Review ... มามาร์คหน้าง่าย ๆ กันเหอะ

4 14
ซาหวัดดีค๊า ... วันนี้จะมาโชว์รีวิว เม็ดมาร์คหน้าของ 2 แบรนด์ที่ใช้อยู่ค่ะ
เผื่อจะมีประโยชน์กะน้อง ๆ หลาน ๆ บ้าง ...555

ขอบอกก่อนว่าส่วนตัวจะเป็นคนชอบนวดหน้า มาร์คหน้า มีเวลาก็จะไปเคาเตอร์อ่ะ
แต่พักหลังเริ่มขี้เกียจไป แต่หน้าก็ชราลงทุกวันเลยต้องหาตัวช่วยมาทำเอง

วิธีง่าย ๆ ก็คือจะเอาโทนเนอร์ หรือโลชั่นที่ชอบแล้วก็ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ที่แต่ละแบรนด์
บอกให้เช็ดอาจจะด้วยสำลี แต่เราไม่ทำ ... เพราะว่าเช็ดก็แป๊ปเดียวอ่ะ แถมเนื้อโลชั่นยังไปติดที่สำลีซะเยอะด้วย
เสียดายอ่ะ ... เลยเอามามาร์คหน้าซะเลย แปะอยู่บนหน้าอย่างนาน คุ้มกว่ากันเยอะจ้า

มาดูกัน ...

เม็ดมาร์คที่ใช้จะมี 2 ยี่ห้อนะคะ  ทางซ้าย จะเป็น KOSE  ส่วนเม็ดทางขวาจะเป็น KANEBO

โคเซ่จะเม็ดกว้างกว่า แต่จะเตี้ยกว่า






มาต่อกันที่แพ็คเก็จ โคเซ่ จะเรียงกัน 2 แถวเป็นแผง รวมทั้งหมด 14 เม็ด ราคาแพ็คละ 135 บาท
มีฝาเปิดปิดนะคะ แต่ฝาจะแบบเปิดแล้วแยกกันไปเลยอ่ะค่ะ





เม็ดของ คาเนโบ้  จะเห็นว่าใช้ไปเยอะหล่ะ 555 เพราะว่าซื้อมาก่อนอ่ะ เลยเหลือน้อยแล้ว
ในแพ็คเม็ดจะเรียงกันเป็นแนวตั้ง มี 3 แถว ถ้าจะไม่ผิดแถวละ 5 เม็ด รวม 15 เม็ด ราคา 120 บาท

มีฝาเปิดปิด แบบที่ฝาจะยังติดอยู่ 1 ด้านเป็นบานพับ  อีกด้านจะมีหลุมไว้ให้เราแช่เม็ดมาร์คได้

อันนี้จะเป็นข้อดีกว่าข้อหนึ่งอ่ะ คือเราไม่ต้องมีถ้วยแก้วอะไรเพราะเค้ามีหลุมมาให้ใส่แล้วเลย
ตอนนี้แม้ว่าจะใช้เม็ดของโคเซ่ แต่ก็ยังต้องพึ่งบุญของหลุมคาเนโบ้อยู่ ซื้อมาโคเซ่มา 2 แพ็ค หมดแล้วคงต้องซื้อคาเนโบ้ต่ออ่ะ สะดวกกว่า ...






มาเริ่มที่เม็ดมาร์คอันแรกกันเลย KOSE

เอาใส่ในช่องของ คาเนโบ้เนอะ เพราะของโคเซ่เองไม่ได้ให้หลุมมาอ่ะ...

เทโลชั่นลงไปให้ชุ่ม ๆ มาก ๆ ย้ำ อยากประหยัดนะ เพราะว่ามันจะไม่ซึมเข้าจนทั่วเม็ด
เม็ดจะฟูขึ้น ฟูขึ้น จนเต็มที่ดังภาพ



กางออกมาจะได้แบบนี้ค่ะ
จะมีรอยฉีกไว้ที่หน้าข้างละ 3 ฉีก เพื่อให้เราจัดระเบียบหน้ากากให้เข้ากะหน้าเรามากที่สุด

แต่ตอนที่แก้เม็ดออกเพื่อกางเป็นหน้ากากมันจะยากหน่อยอ่ะ เพราะมันเท่า ๆ กันหมดเลย
กางยากต้องถ่ายรูปอีก กว่าจะกางออก หน้ากากก็แห้งไปเยอะหล่ะ ...




