>>เข้าครัวกันเต๊อะ ตอน น้ำพริกปูส้มจี๊ด!
kurodo 7 14
เรื่องของเรื่องก็คือเพื่อนของคุฯ ส่งรหัสมอสมาว่าจะกลับจากญี่ปุ่น หลังจากฟังชีบ่นหลายครั้งว่าอยู่ที่นู่นกินแต่ปูกับซีอิ้วจนเบื่อ คิดถึงอาหารรสแซ่บๆ บ้านเรา ด้วยความที่คุฯ เองเป็นเพื่อนที่แสนดีและอ่อนโยน ก็เลยตั้งใจทำน้ำพริกปูให้ชีกิน
พิธีกรรมนั้นก็แสนจะง่ายดาย (ยักไหล่หนึ่งที) คนสวยและใจดีอย่าคุฯ จึงเอาสูตรมาแบ่งปันสาวๆ จีบันกันจ้า
วัตถุดิบที่ต้องใช้
- ปู!! ควรเป็นเนื้อปูแกะแล้ว ไม่อนุญาตให้ใช้ปูอัดทดแทนไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น!!
- กระเทียม เม็ดขาว แกะเปลือกเช่นกัน
- พริก ควรเป็นพริกขี้หนูสวน หรือพริกขี้หนู ไม่นิยมใช้พริกชี้ฟ้าหรือพริกยักษ์ พริกหยวกก็ไม่ได้
- ส้มจี๊ด หาได้ตามบ้านที่ปลูกไว้ ถ้าบ้านเราไม่ได้ปลูกก็ให้จิ๊กของเพื่อนข้างบ้านมาได้ (ข้อควรระวัง ควรจิ๊กเวลาเจ้าของบ้านไม่อยู่นะจ๊ะ)
- น้ำปลา ตราอะไรก็ได้ ไ่ม่ได้บอกยี่ห้อ เพราะเค้ายังไม่ได้เป็นสปอร์นเซอร์เรา
- น้ำตาลปี๊ป อาศัยอยู่ในปี๊ป แต่อยู่ในขวดก็เรียกน้ำตาลปี๊ปอยู่ในถ้วยก็เรียกน้ำตาลปี๊ปได้ ไม่ผิดกติกา
- น้ำต้มสุก ไม่แน่ใจดูยังไงถึงจะรู้ว่าน้ำสุกแล้ว สังเกตเอาว่ามันเคยเดือดมาแล้วละกัน
- ผักต่างๆ เอาไว้กินกับน้ำพริกตามแต่จะสรรหาได้
โอเคเราเมาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มจากเย็บใบตอง!!
พอดีว่ามีใบตองเหลืออยู่จากวันก่อน คุฯเลยสวมวิญญาณเจ้าศรีเกษเย็บๆๆๆๆ หักคอม้าใบตองซะเพื่อเพิ่มความอลังของชิ้นงาน
ใครอยากเย็บก็เสิร์ชหาข้อมูลเอานะ เย็บไม่ยากเท่าไหร่ แต่ไม่เย็บก็ได้ ไม่สิ้นเปลืองเวลา
เริ่มจากการทำผักสดกันก่อนดีกว่า เลือกผักที่ชอบมาได้เลย ใครใคร่กินกับอะไรใส่มาโลด วันนี้คุฯ เลือก ฟักทอง แครอท ขมิ้นขาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปาะ ว่าแล้วก็จัดการผักกันไปตามวิถีใครวิถีมันเนอะ คุฯ แค่หั่นเป็นแท่งๆ แค่นั้น ไม่มีเวลาแกะสลักเป็นตราประจำตระกูล (เอาเวลาไปเย็บใบตองหมดแล้ว)
ต้มแครอทกะฟักทองพอสุก(อันนี้ดูได้จากสีที่เข้มขึ้น) แล้วแช่น้ำเย็น แตงกวาไม่นิยมเอาไปต้ม หั่นอย่างเดียวเลย ถั่วฝักยาวจะต้มก็ได้ แต่เราไม่ต้ม(เพราะขี้เกียจ) หั่นแช่น้ำได้เลยเช่นกัน มะเขือเปาะก็หั่นๆๆ ตามแต่พอใจ หั่นเสร็จแล้วเอาแช่น้ำเย็นไว้มันจะไม่ดำ(อเมซิ่งมั้ย) หั่นเสร็จก็จัดเรียงใส่จานหรือใส่ภาชนะไฮโซตามแต่พอใจเลยจ้า
แบ่งสีสันวรรณะกันตามยูนิเวอร์แซลอินดิเคเตอร์กันเต็มที่(เกี่ยว?) จัดเรียงจนเต็ม หรือถ้าไม่เต็มก็พยายามกระจายตัวผักใหม่มันเต็มๆ เข้าไว้ เราเชื่อว่าคุณทำได้ (เอามือมากุมไว้แล้วพยักหน้าให้หนึ่งที) จัดเสร็จแล้วจ้า!~ (แค่ยัดๆ ลงไปแค่นั้นแหละ -_-')
