Proud2bMom ตอน...เมื่อชั้นต้องเข้าห้องคลอด ตอน27วีค

12 5

   พอเข้าวีคที่ 27 (2/8/16) มิ้นก็เจอกับอาการแท้งคุกคามอีกครั้ง

ตอนเช้าช่วง8โมง มิ้นเข้าห้องน้ำ แล้วมีเลือดติดออกมากับทิชชู แต่เช็ดแล้วก็หาย มิ้นเลยยังไม่กังวลมาก

พอ 11 โมง มีออกมาอีกเหมือนตอน 8โมง ทีนี้เริ่มกังวลละ เอางัยดี พรุ่งนี้ก็ต้องไปตามหมอนัดแล้ว เจ้านายก็ไล่ให้กลับบ้านไปหาหมอ ระหว่างนี้มิ้นก็สังเกตอาการไปด้วย มันเริ่มแปลกๆ เริ่มปวดหน่วงๆ ท้องแข็งเป็นระยะๆ สุดท้ายตอนทุ่มนึง เลือดมาไม่หยุดละทีนี้ เล่าให้เพื่อนที่อยู่ด้วยฟัง เพื่อนบอกอาการเหมือนจะคลอดเลย รีบไปศิริราชกันดีกว่า ก็เลยรีบไปรพ.กันค่ะ แล้ววันนั้นรถติดสุดๆกว่าจะถึงรพ.เกือบ3ทุ่ม

   พอไปถึงพี่พยาบาลให้นั่งรถเข็นเลยค่ะ มิ้นไปเจอกับสามีที่รพ. ให้เค้าเข้าไปเอาแฟ้มประวัติฝากครรภ์มาให้ด้วย ยื่นบัตรเสร็จเจนท.ก็เข็นรถไปรอที่หน้าห้องคัดกรองค่ะ

   สิ่งที่เห็นจนชินตาโดยเฉพาะรพ.รัฐ คือคนไข้จะเยอะมากๆ เยอะจนล้น ไม่มีที่นอน แต่ทุกคนก็ต้องรอเพราะทุกคนก็มาด้วยอาการเจ็บป่วยทุกคน และอยากได้รับการรักษาที่เร็วที่สุด ของมิ้นๆก็คิดว่าของมิ้นด่วน แต่มองไปรอบๆเค้าก็คงด่วนเหมือนกัน ทุกคนรอคอยเหมือนกัน เช่นเดียวกับ หมอ พยาบาล จนท. มิ้นไม่เห็นใครได้อยู่นิ่งเลย หมอก็มุดเข้าเตียงนั้น ออกเตียงนี้ พยาบาลก็เดินคอยสอบถามอาการ วัดไข้วัดความดัน ตามรายทางที่เรามานั่งรอ เห็นพักนี้มีดราม่าเยอะเหลือเกิน จึงอยากเปิดใจให้กว้างค่ะ ทุกคนมีหน้าที่ๆต้องทำ และทุกคนอยากได้รับการรักษาเหมือนกัน

   หลังจากที่รอมาประมาณนึง มิ้นถือว่าไม่นานอย่างที่คิดไว้ มิ้นก็ได้พบคุณหมอที่ห้องคัดกรอง สอบถามอาการต่างๆ สิ่งสำคัญที่มิ้นทำทุกครั้ง มิ้นจะบันทึกอาการของตัวเอง ว่าเลือดออกตอนกี่โมง กี่ครั้ง มากน้อยแค่ไหน อย่างเลือดนี่ มิ้นถ่ายรูปไว้ด้วยค่ะ หมอจะวิเคราะห์ง่ายขึ้นค่ะ เพราะคำว่าเยอะของเรากับของหมอไม่เท่ากันนะคะ พอเราให้รายละเอียดกับหมอได้ละเอียด หมอก็จะประเมินได้ง่ายขึ้น ไม่นานนักมิ้นก็ได้ส่งตัวไปที่แผนกสูตินารีเวช

