รวมสุดยอดเครื่องสำอางสุดรัก 26 Items ประจำปี 2017 || Mini Meen's Picks

41 17

โอ้โหวววว เผลอแป๊บเดียวก็จะสิ้นปีแล้วค่ะทุกคน 2017 ผ่านไปไวมากจริงๆ

ตลอดปีที่ผ่านมาสาวๆ คงจะเลือกใช้เครื่องสำอางกันสนุกสนาน เพราะปีนี้รู้สึกว่าเครื่องสำอางใหม่ๆ น่ารักๆ ออกมาเยอะมาก มากจนบางทีก็ปั๊มเงินกันไม่ทันเลยทีเดียว 

ฮ่าๆๆๆๆ

อ่าห์..และวันนี้เลยอยากจะมาแชร์ไอเท็มเด็ดๆ ของเราที่ใช้มาตลอดปี 2017 ตัวไหนเด็ด ตัวไหนดี ใช้แล้วชอบ ใช้แล้วซื้อต่อ ติดตามได้ใน...

"รวมสุดยอดเครื่องสำอางสุดรัก 26 Items ประจำปี 2017    

|| Mini Meen's Picks"ไปดูกันเล้ยยยยยยยยย


เราจะขอแบ่งเป็น 10 หมวดหมู่ ให้ดูกันง่ายๆ นะคะ จริงๆ บางหมวดหมู่ก็อยากจะเลือกชิ้นเดียว แต่ก็เลือกยากมากจริงๆ เพราะบางอันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันนิดหน่อย เลยขอหยิบที่ชอบ ที่ใช้จริง มาให้ดูกันนนนนน

ว่าแล้วเริ่มเลยค่ะ

1) Sunscreen ครีมกันแดดขอมอบมงให้กับ PROVAMED - SUNFACE SPF 50+ PA +++ NON CHEMICAL SUNSCREEN ค่ะ ตัวนี้ใช้มาทั้งปีเลย หมดไปแล้วอย่างต่ำ 4-5 หลอด มันโอเคมากกับสาวผิวมันอย่างเรา เพราะไม่ทำให้หน้ามันขึ้น ไม่เมือก ไม่เป็นคราบขาว เนื้อเป็นมูสเหลวๆ มีสองสีให้เลือกคือสีขาวและสีเนื้อ ส่วนตัวเราลองทั้งสองสีแล้ว ชอบทั้งคู่ ไม่รู้สึกว่ามันต่างกันเท่าไร เพราะตัวสีเนื้อก็ไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรค่ะ ปีนี้เป็นอีกปีที่ลองครีมกันแดดหลายยี่ห้อ ส่วนมากก็จะซื้อไซส์เล็กมาลองแต่พอใช้หมดก็ต้องกลับมาใช้ PROVAMED เหมือนเดิม

2) Primerไม่น่าแปลกใจเลยล่ะสำหรับตัวนี้ BENEFIT - THE POREFESSIONAL ไพรม์เมอร์ที่ใครๆ หลายคนต้องใช้ เราเคยใช้หลอดใหญ่มาเมื่อหลายปีก่อน ติดใจมาก ใช้นานมาก ช่วยเติมรูขุมขน ทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้น อาจจะไม่ช่วยเรื่องควบคุมความมันขนาดนั้นนะสำรับเรา แต่มันทำให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้น ใช้แล้วมั่นใจ ใช้หมดแล้วก็เลยไปซื้อ BENEFIT ที่เป็น Set จิ๋วมาใช้เผื่อเอาไว้พกพา ชอบบบบ


อย่างที่บอกว่าบางไอเท็มเราก็เลือกไม่ได้จริงๆ เพราะว่าใช้ดีและราคาถูกกว่าครึ่งนึงเลย ขอมอบมงให้ INNISFREE - NO SEBUM BLUR PRIMER อีกทางเลือกสำหรับคนที่มองหาไพรม์เมอร์ในราคาที่เอื้อมถึง ช่วยปกปิดรูขมขนได้ดี แต่งหน้าติดทนขึ้น แต่ก็อีกนั่นแหละ คุมมันได้ประมาณนึง แต่ในราคาเท่านี้โอเคเลย หลอดนี้ใช้นานมากกกกก ยังเหลืออีกเต็มเลยค่ะ

3) Foundationไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ปีนี้อยู่ๆ ก็อยากใช้รองพื้นของ TARTE ก็เลยไปซื้อ ไปลองรุ่น TARTE - AMAZONIAN CLAY FULL COVERAGE FOUNDATION เห้ยยย มันดีแหะ ช่วยเรื่องคุมมันได้ดีประมาณนึงเลย มีสีให้เลือกเยอะ เนื้อรองพื้นไม่ได้หนามาก สามารถ Build ให้เป็น Full Coverage ได้ ซึ่งเราไม่ค่อยได้ใช้ถึงขั้นนั้น เพราะเป็นคนชอบใช้รองพื้นบางๆ ผิวๆ มากกว่า สำหรับเรามันไม่เป็นคราบดี เนื้อนุ่ม Blend ง่าย ไม่ว่าจะใช้นิ้วมือหรือใช้แปรง เลิฟฟฟฟฟฟ

4) Eye & Browขอรวบรวมผลิตภัณฑ์ตาและคิ้วแบบเบสิคๆ มาไว้ด้วยกันเลยนะคะ

สุดยอดดินสอเขียนคิ้ว ถูกและดีของเราหนีไม่พ้น ETUDE HOUSE DRAWING EYE BROW สี #03 ค่ะ เนื้อนุ่ม เขียนดี ติดทน ราคาไม่แพง แท่งนึงนี่ใช้นานอยู่ รักมากกกก ส่วนที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นเราไม่ค่อยได้ใช้อะไรเจาะจงค่ะ ถ้าอยากให้คิ้วฟุ้งๆ ก็จะใช้ Eye Shadow มากกว่า เลยไม่ได้มีชิ้นโปรดในใจ


ด้วยความที่เราผมดำ เลยไม่จำเป็นต้องใช้ Mascara คิ้วที่เป็นสีๆ เลยหยิบ ETUDE HOUSE - KEEP MY BROW FIXER มาใช้ เหยยยย มันทำให้ขนคิ้วเป็นทรงขึ้น สีคิ้วติดทนขึ้น จริงๆ เป็นเจลใสๆ นะคะ แต่ว่าใช้บ่อยเลยมีสีที่เขียนคิ้วสีน้ำตาลติดมาด้วย ฮ่าๆๆๆ อาจจะไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไร แหะๆ


มาต่อกันที่...ที่ดัดขนตาของ SHU UEMURA ค่ะ อันนี้ก็คงเป็นไอเท็มที่หลายๆ คนรู้จักและมีติดโต๊ะเครื่องแป้งแน่นอน เพราะของเค้าดีจริง สำหรับเราเป็นที่ดัดขนตาที่เข้ากับรูปตามาก เราเป็นคนที่ตากลม ใช้แล้วเก็บขนตาได้ทุกเส้นเลย ที่สำคัญขนตาเด้งตลอดวันด้วย เคยลองมา 2-3 ยี่ห้อ แต่เบ้าของที่ดัดขนตาไม่ค่อยเข้ากับรูปตา ดัดแล้วขนตางอนไม่เท่ากัน (งงมั้ยคะ) เสียดายที่เค้าไม่มีขายยางแยก แหะๆ


แท่นแท๊นนนนน ตัวนี้ขอนำเสนอมากๆๆ HEROINE MAKE - SMOOTH LIQUID EYELINER #01 เป็น Eyeliner ที่เวิร์คที่สุดเลยตั้งแต่ใช้มา (ไม่ได้เวอร์นะคะ พูดจริงๆ ฮ่าๆ) สีดำสนิท เส้นคม เขียนง่าย ปลายพู่กันแหลม เฟี้ยว กันน้ำสุดๆ คือดี อ้อ ที่สำคัญใช้ได้นานมากกกกก เราใช้แท่งนี้มาอย่างน้อยๆ 6 เดือนแล้ว เขียนเกือบทุกวัน สียังชัดเจนอยู่ ที่ไทยราคาแอบสูงนิดนึง ถ้าไปซื้อที่ญี่ปุ่นหรือไต้หวันจะถูกกว่ามาก ใครไปเที่ยวก็สอยมาตุนไว้เลยนะคะ เราว่าจะไปซื้อสีน้ำตาลมาเพิ่มในกรุ น่าจะสวยใสสไตล์ญี่ปุ่นแน่นอน

