ ปัทมสูตร
       
            กุ้งนาง ปัทมสูตร มีผลงานในวงการบันเทิงอย่างมากมาย ทั้งงานแสดง และงานเพลง ซึ่งโด่งดังเป็นอย่างมากเมื่อ 10 กว่าปีก่อน จากนั้นเธอก็ได้ห่างหายไปจากวงการบันเทิงเพราะต้องไปพักรักษาตัวและต่อสู้ กับโรคร้ายอย่างมะเร็ง แต่กระนั้นเธอก็พยายามรักษาตัวจนอาการดีขึ้น และเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมาเธอได้เปิดตัวแบรนด์แฟชั่นสุดเก๋ในนามว่า "ZARANYA" ซึ่งก็สามารถตีตลาดวงการแฟชั่นได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

            แต่เมื่อประมาณปลายปี 2551 กุ้งนาง ปัทมสูตร ก็ได้ตรวจพบก้อนมะเร็งที่ปากมดลูก เมื่อเธอได้เข้ารับการรักษาตัวเป็นการด่วน และถือว่าโชคดีมาก เพราะเธอตรวจพบก้อนมะเร็งดังกล่าวได้เร็ว จากนั้นเธอก็เดินหน้าทำทุกวิธีทางเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสง ผ่าตัด ทำคีโม ทำทุกอย่างที่ต้องทำ จนเชื้อนั้นหายไป ในช่วงนั้นนั่นเอง เธอได้ให้สัมภาษณ์ไว้ใน
เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการป่วยของเธอว่า...

          "ช่วงที่ตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งคือ เมื่อปี 2551 นี่เองนะคะ ซึ่งคืนนั้นที่ไปฟังผลแล้วก็ต้องบินไปทำงานที่ยุโรปเพื่อไปดูเทรนด์แฟชั่นด้วย เลื่อนทุกอย่างไม่ได้เลย แล้วรอผลจากหมอก็เลื่อนไม่ได้เหมือนกัน ก็เลยคิดว่าชีวิตมันก็ต้องเดินไปตามสเต็ปที่วางเอาไว้ ก็ไปฟังผลก่อนปรากฏว่าคือ ตรวจพบเป็นมะเร็งค่ะ หมอก็เลยให้เราเข้าเครื่องสแกน หาว่าเราเป็นระยะที่เท่าไร ทำอะไรกับมันได้บ้าง ต้องรักษาวิธีไหน หลังจากเข้าเครื่องเสร็จยังไม่ทันจะรู้ว่ามันเป็นอะไร  ก็ต้องขึ้นเครื่องบินไปก่อน พอลงจากเครื่องก็โทรถามหมอว่าตกลงเราเป็นประมาณไหน ต้องรักษายังไงบ้าง  แล้วตอนนั้นเราก็ต้องไปทำงานด้วย เป็นอะไรที่เรารู้สึกใจฝ่อมาก ๆ แล้วอาหารที่ยุโรปก็เป็นอะไรที่บำรุงโรคนี้ทั้งนั้นเลยนะ เค้าจะให้กินแบบชีวจิต เราคงกินไม่ได้ เพราะที่โน่นอากาศมันก็เย็น อยู่ไม่ได้แน่ ก็ตัดสินใจกินแบบปกติ แล้วเหมือนคุยกับตัวเองว่าเราเจอมันแล้วอย่ามาเป็นอะไรเยอะตอนนี้นะ ตั้งสติก่อนว่าฉันยังเป็นอะไรไม่ได้ ฉันจะต้องผ่านตรงนี้ไป แล้วจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี

        หลังจากนั้นคุณหมอก็วินิจฉัยโน่นนั่นนี่ รายละเอียดมาก ๆ ก็โทรกลับมาคุยอีก จำได้ว่าปีที่แล้วเสียค่าโทรศัพท์เฉพาะเรื่องนี้ไปหมื่นกว่าบาท หมอก็บอกว่าให้เราทำงานให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เค้าว่ามันจัดการได้  แต่ต้องมาวินิจฉัยกันอีกทีหลังจากที่ผ่าตัดไปแล้วว่ามันจะต้องฉายแสงกี่ครั้ง เราก็ถามว่าบอกเลยไม่ได้เหรอ  เพราะนาทีนั้นเราก็ร้อนใจมากเหมือนกัน ซึ่งเราก็รู้มาเหมือนกันว่าคนที่ฉายแสง คนที่ให้คีโม ผลกระทบมันเป็นยังไง คือเราก็อยากรู้ว่าต่อไปเราจะเป็นยังไง หมอก็เลยให้ใจเย็นก่อนแล้วเค้าจะไปปรึกษากันก่อนว่าเคสประมาณนี้มันจะต้องฉายแสงกี่ครั้ง เสร็จแล้วรุ่งเช้าก็โทรหาหมออีก ถามว่าตกลงยังไงคะ หมอบอกว่าถ้าฉายแสงก็ประมาณ 28 ครั้ง อาทิตย์ละ 5 วัน  ติดกัน เราก็โอเคไม่เป็นไร สู้! หมอก็ถามอีกว่าเราจะผ่าได้เมื่อไร แล้วพอดีว่าตอนที่รู้เรื่องว่าป่วย เจ้านายใหญ่ก็อยู่ด้วย ท่านก็เข้าใจก็บอกว่าถ้ากลับมาจากยุโรปเราจะเข้ารักษาก็ทำได้เลยนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน  กุ้งนางก็เลยขอแอดมิททันทีหลังจากลงเครื่อง จากนั้นก็รอให้ร่างกายได้พักปรับตัวคืนหนึ่งก็เข้าห้องผ่าตัดทันทีเลยค่ะ