อ้าว ยังไม่ได้เริ่มทำน้ำพริกเลยนี่นา แต่ไม่ต้องห่วง น้ำพริกเป็นขั้นตอนการทำที่เบๆ สุดแล้ว (ยักไหล่อีกที) พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยนะจ๊ะ เริ่มจากเอาปูแกะที่เราซื้อไว้หรือจะขยันแกะเองก็ตามแต่ทำให้สุกด้วยการเข้าไมโครเวฟ หรือผัดให้ร้อนบนกะทะ อย่าอบหรือผัดนาน ปูจะแห้งเกินไป (สำหรับใครที่คาดหวังจะได้เห็นรูปปูตอนคุฯ อบ ต้องแสดงความเสียใจด้วยนะคับ ลืมถ่าย T^T)
PS. สามารถอแด๊ปไปใส่กุ้งต้มสุกแทนปูก็ได้ เช่นกัน วิธีทำเหมือนกันเปี๊ยบๆ ประหนึ่งลอกกันมาเลย
ตำพริกกับกระเทียมให้ละเอียด แต่ไม่ต้องถึงขั้นแหลกเหลว ชอบเผ็ดมากก็ใส่มาก เผ็ดน้อยก็ใส่น้อย ไม่ใส่ไม่ได้เพราะจะไม่ใช่น้ำพริกแล้ว สำหรับใครที่ไม่มีครก จะใช้ลูกบิดประตูกระแทกเหมือนเชฟพี่หมีก็ได้ไม่ว่ากัน (กลายเป็นน้ำพริกปูกากๆ ทันตา 555)
พอเริ่มละเอียดก็ใส่ปูลงไป ตำๆๆๆๆๆ จนเข้ากัน เนื้อปูจะฟูขึ้นมานิดนึง แต่ไม่ต้องดีใจไป มันยังปริมาณเท่าเดิมนั่นแหละ พอปูเริ่มเข้ากับพริกกระเทียมแล้วก็เอาน้ำส้มจี๊ด(จากข้างบ้าน) มาเทลงไปได้ ใครไม่มีจะใช้มะนาวเลยก็ได้ ใช้เลมอนก็ได้เช่นกัน แต่ต้องปรับสัดส่วนปริมาณการใส่ มะนาวจะเปรี้ยวแหลมสุดใส่นิดเดียวก็พอ แต่ถ้าเป็นเลมอนหรือส้มจี๊ดก็ใส่ได้มากหน่อยเพราะปริมาณน้ำในตัวมันเยอะ ปรุงรสกับน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ตำๆๆๆๆๆ ต่อไป
ถ้ารู้สึกว่าแห้งเกินไปให้เติมน้ำต้มสุกลงไปนิดนึงให้พอชุ่มชื่น(ประหนึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์) คลุกๆ ใหเข้ากันแล้วชิมรสอีกที ถ้าขาดรสไหนก็เติมรสนั้นลงไป ค่อยๆ เติมทีละนิด ใจเย็นๆ แล้วจะออกมาดีเอง พอได้ที่ก็ตักใส่ถ้วยได้เลย แปะพริกลงไป 2 เม็ดด้วย ให้รู้ว่าตรูเผ็ดนะ
ขั้นตอนสดท้าย แค่เอามากินกับผักที่เราจัดไว้ก่อนหน้านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ มีไข่เจียว หรือแกงจืดเพิ่มอีกอย่างจะเพอร์เฟคมาก
หน้าตาไฮโซจริงๆ (น้ำตารื้นด้วยความปลาบปลื้ม) ว่าแล้วก็โทรไปหาเพื่อนชวนมันมากินข้าวดีกว่า......
อ๊ะ ทำไมโทรไม่ติด... ลองโทรอีกทีก็ยังไม่ติด สุดท้ายเลยเปิด FB แล้วก็เจอชีออนไลน์อยู่
Kurodo : แทยอน(นามสมมุติ) เย็นนี้มากินข้าวที่บ้านนะ ทำน้ำพริกไว้ให้
แทยอน(นามสมมุติ) : เย็นนี้อะนะ บ้า จะไปได้ไง
Kurodo : อ้าวติดธุระเหรอ?
แทยอน(นามสมมุติ) : ตรูยังอยู่ญี่ปุ่น อีเมลที่ส่งไปอะหัดอ่านซะมั่ง เลื่อนวันกลับเป็นเดือนหน้าเฟร้ย
Kurodo : OoO'' !!!!!!!!!
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรเช็คเมลเพื่อนบ้างนะตะเอง!
