[ เปิดกรุ ] ลิปโทนสีสุภาพ ราคาไม่เกินหลักร้อย By niringaga ♥

24 6

สวัสดีค่าทุกคน~  หลังจากกระทู้ที่แล้วที่เราได้รีวิวบลัชออนไป ก็เกือบๆครึ่งปีแล้วค่ะที่ไม่ได้เขียนรีวิวอะไรอีกเลย   วันนี้เราเลยถือโอกาสรื้อคลังลิปสติกของตัวเองออกมา แล้วก็พบว่า คนเราต้องบ้าคลั่งกับการซื้อลิปขนาดนี้เลยเหรอคะ? แต่นั่นล่ะค่ะ โตแล้ว จะมีลิปกี่แท่งก็ได้! (แต่จะใช้ให้หมดทุกแท่งมันเป็นไปไม่ด๊าย! T___T)ส่วนตัวเป็นคนชอบลิปโทนนู้ดมากๆ อาจจะเห็นสีซ้ำๆกัน แต่ต่างราคาและยี่ห้อกันไป ซึ่งในความเป็นจริงซื้อแค่แท่งใดแท่งนึงก็ได้ แต่ไม่ค่ะ น้องจะซื้อ น้องขอเรียกมันว่าความรัก555555555555555555 ยังไงขอฝากกระทู้นี้เอาไว้เป็นแนวทางให้เพื่อนๆที่กำลังมองหาลิปดีๆราคาไม่แพงมาก ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจนะคะเพิ่มเติมอีกนิดว่า เนื้อหาในกระทู้นี้จะแบ่งเป็น “2 ภาค” นะคะ เพราะว่าภาคเดียวน่าจะรีวิวได้ไม่หมด แล้วก็ไม่อยากให้กระทู้ยาวจนเกินไป เพื่อนๆจะได้อ่านกันง่ายๆ  ซึ่งในส่วนของภาคแรก เราจะเน้นไปที่โทนสีสุภาพ เพื่อให้เข้ากับการแต่งกายในช่วงนี้ด้วยนะคะ  จะมัวช้าอยู่ไย ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันเลยดีกว่า โก โก!

1. Merrez'ca Speak Velvet Lip #204 Sorbet (ราคา 285 บาท)

เริ่มกันที่น้องคนแรก จากแบรนด์ merrez’ca บอกเลยว่าเป็นแท่งที่เราหยิบใช้บ่อยที่สุด แล้วก็พกติดกระเป๋าไปด้วยทุกๆที่เลยค่ะ เนื้อสีชัดเจนและแห้งค่อนข้างไว พอเซ็ตตัวก็จะเป็นเนื้อแมต ไม่ตกร่อง ความติดทนโอเคเลย แต่ระหว่างวันถ้าทานอาหาร ก็จะมีหลุดไปบ้างตามปกติค่ะตัวลิปมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่แน่ใจว่าใช่กลิ่นกุหลาบมั้ยนะคะ แต่หอมมากจริงๆ ก่อนทาเราชอบเอาแปรงมาดมเล่นๆ (น่ากลัวเนอะ คนอะไรนั่งดมแปรง555555555) ชอบกลิ่นแบบนี้มาก แง กระซิบว่าใครที่แพ้น้ำหอมอาจจะไม่แฮปปี้นะคะ T__Tสีนี้ก็จะออกโทนคอรัล ส้มๆอมชมพูหน่อยๆ แต่ถ้าใครผิวติดโทนเหลืองแบบเรา สีที่ได้จะติดส้มซะมากกว่า สามารถหยิบมาทาได้เรื่อยๆ ทาไปเรียน ไปออกงาน จะแต่งหน้ามากหรือน้อย สีนี้เอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆค่ะ ยังไงเพื่อนๆสามารถดู swatch สีได้ด้านล่างเลยนะคะ เดี๋ยวเราจะลงไว้ให้ตอนท้าย เพื่อจะได้เทียบกันในหลายๆยี่ห้อด้วยป.ล. แท่งนี้เราสั่งจากร้านหิ้วเครื่องสำอางนะคะ ราคาก็เลยถูกกว่าที่เคาน์เตอร์จ้ะ

