วิธีการเตรียมตัว ก่อนรับปริญญา Part 1 :: การเตรียมตัวสำหรับเมคอัพและการแต่งหน้า

10 14
 สวัสดีค่ะสาวๆ ช่วงนี้สาวๆหลายคนคงจะเหนื่อยกับฤดูรับปริญญา เราจะมาบอกทริกดีๆเคล็ดไม่ลับกับสาวๆทุกคน เพื่อที่จะทำให้เป็นวันอันแสนPerfectสำหรับทุกคนค่า
 
 
 
สาวๆหลายคนอาจจะจ้างช่างแต่งหน้า ช่างทำผมในดวงใจกันบ้างแล้ว หรืออาจะจะดุ่มเดินไปร้านที่ไหนซักแห่ง แนนจะแนะนำถึงวิธีการเลือกช่างที่ถูกใจ เพิ่อให้วันสวยๆของเราไม่พลาดค่ะ
 
1 หาช่างจากเพื่อนแนะนำมา 
 
หรือไปงานญาติหรือเพื่อน และชอบสไตล์การแต่งหน้า 
ข้อดีของการหาช่างแบบนี้ก็คือ เราจะได้เห็นผลงานกันจะๆค่ะ เริดไม่เริดดูง่ายๆเลย 
รองพื้นที่ลงค่ะ บางคนหน้าหมองแบบองค์ลง บางคนหน้าวอกเป็นลิง หรือสไตล์การแต่ง
 ตา แก้ม ปาก ว่าเราชอบรึเปล่า บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่ามันเข้มกว่าปกติชีวิตประจำวัน
 เป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะจะทำให้ถ่ายรูปขึ้นกล้อง และบางครั้งการเฉดดิ้งของการแต่งหน้าทำให้หน้าเราผอมด้วยนะเออ แต่ถ้าเข้มจนแบบ เราไม่ประทับใจ ก็เลี่ยงค่ะ แต่ถ้าช่างคนนี้ถูกใจแล้ว รีบจองได้เลย
 
 
 
2 หาช่างแต่งหน้าแถวร้านทำผมที่บ้าน 
 
หรือใกล้ๆมหาวิทยาลัย ข้อดีก็คือ ความสะดวกค่ะ 
เอฟเฟกอาจจะแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนแต่งหน้าหนามาก หน้าหมอง หน้าลอย 
หรือทำทรงผมไม่ถูกใจ ดูแก่ไป ทั้งนี้แนะนำให้ลองก่อนแต่งสักครั้งค่ะ 
ลองไปลองวันที่คุณจะไปงานแต่งงานญาติๆหรือไปงานเลี้ยงที่ไหนก็ได้ค่ะ
 เราจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ ถ้าจะดีมาก ยิ่งลองแต่งไปงานที่ทั้งวันต้องลุยหรืองานเอาดอร์
 จะสังเกตเอฟเฟกที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้เลย ว่าร้านนั้นแต่งหน้าติดทนมั้ย  ชอบรึเปล่า ถ้าชอบแล้วก็กดไลท์แล้วรีบจองได้เลยค่ะ 
 
 
 
3. หาช่างจากคนรู้จัก 
 
พี่ๆน้องๆหรือเพื่อนๆบางคนอาจจะแต่งหน้าเก่ง ฝีมือขั้นเทพ สามารถโฟโตช๊อปหน้าเราได้แบบสามมิติกันเลยทีเดียว
 ก็ล๊อกตัวเอาไว้เลยค่ะ อย่าลืมให้เพื่อนทดลองแต่งหน้าเราก่อนวันจริงนะค่ะ 
เพื่อให้เค้าชินกับโครงหน้าเรา บางครั้งคนที่แต่งหน้าตัวเองเก่งแต่แต่งหน้าคนอื่น ไม่เริดเท่าก็มีค่ะ
เพราะเค้าอาจจะไม่ชินกับการแต่งหน้ากับโครงสร้าง ตา จมูก คิ้ว แบบอื่น ชอบไม่ชอบเราจะได้บอกเพื่อนได้ทัน 
ลองจับเวลาที่เค้าจะแต่งหน้าให้เรา เราจะได้คำนวณเวลาแต่งหน้าในวันจริงได้ 
เพียงแค่นี้ก็หน้าสวยแบบชอบใจไปรับปริญญากันแล้วค่ะ ที่สำคัญ อย่าลืมปลุกเพื่อนมาแต่งหน้าด้วยน้า เพราะแต่งหน้ารับปริญญา ต้องตื่นเช้ามากๆ กำหนดเวลาให้แน่นอนค่ะ เวลาที่เสร็จจะได้ตรงตามแผน
 
