เปิดกรุแป้งตัวเลิฟ ออกมา Review จ้า ^^

1. Bobbi Brown Sheer Finish Pressed Powder เบอร์ 1 (Pale Yellow)

คุณสมบัติ : เป็นแป้งไม่ผสมรองพื้น ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า

ความคิดเห็นหลังการใช้
แป้งตัวนี้เป็นแป้งที่ให้ลุคใสๆค่ะ ไม่ผสมรองพื้น ไม่หนักหน้า และบางเบา เหมาะกับวันสบายๆ
ไอซ์ชอบแป้งตัวนี้ตรงที่เนื้อแป้งเนียนละเอียดมากค่ะ แถมทาแล้ว ระหว่างวันก็ไม่ทิ้งคราบและทำให้หน้าหมองอีกด้วย
เป็นอีกไอเท็มหนึ่งที่เหมาะสำหรับพกติดกระเป๋าไว้ทาระหว่างวันค่ะ

คะแนน
คุณภาพ 9/10 หักเรื่องการปกปิดนิดนึงค่ะ เพราะเป็นแป้งเพรสที่ให้ลุคใสๆ เลยไม่ช่วยในเรื่องการปกปิดใดๆ
ราคา 7/10 หักเรื่องราคาหน่อยค่ะ เพราะเป็นแป้งเพรสที่ค่อนข้างราคาสูงเลยทีเดียว และแพคเกจจิ้งค่อนข้างจะใหญ่ ทำให้พกพาลำบากไปนิดนึง ที่สำคัญกระจกของแป้งนั่น เปิดได้แค่90องศาเท่านั้นค่ะ ทำให้ส่องยาก

ปล. จะเห็นได้ว่าแป้งมีรอยแหว่งที่ใกล้จะหมดแล้ว ยืนยันได้ว่า จขกท. ใช้บ่อยมากกกก แฮะๆ ^^"

2. Clinique Stay-Matte Sheer Pressed Powder เบอร์ 01 (Stay Buff)

คุณสมบัติ : เป็นแป้งที่ไม่ผสมรองพื้น และไม่มีน้ำหอมผสมอยู่ เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย

ความคิดเห็นหลังการใช้
แป้งตัวนี้เป็นแป้งที่ให้ลุคใสๆค่ะ ไม่ผสมรองพื้น และบางเบา เช่นเดียวกับแป้งของ Bobbi Brown ตัวข้างบนค่ะ
แต่ที่รู้สึกว่าแตกต่างไปคือ แป้งตัวนี้ผสมกลิตเตอร์อยู่เบาๆค่ะ (ที่เคยใช้มาหลายตลับไม่เคยรู้สึกนะคะ แต่พอมาตลับล่าสุด ทำไมรู้สึกอย่างนั้นก็ไม่รู้ หรือเพราะตัวนี้ซื้อมาจากที่อเมริกาด้วยก็ไม่รู้) อ่อ... ที่สำคัญแพคเก็จจิ้งก็เปลี่ยนไปค่ะ เพราะตัวก่อนหน้าจะเป็นตลับสีเขียวใส ไม่มีลาย แต่ไอซ์ชอบแพคเก็จจิ้งตัวเก่ามากกว่านะคะ มันคลาสสิคดี ฮิฮิ

โดยรวมนะคะ เนื้อแป้งไม่ละเอียดมากเท่าไหร่ แต่ที่โอเค คือ ทาแล้ว ระหว่างวันก็ไม่ทิ้งคราบ แต่เรื่องของสีดรอปลงไปมั้ย ก็มีบางนะคะ ในความรู้สึก ซึ้งถ้าสาวๆไม่ซีเรียสมาก ก็เป็นอีกไอเท็มที่น่าสอยค่ะ

คะแนน
คุณภาพ 8/10 หักเรื่องของความละเอียดของเนื้อแป้งค่ะ แล้วก็การปกปิด ที่ไม่ได้ช่วยเรื่องการปกปิดแต่อย่างใดเลยจริงๆ
ราคา 9/10 หักเรื่องของพัฟแป้งค่ะ เพราะดูพัฟแป้งธรรมดามากกกก

