HOW TO : แต่งหน้ารับปริญญาโทนเกาหลี ใส ไม่โบ๊ะหนา แต่ถึกทนทาน หน้าไม่หลุดไม่หมองตลอดงานค่ะ
samanthachiew 16 4สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้แก้วกลับมาตั้งกระทู้อีกครั้งค้าเนื่องจากตัวแก้วเองเพิ่งจะรับปริญญา ได้เป็นบัณฑิตไปสดๆร้อนๆ รอบนี้แก้วก็เลยขอแชร์เกี่ยวกับการแต่งหน้ารับปริญญาค่ะ อ่ะฮิ้ววว ไม่ค่อยเห่อเลยเนอะเรื่องของเรื่องที่อยากจะแชร์ ก็เพราะว่ามีเพื่อนๆทักมาว่าแต่งยังไง อยากรู้ แก้วก็เลยรวบรวมความกล้ามาโพสคะ (จริงๆนะ)
ออกตัวก่อนเลยค่ะ สไตล์การแต่งหน้ารับปริญญาแก้ว จะเป็นโทนใสๆ เน้นธรรมชาติไม่เน้นหนาหรือดราม่านะคะ เพราะส่วนตัวแก้วอยากได้โทนเกาหลี ไม่เน้นเข้ม แต่เน้นเบาๆ ให้ได้ลุคสบายตา สดชื่นๆ แต่ต้องติดทนนานค่ะ เพราะแก้วต้องอยู่ในงานตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงห้าทุ่มแน่ะ จะไม่ทนก็ไม่ได้ (อ่านไม่ผิดค่ะ ถึงห้าทุ่มจริงๆ)หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหาสไตล์การแต่งหน้ารับปริญญาสไตล์นี้นะค้า
เริ่มกันเลย
เริ่มต้นจาก อย่าซีเรียสถ้าตื่นมาแล้วผมยุ่ง เพราะเดี๋ยวเราก็ทำผมอยู่ดีค่ะ อย่าเครียดๆ
เพราะว่าแก้วแต่งหน้าลุคใสๆ แก้วก็เลยอยากเน้นงานผิวให้ดูเนียนดูใสไว้ก่อนค่ะ -- แต่ในความเป็นจริงก็คือ ก่อนหน้านี้หน้าแก้วเพิ่งจะผ่านสมรภูมิรบมา พอดีมีเรื่องเครียด บวกกับแพ้ฝุ่นค่ะ สิวก็เลยบุกเต็มหน้าเลย พอสิวหายอักเสบ ก็กลายเป็นรอยดำบางจุดอีก! โนววว -- และเรื่องของเรื่องก็คือ มันหายไม่ทันรับปริญญาค่ะ ฮ่าาา
เพราะฉะนั้น แก้วซีเรียสกับการหาตัวช่วยมาปรับสภาพผิวแก้วแบบเร่งด่วนเวอร์ๆ ไปค่ะ Foundation และ Concealer ลูกแม่ ~
แก้วเลือกใช้ Foundation เป็น L’OREAL True Match Liquid Foundation SPF16 PA++ ค่ะ
ส่วนตัวแก้วเป็นคนผิวสีขาว แต่มีอันเดอร์โทนเหลืองนิดๆ ก็เลยเลือกสี G1 มาค่ะ ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่BA L’OREAL ของ Watsons สาขา Central Rama 9 มากค่ะ ที่มาช่วยดูผิว และช่วยเลือกให้แก้วอีกรอบ
รองพื้นตัวนี้บางเบา เกลี่ยง่าย และให้ความรู้สึกไม่หนักหนา ตรงตามที่แก้วต้องการค่ะ สามารถปรับผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นได้ แต่ไม่ดูโบ๊ะ คุมมันได้เล็กน้อยค่ะ แต่ถ้าไม่ใช้เครื่องสำอางตัวอื่นมาเสริมทัพ ก็คงเอาทั้งวันไม่อยู่เหมือนกันค่ะ
ส่วนเรื่องระดับความปกปิด เจ้าตัวนี้ยังปกปิดได้ไม่เนียนกริบค่ะ ยังเห็นรอยสิวอยู่เยอะเลย แต่ถ้าเป็นบริเวณที่สีจางอยู่แล้ว ก็เอาอยู่ค่ะ