ให้คะแนน 5/5

2. Moonshot Cream Paint Light Fit #M811 Nudy Branch (690 บาท)

                งูยยยยยยย ลูกสาวคนล่าสุดที่อุนแม่เพิ่งตำมาไม่นานนี้ ปล่อยผ่านหูผ่านตาไปซักระยะแล้ว ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ไม่รู้อะไรดลใจค่ะ อยู่ดีๆก็เกิดความอยากได้ขึ้นมา ประจวบเหมาะกับเจอร้านพร้อมส่งเด้งขึ้นมาพอดี ดวงคนจะเสียเงินค่ะ อะไรๆก็เป็นใจไปหมด (ยกเว้นเงินในกระเป๋าที่กรอบแกรบลงทุกที5555555555555)สีนี้เป็น dupe กับ NARS ที่จะรีวิวเป็นตัวถัดไป แอบตกใจเหมือนกัน เพราะว่าตอนแรกที่เช็คชาร์ตสี ค่อนข้างเอนไปทางน้ำตาล แต่ของจริงกลับออกเป็นนู้ดชมพูเลย เนื้อสีโอเคเลยนะคะ มีกลิ่นอายของความเป็นเครื่องสำอางเกาหลีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้บางเบาเท่าลิปเกาหลีทั่วๆไป ปาดซ้ำสองทีก็ชัดแล้วความติดทนปานกลาง ขึ้นอยู่กับว่าเราทานอะไรระหว่างวันบ่อยมั้ย อย่างเราจะติดทานน้ำหวานมากกว่าข้าว ลิปก็เลยไม่หลุดมาก เนื้อลิปไม่ใช่เนื้อแมตนะคะ เป็นครีมๆ แต่สามารถซับความมันออกได้ด้วยทิชชู่ค่ะและสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ นางมีกลิ่นค่ะทุกคน! แต่ตัวนี้เป็นกลิ่นขนมหวาน วานิลลาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกินขนมตลอดเวลาที่ทา ซึ่งถ้าใครไม่ชอบกลิ่นก็อาจจะต้องข้ามตัวนี้ไปเลยนะก๊ะสำหรับเรา คิดว่าราคาแอบแพงไปหน่อย ถ้าไม่ได้ชอบที่ตัวแบรนด์เป็นพิเศษ สามารถหาลิปที่คุณภาพและเนื้อสีใกล้เคียงกัน ในราคาที่ถูกกว่าได้นะคะ ยกเว้นอยากได้เป็น dupe ของ NARS ในราคาที่ถูกลง ตัวนี้ก็น่าสนใจค่ะ

ให้คะแนน 4.5/5 (หักเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูงไปค่ะ)