   ตอนแรกก้อนึกว่าจะไปที่แผนกสูติฯชั้น3 แต่เอ๊ะทำไมเข็นมิ้นมาที่ตึก100ปี มืดก็มืด ดูวังเวงมาก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จำได้แค่ว่ากดลิฟท์ไปที่ชั้น4 ออกมาเท่านั้นแหล่ะ เงยหน้าขึ้นไป ใจหายแวป หน้าห้องเขียนว่า "ห้องคลอด" คิดในใจเฮ้ยเอาจริงเหรอเนี่ย หันไปมองหน้าสามี นั่นก้อหน้าเสียไม่แพ้กัน ก็ได้แต่ลูบท้องบอกไข่น้อยว่าอย่าเพิ่งนะลูก ออกมาตอนนี้จะไม่ปลอดภัยนะ อดทนไปกับมี๊ก่อน

   พอเข้าไปในห้องพยาบาลให้ใส่เสื้อคลุมเขียว เปลี่ยนรองเท้า ไปนอนรอหมอบนเตียง ซักพักหมอก็มา2คน น่าจะเป็นหมอเรียนเฉพาะทางกับหมอที่จบแล้วอ่ะค่ะ มาสอบถามอาการ มิ้นก็เล่าและเอารูปให้ดูเหมือนตอนที่อยู่ห้องคัดกรอง จากนั้นหมอก็เอาที่ตรวจเป็นเข็มขัดรัดที่หน้าท้อง เพื่อฟังหัวใจของเบบี๋ การบีบตัวของมดลูก และการดิ้นของเบบี๋ ตอนที่ฟังเสียงหัวใจ ได้ยินหมอบอกว่าเอ๊ะทำไมไม่ได้ยิน ใจมิ้นนี่หายวาบบบบบ รีบเคาะๆพุงเรียก น้องไข่ทำรัยอยู่ลูก คุณหมอไม่ได้ยินเสียงหัวใจหนู ถีบให้สัญญานมี๊หน่อย แปบนึงฮีก็ถีบค่ะ55 แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจ จากนั้นหมอให้นอนนิ่งๆเพื่อวัดการบีบตัวของมดลูกประมาณ30นาที อ่ะนอนปายยยยยย จนได้เวลา หมอก็มาเชคว่ามดลูกไม่บีบตัว และเพื่อความแน่ใจหมอก็วัดด้วยมือหมอเองอีกรอบนึงค่ะ หมอ2คนเอามือมาแตะพุงมิ้นคนละข้าง ดูแล้วเหมือนหมอจะถ่ายทอดพลังอะไรให้ซักอย่าง 5555 ไม่นานหมอก็บอกว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะคะ แต่หมอขอตรวจปากมดลูกเพิ่มอีกอย่างว่าปากมดลูกเปิดไหมเพื่อความปลอดภัย สรุปปากมดลูกก็ยังไม่เปิดค่ะ สบายใจได้

   ทีนี้จริงๆหมออยากให้อยู่ดูอาการแต่เนื่องจากบ้านมิ้นอยู่ไม่ไกล และไม่มีอะไรน่าห่วงเลยให้กลับบ้านแล้วนัดดูอาการวันรุ่งขึ้นค่ะ ประทับใจการดูแลของที่นี่มากๆตั้งแต่เดินเข้ามาเลย ยิ่งคุณหมอนี่ตรวจละเอียดมากๆค่ะ อยากจะขอบคุณคุณหมอมากๆที่ดูแลดีทั้งๆที่ดึกแล้ว แล้วคนไข้ก็เยอะด้วย

   เช้าตื่นมาตามนัด แต่เหมือนจะวูบๆเพราะเมื่อคืนกว่าจะถึงบ้านก้อเกือบตี1 แล้ว ไหนๆวันนี้ก็มีนัดกับอาจารย์จปรัฐที่คลีนิคแล้ว เลยขอนอนต่อดีกว่า ไปรพ. ไม่ไหวแน่ๆ (นิสัยไม่ดีจริงๆเชียว)

   5โมงเย็น มิ้นก็ไปหาอ.จปรัฐตามนัดที่คลีนิค ก็ฉายหนังให้อาจารย์ฟังอีกรอบ555 อาจารย์บอกว่า ที่ต้องเข็นไปห้องคลอดเพราะว่า ดึกๆ หมอสูติฯจะต้องแสตนบายอยู่ห้องนั้น ใครมีอะไรฉุกเฉินไปห้องคลอดนั้นได้เลย แหม่ เมื่อคืนก็ทำเอาคุณสามีหน้าซีดไปด้วยเลย ฮีบอกว่าระหว่างที่เราอยู่ในห้องก็มีเสียงคุณแม่ร้อง ฮีก็ใจไม่ดี นึกว่าเป็นเสียงเราคลอดเพราะเราหายไปเป็นชม. (แต่จะว่าไปตอนเราอยู่ในห้องเราไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยอ่ะ - -")

