>>>สอบถาม<<< รบกวนคนเคยใช้เรตินเอ ด้วยค่ะ
nutty_tiga9คือว่าพึ่งเริ่มใช้ เรติน เอ ค่ะ อยากรู้ว่าถ้าเราใช้เรติน เอ อยุ่ตอนกลางคืน
***แล้วตอนกลางวันใชัอะไรได้บ้างคะ
****อีกอย่างใช้ ยาแต้มสิวได้มั้ยเอ่ย??
Discussion (9)
กรดวิตามินเอ
Tretinoin หรือกรดวิตามินเอ มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.01% 0.025% 0.05 และ 0.1% มีชื่อทางการค้าด้วยกันหลายยี่ห้อ เช่น Retin-A , Stiewa-A , Renova เป็นต้น
เป็นตัวยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก กระตุ้นคอลลาเจน ทำใหรูขุมขนกระชับ แก้สิวอุดตัน เนื่องจากจะทำให้คอมิโดนที่มีอยู่หลวม และหลุดออกไป แต่หากไม่ระวังในการใช้ จะเกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคือง แสบ แดง หน้าลอก หน้าใหม้จากแดด
การใช้ยาที่ถูกต้อง
1. เริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำ 0.01 หรือ 0.025 เท่านั้น ห้ามอยากรวดรัดไปใช้เข้มข้นสูงเด็ดขาด
2. ทาตอนกลางคืนหลังล้างหน้า ซับให้แห้ง รอประมาณ 20 นาที แล้วค่อยทายา โดยเริ่มจากคืนเว้นคืนก่อน เพื่อให้ผิวปรับได้ค่อยทาทุกคืน หากต้องการลดริ้วรอยควรใช้แบบครีม หากรักษาสิวควรเลือกใช้กรดวิตามินเอแบบเจล โดยหากผิวแห้ง ทาครีมบำรุงผิวทับได้ แต่ต้องแน่ใจว่าเป็นครีมที่ไม่ก่อให้เกิดสิว และไม่ควรใช้ครีมมากมายหลายตัวในช่วงนี้ ควรใช้เป็นครีมบำรุงธรรมดา
3. ห้ามใช้ร่วมกับ AHA , BHA เด็ดขาด
4. หากรักษาสิว แล้วต้องการใช้ BP ควรทาคนละเวลา เช่นทา BP 2.5% ก่อนล้างหน้า 5 นาที (บริเวณสิวอักเสบ) แล้วก่อนนอนค่อยทากรดวิตามินเอ หากมีการอักเสบร่วมด้วย ควรใช้ 1% clindamycin lotion แต้มสิวอักเสบระหว่างวัน
5. กลางวันต้องหลบแดด ทาครีมกันแดดทุกเช้า *****หากใช้ยาแล้วต้องตากแดด แนะนำว่าอย่าใช้เลยค่ะ******
6. อย่าดันทุรัง ถ้าช่วงใหนหน้าเริ่มแห้ง ตึง หยุดใช้ชั่วคราว เว้นสัก 2 คืน แล้วค่อยทาใหม่
7. ระหว่างการใช้ ห้ามขัดผิว เช็ดหน้าแรงๆ ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์
***********ห้ามใช้เวลาตั้งครรภ์เด็ดขาด********
ระยะเวลาการใช้กรดวิตามินเอ
หากเป็นเรื่องสิวอุดตัน จะเห็นผลหลังจาก 1-2 เดือน หากเป็นเรื่องริ้วรอย จะเห็นผลหลังจาก 4-6 เดือน
หลังจากการใช้ไปแล้ว 6 เดือน ควรลดปริมาณการใช้ลง เหลือเพียง สัปดาห์ละ 1-2 คืน ค่ะ
ผลที่ได้ จะอยู่ในระยะที่ทายา หากเลิกใช้แล้วมีการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง สิวอุดตันก็อาจกลับมาอีกได้ นั่นเป็นเหตุผลที่คนมักบอกว่า หมอเลี้ยงไข้ คือเมื่อเลิกใช้ยาแล้ว ก็กลับไปใช้ครีม หรือเครื่องสำอางที่เกิดการอุดตันอีก จึงเป็นสิวอีกค่ะ
กรดวิตามินเอ ไม่ใช่เครื่องสำอาง แต่เป็นยานะคะ การใช้ยา ต้องศึกษาการใช้ให้ละเอียด หากใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณืจะเกิดผลข้างเคียงได้ค่ะ