3. NARS Powermatte Lip Pigment #Get It On (ราคา 981 บาท)

ก่อนอื่นต้องบอกว่า แท่งนี้เป็นแท่งเดียวที่ราคาปกติเกินไปจากหลักร้อย แต่เนื่องจากเราได้มาในช่วงที่เซ็นทรัลจัดโปรโมชั่น Midnight Sale ราคาก็เลยอยู่ที่ 981 บาทค่ะ (จากปกติ 1,090 บาท)ไม่รู้จะเริ่มหวีดยังไงก่อนดี เพราะนางดีมาก สวยมาก ผู้ดีมาก! เรียกได้ว่าตอนได้นางมาไว้ในครอบครอง สาวกโทนนู้ดแบบเรานี่ฟินไปสามวันแปดวันเลยค่ะ จริงๆแอบอยากได้อีกสีนึงด้วย (Slow Ride ในตำนาน ฮึก) แต่บีเอบอกว่าหมดตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่ายเลย แถมยังขาดตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ก็ไม่เป็นไรค่ะ นอนกอดสีนี้ไปก่อน กรุบกริบๆ เพราะสวยมากๆเหมือนกันสีนี้เป็นสีที่ Bella Hadid ทาในโฆษณาเลยค่ะ จะออกนู้ดชมพูนมๆนัวๆ อย่างที่บอกไปว่าสีนี้เป็น dupe ของ Moonshot  M811 โทนสีสามารถใช้แทนกันได้เลย แต่สิ่งที่ปังกว่า และคิดว่าสมราคาคือ พิกต์เมนต์และตัวแพ็คเกจจิ้ง เพราะว่าหัวแปรงเป็นทรงเรียวและค่อนข้างแข็ง ทำให้เก็บสีได้ดีทีเดียวค่ะ ที่สำคัญเนื้อลิปเกลี่ยง่ายมากๆ ทีแรกตอนปาดนางจะเหลว ต้องรอให้เซ็ตตัวถึงจะแมตสมคำเคลมนะคะ อยากให้ทุกคนได้ลองจริงๆ ส่วนตัวเราชอบรุ่นนี้มากที่สุด แพ็คเกจเรียบหรูดูแพง หยิบขึ้นมาปาดทีไร รู้สึกสวยมาก55555555555555555ความติดทนอยู่ในระดับดีถึงดีมาก อย่างที่บอกว่าพอรอให้นางเซ็ตตัว จากเนื้อเหลวๆก็จะแห้งสนิท ล็อคไปกับริมฝีปากเราเลยค่ะ แต่ไม่ตกร่องนะคะ เราชอบทาสีนี้ลงไปเป็นเบสก่อนแล้วใช้ลิปสีเข้มๆกว่าทาด้านในริมฝีปาก นอกจากจะได้ความสดใสแล้วยังช่วยให้ติดทนมากขึ้นไปอีกด้วยจ้ะ

ให้คะแนน 5/5

4. Passion Ville Be An Artist Liquid Lip Paint #V06 Da Vinci (285 บาท)

สำหรับตัวนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆค่ะ คอลเลคชั่นใหม่จากแบรนด์ไทยอย่าง Passion Ville ที่เรารักมากๆ ชอบตั้งแต่รุ่นแรกๆที่เค้าทำออกมาแล้วก็ยังยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าแบรนด์นี้คุณภาพไปไกลระดับอินเตอร์ได้เลย ด้วยเนื้อสีที่คมชัด ประกอบกับดีไซน์ล้ำๆ ที่มีมาในทุกคอลเลคชั่นของนาง อย่างรอบนี้มาในธีมศิลปิน ชื่อสีของเค้าก็เลยจะอิงจะศิลปินชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Vangoh, Picasso, Michelangelo และอีกมากมายที่สุดแสนจะครีเอท เราเลยรีบไปคว้ามาตั้งแต่วันที่วางขายแรกๆเลยสีที่เราเลือกมาคือ V06 Da Vinci ซึ่งยังคงอยู่ในโทนนู้ดเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนไปเป็นนู้ดส้มบ้าง เนื้อลิปเป็นเนื้อ creamy ที่เป๊ะปัง ปาดครั้งเดียวเอาอยู่ตามสไตล์ของแบรนด์ ความติดทนดีมากๆ ทาแล้วซับด้วยทิชชู่จะช่วยลดความครีมๆลงไปได้ ส่วนตัวแนะนำสีโทนนี้มากๆเลยค่ะ เพราะว่าสามารถใช้ทาเป็นเบสเพื่อผสมกับสีอื่นๆได้หลากหลายเลย เราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยจะทาลิปสีเดียว ชอบจับสองสีมาผสมกัน บางครั้งมีเพื่อนมาถามก็บอกไม่ถูกว่าผสมยังไง แต่ละวันไม่เคยทำได้เท่ากัน ความสนุกเลยอยู่ตรงที่เราจะได้ลิปสีใหม่ๆที่เป็นสไตล์ของเราเอง เลยอยากแนะนำว่าลองหาลิปโทนสีนู้ดๆแบบนี้ติดกระเป๋าไว้ซักแท่ง รับรองไม่ผิดหวังค่ะ