แปะไปที่หน้าเลย .. ก็จะได้แบบที่เห็นจ้า





ต่อไปก็เป็นเม็ดมาร์คของ KANEBO หล่ะ 
ชอบของ คาเนโบ้มากกว่า (ข้อดีกว่าข้อ 2 )   เพราะมันมี ตรงที่ยื่น  ๆ ออกมา ทำให้จับแล้วก็แยกออกจากกันได้เลย
(ดูจากภาพทางขวาอันล่างสุด จะเห้นว่าตรงแก้มจะมีจุดที่ยื่นออกมา ทำให้กางออกได้ง่ายกว่าอ่ะค่ะ)




แปะลงไปอีก จะได้แบบนี้ (เขิลลลล อ่ะ )  พอแปะไปที่หน้าแล้ว เหมือนทรงหน้าของเราจะเขเกะหน้ากากคาเนโบ้มากกว่า

อันนี้ต้องลองเองน๊า ว่าหน้าของใครจะเข้ากะหน้ากากอันไหนมากกว่ากัน






ตอนนี้โลชั่น หรือโทนเนอร์ที่ใช้บ่อย ๆ ก็จะมีอยู่ 2 ตัวนะ

1. BLANCHIR SUPERIOR WHITE DEEP CLEAR CONDITIONER
(คำโฆษณา เค้าบอกว่า....)
โลชั่นที่มอบความชุ่มชื้นและความกระจ่างใสให้แก่ผิว ซึบซาบลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายโดยรังสียูวี เช่น รอยแดง ผิวที่หยาบและแห้งกร้าน เผยผิวกระจ่างใสได้อย่างเด่นชัด

สำหรับเรา คาเนโบ้ขวดแดงช่วยเรื่องสิวแห้งเร็วขขึ้น ทำให้รอยแดงจากสิวจางลง (เมือใช้เรื่อย ๆ น๊าไม่ใช่เห็นผลในครั้งแรกเลย) 
ผิวหน้าสว่างขึ้น (วัดได้จากเบอร์รองพื้นที่เปลี่ยนไป) 

2. DMAE - Alpha Lipoic Acid - C-Ester Firming Facial Toner

(คำโฆษณา เค้าบอกว่า....)
เดอม่าอี dmae จะช่วยเรื่องรูขุมขนกว้าง ผิวหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีวิตามินซีที่ไม่เป็นกรด ไม่ระคายเคืองแม้ผิวแพ้ง่าย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบนผิว (สรุปมาคร่าวๆ นะจ๊ะ)

สำหรับเรา เดอม่าอี ให้ความชุ่มชืนกับผิวหน้า ใช้แล้วตื่นขึ้นมารู้สึกได้ว่า ผิวหน้านุ่มขึ้น กระชับมากขึ้น บริเวณแก้มรูขุมขนดีขึ้น
(เมื่อใช้เรื่อย ๆ นะจ๊ะ ไม่ได้เห็นผลในครั้งแรกเลย)
ผิวหน้าสว่างขึ้น (วัดได้จากเบอร์รองพื้นที่เปลี่ยนไป) 

ปล. เนื่องจากเราใช้ทั้ง 2 อัน ก็เลยไม่รู้ว่าอะไรมันทำให้ขาวกว่ากัน ... ขอโทษน๊า ...


ส่วนเรื่องการใช้ เวลาหลังอาบน้ำจะแปะไว้ที่หน้าเลย นอนดูละคร จนกว่าหน้ากากจะแห้งเป็นอันเสร็จพิธี
ทาอายครีมแล้วก็นอนเลย
ไม่ได้บำรุงอื่น ๆ  ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง หรือใครไม่สะดวกก็อาทิตย์ละครังก็ได้ แต่อย่างที่บอก
ชอบอ่ะ ... เลยทำหลายวันหน่อย 555





มีอะไรจะติก็ยินดีรับฟังกันนะคะ

ขอบคุณทุกคนไว้น๊า กับรีวิว ที่เป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก ... 555






 


Satanยิ้ม

Satanยิ้ม

กี่ปีแล้วเนี่ย ที่เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน

FULL PROFILE