การทายานี้อาจจะทำให้หน้าแดงและลอกบ้าง ผิวหนังของคุณอาจจะเห่อทำให้ผิวเดิมแดงและลอกบ้างภายใน 1 สัปดาห์ จะเป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ และภายใน 2-4 สัปดาห์แรกอาจจะรู้สึกว่าสิวเห่อมากขึ้น เนื่องจากหัวสิวกำลังละลายและโผล่มาสู่ผิวนอก ไม่ต้องกังวลมากไปเพราะกว่าหัวสิวจะหลุดหมดต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน คนไข้มักจะเข้าใจผิดในขั้นตอนนี้โดยการหยุดยาหรือเปลี่ยนยาไปเลย น่าเสียดายเพราะอีกไม่นานผิวคุณก็จะดีขึ้นแล้ว
•การใช้ยานี้ร่วมกับยาทาชนิดอื่น ยากลุ่มนี้สามารถใช้ร่วมกับยาต้านเชื้อแบคทีเรียและบีพีได้ด้วย เหตุเพราะกรดวิตามินเอจะไปใช้ในการป้องกันและกำจัด comedones ส่วนการทา benzoyl peroxide และ antibiotics ต่างๆ เพื่อกำจัดเชื้อ P. acnes และลดการอักเสบ โดยการทายากลุ่มกรดวิตามินเอในตอนกลางคืน แล้วค่อยไปทา benzoyl peroxide gel หรือทา antibiotics อื่นๆ ชนิดใดชนิดหนึ่งในตอนเช้า ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ร่วมกับ benzoyl peroxide ในเวลาเดียวกัน เพราะมันจะไปลดประสิทธิภาพลดลง
•ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน แค่วันละ 2-3 ครั้งก็พอแล้วครับ เพราะผิวจะได้ไม่แห้งเกินไป ผู้ป่วยสิวที่หน้าเป็นมันมาก การล้างหน้าโดยการฟอกสบู่จะช่วยชะล้างความมันบนผิวหน้าออกไปได้ชั่วคราวเท่านั้นเอง จะเป็นประโยชน์บ้างเสริมกับการรักษาด้วยยา ทั้งนี้จะต้องไม่ล้างฟอกมากหรือบ่อยเกินไป ล้างแค่วันละ 2 หรือ 3 ครั้งอย่างมากก็พอแล้วเพราะสบู่ไม่สามารถกำจัดทั้งสิวหัวดำและสิวหัวขาวได้
•ถ้าจะใช้เครื่องสำอางประทินผิวร่วมด้วย ควรเลือกเป็นชนิด comedones free หรือ water-based cosmetic ชนิดที่ไม่เป็นมัน ล้างน้ำออกได้ง่าย และไม่ควรพอกจนหนาเกินไปให้สิวเกิดอุดตันตามมาอีก
•หากคุณไม่เคยใช้ยากลุ่มนี้มาก่อนหรือคุณที่มีที่มีผิวสีอ่อน และเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ในบ้านเรามียากลุ่มนี้อยู่ 3 รูปแบบ คือ เป็นเจล แบบน้ำ และแบบครีม ยาในรูปของเจลทำให้หน้าแห้งและลอกออกได้มากที่สุด ส่วนยาในรูปครีมทำให้หน้าแห้งน้อยที่สุด ควรใช้ยาในรูปของครีมโดยเริ่มต้นที่ความเข้มข้นต่ำก่อน คือใช้ครีม 0.05% หรือถ้าจะใช้ gel ก็ให้ใช้ 0.01% คนที่มีผิวคล้ำหรือทนต่อยาได้ดี ถ้าคุณไม่สามารถทนที่จะใช้ครีมที่ความเข้มข้น 0.05% หรือ gel 0.01% ทุกๆ วันได้ ก็ให้เว้นการทาลงบ้าง เช่น ทาคืนเว้นคืน หรือทาคืนเว้น 2 คืน
•นอกจากนั้น ในตอนเช้าควรทายากันแดดทั่วหน้าด้วย หรือเติมยากันแดดช่วยในตอนกลางวัน เพราะแสงแดดยิ่งทำให้ฤทธิ์การระคายเคืองของกรดวิตามินเอต่อผิวหนังสูงขึ้น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดแรงกล้า
•เมื่อสิวเริ่มลดลงไปแล้ว เพื่อลดรอยโรคหายให้เลือนหายไปให้เป็นแผลเป็นให้น้อยที่สุดแล้ว ควรทายานี้ต่อไปอีกเพื่อป้องกันการอุดตัน สะสมของหัวสิวให้ต่อเนื่องและลดรอยสิวรอยแผลเป็นต่อเนื่องไปโดยลดความเข้มข้นของยา และลดความบ่อยในการทายาลง