4 หาช่างแต่งหน้าจากสตูดิโอเวดดิ้ง
 
 ข้อนี้คล้ายๆกับการหาช่างแต่งหน้าแบบที่ร้านค่ะ
 ลองตกลงกับเค้าว่าจะให้พี่เค้ามาแต่งให้เราที่บ้านได้มั้ย หรือเราต้องไปหาพี่เค้าที่ร้าน 
คุยให้ละเอียด และทางที่ดี มัดจำด้วยนะค่ะ กันมีปัญหาเบี้ยวภายหลังค่ะ นัดเวลาเค้าให้ดี เพราะถ้าเลท เราจะเสียเวลามากค่ะ
 
5 หาช่างแต่งหน้าจากบีเอ
 
 ข้อดีคือ ถ้าเราชอบบีเอคนไหน เราไปลองเทสที่เคาเตอร์นั้นๆได้ 
อาจจะซื้อคูปองหรือ เครื่องสำอางค์เค้า  ถ้าชอบแล้วก็ขอเบอร์ นัดเวลาได้เลยค่ะ 
ลองถามพี่เค้าดูด้วยว่าพี่เค้าสามารถทำผมให้ด้วยได่รึเปล่า หรือเราอาจจะต้องไปร้านทำผมอีกต่อ 
นัดสถานที่ให้แน่ชัดด้วยนะค่ะ และที่สำคัญที่เหมือนกันกับข้อที่แล้วก็คือ แนะนำให้มัดจำก่อนนะค่ะ เพื่อเซฟตัวเองค่ะ
 
6. หาช่างแต่งหน้าจากในอินเตอร์เนต
 
ข้อดีก็คือ เราจะสามารถเห็นงาน หรือสไตล์การแต่งหน้าได้เลยว่าเราชอบรึเปล่า 
บางคนอาจจะรีทัชเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเห็นถึงสไตล์การแต่งหน้าอยู่ เป็นตัวเลือกการตัดสินใจที่ดีทางหนึ่งเลยละค่ะ 
วิธีการตัดสินใจก็คือ ลองดูประวัติของช่างเหล่านี้ ว่ามีความน่าเชื่อถือพอมั้ย ดูฟีดแบคต่างๆค่ะ
 และเวลาจองแนะนำอีกเหมือนกันนะค่ะว่าให้มัดจำก่อน ใครเป็นคนแต่งหน้าให้  นัดเวลาให้แน่ชัด
 เพราะบางคนที่แนนเคยได้ยิน ว่าไปเลทมาก หรือสายเลย หรือเบี้ยวเลยก็มี นัดสถานที่ให้เคลียค่ะว่าให้แต่งที่ไหน มาแต่งให้ที่บ้านรึเปล่า 
 
หรือบางคนอาจจะได้ยินคำว่า เปิดกรุ๊ปแต่งหน้ารับปริญญา 
ก็คือ ช่างจะไปเปิดห้องโรงแรมใกล้ๆมหาลัยแล้วใก้เราไปแต่ง ประดุจร้านทำผมย่อมๆนี่เอง
 ข้อดีก็คือ จะสะดวกเรามากค่ะ แต่ถ้าช่างนัดเวลาเรากี่โมง ควรจะไปตรงตามเวลา เผื่อเวลาหลง
 หาที่ไม่เจอ หรือเวลาเดินทางก้ดีค่ะ เพราะถ้ามาสาย ช่างเหล่านี้จะรันคิวตลอด จะทำให้คนที่ต่อคิวเราสายไปอีกค่ะ 
 
