REVIEW BRUSH PART 1:: แปรง SIGMA สุดเริด
karajinan 2 16
สวัสดีชาวJEBANทุกคนค่ะ หลังจากที่แนนสั่งแปรงSigma ชุด sigma brush kit 12 ด้ามอิมพอร์ดจากอเมริกา มาค่า เห็นถุงที่มาส่งก็ขอกรี๊ส 3 ตลบ ทางซิกม่าใจดีให้แปรงเล็กเป็นของขวัญมาด้วยดีใจสุดๆเลย
หลังจากลองใช้ไปได้ซัก3-4 เดือน มาสรุปผลเริดๆของแปรงกันดีกว่า
แปรงซิกม่าเป็นขนใยสังเคราะห์ แต่นุ่ม ไม่บาดหน้า และที่เลิฟสุดๆแตกต่างจากแปรงขนสังเคราะห์อื่นๆก็คือ ไม่กินเนื้อบรัชหรืออายเเชโดว์ค่า
เปิดเจอมา แปรงจะใส่มาในถุงผ้า พร้อมกับโบชัวร์เหล่านี้ แนะนำแปรงแต่ละชิ้น และวิธีทำความสะอาดแปรงค่ะ
แปรงแรก แปรงปัดแป้ง เหมาะสำหรับปัดแป้งส่วนเกินของใบหน้า ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้แปรงแบบนี้ปัดแก้มนะค๊า เพราะจะทำให้ควบคุมรูปของการปัดได้ยากขึ้นค่ะ ขนแปรงก็นุ่มไม่บาดหน้า เลิฟสุดๆ เลยค่า
แปรงนี้เป็นแปรงที่ฮอตพอตัวสำหรับแบรนนี้ เพราะทำเหมือนแปรง MAC 187 พอเทียบกันกับ 187 แล้วจะต่างกันตรงที่ 187 ของแม็คขนแปรงจะแน่นกว่า แต่โดยรวมแล้ว ใช้แทนกันได้เหมาะเหม็งเลยค่ะ ส่วนมาก จะใช้เอาไว้ปัดไฮไลท์อย่าง albatoss ของน้องนางบ้านนาร์ เพราะเนื้อที่ได้ ไม่เยอะและไม่น้อยเกินไป เหมือนใช้แปรงปัดแก้มปกติปัด เริดทีเดียวเชียว ถือเป็นแปรงสารพัดประโยชน์ก็ได้นะค๊า เพราะสามารถเอาไว้ลงรองพื้น ได้เริด เบาบางไม่หนักหน้า หรือจะใช้เป็นบรัชออนก็เริดไปอีกแบบ อเนกประสงค์ขนาดนี้ เจ๊ขอให้ 18 ล้านดาวเลยค่ะ
แปรงคอนทัวนี้ เหมาะสำหรับไว้เฉดดิ้งหน้าได้เริดกำลังสาม เพราะความเฉียงของตัวขนแปรง ทำให้การเฉดดิ้งเป็นไปได้ง่าย ควมคุมทิศทางได้ดี ขนแปรงสีขาว เวลาล้างสีบรัชอาจจะยังติดอยู่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าเราล้างสะอาดแล้วก็ไม่เป็นไรน้า
แปรงลงรองพื้น ไม่อยากจะบอกว่าเหมือนของเเม็คมาก ได้สำผัสมาแล้ว ทำให้ลงรองพื้นได้เร็ว และเกลี่ยรองพื้นได้เนียนดีค่ะ ขนแปรงแน่น และนิ่ม ไม่เหมือนแปรงขนสังเคราะห์ทั่วไป
แปรงเบลน ตัวนี้ก็เป็นแปรงสุดรักสุดหวงอีกเช่นกันค่ะ ถ้าเทียบกับของแม็คแล้ว ขนจะไม่ค่อยแน่นเท่า แต่ถ้าการใช้งาน ก็โอเคในระดับนึงเลยค่ะ เหมาะสำหรับการเบลนสีของอายแชโดว์ให้กลืนกันไป หรือจะใช้ปัดแป้งที่ลงใว้ใต้ตา หรือส่วนไฮไลท์เฉพาะจุดก็เริดไปอีกแบบนะค๊า
แปรงอายแชโดว์ เหมาะสำหรับลงอายแชโดว์สีเบส หรือสีเริ่มเเรก ข้อดีของมันคือ เวลาใช้ไม่กินเนื้ออายแชโดว์ และเมื่อลงที่ตาแล้วสีชัดเจน ไม่ได้กินอยู่ที่ตัวบรัชเหมือนแปรงขนสังเคราะห์แบบอื่น ขนนิ่มไม่ทิ่มตา