พิธีกรรมนั้นก็แสนจะง่ายดาย (ยักไหล่หนึ่งที) คนสวยและใจดีอย่าคุฯ จึงเอาสูตรมาแบ่งปันสาวๆ จีบันกันจ้า
วัตถุดิบที่ต้องใช้
- ปู!! ควรเป็นเนื้อปูแกะแล้ว ไม่อนุญาตให้ใช้ปูอัดทดแทนไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น!!
- กระเทียม เม็ดขาว แกะเปลือกเช่นกัน
- พริก ควรเป็นพริกขี้หนูสวน หรือพริกขี้หนู ไม่นิยมใช้พริกชี้ฟ้าหรือพริกยักษ์ พริกหยวกก็ไม่ได้
- ส้มจี๊ด หาได้ตามบ้านที่ปลูกไว้ ถ้าบ้านเราไม่ได้ปลูกก็ให้จิ๊กของเพื่อนข้างบ้านมาได้ (ข้อควรระวัง ควรจิ๊กเวลาเจ้าของบ้านไม่อยู่นะจ๊ะ)
- น้ำปลา ตราอะไรก็ได้ ไ่ม่ได้บอกยี่ห้อ เพราะเค้ายังไม่ได้เป็นสปอร์นเซอร์เรา
- น้ำตาลปี๊ป อาศัยอยู่ในปี๊ป แต่อยู่ในขวดก็เรียกน้ำตาลปี๊ปอยู่ในถ้วยก็เรียกน้ำตาลปี๊ปได้ ไม่ผิดกติกา
- น้ำต้มสุก ไม่แน่ใจดูยังไงถึงจะรู้ว่าน้ำสุกแล้ว สังเกตเอาว่ามันเคยเดือดมาแล้วละกัน
- ผักต่างๆ เอาไว้กินกับน้ำพริกตามแต่จะสรรหาได้
โอเคเราเมาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มจากเย็บใบตอง!!
พอดีว่ามีใบตองเหลืออยู่จากวันก่อน คุฯเลยสวมวิญญาณเจ้าศรีเกษเย็บๆๆๆๆ หักคอม้าใบตองซะเพื่อเพิ่มความอลังของชิ้นงาน
ใครอยากเย็บก็เสิร์ชหาข้อมูลเอานะ เย็บไม่ยากเท่าไหร่ แต่ไม่เย็บก็ได้ ไม่สิ้นเปลืองเวลา
ทะแน~ เย็บเสร็จแล้วววววว (ปาดเหงื่อ)
เริ่มจากการทำผักสดกันก่อนดีกว่า เลือกผักที่ชอบมาได้เลย ใครใคร่กินกับอะไรใส่มาโลด วันนี้คุฯ เลือก ฟักทอง แครอท ขมิ้นขาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปาะ ว่าแล้วก็จัดการผักกันไปตามวิถีใครวิถีมันเนอะ คุฯ แค่หั่นเป็นแท่งๆ แค่นั้น ไม่มีเวลาแกะสลักเป็นตราประจำตระกูล (เอาเวลาไปเย็บใบตองหมดแล้ว)
ลูกกลมๆ ที่เห็นนั่นคือส้มจี๊ด(ที่ขโมยข้างบ้านมา คริคริ) ขมิ้นขาว เราเพิ่มออฟชั่นด้วยการหั่นให้เป็นใบไม้(ไม่รู้ว่าใบอะไรเหมือนกัน) ด้วยกันหั่นสองข้างฉึ่กๆ เข้าไปเป็น 3 เหลี่ยมซี่ๆ แล้วพลิกด้านข้างจัดการสไลด์โลด
ต้มแครอทกะฟักทองพอสุก(อันนี้ดูได้จากสีที่เข้มขึ้น) แล้วแช่น้ำเย็น แตงกวาไม่นิยมเอาไปต้ม หั่นอย่างเดียวเลย ถั่วฝักยาวจะต้มก็ได้ แต่เราไม่ต้ม(เพราะขี้เกียจ) หั่นแช่น้ำได้เลยเช่นกัน มะเขือเปาะก็หั่นๆๆ ตามแต่พอใจ หั่นเสร็จแล้วเอาแช่น้ำเย็นไว้มันจะไม่ดำ(อเมซิ่งมั้ย) หั่นเสร็จก็จัดเรียงใส่จานหรือใส่ภาชนะไฮโซตามแต่พอใจเลยจ้า
แบ่งสีสันวรรณะกันตามยูนิเวอร์แซลอินดิเคเตอร์กันเต็มที่(เกี่ยว?) จัดเรียงจนเต็ม หรือถ้าไม่เต็มก็พยายามกระจายตัวผักใหม่มันเต็มๆ เข้าไว้ เราเชื่อว่าคุณทำได้ (เอามือมากุมไว้แล้วพยักหน้าให้หนึ่งที) จัดเสร็จแล้วจ้า!~ (แค่ยัดๆ ลงไปแค่นั้นแหละ -_-')