ให้คะแนน 5/5

5. NYX Lip Lingerie #17 Seduction (325 บาท)

มาถึงลิปในตำนานอีกตัวที่ Nyxter ทุกคนต้องมีไว้ในครอบครอง เพราะนอกจากจะราคาดีแล้ว คุณภาพยังดีเกินไปกว่าราคามากๆ สีนี้จะออกแนวคอรัล ส้มๆอมชมพูๆเหมือนเดิม เพียงแต่จะเพิ่มเลเวลความตุ่น ทำให้เวลาปาดออกมาแล้วจะได้ลุคที่ดูสุภาพ เป็นผู้ใหญ่ สามารถหยิบทาในโอกาสสำคัญๆได้ตลอด หรือจะเปลี่ยนลุคให้แซ่บก็ทำได้ โดยทาซ้ำจากเดิมอีกเลเยอร์นึง ส่วนตัวเราชอบทาบางๆด้านในริมฝีปาก ทาทับกับสีนู้ดๆแบบที่รีวิวไปด้านบนแล้วเกลี่ยๆให้เข้ากัน ใช้เป็น everyday look ได้เลยค่ะความติดทนอยู่ในระดับปานกลาง เป็นเนื้อแมตที่ไม่แห้งจนเกินไป และไม่ตกร่อง ถ้าใครกำลังมองหาลิปที่สวยครบจบได้ในแท่งเดียว เราแนะนำแท่งนี้จ้า

ให้คะแนน 5/5

6. NYX  Liquid Suede #04 Soft Spoken (295 บาท)

ยังคงวอแวอยู่กับแบรนด์เดิม แต่เปลี่ยนไลน์ไปเป็นลิปครีมบ้าง ตัวนี้จะออกเป็นสีชมพูตุ่นๆ สุภาพเรียบร้อยมากๆ นึกอะไรไม่ออกก็หยิบแท่งนี้แหละค่ะ ปาดทีเดียวรู้เรื่อง เพราะนางสามารถเข้าได้กับทุกสถานการณ์ แม้กระทั่งวันที่ไม่แต่งหน้าก็ยังรอดได้ เราเลยชอบพกติดกระเป๋าเอาไว้ด้วย  ความติดทนอยู่ในระดับปานกลาง ด้วยความที่นางไม่ใช่เนื้อแมต เลยเป็นปกติที่ระหว่างวันจะมีดรอปไปบ้าง ส่วนตัวชอบแบรนด์นี้อยู่แล้ว เลยไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ เทียบกับราคาและคุณภาพ ได้เท่านี้ถือว่าโอเคมากๆแล้วววอ้อ แต่ติดใจอยู่อย่างเดียว คือกลิ่นค่ะ เราไม่ชอบความเคมีของนางเลย เป็นลิปตัวเดียวที่กลิ่นค่อนข้างชัดเจน เวลาหยิบมาเติมเลยต้องแอบกลั้นหายใจเอาไว้555555555555555 แต่โดยรวมโอเคค่ะ อย่างที่บอกไปว่านางคุ้มค่ากับราคาเลยล่ะ

ให้คะแนน 4.5/5 (หักเรื่องกลิ่นจ้ะ)

7. NYX Super Cliquey Matte Lipstick #Conform (295 บาท)

มาค่ะ ยังไม่จบกับแบรนด์นี้ง่ายๆ ตัวต่อมาที่จะพูดถึงคือเจ้าลิปคลิกๆ ที่ให้อารมณ์เหมือนปากกา เพียงแต่เรากดสีกลับคืนไปไม่ได้แค่นั้นเอง ตอนบอกว่าตัวนี้จะเข้าไทย เรานี่ตั้งตารอแล้วรออีก จนวันที่วางขายวันแรก ก็เลยรีบพุ่งตัวไปที่ Flagship Store ที่ SQ1 เลย พูดถึงโทนสีและเนื้อลิปกันก่อน เป็นสีน้ำตาลตุ่นๆ ที่ทาแล้วปังมากชริงๆ เสริมลุคให้ดูลึกลับน่าค้นหา แต่ก็สามารถหยิบใช้เป็น everyday look ได้ สำหรับสาวผิวเข้มสีนี้ทาแล้วเริ่ดมากนะคะ ในส่วนของเนื้อลิปเราว่ามันไม่ได้แมตมากเท่าพวกลิปจิ้มจุ่ม ความติดทนอยู่ในระดับที่ดี แต่ส่วนตัวคิดว่าเนื้อเกลี่ยค่อนข้างยากนิดหน่อยค่ะ ด้วย formula ที่เป็นปากกาแบบนี้มันเลยทำให้ต้องคอนโทรลดีๆ กดในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะอย่างที่บอกว่ากดออกมาแล้วจะเก็บสีกลับคืนไปไม่ได้ ต้องระวังอย่าคลิกๆจนเพลินไป เดี๋ยวจะยุ่งนะคะ5555กระซิบว่าเราแอบผิดหวังกับแพ็คเกจ วันแรกที่ได้มาเรากลับมาลองสีแล้วทำหล่น นางกระจายตัวออกจากกันเลยค่ะ กว่าจะประกอบร่างคืนเข้าไปตัวหัวกดด้านบนก็กินเนื้อสีไปเยอะแล้ว ฮือ ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะแท่งของเรามั้ย แต่นางบอบบางมาก จากใจคนที่รอคอยลิปรุ่นนี้มาตลอดเลยแอบนอยด์ๆนิดนึงฮะ T__T