แปรงอายแชโดว์นี้ ขนแน่นขนนิ้มค่ะ เหมือนกับทุกแปรงก็คือ ไม่กินเนื้ออายแชโดว์ เหมาะกับเบลนเน้นสี บริเวณปลายหางตาก็ดีมิใช่น้อย
แปรงอายแชโดว์ที่เริดอีกด้าม เหมาะสำหรับการคัดเบ้าตา ด้วยความเฉียงของขนแปรง ทำให้การควบคุมทิศทางของการเบลนได้ง่ายขึ้นค่ะ ยนนิ่มไม่ทิ่มตา เริดกำลัง 3 ค่ะ
แปรงนี้แนนชอบเอาไว้ลงหัวตา หรือไฮไลท์ตา ความเล็กและกลมของมันทำให้ควบคุมพื้นที่ได้ง่ายค่ะ หรือจะเอามาลงสีเข้มบริเวณหางตาให้ดูคงก็เก๋มิใช่น้อย
แปรงต่อมา แปรงคอนซิลเลอร์ ตัวนี้ก็เลิฟอีกตัวค่ะ เพราะขนาดของมันกำลังดี และขนแปรงแน่น เกลี่ยง่าย ติดผิว ขอบอกว่าแอบดีกว่าแปรงคอนซีลเลอร์บอบบี้บราวที่มีอยู่นะค่ะนี่ แนะนำว่าทุกครั้งหลังการใช้งานลองใช้รีมูฟเวอร์ใส่สำลีแล้ววนๆแปรงเบาๆให้เนื้อคอนซีลเลอร์ออก เวลาแต่งหน้าจะได้สะอาด และไม่สะสมแบททีเรีย ต้นเหตุของเจ้าสิววายร้ายนะค๊า
แปรงอายไลเนอร์ ตัวนี้มักเอามาเขียนเป็นอายแชโดว์อายไลเนอร์มากกว่าการใช้กับเจลไลเนอร์ค่ะ เพราะว่าแปรงมีลักษณะใหญ่เล็กน้อย ทำให้ เส้นอายไลเนอร์ที่เขียนจากเจลไลเนอร์หนา ไม่ได้บางเล็กแบบเป็นธรรมชาติมากนัก แต่ถ้าใครนิยมกรีดแบบคมๆ เริดๆละก็ ใช้ได้สบายบรื๋อเลยค่ะ
แปรงสุดท้ายแปรงเขียนคิ้ว เหมาะกับการเขียวคิ้วแบบฝุ่น เนื้อแน่นดี บางครั้งนิยมใช้เป็นแปรงอายแชโดว์ไลเนอร์แทน เพราะจะได้เส้นที่เล็กแล้วยังคมดูเป็นธรรมชาติอีกด้วยค่ะ
สรุปผลที่ใช้แปรงมาทั้งหมดถ้าเทียบกับราคาถือว่าคุ้มทีเดียวค่ะ แต่ถ้าใครมีแปรงลักษณะแบบนี้ก็ใช้ได้นะค๊ะ ไม่มีปัญหา อยากให้สาวๆพยายามปรับของที่มีอยู่กับตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก่อนที่จะซื้อมาเพิ่ม การที่เรามีอุปกรณ์น้อยไม่ได้หมายความว่าจะทำให้การแต่งหน้าไม่สวยแต่ประการใด แต่จะทำให้เกิดเทคนิคใหม่ๆเฉพาะตัว และจะทำให้เราเก่งขึ้นเองค่ะ ลองคิดดูสิค่ะว่า ถ้าสมมติมีแปรง 1 ด้ามแต่สามารถทำให้เราสวยได้ทั้งหน้า มันเจ๋งแค่ไหน แต่การมีแปรงลักษณะต่างๆมากขึ้น จะช่วยเรื่องความง่าย ความเร็วและความเนี๊ยบในการแต่งมากขึ้นค่ะ
การมีอุปกรณ์เยอะไม่ได้ทำให้เราเก่งขึ้นเท่ากับการฝึกฝนนะค่ะ แอบเตือนสติสาวๆที่ซื้อของตามการแสเวลารีวิวนิดนึง
แต่ถ้าคิดคำนวณแล้วว่ามันดี และต้องการจริงๆโดยไม่เดือดร้อนใคร ก็จัดไปโลดเลยค่า
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคอมเม้นล่วงหน้านะค๊า ขอบคุณค่า