Tretinoin หรือกรดวิตามินเอ มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.01% 0.025% 0.05 และ 0.1% มีชื่อทางการค้าด้วยกันหลายยี่ห้อ เช่น Retin-A , Stiewa-A , Renova เป็นต้น
เป็นตัวยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก กระตุ้นคอลลาเจน ทำใหรูขุมขนกระชับ แก้สิวอุดตัน เนื่องจากจะทำให้คอมิโดนที่มีอยู่หลวม และหลุดออกไป แต่หากไม่ระวังในการใช้ จะเกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคือง แสบ แดง หน้าลอก หน้าใหม้จากแดด
การใช้ยาที่ถูกต้อง
1. เริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำ 0.01 หรือ 0.025 เท่านั้น ห้ามอยากรวดรัดไปใช้เข้มข้นสูงเด็ดขาด
2. ทาตอนกลางคืนหลังล้างหน้า ซับให้แห้ง รอประมาณ 20 นาที แล้วค่อยทายา โดยเริ่มจากคืนเว้นคืนก่อน เพื่อให้ผิวปรับได้ค่อยทาทุกคืน หากต้องการลดริ้วรอยควรใช้แบบครีม หากรักษาสิวควรเลือกใช้กรดวิตามินเอแบบเจล โดยหากผิวแห้ง ทาครีมบำรุงผิวทับได้ แต่ต้องแน่ใจว่าเป็นครีมที่ไม่ก่อให้เกิดสิว และไม่ควรใช้ครีมมากมายหลายตัวในช่วงนี้ ควรใช้เป็นครีมบำรุงธรรมดา
3. ห้ามใช้ร่วมกับ AHA , BHA เด็ดขาด
4. หากรักษาสิว แล้วต้องการใช้ BP ควรทาคนละเวลา เช่นทา BP 2.5% ก่อนล้างหน้า 5 นาที (บริเวณสิวอักเสบ) แล้วก่อนนอนค่อยทากรดวิตามินเอ หากมีการอักเสบร่วมด้วย ควรใช้ 1% clindamycin lotion แต้มสิวอักเสบระหว่างวัน
5. กลางวันต้องหลบแดด ทาครีมกันแดดทุกเช้า *****หากใช้ยาแล้วต้องตากแดด แนะนำว่าอย่าใช้เลยค่ะ******
6. อย่าดันทุรัง ถ้าช่วงใหนหน้าเริ่มแห้ง ตึง หยุดใช้ชั่วคราว เว้นสัก 2 คืน แล้วค่อยทาใหม่
7. ระหว่างการใช้ ห้ามขัดผิว เช็ดหน้าแรงๆ ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์
***********ห้ามใช้เวลาตั้งครรภ์เด็ดขาด********
ระยะเวลาการใช้กรดวิตามินเอ
หากเป็นเรื่องสิวอุดตัน จะเห็นผลหลังจาก 1-2 เดือน หากเป็นเรื่องริ้วรอย จะเห็นผลหลังจาก 4-6 เดือน
หลังจากการใช้ไปแล้ว 6 เดือน ควรลดปริมาณการใช้ลง เหลือเพียง สัปดาห์ละ 1-2 คืน ค่ะ
ผลที่ได้ จะอยู่ในระยะที่ทายา หากเลิกใช้แล้วมีการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง สิวอุดตันก็อาจกลับมาอีกได้ นั่นเป็นเหตุผลที่คนมักบอกว่า หมอเลี้ยงไข้ คือเมื่อเลิกใช้ยาแล้ว ก็กลับไปใช้ครีม หรือเครื่องสำอางที่เกิดการอุดตันอีก จึงเป็นสิวอีกค่ะ
กรดวิตามินเอ ไม่ใช่เครื่องสำอาง แต่เป็นยานะคะ การใช้ยา ต้องศึกษาการใช้ให้ละเอียด หากใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณืจะเกิดผลข้างเคียงได้ค่ะ
การทายานี้อาจจะทำให้หน้าแดงและลอกบ้าง ผิวหนังของคุณอาจจะเห่อทำให้ผิวเดิมแดงและลอกบ้างภายใน 1 สัปดาห์ จะเป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ และภายใน 2-4 สัปดาห์แรกอาจจะรู้สึกว่าสิวเห่อมากขึ้น เนื่องจากหัวสิวกำลังละลายและโผล่มาสู่ผิวนอก ไม่ต้องกังวลมากไปเพราะกว่าหัวสิวจะหลุดหมดต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน คนไข้มักจะเข้าใจผิดในขั้นตอนนี้โดยการหยุดยาหรือเปลี่ยนยาไปเลย น่าเสียดายเพราะอีกไม่นานผิวคุณก็จะดีขึ้นแล้ว