ให้คะแนน 3/5 (หักเรื่องแพ็คเกจค่ะ)

8. Golden Rose Longstay Liquid Matte Lipstick #11 (299 บาท)

เป็นอีกแบรนด์ที่เรารักมากๆเช่นกันค่ะ คุณภาพดี สีสวยมาก ใครชอบลิปแมต ไม่อยากให้พลาดแบรนด์นี้นะคะ สีนี้เป็นสีแรกที่เราซื้อมาลอง จะออกนู้ดส้ม แต่มีความแวววาวของกากเพชรนิดนึง เป็นกิมมิคเก๋ๆ เนื้อลิปอาจจะหนักไปในตอนแรก แต่รอให้เซ็ตตัวแล้วโอเคค่ะ เบาสบาย ความติดทนอยู่ในระดับดีถึงดีมาก หยิบเติมได้เรื่อยๆระหว่างวันเช่นกัน ส่วนตัวเราชอบลงสีนี้เป็นเบสแล้วใช้สีที่เข้มกว่าทาด้านในปากค่ะ

ให้คะแนน 5/5

9. Golden Rose Longstay Liquid Matte Lipstick #16 (299 บาท)

เป็นแท่งที่สองของแบรนด์ที่เราไปตำมา ตอนแรกจะตำพร้อมกัน แต่ทำใจไม่ได้ อยากจำกัดงบตัวเอง เลยตัดใจเลือกสีใดสีนึงก่อน แล้วก็ไม่รอดค่ะ กลับไปตำใหม่ในเวลาไล่เลี่ยกันเลย สีนี้มีช่วงนึงหายากเหมือนกันนะคะ รอบที่เรากลับไปห้างเดิมของขาดตลาด หาอยู่สามห้างกว่าจะเจอ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกจะมีวางทั่วๆไปแล้วโทนสีเป็นนู้ดชมพู มีติ่งส้มๆเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคนด้วย อย่างเราผิวโทนเหลือง สีที่ทาได้จะเป็นชมพูชัดเจนเลยค่ะ คุณภาพและความติดทนเหมือนสีด้านบนที่ได้รีวิวไปฮับ

ให้คะแนน 5/5

10. Golden Rose Longstay Liquid Matte Lipstick #22 (279 บาท)

สีนี้เป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่ทางแบรนด์เพิ่งวางขายนะคะ เราได้มาตอนจัดโปร จากราคาปกติ 299 บาท เลยเหลือ 279 บาทค่ะ โทนสีจะออกชมพูอมน้ำตาลตุ่นๆ สวยมากกกกกกกก เราว่าใช้เป็นเมคอัพลุคช่วงหน้าหนาวน่าจะเวิร์คมากๆเลย สวยหรูดูแพงแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ใครที่ชอบแต่งหน้าโทนอุ่นๆน่าจะชอบสีนี้นะฮะ คุณภาพและความติดทนก็เช่นเดียวกับสองแท่งด้านบนค่ะ เอาอยู่ทุกสถานการณ์ ควรตำค่ะซิส!