Mascara ที่เราเลิฟ มี 2 ตัวด้วยกันก็คือ HEROINE MAKE - VOLUME & CURL MASCARA #01 โอ้โห ปัดแล้วขนตาเด้งทั้งวันเลย แถมเรียงเส้นเป็นธรรมชาติด้วย ซึ่งถ้าใครชอบขนตารกๆ ก็สามารถ Build เพิ่มได้ค่ะ ขนตาก็จะยาวและหนาตามชื่อรุ่นเลย รุ่นนี้กันน้ำสุดๆ ซึ่งข้อดีนี้ก็แอบกลายเป็นข้อเสียเล็กๆ ค่ะ แม้ว่ารุ่นนี้จะปรับสูตรให้ล้างออกง่ายขึ้นแล้ว แต่เราว่าก็ยังแอบล้างออกยาก ต้องใช้ Oil หรือ Eye Makeup Remover ถึงจะดี เพราะเราจะได้ไม่ออกแรงถูหนักมือมากไป


อันต่อมาคือ TARTE - LIGHT CAMERA LASHES รุ่นนี้เพิ่งได้มาไม่นาน แต่เหย มันดีจนต้องเอามาไว้ในลิส ปัดแล้วเรียงเส้นสวย เป็นธรรมชาติ เหมาะกับเรามากๆ ติดทน อ่ะ นอกจากจะช่วยให้ขนตายาว งอนเด้ง และหนาขึ้นแล้ว เค้ายังเคลมว่าช่วยบำรุงขนตาด้วยนะ สำหรับตัวนี้ ล้างออกง่ายด้วย โอยยยย ดีสุดๆ ไปเลย

5) Eyeshadowเป็นอีกหมวดที่เราตื่นเต้นและอยากนำเสนอมากๆ อีกหมวด ปีนี้เราอินเลิฟกับ Eyeshadow โทนอุ่นสุดๆ รู้สึกว่าเข้ากับสีผิวตัวเอง ว่าแล้วมาดูกันว่ามีอะไรน่าใช้ น่าลองบ้าง


ก่อนจะทาตา เราก็ต้องมาทา Eye Primer กันก่อน หลายคนคงเดาได้ว่ามันคือ TOO FACED - SHADOW INSURANCE นี่ล่ะ !! อันนี้เป็นแพคเกจเก่านะคะ คือซื้อมานานแล้ว (จริงๆ ก็ควรจะทิ้งได้แล้วแหละ ฮือออ) แต่มันใช้ทีละนิดจริงๆ คือใช้ยังไงก็ไม่หมด !!? ดูสิแม้ว่าจะเปลี่ยนแพคเกจไปแล้วหลายปี อันเก่าอันนี้ก็ยังอยู่ ตัวนี้ช่วยให้สีติดทนบนเปลือกตาเราสุดๆ ถ้าใครยังไม่เคยใช้ Eye Primer ขอให้ลองเลย เพราะช่วยให้สีติดทน ชัด แน่น ส่วนตัวเราเป็นคนผิวมัน ซึ่งหนังตาก็จะมันด้วย พอใช้เจ้าตัวนี้ เหย มันช่วยให้มันน้อยลง สีติดดีขึ้น มันเวิร์คคคคค


ต่อๆ อ่ะ มาดูลูกรักอันต่อมาของเราก็คือนี่เลย COLOURPOP - SUPER SHOCK SHADOW : LALA สีนี้เลิศศศศศศ ทาแล้วเกิดมาก เป็นครีม Eyeshadow ที่ดีงาม สีติดทน ชัด เนื้อนุ่ม Blend ง่าย ไม่เสียใจที่ซื้อมาเลย อยากได้สีอื่นๆ มาลองอีก ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย อ่าห์


