6 ข้อต้องรู้ หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมยังไง ไม่ให้ราคาตก

สวัสดีค่ะ แก็งค์ “นักสืบดอกจัน” กลับมาอีกแล้ววว หลังจากครั้งที่แล้วเราพูดถึงเทคนิคช็อปกระเป๋าแบรนด์เนมมือ 2 “หิ้วก็เริ่ดขายก็ได้กำไรงาม” กันไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ใช้ข้อมูลที่เราไปสืบเสาะมาให้ไปหลอกล่อแฟน เอ้ยย!!  ไปบอกคนที่คุณรักให้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้สำเร็จรึเปล่าน้า

ถ้าแค่นั้นยังจูงใจคุณแฟนได้ไม่หนักแน่นพอ แนะนำให้เปิดคลิปนี้ จากมุมของ 2 อาจารย์จุฬาฯ อ.ดร.รุ่งเกียรติ รัตนบานชื่น และ อ.ดร.คณิสร์ แสงโชติ ภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พูดถึงการลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนม (ในมุมของนักวิชาการ) โดยเฉพาะถ้าได้เห็นกราฟราคากระเป๋า Chanel รับรองว่า จะช่วยเพิ่มความน่าลงทุนของกระเป๋าแบรนด์เนมได้อีกเยอะ

เอาล่ะค่ะ ... สมมุติว่าสาวๆ มีกระเป๋าแบรนด์เนมไว้ครอบครองกันแล้วทุกคน ครั้งนี้ แก๊งค์นักสืบดอกจัน ก็มีเทคนิครักษากระเป๋าแบรนด์เนม “หิ้วยังไงไม่ให้ราคาตก” มาฝากกันอีกรอบค่า รอบนี้ได้เคล็ดลับดีๆ จากกูรูกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองอย่าง “พี่นพ” และ “พี่โน๊ต” 2 พี่น้องแห่งร้าน BRANDBESURE สยามสแควร์ ซอย 9 เช่นเคยค่ะพร้อมรึยังคะ ป่ะ..เริ่ม!!

1. ประเมินตัวเองก่อนเลือกรุ่นกระเป๋า 

ใช่แล้วค่ะ เพราะเวลาไปขายต่อทางร้านที่รับซื้อจะเช็คกระเป๋าของเราว่า มีรอยขีดขวด ด่างดำ ทรวดทรงเป็นอย่างไร ผ่านสมรภูมิรบมาขนาดไหน ดังนั้น การเลือกกระเป๋ารุ่นที่มีความทนทานเหมาะสมกับการใช้งานของเราดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างกระเป๋ารุ่นที่ทำจากหนักแกะ แม้จะให้ความรู้สึกนุ่ม ละมุนมือ และหรูหรา แต่มันอ่อนไหวง่ายมากเมื่อเทียบกับหนังวัว จึงไม่เหมาะกับสาวสายโก๊ะ ชอบเดินชนขอบโต๊ะเท่าไรนัก  สำหรับขีดสุดของความคงทนต่อรอยขวนคงจะหนีไม่พ้น หนังคาเวียร์ ของ CHANEL Boy Bag ซึ่งหนังคาเวียร์ที่ว่านี้เป็นหนังวัวพิมพ์ลายเป็นจุดๆ เหมือนไข่ปลา ทำให้กระเป๋าเป็นรอยยากและมีความแข็งกว่ากระเป๋าหนังวัวทั่วไป  

2. สีกระเป๋าก็สำคัญ เรื่องสีกระเป๋า ใครๆ ก็เดาออกใช่ไหมคะว่ากระเป๋าสีอ่อนจะเลอะง่าย กระเป๋าเข้มเลอะยาก จุดนี้แนะนำให้ดูความต้องการของเราด้วยว่า จริงๆ แล้วเราอยากได้สีอะไร passion ของเราคืออะไร ไม่อย่างนั้นบรรดาแบรนด์เนมทั้งหลายจะออกคอลเลคชั่นหลากสีมาทำไมกัน จริงมั้ยคะคุณ