 
7. แต่งหน้าด้วยตัวเอง
 
 แนนอยากแนะนำให้สาวๆแต่งด้วยตัวเองนะค่ะ เพราะแนนคิดว่าวันรับปริญญา คือวันที่ยินดีกับความสำเร็จของตัวเอง 
ควรเป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด บางครั้งการเเต่งหน้าเว่อไป ผมแรงไป มันดูมากเกินวัยยังไงไม่รู้ 
อันนี้ความเห็นส่วนตัวแนนนะค่ะ พยายามหาโทนสีที่เป็นตัวเองและธรรมชาติที่สุด เเละเป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุดค่ะ 
 
อาจจะลองซ้อมแต่งบ่อยๆก่อนวันงาน เวลาแต่งหน้า ถ้าฟ้ายังมืดอยู่ แนะนำให้ใช้ไฟแสง Day light แต่งหน้าค่ะ
 วางเอาไว้ฝั่งซ้าย ขวา และหน้าเรา หรืออาจใช้วิธียิงขึ้นเพดานค่ะ ทริกนี้ไม่จำเป็นจะต้องแต่งหน้าตัวเองเท่านั้น
 แม้แต่การเตรียมห้องให้ช่างแต่งหน้าแต่งก็ด้วยค่ะ หาห้องที่สว่างที่สุด และเลี่ยงแสงสีเหลืองให้ได้มากที่สุดค่ะ 
หามุมแต่งหน้า พยายามหามุมแสงที่ไม่ทำให้เกิดเงาตกบนใบหน้า และแสงที่ตกบนหน้าเฉลี่ยเท่ากัน 
ไม่เข้มข้างสว่างข้าง เพราะมีผลกับการเฉดดิ้งและคัดเบ้าตามากๆค่ะ
 
ราคาอาจจะแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ ตั้งแต่ 500 - 5000 เลย ดูงบของเราด้วนะค่ะ บางทีอย่าเวอร์มากถึงขั้นทุ่มเงินหลายหมื่นกับการรับปริญญา หรือทำอะไรเกินตัวมากเกินไป ความภูมิใจของพ่อแม่ไม่ได้อยู่ที่ลูกตัวเองสวย แต่อยู่ที่เราเรียนจบ มีการการที่ดีทำ มีชีวิตที่ดี แนนว่าถ้าเรามีอนาคตที่ดี ทำตัวให้พ่อแม่ภูมิใจ จะสวยกว่าแต่งหน้าประโคมหลายล้านเท่าเลยละค่ะ
 
พูดมาซะยืดยาว เบื่อกันรึเปล่ามาต่อกันอีกเลยนะค๊า
 
 
ในที่นี้แนนจะพูดถึงวิธีการเตรียมผิว และเตรีมตัวสำหรับสาวๆที่จะไปแต่งหน้ากับช่างแต่งหน้า หรือแต่งเองนะค๊า
 
 
 
 
 