ซึ่งแก้วขอขอบคุณพี่ๆ BA จากเคาน์เตอร์ MAC สาขา Terminal 21 มากมากกก ค่ะ ที่ช่วยเลือกเจ้าตัวนี้มาให้ และมาช่วยดูสีผิว ดูสภาพผิว และทนฟังคีย์เวิร์ดแก้วว่า “รับปริญญา” “หนูไม่อยากหน้ามัน” “หนูอยากหน้าเนียนเนียบกริบค่ะพี่”
ขอรีวิวเลยค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองคอนซีลเลอร์ตัวนี้ -- แก้วนำเสนอมากค่ะ เพราะมันกลบปกปิดรอยสิว รอยแพนด้า ดีมากกกกก เนื้อสัมผัสหนืดเล็กน้อยมากๆ (แทบจะไม่หนืดเลยเหอะ) ทาแล้วเบาหน้าค่ะ ไม่หนักหน้าเลย แล้วดูใกล้ๆก็ไม่รู้สึกว่าหน้าถูกโบ๊ะ ที่สำคัญคือ อึดติดทนทาน และคุมมันดีเวอร์ ~~~ ตลอดการรับปริญญา แก้วหน้าไม่มันเลยเจ้าค่ะ
ข้อเสียอย่างเดียวของตัวนี้ก็คือฝากดค่ะ กดทีนึง ออกมาเป็นพรื๊ดเลย เง้อออ~ ไม่ต้องพุ่งออกมาเยอะขนาดนั้นก็ได้
โดยสรุป แก้วใช้รองพื้นกับคอนซีลเลอร์ 2 ตัวนี้แล้ว พอใจมากกก ไม่หนักหน้า หน้าไม่มันย่อง และหน้าไม่แตกระหว่างวันค่ะ ทั้งๆที่อากาศในวันที่รับปริญญานั้นเพี้ยนมาก ตอนแรกฝนตกละออง (ใจเสียแล้วค่ะ นึกว่าอดถ่ายรูปแล้ว) สักพักกลายเป็นแดดออก แล้วอากาศก็กลายมาเป็นอภิมหาร้อนมากก -- ลืมบอกค่ะ มหาวิทยาลัยแก้ว (สงขลานครินทร์) อยู่ภาคใต้ค่ะ ความร้อนแดนใต้นี่คือที่สุดจริงๆ เชื่อว่าตอกไข่ลงบนหลังคารถ ไข่คงสุกค่ะ -- สรุปคือแก้วแนะนำใช้ 2 ไอเท็มนี้ รับศึกรับปริญญาได้ค่ะ
ต่อมาที่อยากจะแนะนำก็คือ Lip balm ค่ะปกติแก้วลง Balm บำรุงริมฝึปากก็แต่งหน้าสัก 2 รอบ เพื่อที่ว่าริมฝีปากจะได้ไม่แห้งค่ะ แต่เพราะเรารู้ทันอากศบ้านเกิด (ว่าร้อนชัวล์ๆ) ก็เลยทาไปเลยค่ะ 3-4 รอบแก้วแนะนำให้ลองแบรนด์ Lovellaorganic ค่ะแก้วชอบมากกก เพราะลิปนี้ทำจากออร์แกนิคทั้งหมด กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ ดมแล้วชิลๆก่อนแต่งหน้า(ตอนตี2ตี3) นอกจากบำรุงให้ริมฝีปากนุ่มแล้ว ยังช่วยให้ริมฝีปากหายคล้ำด้วยนะคะ
หลังจากนั้นแก้วยังไม่ลงแป้งค่ะ เพราะแก้วอยากที่จะลงสีแก้มของตัวเองก่อน ซึ่งแก้วจะใช้สีจากลิปสติก และบลัชออนคู่กันค่ะ
วิธีลงสีแก้มหลังจากลงรองพื้นเสร็จ แก้วว่ามันช่วยให้ติดทนได้นานกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ ก็เลยชอบเอาทริคนี้มาใช้เวลาต้องแต่งหน้าไปงานที่ต้องอยู่นานๆ (งานแต่ง งานบายเนียร์ อะไรแบบนี้~)
