[REVIEW&SWATCH] YSL Lipstick สีสายเกาที่มีในกรุ

16 5

มาเริ่มที่ตัวแรก

YSL Rouge Pur Couture Vernis A Levres Glossy Stainเมื่อก่อนตัวนี้เป็นลูกรักที่สุดดดด(ซึ่งจริงๆมีสี Coral อีกอัน แต่หมดไปแล้วเลยไม่มีรูป)

โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนปากแห้งมากกกกกกกกกก

ลิปอะไรก็เอาไม่อยู่ แม้จะโบกด้วยลิปมัน/lip sleeping mask laneige/วาสลีน ก่อนนอน หรือจะตอนเช้าก่อนแต่งหน้า

ยังไงๆระหว่างวันทาลิปอะไรก็ไม่รอด ปากกลับมาแห้ง ลอก ลิปตกร่อง เป็นคราบตลอดๆ (แต่ตอนนี้มีตัวที่รอดแล้วนะ ติดตามตอนหน้าเราจะบอก :p)

แต่เจ้าตัวนี้เรารอด! เราชอบทุกอย่างที่เป็นนาง สีชัด ติดทนในระดับนึง(ตามที่เคลมว่าเป็นลิป stain) แต่ยังมีความแวววาวที่รับได้ ไม่กลอสเหนียวๆ ถ้าไม่ชอบก็เม้มออกกับทิชชู่ได้ เป็นลิปผู้ดีทาแล้วสวยรอดทุกสถานการณ์ไม่ว่าตอนนั้นปากจะแห้งกรังขนาดไหนก็ตาม

ที่สำคัญคือทาแล้วไม่เป็นคราบเลย(อาจจะเพราะความกลอสรึป่าวไม่แน่ใจ)และยังช่วยปกปิดความปากแห้งขุยของเราได้ด้วย ดีงามสุดๆ สรุปคือ เหมาะกับคนปากแห้งอย่างเรามาก!

แต่ส่วนตัวที่เราไม่ชอบคือ กลิ่น มันมีกลิ่นน้ำหอมแรงอยู่ ซึ่งเราไม่ชอบกลิ่นนี้เอามากๆ (อีกรุ่นไม่เป็น)

ให้คะแนน : 4/5 (หักราคา,แพ็กเกจที่เป็นรอยง่าย,กลิ่น)

ถ้าหมดก็จะไม่ซื้อต่อ เพราะยังอยากลองลิปตัวอื่นๆที่เรารอดต่อไป แหะๆ

YSL Rouge Volupte Shine oil-in-stickส่วนรุ่นนี้ตอนแรกชอบแพจเกจสุดๆ สวยหรูดูแพง(ราคาก็เช่นกัน) ตอนแรกจะไปซื้อตัว YSL tint in balm แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่ตัวนี้เฉยเลย รวมถึงตอนนี้นางก็เป็นลิปติดกระเป๋าตลอดๆ

รุ่นนี้ส่วนตัวแล้วเฉยๆนะ จะว่าดีมันก็ดี แต่มันมีบางอย่างที่เราไม่ชอบ

จริงๆส่วนตัวชอบเนื้อมากนะมีความครีมมี่ๆมันวาว(ตามชื่อรุ่นอะเนอะ) แต่พิกเมนท์สีดีนะ ไม่ติดทนเลยกินปุ้บหลุดหมดปาก ส่วนตัวเราไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะทาได้เรื่อยๆ

แต่ที่ผิดหวังคือ เป็นคราบตกร่องแต่ก็ไม่ได้มากมาย ตอนแรกที่ทาลงไปจะมันๆพอผ่านไปสักพักแอบรู้สึกมันทำให้ปากเราแห้งขึ้นอีกนิดหน่อย (อาจจะเพราะปากเราแห้งด้วยแหละ) แต่พอทาทับๆไปก็ยังพอได้อยู่นะ ไม่น่าเกลียดมาก เราแก้โดยทาลิปบาล์มก่อนให้มันลื่นๆ ลดการเป็นคราบตกร่องได้ดีเลย