Eyeshadow พาเลทต่อมา เป็นของที่ซื้อช่วง Holidays 2016 ของ HOLIKA HOLIKA X GUDETAMA ค่ะ สีที่มีคือ Red Velvet ซื้อมาเพราะแพคเกจก่อนเลย แต่พอลองสวอชที่ร้านแล้ว เหย ต้องมี สีดีมาก เป็นสีโทนอุ่นอย่างที่ใจอยากได้ เป็นตลับ 4 หลุมที่คุ้มค่ามาก ทาเกือบทุกวัน (แต่ดูแล้วไม่ค่อยพร่องเลย) มีทั้งสีที่เป็น Matte ทั้ง Shimmer แต่งได้หลายลุคมากๆ เนื้อไม่ร่วงเป็นผง นุ่มๆ ติดทน เคยทำหล่นไปที ใจแทบสลาย เพราะเป็น Limited ต้องกอบโกยร่างของน้อง เอามาซ่อมแซมด้วยการใช้แอลกอฮอล์รวมร่าง และแล้วก็สามารถเอามาใช้ใหม่ได้ !! ต่อจากนี้ต้องใช้อย่างระวังเพราะถ้าแตกไปหาซื้อใหม่ไม่ได้แล้วววว


สุดท้ายคือ ETUDE HOUSE - BLING BLING #08 สีนี้ดีงามอีกแล้วค่ะ เป็น Shimmer ที่ใช้เขียนใต้ตาให้วิ้งค์ๆ ให้ลุคโคเรียเกิร์ล ใช้ง่าย เนื้อนุ่ม อาจจะไม่ค่อยติดทนเท่าไร แต่ใช้งานง่ายดีค่ะ

6) Cheek มาถึงหมวดปัดแก้มกันแล้ว ขอบอกว่าสีทุกสีนี่ใช้ทุกวันเลย คือชอบมากจริงๆ


ลูกรักตัวใหม่ของเราก็คือ COLOURPOP - SUPER SHOCK CHEEK สี BETWEEN THE SHEETS ค่ะ สีน้องละมุนมาก เข้ากับผิวสองสีของเราสุดๆ คือดูสุขภาพดี ไม่อ่อนจนเกินไป ใช้สำหรับวันที่อยากแต่งหน้าน้อยๆ สีติดทนดีค่ะ ชอบบบบ เนื้อครีมเป็นเนื้อแมต ที่ให้ Finish แบบ Cream to Powder ทาแล้วไม่เป็นปื้นๆ เกลี่ยง่าย รักกกกก


ตัวต่อไปก็เป็นของ COLOURPOP เหมือนกัน เป็น Limited Edition ชื่อรุ่น FEM ROSA : HER เป็นพาเลท 3 หลุม ที่คุ้มค่ามาก เพราะมีทั้ง Hilight, Blush, และ Bronzer ซึ่งสีทั้ง 3 นี้ดีงาม เนื้อติดทน สีชัด มือใหม่ ต้องเบามือหน่อยนะคะ สีปัดแก้มสีนี้เราชอบนะ คือปัดนิดเดียวแก้มดูมีเลือดฝาดเลย เหมือนคนออกกำลังกาย สุขภาพดี ฮ่าๆๆๆๆ ส่วนไฮไลท์ก็ดี พุ่งมาก เราใช้แต่น้อย เพราะพื้นฐานเป็นคนหน้ามัน ถ้าปัดมากจะดูเมือกได้ ปัดนิดๆ พอมีประกาย พอโดนแสงแล้วจะสวยมากเลยล่ะ ส่วนบรอนเซอร์ก็ดี สีน้ำตาลเค้าไม่แดงไม่เหลืองเกินไป เข้ากับสีผิวชาวเอเชียแบบเราเลย เช่นเดียวกันคือต้องปัดเบามือนะคะ บอกแล้วว่าพาเลทนี้คุ้มสุดๆๆๆๆ


Bronzer ที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ทุกคนต้องรู้จักแน่ๆ เพราะเป็นบรอนเซอร์ที่หลายคนพูดถึง แท่นแท๊นนน BAHAMA MAMA จากแบรนด์ THE BALM ค่าาา เป็นบรอนเซอร์สีธรรมชาติ สีติดทนดีมากกกกกกกก เหมาะกับมือใหม่เพราะสามารถ Build ได้ และด้วยสีที่เป็นธรรมชาติ สามารถไลท์ดั้งได้เนียนเลย เราชอบใช้แทน Eyeshadow ในวันเบาๆ เพราะทำให้เบ้าตาเราดูมีอะไรขึ้น ขอบอกว่าเป็นบรอนเซอร์ เคาท์เตอร์แบรนด์ที่ราคาไม่แรง คุ้มค่ามากๆ เลิฟฟฟฟ