อ้าว ยังไม่ได้เริ่มทำน้ำพริกเลยนี่นา แต่ไม่ต้องห่วง น้ำพริกเป็นขั้นตอนการทำที่เบๆ สุดแล้ว (ยักไหล่อีกที) พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยนะจ๊ะ เริ่มจากเอาปูแกะที่เราซื้อไว้หรือจะขยันแกะเองก็ตามแต่ทำให้สุกด้วยการเข้าไมโครเวฟ หรือผัดให้ร้อนบนกะทะ อย่าอบหรือผัดนาน ปูจะแห้งเกินไป (สำหรับใครที่คาดหวังจะได้เห็นรูปปูตอนคุฯ อบ ต้องแสดงความเสียใจด้วยนะคับ ลืมถ่าย T^T)
PS. สามารถอแด๊ปไปใส่กุ้งต้มสุกแทนปูก็ได้ เช่นกัน วิธีทำเหมือนกันเปี๊ยบๆ ประหนึ่งลอกกันมาเลย
ตำพริกกับกระเทียมให้ละเอียด แต่ไม่ต้องถึงขั้นแหลกเหลว ชอบเผ็ดมากก็ใส่มาก เผ็ดน้อยก็ใส่น้อย ไม่ใส่ไม่ได้เพราะจะไม่ใช่น้ำพริกแล้ว สำหรับใครที่ไม่มีครก จะใช้ลูกบิดประตูกระแทกเหมือนเชฟพี่หมีก็ได้ไม่ว่ากัน (กลายเป็นน้ำพริกปูกากๆ ทันตา 555)
พอเริ่มละเอียดก็ใส่ปูลงไป ตำๆๆๆๆๆ จนเข้ากัน เนื้อปูจะฟูขึ้นมานิดนึง แต่ไม่ต้องดีใจไป มันยังปริมาณเท่าเดิมนั่นแหละ พอปูเริ่มเข้ากับพริกกระเทียมแล้วก็เอาน้ำส้มจี๊ด(จากข้างบ้าน) มาเทลงไปได้ ใครไม่มีจะใช้มะนาวเลยก็ได้ ใช้เลมอนก็ได้เช่นกัน แต่ต้องปรับสัดส่วนปริมาณการใส่ มะนาวจะเปรี้ยวแหลมสุดใส่นิดเดียวก็พอ แต่ถ้าเป็นเลมอนหรือส้มจี๊ดก็ใส่ได้มากหน่อยเพราะปริมาณน้ำในตัวมันเยอะ ปรุงรสกับน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ตำๆๆๆๆๆ ต่อไป
ถ้ารู้สึกว่าแห้งเกินไปให้เติมน้ำต้มสุกลงไปนิดนึงให้พอชุ่มชื่น(ประหนึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์) คลุกๆ ใหเข้ากันแล้วชิมรสอีกที ถ้าขาดรสไหนก็เติมรสนั้นลงไป ค่อยๆ เติมทีละนิด ใจเย็นๆ แล้วจะออกมาดีเอง พอได้ที่ก็ตักใส่ถ้วยได้เลย แปะพริกลงไป 2 เม็ดด้วย ให้รู้ว่าตรูเผ็ดนะ
ขั้นตอนสดท้าย แค่เอามากินกับผักที่เราจัดไว้ก่อนหน้านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ มีไข่เจียว หรือแกงจืดเพิ่มอีกอย่างจะเพอร์เฟคมาก
หน้าตาไฮโซจริงๆ (น้ำตารื้นด้วยความปลาบปลื้ม) ว่าแล้วก็โทรไปหาเพื่อนชวนมันมากินข้าวดีกว่า......
อ๊ะ ทำไมโทรไม่ติด... ลองโทรอีกทีก็ยังไม่ติด สุดท้ายเลยเปิด FB แล้วก็เจอชีออนไลน์อยู่
Kurodo : แทยอน(นามสมมุติ) เย็นนี้มากินข้าวที่บ้านนะ ทำน้ำพริกไว้ให้
แทยอน(นามสมมุติ) : เย็นนี้อะนะ บ้า จะไปได้ไง
Kurodo : อ้าวติดธุระเหรอ?
แทยอน(นามสมมุติ) : ตรูยังอยู่ญี่ปุ่น อีเมลที่ส่งไปอะหัดอ่านซะมั่ง เลื่อนวันกลับเป็นเดือนหน้าเฟร้ย
Kurodo : OoO'' !!!!!!!!!
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรเช็คเมลเพื่อนบ้างนะตะเอง!