3. Estee Rauder AeroMatte Ultralucent Pressed Powder เบอร์ 3C (Medium Cool)

คุณสมบัติ : เช่นเดียวกับ Bobbi Brown ตัวด้านบนค่ะ

ขอเม้าท์นิดดดดดนึงนะคะ,,, แป้งตัวนี้เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ค่ะ เพราะซื้อมาสีมันเข้มกว่าหน้าค่ะ ทำไมอย่างนั้น??? ก็เพราะว่าแป้งตัวนี้ได้รับคำแนะนำมาจาก BA ใน outlet ที่อเมริกาค่ะ ว่าสีนี้แหละ เหมาะกับเรามากที่สุด ตอนแรกเราก็ปฎิเสธแล้วว่า เราใช้ไม่ได้ แต่เค้าบอกว่าเนี่ยแหละ โอเคสำหรับยูนะ ไอซ์ก็เอิ่มมมม... เอาก็เอาวะชั้น สอยมาซะแบบงงๆ

สรุป คือ เอามาต้องมาใช้คู่รองพื้นที่ขาวกว่าหน้าค่ะ เพื่อที่จะให้สีแป้งนั้นไม่ทำให้สีหน้ำดรอปลง,,, ยุ่งยากจัง TT^TT


ความคิดเห็นหลังการใช้
แป้งตัวนี้เป็นแป้งที่มีเนื้อแป้งเนียนมากกกก ถึงมากที่สุดค่ะ (เว่อร์ไปมั้ยไอซ์ =  =")
แต่ก็ยกให้เป็นแป้วตัวเกือบจะเลิฟอีกหนึ่งตัวเลยค่ะ (ถ้าไม่นับความผิดพลาดจากการซื้อสีมาผิดนี่ เป็นตัวเลิฟที่ขาดไม่ได้แล้วจริงๆ)

พูดโดยรวมเลยละกันค่ะ ทาแล้วหน้าเนียนดีค่ะ ช่วยปกปิดได้นิดหน่อย ให้ลุกใสๆ แมทๆ ให้เป็นตัวแนะนำอีกหนึ่งตัวเลยค่ะ


คะแนน
คุณภาพ 10/10 ไม่รู้จะหักอะไรจริงๆ เอาเป็นว่าเอาเต็มไปเลยค่ะ ^^
ราคา 10/10 เนื่องจากซื้อมาจากอเมริกาค่ะ ราคาเลยเป็นมิตรมากกก อยู่ที่ตลับละ 22 เหรียญได้ค่ะ (แต่ยังไม่ได้ไปสืบราคาจากเค้าท์เตอร์เลย เอาเป็นว่าเอาคะแนนเต็มไปก่อนละกัน ^^")

ปล. เห็นได้ว่าเป็นตัวเกือบจะเลิฟอีกหนึ่งตัว เลยทำให้สาวๆเห็นว่ามันพร่องไปเยอะ จนเรียกได้ว่าควรไปสอยอันใหม่มาได้แล้ว ฮ่าๆ

.......................................
.................................
..........................
...................
............

4. Laura Mercier Foundation Powder เบอร์ 2

คุณสมบัติ : ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันแล้วมั้งคะกับแป้งตัวนี้ เพราะเป็นแป้งที่สาวๆทุกคนเลื่องลือกันมากถึงคุณสมบัติค่ะ

ความคิดเห็นหลังการใช้
คำเดียวค่ะ... เริ่ด !!! แป้งเนื้อเนียน ปกปิดได้ดี คุมมันได้ในระดับนึงสีแป้งไม่มีการดรอประหว่างวัน และที่สำคัญทาครั้งเดียวก็อยู่ได้ทั้งวันเลยค่ะ เป็นแป้งที่ไม่มีไม่ได้แล้วจริงๆค่ะ ^^

คะแนน
คุณภาพ 10/10 ไม่รู้จะหักอะไรจริงๆ เอาเป็นว่าเอาเต็มไปเช่นเดียวกับ Estee เลยละกันค่ะ ^^
ราคา 8/10 หัก 2 คะแนนค่ะ เนื่องจากราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ และแพคเก็จจิ้งก็ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ึควรค่ะ สำคัญมากมาย คือ ปริมาณน้อยไปนิดค่ะ ปาดไปทีแล้วใจหายเลยล่ะค่ะ แฮะๆ