7) Powderมาที่หมวดแป้งกันบ้าง หมวดนี้ก็เป็นอีกหมวดที่ภูมิใจนำเสนอค่ะ ตามมาดูกันเลย


อันแรกเป็นแป้ง SHISEIDO - BABY PRESSED POWDER ตัวนี้ได้มาจากญี่ปุ่น ราคาไม่แพงเลยน่าจะราวๆ 300 เยน หรือประมาณ 90-100 บาทเท่านั้น เป็นแป้งเด็กอัดแข็ง เนื้อแป้งเป็นสีขาวๆ มาพร้อมกับพัฟ ใช้ง่ายค่ะ แม้ว่าจะไม่ค่อยคุมมัน ไม่ค่อยติดทน แต่เหมาะมากกับวันสบายๆ สามารถ Touch up ได้โดยที่ไม่เป็นคราบ เราชอบพกไปไหนมาไหนด้วยตลอดเลย


อันต่อมาอันนี้กรี๊ดดดดดดด เราได้มาจากบ้าน Jeban ค่ะ ดีใจมาก (ที่เป็น Favorite ไม่ใช่เพราะเหตุนี้อย่างเดียวนะคะ) มันดีจริงๆ MAMONDE COTTON VEIL POWDER ตัวนี้แม้จะใช้ได้ไม่นาน แต่มันดีมากซะจนต้องเอามาไว้ในลิส คุมมันสุดๆ เนื้อแป้งละเอียด นุ่ม ติดทนมาก ขนาดเราหน้ามันมากๆ ใช้แป้งนี้แล้วอยู่ทั้งวัน (6-8 ชั่วโมง) แม้ว่าจะมีความมันบนใบหน้าซึมออกมาบ้าง แต่ดูเป็นธรรมชาติดี Glow กำลังสวย ส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยชอบเติมแป้ง เจ้า MAMONDE นี้เลยตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากๆๆๆๆ อ้อ ขอบอกว่าพัฟที่แถมมาก็นุ่มมาก ใช้ดีไม่บาดผิวเลยล่ะ หมดแล้วซื้อต่อแน่นอนนนนนนน

8) Lipsมาต่อกันที่หมวดลิปสติกกันบ้างค่ะ หมวดนี้ขอสารภาพว่าเลือกยากมากกกกก ปีนี้เป็นอีกปีที่ลองลิปสติกเยอะมาก แต่คัดมาแล้วก็เหลือประมาณนี้ โดยจะรีวิวทั้งหมด 4 เนื้อค่ะ


เริ่มกันที่เนื้อที่ชอบที่สุดเลยในปีนี้ก็คือ Ultra Satin Lip จากแบรนด์ COLOURPOP ! เหยย คือเนื้อดีมากกกกก ใช้แล้วสบายปาก ไม่แห้งตึง ที่สำคัญคือสีแน่นมาก ติดทนกว่าลิปครีมทั่วๆ ไป สามารถทาให้ดูชุ่มช่ำก็ได้ จะใช้ทิชชู่ซับให้แมตๆ หน่อยก็ได้ หรือจะแต้มแล้วใช้นิ้วเกลี่ยให้ฟุ้งๆ ก็เวิร์ค ชอบมาก สีที่เราชอบใช้คือสี Darling เป็นสีพลัมเข้มๆ แต่งได้หลายลุคเลยล่ะ


อันที่สองที่ชอบก็คือ เนื้อลิปสติกนวัตกรรมใหม่ จากแบรนด์ COLOURPOP ค่ะ มันคือเนื้อแบบ Ultra Blotted Lip ตอนแรก เนื้อลิปจะมันวาว ให้ความรู้สึกแบบน้ำมันนิดๆ เนื้อกึ่งกลอสที่ไม่เหนียว ทาไปแล้วเนื้อจะค่อยๆ แห้ง ติดทนเหมือน Tint เลยล่ะ สำหรับใครที่ปากแห้งมากๆ แนะนำให้สครับให้ปากเรียบเนียนก่อน อ้อออ ข้อดีของเนื้อแบบนี้คือ เราสามารถทาลิปมันทับลงไปด้านบนระหว่างวันได้ ถ้ารู้สึกว่ามันแห้งจนเกินไป สี Doozy เป็นสีที่เราชอบมากๆ เพราะให้ลุคที่สดใส สไตล์โคเรียเบาๆ