            จำได้ว่าเข้าห้องผ่าตัด 7 ชั่วโมง เลาะออกหมดเลยนะ แต่รังไข่หมอย้ายเอาไปไว้ข้างหลัง เพื่อที่เราจะยังมีฮอร์โมนจะได้ไม่กิน หรือฉีดเพิ่มเข้าไป หลังจากรักษาด้วยการผ่าตัดแล้วก็ทำตามขั้นตอนต่อไปคือฉายแสง  28 ครั้ง เช็คเกล็ดเลือด ถ้าต่ำลงก็ต้องหยุดฉายแสงก่อน แล้วก็โดปให้ร่างกายมันฟื้นกลับขึ้น มาถึงจะฉายแสงต่อได้ ใช้เวลารักษาทั้งหมดรวมๆ ก็ 6 เดือนค่ะ แต่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลจริง ๆ แค่เกือบเดือน ตอนนี้ก็หายแล้ว แต่ว่าคุณหมอก็ยังนัดไปทุกๆ 3 เดือนอยู่นะคะ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่รักษาได้ทันค่ะ... "

          ถึงแม้ว่าโรคร้ายจะรุมเร้า กุ้งนาง ปัทมสูตร สักเท่าไร แต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ พยายามคิดบวกต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ โดยเธอได้ให้ข้อคิดดี ๆ กับการต่อสู้โรคมะเร็งกับ
ด้วยว่า  "ต้องใช้หัวใจรักษามะเร็ง" เพราะเป็นโรคที่แทบจะไม่มีโอกาสรักษาหายได้เลย

        "บอกได้เลยค่ะว่า  โรคมะเร็งจะทรุดหรือจะทรงนี่อยู่ที่ใจเราอย่างเดียวจริง ๆ  ถ้าใจเรามีสติ  มีสมาธิแล้ว  คิดแต่สิ่งดี ๆ  มันก็จะไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน  แต่ถ้าช่วงไหนที่จิตใจอ่อนแอมาก ๆ  เห็นชัดเจนเลยว่า ร่างกายก็จะทรุดลงอย่างทันที ระยะหลัง ๆ มา  กุ้งนางจึงตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้ว่า ฉันจะต้องหาย จะต้องกลับไปเป็นปกติให้ได้ แล้วคิดเสมอว่า โรคมะเร็ง  ก็ไม่ต่างอะไรกับไข้หวัด

         ...มองให้เป็นเรื่องเล็ก ๆ ทำทุกอย่างให้เป็นกลาง อย่าคิดว่าตัวเองป่วย ปล่อยวาง ปฏิบัติตัวเหมือนกับคนปกติทั่วไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง อย่างกุ้งนางเองก็จะไปสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงตามปกติอยู่แล้ว แต่จะดูแลตัวเองเป็นพิเศษหน่อย เช่น หลีกเลี่ยงในที่ที่มีคนสูบบุหรี่ ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง คิดแต่สิ่งดี ๆ และจะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพียงเท่านี้เอง

         "กุ้งนางเชื่อมั่นเสมอว่า ถึงแม้ฟ้าฝนเราจะกำหนดไม่ได้ แต่เราสามารถกำหนดชีวิตของเราได้ เมื่อเรารู้จักที่จะคิดบวก คิดแต่สิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ วิถีชีวิตเราก็จะเป็นไปในทางที่ถูกที่ดี ต่อให้โรคร้ายแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้แน่นอนค่ะ" กุ้งนาง กล่าว

         อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หายป่วยจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว กุ้งนาง ปัทมสูตร ก็ยังต้องพบเจอกับฝันร้ายอีกครั้ง เมื่อตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งที่กระดูกเชิงกรานในช่วงเดือนมิถุนายน 2553 และต้องต่อสู้กับโรคร้ายมานานปีเศษ ก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด
 


***เครดิตข้อความจาก kapook.com ค่ะ***

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวปัทมสูตรด้วยค่ะ ขอให้คุณกุ้งนางไปสู่สุขคตินะคะ


viewy

viewy

tukta1234@gmail.com

FULL PROFILE

Comment

เขียนความเห็นได้เลยจ้า..

Recent comments ความคิดเห็นล่าสุด