รวมถึงเราชอบทา tint หรือลิปสีเข้มข้างในก่อน แล้วทาตัวนี้ด้านนอก มันช่วยการ ombré  ได้สวยมาก รักนางก็ตรงนี้

ให้คะแนน : 4/5 (หักคราบแต่มันแก้ไขได้,สีสวยมากจริงๆหักไม่ลงฮือยอมมมม)

ถ้าหมดอาจจะซื้อต่อ รักสีนางจริงๆและโดยรวมนางก็ยังรอดนะ ยกเว้นบางวันแห้งขุยจริงๆก็จะไม่ทาตัวนี้เลย

(แก้ไขเพิ่ม ลืมว่ามีนางนี้ด้วย555555 ตัวนี้เลยไม่มี swatch น้า)

YSL Baby Doll Kiss and Blushเราลืมนางนี้ไปจริงๆเลยอะ เพราะเราไม่ค่อยปลื้มมันเท่าไหร่ อย่างที่บอกไปเราปากแห้งซึ่งตัวนี้ฆ่าเราตายสนิท

เนื้อมันจะมูสๆครีมๆ มีความแห้งแมท ทาลงบนปากเราไม่รอดจริงๆ เราเลยเอาไปทาแก้มเป็นครีมบรัชแทน พอใช้กับแก้มไม่คราบ ติดทนดี สีสวย เริ่ด ส่วนสีที่เราใช้ออกชมพูบับเบิลกั้ม เอาจริงๆมันอ่อนไปหน่อยนะ ทาปากแล้วสีสว่างกว่าปากอีกแต่ทาแก้มถือว่าผ่าน สีน่ารัก แต่ถ้าให้สรุปจริงๆตัวนี้คือผิดหวังค่ะ ไม่เหมาะกับคนปากแห้งเลยยย(เราอยากเอามาทาปากมากกว่างะแต่เราไม่รอด)

ให้คะแนน : 1/5

ไม่ซื้อต่อแน่นอน มันใช้กับแก้มได้อย่างเดียว ไม่คุ้มเลย ถ้ารู้งี้จะไม่ซื้อมาตั้งแต่เเรกละ

แถม SWATCH & TIPS

แถม Tips เล็กๆน้อยๆ จริงๆก็ไม่เชิง Tips แต่เราชอบทาแบบนี้เลยมา Share จ้าาา

#9 เป็นสีแดงสดเจือไปทางส้มชมพู งงไปหมด5555 สีสวยทางเต็มปากก็แซ่บลืม ทาด้านในแล้วเกลี่ยๆก็จะแดงชมพูระเรื่อธรรมชาติสายเกาหลีมากๆ ดีงามพระรามแปดดดด สรุปคือทาได้ 2 แบบ คุ้มสุดๆไปเลย

#43 สีชมพูนมๆน่ารักมากทาเดี่ยวก็สวย ไม่อ่อนเกินไปทำให้ไม่ป่วย ไม่ลอย(ส่วนตัวผิวขาว-เหลือง ทาแล้วสีพอดีกับปากเป๊ะๆแต่ช่วยให้อมชมพูสุขภาพดีขึ้นอีก) สายเกาต้องชอบ เอาไป ombré ก็ดีงามเช่นกัน เราเอา #9 มาทากับสีนี้บ่อยมากๆ

#14 สีส้ม coral อมชมพูนี้ก็น่ารักมาก พูดเลยว่าเป็นสีที่ตามหามานาน รักสีนี้มากจริงๆ ตอนนี้ติดกระเป๋าทาทุกวัน แนะนำให้ทาแล้วเกลี่ยขอบปากให้นัวๆคือ สิบ สิบ สิบบบบบ 

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าทั้งหมดนี้ไม่มีอวย เราตำเองใช้เองบอกต่อเองตามประสาคนปากแห้ง5555

และเป็นรีวิวแรกอาจมีอะไรขัดข้องไปบ้างทั้งภาษางงบ้าง ถ่ายรูปเบลอบ้างชัดบ้าง ติชมกันได้เลยค่ะะ


yammmay

yammmay

Be your own kind of beautiful.

FULL PROFILE