ให้คะแนน 5/5 คะแนน

11. Golden Rose Matte Lipstick Crayon #18 & #21 (199 บาท)

สำหรับรุ่นนี้ เราว่ามันไม่ได้แมตมากขนาดนั้นนะคะ ออกแนวกึ่งๆครีมมากกว่า ชอบโทนสีที่มีความสุภาพ ทาง่าย แล้วก็หยิบใช้มาผสมกับสีอื่นได้ เรียกได้ว่าทาสีเดียวก็สวย เป็นเบสให้สีที่เข้มกว่าก็เริ่ดค่ะ เบอร์ 18 จะอ่อนกว่าเบอร์ 21 อยู่หลายเฉดเลย แต่เป็นโทนชมพูทั้งสองสี เพื่อนๆสามารถจับนางมาทำเป็น ombre ได้เลย ปังไม่แพ้สีอื่นเลยนะคะในส่วนของความติดทน ส่วนตัวเราว่าปานกลางค่ะ อาจจะพกไปเติมระหว่างวันไม่สะดวกนัก เพราะว่าแพ็คเกจจิ้งเป็นดินสอที่ต้องมีกบเหลา คิดว่าค่อนข้างไม่ตอบโจทย์สำหรับการพกพาค่ะ

ให้คะแนน 4/5 (หักเรื่องที่ต้องใช้กบเหลาค่ะ)

12. Golden Rose Waterproof Lipliner #58 (199 บาท)

แท่งนี้เป็นดินสอเขียนขอบปากนะคะ แต่เราชอบเอามาใช้ทาแทนลิปสติกไปเลย โทนสีจะออกเป็นนู้ดน้ำตาลติ่งชมพูหน่อยๆ เป็นอีกสีที่แนะนำมากๆ อาจจะเกลี่ยยากไปหน่อย เพราะว่าพื้นฐานนางเป็นดินสอเขียนขอบปาก ตัวไส้ก็เลยค่อนข้างเปราะ เวลาเอามาทาที่ริมฝีปากเลยต้องเบามือมากๆ เรานี่ก็ทำหักไปหลายทีแล้วค่ะ เสียดาย T__Tความติดทนดีถึงดีมากค่ะ คุ้มค่ากับราคา เราได้มาช่วงจัดโปรพอดี เลยเหลือ 199 บาท จากราคาเต็ม 219 บาทค่า

ให้คะแนน 4/5 (หักเรื่องความเปราะของตัวไส้ค่ะ)

13. 4U2 Kiss Me Harder Nude  #N1 (199 บาท)

ลิปจิ้มจุ่มรุ่นใหม่ของ 4U2 ตัวนี้ เป็นอีกรุ่นที่อยากแนะนำค่ะ ใครที่มีงบจำกัด แล้วอยากได้ลิปคุณภาพดีๆซักแท่ง โทนสีสุภาพ ทาง่าย รุ่นนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ สำหรับสี N1 เป็นสีแรกที่เราดูจากชาร์ตแล้วชอบมากๆ เรียกได้ว่าซื้อมาแบบไม่ได้ลอง swatch ก่อนเลย แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะว่าโทนสีเป็นนู้ดชมพูที่กรี๊ดมากกกกก นางไม่เหมือนแท่งอื่นที่เรามี (ปลอบใจตัวเองว่าไม่ได้ซื้อสีซ้ำ55555555) จริงๆนะคะ นางจะตุ่นกว่านู้ดชมพูแท่งอื่นๆ ซึ่งเป็นอะไรที่เราว่าเวิร์คสุดๆ สามารถทาเดี่ยวๆหรือทาทับสีอื่นก็ได้ รอดทุกสถานการณ์อีกเช่นกันค่าความติดทนอยู่ในระดับที่ดีเลย เพียงแต่อาจจะแห้งไปหน่อย เนื้อสีค่อนข้างจับตัวเป็นก้อนอยู่ในแท่ง อาจจะใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็หมดแล้ว แต่สำหรับราคาเท่านี้ ถือว่าไม่แย่เลยค่ะ คุณภาพไปไกลเกินราคามากๆ แนะนำๆ