ส่วนเตรียมตัวก่อนถึงวันงาน
 
 
-          ความชุ่มชื้นของผิว เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการทำให้เครื่องสำอางติดทนอยู่ได้ตลอดทั้งวัน
ดังนั้น การพักผ่อนเยอะๆ ดื่มน้ำมากๆ และที่สำคัญ ทาครีมบำรุงประจำ จะช่วยได้มากเลยละค่ะ สาวๆหลายๆคนบอกกับ แนน ว่ายุ่งมาก ขนาดครีมก็ไม่ค่อยได้ทา อย่างน้อย 1 อาทิตย์ก่อนถึงวันสำคัญอย่างนี้ รบกวนทาเถอะนะค่ะ เพื่อผิวที่ชุ่มชื้นขึ้น และมาร์กหน้า สครับหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้า และกำจัดสิวเสี้ยน เพื่อเวลาลงรองพื้น สิวเสี้ยน ที่เห็นจะไม่เด่นขึ้น และ ทำให้การลงรองพื้นเนียน และเป็นไปอย่างธรรมชาติ สาวคนไหนที่ไม่ค่อยบำรุงหน้าของตัวเอง จะเห็นได้ง่ายๆตอนลงรองพื้นเลยค่ะ เครื่องสำอางค์ไม่ติดผิวเลย
 
 
-          วันที่แต่งหน้า งดครีมหมอ ที่ทำให้ผิวแห้ง หรือครีมกันแดดที่ทำให้หน้าแห้ง เพราะจะทำให้รองพื้นเป็นคราบเป็นขุยได้ ถ้าไปหาช่างแต่งหน้า ควรเตรียมหน้ามาแค่ทาครีมบำรุงผิวก็พอค่ะ ถ้าให้ดี งดซักสองถึงสามวันก่อนวันงานจะดีมากๆค่ะ ยาของแพทย์บางประเภทจะไม่ถูกับเครื่องสำอางค์อย่างแรง ทำให้เอฟเฟกที่เกิดขึ้นดูลอย และไม่เป็นธรรมชาติเลยค่ะ คนส่วนใหญ่เลยที่แนนเจอ มักจะหน้าแห้งมากๆ พอถามว่าใช้ยาหมอใช่มั้ย พยักหัวกันทุกรายไปเลยค่ะ ลองนะค๊าเพื่อผลที่ดีขึ้น
 
 
-          อย่าสระผมตอนเช้า เป็นข้อห้ามเลยนะค่ะ เพราะจะทำให้ผมชื้น การเกล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าให้ช่างดัดผม ผมจะคลาดเร็วมากๆ เพราะผมลื่นค่ะ
 
 
 
-          คืนก่อนวันงาน ถ้าสระผม งดใช้ครีมนวดค่ะ เพราะจะให้ให้ผมลื่น เกล้าได้ไม่สะดวก  แต่ถ้าใครสุขภาพผมแย่ๆมากๆ ผมถึงขันสางไม่ได้เลย ก็ใช้ได้ค่ะ แต่ไม่ต้องเยอะมาก ถ้าใครผมยุ่งมากๆ หวีมาให้เรียบร้อยก่อนเจอช่างนะค๊า หรือใครผมมันย่อง ไม่สระผมก็คงไม่ดี สระได้นะค่ะ แต่อย่าลงครีมนวดเป็นพอค่ะ
 
 
-          ผมที่ทำสี ไม่แนะนำให้ย้อมดำ แต่ให้ใช้น้ำยาเคลือบผมสีน้ำตาลเข้ม หรือดำน้ำเงิน มีขายที่วัตสันหรือร้านอุปกรณ์ทำผม สระไปประมาณ 20 แชมพูก็หลุดออกค่ะ
 
 
ส่วนเตรียมตัวเมื่อพบช่างแต่งหน้า หรือแต่งหน้าเอง
 
 
 
-          ข้อที่สำคัญที่สุดคือ ช่างนัดเวลากี่โมงแล้ว ต้องมาตรงต่อเวลานะค่ะ การมาเลทแม้จะเป็นเพียงแค่ 3 นาที ช่างก็ตรียมผิวเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้น มาให้ตรงต่อเวลา หรือก่อนเวลาจะดีมากๆเพราะช่างถ้ารับคิวแล้วจะทำให้รันคิวท่านอื่น และท่านอื่นจะเสียเวลาหรือเลทได้ค่ะ รับผิดชอบตัวเองนิดนึงนะค่ะ
 