แก้วเลือกสีโทนชมพูติดส้มนิดๆมาใช้ค่ะ เพราะทดลองแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอันเดอร์โทน neutral (กลางๆ) ไม่โทน warm หรือ cool พอใช้สีโทนๆนี้ แล้วดูเข้ากับผิวที่สุดค่ะ
เลือกใช้สีจากลิปสติกของ Revlon Matte Color สี Honey bee pink ค่ะ
เริ่มต้นจากใช้นิ้วแตะๆสีลิปสติกตัวนี้เล็กน้อย ระวังอย่าหนักมือไป เพราะสีตัวนี้ค่อนข้างสด เพราะฉะนั้นใช้ไม่ต้องเยอะค่ะ จากนั้นก็ลงที่บริเวณโหนกแก้มได้เลย ซึ่งตอนแต้มสีลง พยายามให้เป็นลักษณะวงกลมเข้าไว้ค่ะ เพราะแก้วต้องการให้สีเด่นๆ มีลักษณะเป็นวงกลมจากโหนกแก้มบริเวณแถวๆกึ่งกลางดวงตา จากนั้นค่อยกระจายสีให้อ่อนลงเป็นรัศมีวงกลมค่ะ จะได้ดูใสๆ น่ารักๆ
จากนั้นก็ลงแป้งฝุ่น (แก้วใช้ของBen Nye)และแป้งอัดแข็ง (แก้วใช้ Cezanne) ตามลำดับค่ะระวังไม่ให้หน้าวอกกันด้วยนะค้า
ต่อด้วยบลัชออนสีส้ม ซึ่งแก้วใช้ของOriental Princess : Individualist Velvet Cheek Colours สี 09 ค่ะสีนี้แก้วใช้นิดเดียวค่ะ ระวังหนักมือ เพราะสีจะติดเยอะกว่าที่คิดค่ะ เช่นเดียวกับข้างต้นค่ะ พยายามลงแปลงให้เป็นลักษณะวงกลมไปเรื่อยๆ
งานแก้มจบไป จากนั้นงานแต่งตาก็มาค่ะ
แก้วไม่เน้นคอนทัวล์หน้าแรงนะคะ เพราะอยากเอาใสๆเข้าว่า แต่เพราะหน้าหมวยมาก จะไม่คอนทัวล์เลยก็คงท้าทายเกินไป เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วหาตาหาจมูกตัวเองไม่เจอ
แก้วใช้อายแชโดว์Maybelline รุ่นThe Blushed Nudes Palette ค่ะ สีสวย แต่ติดไม่แรงนะคะ ต้องขยันลงเยอะนิดนึง
เลือกสีทองทาเปลือกตาให้ทั่วค่ะ จะได้ดูผ่องขึ้นมา ไม่แพนด้าเกิน
ลงสีน้ำตาลบริเวณเบ้าตาเล็กน้อย ให้ดูมีมิติขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ และปัดขอบตาล่างอีกนิดนึง เวลาถ่ายรูปสีจะได้ดูมีมิติขึ้นค่ะ
จากนั้นงานริมฝีปากค่ะอย่างที่บอกไปค่ะ ว่าแก้วลง lip balm ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก่อนจะลงลิปอีกครั้งจริงๆ แก้วจะลง lip balm อีกรอบค่ะจากนั้นมาเลือกสีลิปกันเถอะะะะะะ
แก้วเลือกสีโทนชมพู(สีMi Amor) ผสมกับสีโทนส้ม (สีTainyed/corrompu) ค่ะลงสีส้มไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นก็ลงสีชมพูไปค่ะ
จุ้บๆ เสร็จแล้ววว ปากสีจัมปู ~
เสร็จแล้วค่ะ ง่ายเนอะ แม่เจ้า ฮ่าาาา
แต่งหน้านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์เกาหลี ซึ่งมันอยู่ติดทนนานทั้งงานค่ะ จบงานรับปริญญาตอน 5 ทุ่ม หน้ายังดูสดชื่น ไม่หมอง ไม่ล้า ไม่โบ๊ะ เลยค่ะ
ขอบคุณมากกกค่ะที่แวะมาอ่านกระทู้แก้วไว้เจอกันใหม่ค้า