ต่อๆๆๆ ลิปเนื้อต่อไปที่จะพูดถึง ยังคงเป็นลิปที่มาจากฝั่งอเมริกา นั่นคือ ลิปเนื้อ Cream จาก BITE BEAUTY ค่ะ ได้มาเมื่อปลายปีที่แล้วจาก Sephora USA ช่วง Holidays 2016 เป็นลิปอีกยี่ห้อที่อยากลองมากๆ ด้วยตัวแพคเกจ สีสัน และการริวิวที่ดีจาก Blogger ต่างประเทศ เลยตัดสินใจเอามาลอง เป็นลิปครีมที่เนื้อดีมากกกกกก สีชัด กลบสีปากมิด ความติดทนปานกลาง เพราะเป็นลิปครีม อาจจะต้องเติมนิดหน่อย แต่ถือว่าดีเลย ยิ่งเราเป็นพวกไม่ค่อยชอบเติมลิประหว่างวันแล้ว มันเวิร์คสำหรับเรามาก เซ็ตนี้เป็นสีที่ใช้ได้ทุกวัน ใช้ได้หลายโอกาส สีโปรดของเราคือ Nori - Pepper - Honeycomb - Fig ที่ให้ Fig เป็นสีที่ชอบน้อยสุดเพราะมีความติ่งชมพูมากไป ทาแล้วไม่ค่อยเข้ากับ Undertone เท่าไร ส่วนมากจะใช้ทาทับสีอ่อนๆ สีอื่นอีกที


ลิปเนื้อ Sheer ที่เราจะพูดถึงต่อไปมาจากแบรนด์ PAUL & JOE BEAUTE รุ่น  NATURAL LIPSTICK REFILL CHAI เป็นแบรนด์จากฝรั่งเศส ที่เราไปได้มาจากญี่ปุ่น ฮ่าๆๆๆ ตกหลุมรักแพคเกจอีกแล้ว มีความน่ารัก ดูสดใส เป็นลิปที่ให้ความชุ่มชื่นมากๆ ทาแล้วเนื้อลิปบางเบา เคลือบปาก แต่สีไม่ติดทนนะคะ เพราะเนื้อเค้า Sheer มากๆ กลบสีปากได้นิดหน่อย ทาแล้วปากมีสีสัน ส่วนเราเลือกสี 215 มา เป็นสีที่เหมือนสีปากจริงๆ ทาแล้วเหมือนลิปเปลือยๆ เลยล่ะค่ะ ชอบใช้เวลาไม่คิดไรมาก รีบๆ ก็ปาดไป ให้ความชุ่มชื้นดี๊ดี อีกส่วนที่เราชอบคือลิปเค้าเป็นแบบรีฟิล คือขายปลอกกับตัวลิปแยกกัน ปลอกลิปเป็นกระดาษๆ ให้ความรักธรรมชาติเบาๆ ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่เค้าออก Limited Edition จากญี่ปุ่น มีหลายลายให้เลือกค่ะ พวกลายดอกซากุระ อะไรก็มี แต่แท่งนั้นให้คุณแม่ไปแล้ว

9) Lip Careยังคงอยู่กับหมวดปากนะคะ แต่เป็นการบำรุงริมฝีปาก ปีนี้ใช้อยู่ 2 ยี่ห้อค่ะ

ตัวแรกเป็น ลิปมันเภสัชฯ ที่ใช้บ่อยมากกกกกก เพราะมันถูกมากกกก ตลับเล็กๆ ราคา 12-15 บาท พกพาง่าย ไม่ได้เห็นผลเรื่องการทำให้ปากอมชมพูหรือใดๆ แต่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นดีมาก ใช้แล้วปากนุ่ม ทาลิปอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เราชอบโบกๆ ตอนกลางคืน ใช้แทน Lip Mask ได้เลย