ให้คะแนน 4.5/5 (หักตรงเนื้อสีแห้งไปหน่อยค่ะ ใช้บ่อยไม่ได้กลัวหมดเร็ว T__T)

14. 4U2 Kiss Me Harder Nude  #N2 (199 บาท)

สีนี้เราได้มาหลังสุดค่ะ ฝากเพื่อนซื้อมาหลังจากตำ N1 กับ N7 ไปแล้วติดใจ555555555 เพื่อนบอกว่าสีนี้คล้ายกับ Ruffle Trim ของ NYX เราเลยโอเค ตำก็ได้ (ง่ายๆแบบนี้เลย ฮือออ) เป็นรุ่นที่ดูชาร์ตสีแล้วตัดสินใจซื้อเลยทั้งหมดค่ะ ไม่ได้ลอง swatch หน้าเคาน์เตอร์แต่อย่างใดโทนสีคล้ายกับ N1 มากๆ มองเผินๆแล้วเหมือนเป็นสีเดียวกันเลย แต่ผู้หญิงอย่างเรามีประสาทรับรู้สีที่แตกต่าง เพราะงั้น! มันไม่เหมือนกันค่ะทุกคน! ถึงจะต่างแค่ 0.00001% ก็คือความต่างงงงงงงงง เอ้อ T__Tคุณภาพและความติดทนเหมือนที่รีวิวไปด้านบนเลยนะคะ เราจะไม่เวิ่นเว้อมาก เดี๋ยวกระทู้จะยาวเกินไปเนอะ (จริงๆ ตอนนี้ก็ยาวมากแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า)

ให้คะแนน 4.5/5

15. 4U2 Kiss Me Harder Nude  #N7 (199 บาท)

สีนี้เป็นนู้ดส้มค่ะ สีสวย ทาง่าย เหมาะสำหรับวันที่อยากได้ลุคสุภาพๆ แล้วก็ยังช่วยเสริมให้ใบหน้าดูสดใส ดูสุขภาพดี ส่วนตัวเราชอบลิปโทนสีแบบนี้มากๆเลยค่ะ รู้สึกเหมือนสีส้มช่วยขับผิวเราให้สว่างขึ้นด้วย เป็นอีกแท่งที่แนะนำว่าควรมีติดตู้ไว้ค่า

ให้คะแนน 4.5/5

16. Oh My Matte Soft Matte Lip Cream #02 (139 บาท)

ถ้าจะติดบ่วงอยู่ในความส้ม เราก็ต้องส้มไปให้สุดค่ะ สีนี้เป็นของแบรนด์ไทยที่คุณภาพไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน ลองปาดครั้งแรกก็ชอบเลย เราเลยจัดมาสองแท่งพร้อมกันเพราะตัดใจเลือกไม่ได้จริงๆ  ส่วนตัวเราว่าสีนี้ไม่เหมาะกับการทาเดี่ยวๆ มันจะทำให้ปากเราดูลอยแล้วก็ตลกมากๆ ต้องผสมสีที่เข้มกว่าไปกลบความเด่นของนางค่ะ โทนสีจะออกเป็นนู้ดส้มนมๆ swatch บนแขนแล้วสีน่ารักมากๆ ที่สำคัญคือชอบกลิ่น เป็นกลิ่นขนมหอมๆที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคือกลิ่นอะไร แต่ไม่เวียนหัว แล้วก็ไม่ได้ออกวานิลลาเหมือนแบรนด์อื่น อยากให้ไปลองดมดูนะคะ กลิ่นดีมากจริงๆ

ในเรื่องของความติดทนอาจจะไม่ได้ดีเท่าแบรนด์อื่น แต่สำหรับราคาแท่งละ 139 บาท และคุณภาพประมาณนี้ เราให้ผ่านค่ะ