•การใช้ยานี้ร่วมกับยาทาชนิดอื่น ยากลุ่มนี้สามารถใช้ร่วมกับยาต้านเชื้อแบคทีเรียและบีพีได้ด้วย เหตุเพราะกรดวิตามินเอจะไปใช้ในการป้องกันและกำจัด comedones ส่วนการทา benzoyl peroxide และ antibiotics ต่างๆ เพื่อกำจัดเชื้อ P. acnes และลดการอักเสบ โดยการทายากลุ่มกรดวิตามินเอในตอนกลางคืน แล้วค่อยไปทา benzoyl peroxide gel หรือทา antibiotics อื่นๆ ชนิดใดชนิดหนึ่งในตอนเช้า ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ร่วมกับ benzoyl peroxide ในเวลาเดียวกัน เพราะมันจะไปลดประสิทธิภาพลดลง
•ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน แค่วันละ 2-3 ครั้งก็พอแล้วครับ เพราะผิวจะได้ไม่แห้งเกินไป ผู้ป่วยสิวที่หน้าเป็นมันมาก การล้างหน้าโดยการฟอกสบู่จะช่วยชะล้างความมันบนผิวหน้าออกไปได้ชั่วคราวเท่านั้นเอง จะเป็นประโยชน์บ้างเสริมกับการรักษาด้วยยา ทั้งนี้จะต้องไม่ล้างฟอกมากหรือบ่อยเกินไป ล้างแค่วันละ 2 หรือ 3 ครั้งอย่างมากก็พอแล้วเพราะสบู่ไม่สามารถกำจัดทั้งสิวหัวดำและสิวหัวขาวได้
•ถ้าจะใช้เครื่องสำอางประทินผิวร่วมด้วย ควรเลือกเป็นชนิด comedones free หรือ water-based cosmetic ชนิดที่ไม่เป็นมัน ล้างน้ำออกได้ง่าย และไม่ควรพอกจนหนาเกินไปให้สิวเกิดอุดตันตามมาอีก
•หากคุณไม่เคยใช้ยากลุ่มนี้มาก่อนหรือคุณที่มีที่มีผิวสีอ่อน และเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ในบ้านเรามียากลุ่มนี้อยู่ 3 รูปแบบ คือ เป็นเจล แบบน้ำ และแบบครีม ยาในรูปของเจลทำให้หน้าแห้งและลอกออกได้มากที่สุด ส่วนยาในรูปครีมทำให้หน้าแห้งน้อยที่สุด ควรใช้ยาในรูปของครีมโดยเริ่มต้นที่ความเข้มข้นต่ำก่อน คือใช้ครีม 0.05% หรือถ้าจะใช้ gel ก็ให้ใช้ 0.01% คนที่มีผิวคล้ำหรือทนต่อยาได้ดี ถ้าคุณไม่สามารถทนที่จะใช้ครีมที่ความเข้มข้น 0.05% หรือ gel 0.01% ทุกๆ วันได้ ก็ให้เว้นการทาลงบ้าง เช่น ทาคืนเว้นคืน หรือทาคืนเว้น 2 คืน
•นอกจากนั้น ในตอนเช้าควรทายากันแดดทั่วหน้าด้วย หรือเติมยากันแดดช่วยในตอนกลางวัน เพราะแสงแดดยิ่งทำให้ฤทธิ์การระคายเคืองของกรดวิตามินเอต่อผิวหนังสูงขึ้น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดแรงกล้า
•เมื่อสิวเริ่มลดลงไปแล้ว เพื่อลดรอยโรคหายให้เลือนหายไปให้เป็นแผลเป็นให้น้อยที่สุดแล้ว ควรทายานี้ต่อไปอีกเพื่อป้องกันการอุดตัน สะสมของหัวสิวให้ต่อเนื่องและลดรอยสิวรอยแผลเป็นต่อเนื่องไปโดยลดความเข้มข้นของยา และลดความบ่อยในการทายาลง
@nutty_tiga คะกลัวเหมือนกันแต่ก็อยากหายอะคะ สู้ๆ นะคะ
ลาตินเอ มันทำให้สิวขึ้นหรอ แล้วใช้ทำไมอะ
@ซาลาเปาปิ้ง พึ่งจะใช้ได้สามวันเหมือนกันค่ะ หวั่นๆ กลัวสิวเห่อ ตอนนี้ก้เริ่มมีสิวอักเสบบ้างประปรายค่ะ
@ visa aromdeeข้อมูลเพียบ มาเต็มเลย ขอบคุณมากๆค่ะ ^^
@แบงค์ มันผลักสิวตอนแรกอ่ะคะ แล้วหลังจาก 2-3 สัปดาห์ เขาบอกว่าจะดีขึ้นอ่ะ