 
-          อย่าทาแป้ง หรือเบส หรือ รองพื้นใดๆมาหาช่างนะค่ะ ไม่งั้นช่างจะต้องลบออกหมด และเริ่มการเตรียมผิวใหม่ซึ่งจะทำให้การแต่งหน้าช้าไปอีกค่ะ และทำให้การลงรองพื้นครั้งต่อไป ไม่เนียน เพราะผิวหน้าไม่สะอาดได้ค่ะ
 
 
-          สภาพผิวหน้ามัน หรือหน้าแห้งให้บอกช่างแต่งหน้าด้วย
 
-          ควรใส่คอนแท็กเลนส์ก่อนแต่งหน้า และไม่ควรเลือกมาแบบบิ๊กอายใหญ่เกิน เราต้องการประชากรบัณฑิต ไม่ใช่เอเลี่ยนนะจ๊ะ
 
 
-          การเลือกสีของเมคอัพ ควรถูกกาลเทศะ เอิร์ทโทน หรือสีชมพูหวานๆ เป็นสีที่ปลอดภัยที่สุด และควรเลือกให้เหมาะกับตัวเองค่ะฟ้าแปร๋น หรือน้ำเงินจ๋า หน้าหน้าไม่เริดพอ แนะนำว่าอย่าดีกว่านะจ๊ะ
 
 
 
-          ทรงผมที่เลือก ไม่ควรปิดหน้ามาก ควรเลือกให้เรียบร้อยและถูกกาลเทศะค่ะ การเปิดหน้าจะช่วยให้ดูสง่ายิ่งขึ้น และไม่ร้อน โดนเฉพาะถ้าอากาศร้อนๆ ผมที่ปิดหน้าจะโดยเหงื่อและแบนได้ค่ะ เก็บผมหมดจะเซฟที่สุดนะค่ะ
 
 
-          คนผมน้อย ถ้าต้องการให้ผมดูมีโวลุ่มขึ้น แนะนำให้ดัด  และไม่ควรถักเปียติดหนังหัวค่ะค่ะ หรือคนผมซอยมาบางมากๆ ถ้าไม่เกล้าเก็บเลย ลองต่อผม หรือหาแฮร์พีชมาต่อได้นะค่ะ แต่การติดแฮร์พีชในคนที่ผมบางมากๆจะลื่นง่าย เพราะการที่เราวิ่งๆ หันไปหันมา ทำให้ผมคลายลงมาได้ค่ะ
 
 
-          ถ้าช่างดัดผมดูเป็นลอน อย่าเอามือสางให้คลายเลย เพราะเมื่อถึงในงาน ผมจะคลายด้วยตัวของมันเอง ถ้าสางก่อน ผมจะคลายเร็วมาก และกลายเป็นผมที่ดัดไม่สวยนะค่ะ
 
-          สภาพอากาศชื้นแบบวันฝนตก ไม่แนะนำให้ดัดผม ผมคลายได้ง่าย
 
 
-          ผมยืด หรือทำรีบอนดิ้งมา แต่อยากดัดผมวันงาน ก่อนคืนวันงานหามูสมาใส่ผมแล้วเอาโรลม้วนแล้วนอนเพื่อให้ผมไม่ลื่น เวลาดัดตอนเช้า จะทำให้ลอนอยู่ได้นานขึ้นค่ะ
 
 
-          คนหน้าผากกว้างไม่แนะนำให้ทำผมทรงน้ำชา ในขณะที่คนหน้าผากแคบ ทรงน้ำชาจะสวยมากค่ะ
 
 
-          ไม่ควรใช้เสปร์ย์ดำฉีดผมโดยไม่จำเป็นเพราะจะให้ให้ผมด้าน ดูปลอม ไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ
 
 
-          แนะนำให้ติดขนตาปลอม เพราะจะทำให้ถ่ายรูปขึ้นอย่างมากๆ แต่ควรศึกษากับทางมหาลัยให้ดีก่อนนะค่ะว่าให้ติดหรือเปล่า แต่แนะนำให้หาขนตาปลอมที่เป็นธรรมชาตินะค่ะ แนนแนะนำ mei linda เบอร์ 99 เริดที่สุด ในขณะนี้ เบาและไม่หนาเว่อร์ค่า
 