ให้คะแนน 5/5

17. Oh My Matte Soft Matte Lip Cream #06 (139 บาท)

สีถัดมาเป็นนู้ดตุ่นๆ ติ่งส้มเล็กน้อยที่ดีงามเว่อร์วังที่สุดในสามโลก! เราไม่เคยเอาออกจากกระเป๋าเครื่องสำอางเลย เพราะใช้เกือบทุกวัน เวลาแต่งหน้าออกไปไหน จะทาผสมกับพวกทิ้นต์หรือ NYX Seduction แล้วระหว่างวันก็ค่อยเติมสีอื่นๆเอา บอกเลยว่าสีนี้เป็น Signature Look ของเราจริงๆค่ะ ผสมกับอะไรก็สวยไปหมดเลย ไม่รู้ทำไม ;_; คิดว่าถ้าหมดแท่งนี้ไป เราจะตุนอีกแน่ๆค่ะ  

ให้คะแนน 5/5

18. Daiso Soft Matte Lip Cream #Angel Nude (60 บาท)

มาถึงลิปอันเป็นที่เอะอะมากของหลายๆคน เพราะใครจะคิดว่าไดโซช็อปที่เราคุ้นเคยจะออกลิปแมตจิ้มจุ่มมาให้ได้ลองกัน แต่ทำเป็นเล่นไปนะคะ คุณภาพนางไม่ธรรมดาเลย สีแรกที่เราจะแนะนำคือ Angle Nude ค่ะ นู้ดส้มคล้ายๆ Oh My Matte ด้านบน แต่เข้มกว่า เนื้อเกลี่ยง่ายดีค่ะ อาจจะไม่ได้แมตมาก แล้วก็ไม่ติดทนเท่าไหร่ แต่ถือว่าไม่แย่เลย สำหรับราคา 60 บาท ติดอย่างเดียวคือกลิ่นค่ะ มันเหมือนสบู่อาบน้ำหรืออะไรแนวๆนั้น เราเองก็บอกไม่ถูก ไม่ค่อยชอบรสสัมผัสเวลาทาเท่าไหร่ ติดแค่ตรงนี้จริงๆ ที่เหลือผ่านหมดจ้า

ให้คะแนน 3.5/5 (ขออนุญาตหักเรื่องกลิ่นนะคะ)

19. Daiso Soft Matte Lip Cream #Sahara Sand (60 บาท)

สีสุดท้ายของพาร์ทนี้แล้ววว เย้ สีนี้ออกโทนส้มเลยค่ะ แต่ใน swatch อาจจะสว่างไปหน่อย ของจริงจะตุ่นๆกว่านี้นิดนึง ไม่รู้ว่าคิดไปเองมั้ย แต่เราว่าสีนี้ค่อนข้างคล้าย Slow Ride ของ Nars เลย ด้วยความที่อยากได้ Nars มากๆแต่ของขาดตลาดไปก่อน เราเลยเอาสีนี้มาทดแทนกันไปก่อน นางเวิร์คอยู่นะก๊ะ ติดแค่กลิ่นที่เหมือนสบู่อาบน้ำนี่แหละ ฮือๆ ต้องทำใจก่อนทา มันอยู่ตรงริมฝีปากอะเนอะ รับรสเข้าไปเต็มๆ555555555

ให้คะแนน 3.5/5

ป.ล. ทุกภาพถ่ายด้วยแสงไฟสีขาวและไม่ได้ผ่านการแต่งสีแต่อย่างใด สีที่ได้เป็นสีจริงๆที่ Swatches บนแขนเราค่ะ

ก็จบไปแล้วนะคะสำหรับภาคแรกของมหากาพย์การรีวิวลิปสติก ที่บอกเลยว่าตั้งใจทำมากๆ ไม่เคยใช้เวลากับการเขียนบล็อกหรือกระทู้นานขนาดนี้มาก่อนเลยชริงๆ และเช่นเคยค่ะ รีวิวทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของเรา ที่ได้ลองใช้งานจริงๆ แล้วชอบ ก็เลยอยากแชร์ข้อมูลทั้งส่วนที่ดีและไม่ดีของแต่ละผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจให้เพื่อนๆ  หากมีข้อผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ

แล้วพบกันใหม่ในพาร์ทต่อไป ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่า ♥

— niringaga 


niringaga

niringaga

N.Nirinda (Lookmoo)
• 96's Kid
• Welcome to my meterial world :)

FULL PROFILE