อีกตัวที่ใช้บ่อยไม่แพ้กันเลยคือ BEN& JERRY'S - MINT CHOCOLATE COOKIE ไปได้มาตอนไปกินไอศกรีม ฮ่าๆๆๆ ด้วยความที่เป็นคนชอบกลิ่นมิ้นต์ เลยไม่พลาดที่จะหยิบมา ราคา 150 บาท ไม่ได้แพงกว่าลิปทั่วๆ ไปเท่าไร สิ่งที่ดึงดูดให้เราใช้ก็คือส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ อย่าง Beewax, Organic Palm Oil, Organic Extra Virgin Oil และอื่นๆ เนื้อจะเป็นไขแข็งๆ เวลาใช้ต้องเอาเล็บขูดๆ แล้ววอร์มที่นิ้วก่อนจะมาทาปาก ให้ความชุ่มชื้นดี ใช้แล้วมีความสุขค่ะ ฮ่าๆๆๆ กระปุกนี้ใช้มานานแล้วเหมือนกัน ไม่พร่องสักที


ข้อเสียของทั้งสองยี่ห้อก็คือเป็นตลับที่ต้องใช้นิ้วควัก รู้สึกไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไร เจ้า BEN & JERRY'S ก็เลยเหมาะกับการไว้ที่บ้านมากกว่าการพก เพราะขั้นตอนเยอะกว่า มีโอกาสที่จะสกปรกมากกว่า แหะๆ

10) Body Careมาถึงหมวดสุดท้ายของมินิมีนแล้วค่ะ ก็คือหมวดดูแลผิวพรรณ ปีนี้อากาศงงๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว (นิดนึง) ใช้โลชั่นทั่วๆ ไปแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายผิว จนมาเจอเจลว่านหางจาก INNISFREE - ALOE REVITAL SOOTHING GEL มันดีงาม ซึมไว ทาแล้วเย็นผิว ทาได้หัวจรดเท้า หน้า ผม ตัว เราไม่รู้สึกว่ามันช่วยเรื่องความชุ่มชื้นขนาดนั้น แต่เราไม่ได้มีปัญหาผิวแห้งตึงอยู่แล้ว เจลว่านหางอันนี้เลยตอบโจทย์เรา กลิ่นไม่แรง เนื้อเจลนุ่มๆ ไม่เหนียว ที่สำคัญเป็นหลอด ! ใช้ง่าย ไม่ต้องควักเนื้อผลิตภัณฑ์จากกระปุก ราคาเป็นมิตรกว่าที่คิดไว้ค่ะ 300 ml ในราคา 290 บาท คุ้มค่ามากเลยยยยยย

เป็นยังไงบ้างคะสาวๆ รีวิวนี้จัดหนัก จัดแน่นเต็มอิ่มมั้ยเอ่ย?? หวังว่าสาวๆ จะชอบกันนะคะ ความเห็นทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ซึ่งเราเป็นสาวผิวมันผลิตภัณฑ์ที่เลือกก็เลยอยู่ในหมวดที่คนผิวมันใช้แล้วรอดชัวร์ๆ


ใครชอบ ใครใช้ตัวเดียวกัน หรือใช้ตัวอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ก็สามารถพูดคุยกันได้เลยนะคะ อยากรู้ด้วยว่า ปีนี้เพื่อนๆ ไปโดนอะไรกันมาบ้าง ฮี่ๆๆๆ

อ่าห์...เป็นอีกรีวิวที่ตั้งใจทำมากๆ อาจจะยาวไปสักหน่อย แต่ทำด้วยใจเลยนะ ยังไงก็ขอมอบกระทู้นี้เป็นของขวัญปี 2018 ให้กับสาวๆ ทุกคนเล้ยยยยย !!!


ไว้ปีหน้าไปเจออะไรใหม่ๆ น่าใช้ น่าลองก็จะเอามาให้ติดตามกันเรื่อยๆ นะ วันนี้ขอลาไปก่อนแล้ว Happy Holidays และ Happy New Year 2018 

ล่วงหน้าไปเลยแล้วกันค่า


บัยยยยยยยยยยยส์


Mini_Meen

Mini_Meen

☀ SKINCARE
☀ BEAUTY STUFFS ☀ -----

☁ MUSIC ALCHEMIST & LECTURER
☁ PHOTOGRAPHY LOVER
☁ ART ADMIRER ☁ -----

☾ NICE TO MEET YOU ALL ☾

FULL PROFILE