3. รู้ยัง ... กระเป๋าแบรนด์เนมโดนฝนได้ !เดี๋ยวก่อนค่ะ!! ไม่ใช่เอากระเป๋าขึ้นมาบังฝนขนาดนั้น แต่กระเป๋าของเราสามารถทนต่อละอองน้ำจากหลังคาตึกได้ หากเพื่อนๆ  นำไปเข้ากระบวนการทำนาโนราคาประมาณ 3,000-4,000 บาท หรือฉีดสเปรย์ป้องกันน้ำให้กับกระเป๋าอย่างต่อเนื่อง หรือจะลองใช้สเปรย์กันน้ำที่พ่นรองเท้าผู้ชาย ขวดละแค่ 200-300 บาท แต่วิธีนี้แก๊งค์นักสืบดอกจันเองก็ยังไม่กล้าเท่าไรนะคะ ฝนตกทีไรเอาถุงพลาสติกห่อกระเป๋าไว้ทุกที ก็ของมันแพงนี่นา... 

4. หิ้วยังไงไม่ให้หูกระเป๋าเปลี่ยนสีสาวกหลุยส์ วิตตอง ฟังทางนี้ค่ะ พี่นพและพี่โน้ตบอกว่าหนังประเภทคาวไฮน์ (สีขาวนวล) ใช้อย่างไรก็ต้องเปลี่ยนสี เพราะเป็นหนังวัวที่ผ่านการฟอกสีจนซีด ช้ำมือและอ่อนไหวง่ายกว่ารุ่นหนังวัวที่ผ่านการเคลือบสีแบบสายของ Neverfull ส่วนการถักไหมพรมล้อมหูกระเป๋าไว้นั้น ขอย้ำว่าให้ถักไปจนถึงจุดเชื่อมต่อของหนังคาวไฮน์ที่เชื่อมกับตัวกระเป๋าด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้นตอนถอดผ้าคลุมออกมา หูกระเป๋าขาววิ๊ง แต่หนังเชื่อมกระเป๋าเปลี่ยนสีไปแล้วจะไม่น่ามองเข้าไปใหญ่ และต้องระวังเครื่องสำอางเปรอะหูกระเป๋าด้วยนะคะ  

5. มีซองกันชื้นรึยังจ๊ะ กลับมาจากปาร์ตี้ หรือเพิ่งเลิกงาน ก็อย่ายัดกระเป๋าใบเก่งเข้าตู้อย่างเดียวนะคะ เราต้องตรวจเช็ค ทำความสะอาดกันก่อน และต้องแน่ใจว่าในกระเป๋าหรือตู้นั้นมีซองกันชื้นรออยู่แล้ว เพราะซองกันชื้นจะช่วยกันไม่ให้กระเป๋าหนังสองใบดูดและติดกันจนต้องดึงออกดังแควก! หนังหลุดเป็นแผ่นๆ ไงล่ะคะ  นอกจากนี้ ควรนำกระดาษใส่ในกระเป๋าเพื่อรักษาทรงไว้ด้วย และอย่าวางกระเป๋าทับกันนะคะ จะทำให้เสียรูปทรงและเป็นรอย  เพราะแค่รอยกดเล็กน้อยก็ทำให้กระเป๋าเสียราคาแล้วนะจ๊ะ 

6. พากระเป๋าออกมาหายใจบ้าง ที่สำคัญคืออย่าเก็บไว้ในตู้ที่ปิดตลอดเพราะจะมีกลิ่น ควรเปิดตู้ให้แอร์เข้าถึงบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วของแบรนด์แนมจำพวกกระเป๋าหรือรองเท้าควรเอาออกมาใช้งานบ้าง  ถ้ากรณีที่หนังกระเป๋าเยินมากแล้ว เพื่อนๆ จะสปาก็ได้นะคะแต่เวลาขายก็อาจไม่ได้ราคาที่ดี ทางพี่นพและพี่โน้ตแนะนำให้ถือมาขายต่อ นำเงินที่ได้ไปซื้อใบใหม่แทนเลยดีกว่าเยอะ ซึ่งกูรูของเราก็แอบแนะนำว่าให้ขายต่อหรือซื้อกระเป๋ากับร้านที่ไว้ใจได้ จ่ายเงินต้องได้ของ ขายของต้องได้เงินตามตกลง   

หากทำได้ตามนี้ รับรองว่าตอนขายต่อเพื่อนๆ จะมีรอยยิ้มแน่นอนค่ะ แม้ราคาขายต่ออาจไม่ได้สูงกว่าราคาที่ซื้อมา แต่ถ้าเทียบกับการใช้งาน ก็คุ้มแล้วใช่มั้ยล่ะคะ