 
-          ถ้าช่างยีผมไม่ต้องตกใจ เพราะจะทำให้ผมเกาะตัวกันได้ ไม่คลาย ไม่ยุ่ง และดูหัวทุยสวย
 
 
สิ่งที่ควรพกติดตัวไปในงานด้วย
 
-          กระดาษทิชชู่
-          ลิปกรอส หรือลิปที่สีอ่อน ไม่กลบสีปากที่ช่างแต่งหน้าแต่งมา
-          แป้งพัพ  หรือแป้งฝุ่น
-          เสปร์ยน้ำแร่
-          พัดลมมือถือ
 
 
เมื่ออยู่ในงานควรปฏิบัติดังนี้
-          เหงื่อออกใช้กระดาษทิชชู่ซับหน้า ไม่ควรใช้กระดาษซับมัน เพราะจะทำให้หน้าเป็นคราบได้ง่าย 
            ซับแบบกดๆนะค่ะไม่ใช่ปาด
-          เวลาทานอาหาร อย่าใช้ริมฝีปาก ให้ใช้ฟันช่วยทานแทน
-          อย่าเม้มปากมาก เพราะจะทำให้ลิปสติกเป็นคราบ
-          ถ้าร้อนใช้สเปร์ยน้ำแร่ฉีดคอบางๆ หรือใช้พัดลมมือถือช่วย
-          ถ้าหน้ามันมากให้ใช้แปรงวนๆแป้งพัพแล้วมาวนๆที่หน้าเบาๆ อย่าตบพัพไปที่หน้าเลยเพราะจะ         
             ทำให้เป็นคราบ
-          บรัชออน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่ควรเติม เพราะถ้าเรากะปริมาณไม่ดี จะออกมาเข้มมากๆได้
-          ถ้าลอนผมคลายมากๆใชนิ้มมือวนๆที่ผมให้เป็นลอนได้
-          ถ้าคันหน้า เวลาเกาอย่าเกาแรง พยายามใช้เล็บจิกส่วนที่คันเบาๆ เพราะจะทำให้รองพื้นหลุดได้
-          ถ้าอยากเติมลิประหว่างวัน แนะนำให้ใช้ลิปกรอส ปลอดภัยที่สุด
 
วิธีล้างหน้า
-          ถอดขนตาปลอมออกโดยดึงจากหางตาเข้ามา ดึงจากหัวตาจะทำให้ตาบวมได้
-          ใช้ออยวนที่หน้าเบาๆล้างออกซัก 2 – 3 ครั้งจนกว่าหน้าเราจะรู้สึกสะอาด
-          หรือใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าเบาๆ ส่วนที่ตา อย่าถูแรงค่ะเดี๋ยวตาจะบวม ใช้แปะค้างเอาไว้ 15วินาทีและเช็ดออกเบาๆ จะหลุดออกมาง่ายๆ
-          ผมที่ถูกยีสางออกโดยใช้ครีมนวด ค่อยๆสาง แล้วสระผมตามปกติ
 
 
 
เพียงแค่นี้ก็สวยเริดๆในแบบฉบับของเราได้แล้วนะค่ะ พยายามปฏิบัติให้ได้นะค่ะ
หวังว่าสาวๆคงจะไปปรับใช้กันนะค่ะ
ยาวหน่อย แต่คิดว่าพยายามกลั่นกรองมาครบแล้วค่ะ
 
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่า
 
 Karajinan
 
 creditรูปสวยๆจาก กล้องแนน
และพี่เเจน https://jan007atelier.multiply.com ค่ะ
 


karajinan

karajinan

ยินดีที่ได้รู้จักสาวๆจีบันนะค่ะ
มาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องความสวยความงามกันเน้อ

FULL PROFILE