   อ่ะ มาถึงการตรวจของอาจารย์นะคะ จากภาพซาวน์จะเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าไข่น้อย นอนกลัวหัวลงมาจ่ออยู่ปากช่องคลอดแล้ว ห่างกันนิสสสเดียวเอง คุยกันถึงสาเหตุ น่าจะมาจากการที่มิ้นขับรถมาทำงานเองเป็นะระยะทางไกล และรถติดด้วย ทำให้กเิดการเกร็งและบีบตัวของมดลูกขึ้น ดันให้เจ้าไข่น้อยอยู่ต่ำลงไปอีก ดังนั้นคุรหมอสั่งห้ามมิ้นขับรถเด็ดขาดค่ะ แล้วขอให้นอนนิ่งๆติดเตียงอย่างน้อย 1 อาทิตย์ แล้วอาทิตย์หน้ามาติดตามผลว่าเจ้าไข่น้อยจะเปลี่ยนท่านอนไหม ถ้ายังไม่เปลี่ยนต้องนอนนิ่งๆต่อไปค่ะ เพราะถ้ายังขยับ จะไปทำให้หัวของไข่น้อยลงมาโดนปากมดลูก ทำให้เลือดออก และกระตุ้นให้ปากมดลูกเปิดค่ะ

   จริงๆคุณหมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อมาด้วย เพื่อไม่ให้มดลูกบีบตัว แต่จะกินได้ถึงอายุครรภ์ประมาณ31วีค เนื่องจากพอวีคที่ 32 ร่างกายของลูกจะเริ่มทำการสร้างชั้นเนื้อปิดพวกหัวใจให้สนิทค่ะ ถ้ายังกินยานี้อยู่มันจะไปทำให้กล้ามเนื้อคลายและไม่ปิดค่ะ พอกลับถึงบ้าน มิ้นนึกถึงแอฟเฟคที่จะเกิดกับลูก มิ้นเลยเลือกที่จะไม่กินยาค่ะ ยอมนอนนิ่งๆไม่ดื้อค่ะ แล้วไปลุ้นเอาสัปดาห์หน้าว่าะเป็นยังไงค่ะ

Update 28weeks วันนัดสัปดาห์ต่อมา

น้องไข่เป็นเด็กตลก

วันนี้คุณลุงหมอบอกว่าวันนี้เปลี่ยนท่านอนแล้วขอดูหน้าชัดๆหน่อยนะ ฮีเอามือขึ้นมาปิดหน้าไว้ พอหมอไล่แกล้งมากๆ ฮีคว่ำหน้าลงเลยจ้า โชว์กระดูกสันหลังให้ลุงหมอนับเล่นซะงั้น5555 ลู๊กกกก~~~~~ มันกวนได้ใครเนี้ยยยย

ปล.น้องไข่หนัก1,300กรัมแล้วครับ

   มิ้นคิดว่าตัวเองคิดถูกมาที่ไม่กินยา ยอมนอนนิ่งๆแทน เพื่อหลีกเลี่ยงแอฟฟเ็กจากยา แล้วลูกก็เปลี่ยนท่านอนจริงๆค่ะ และสิ่งที่ยังคงทำเคร่งครัดเลย คือไม่ขับรถเลยค่ะเพื่อความปลอดภัย เกิดเจ้าไข่น้อยเปลี่ยนท่านอนอีก คราวนี้อาจจะแย่จริงๆก็ได้ค่ะ เตือนแม่ๆไว้ด้วยนะคะ เดินเยอะ ขับรถ ขึ้นลงบันไดนี่มีผลจริงๆ ทั้งที่มิ้นมีรกเกาะสูงปกติ มดลูกตำแหน่งยังเกิดภาวะแท้งคุกคามนี้ได้เลย

   สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ คุณหมอ พยาบาล จนท. ของรพ.ศิริราชทุกคนเลยนะคะ ที่ดูแลมิ้นเป็นอย่างดี ขอบคุณจริงๆค่ะ

   ขอบคุณเพื่อนเตี้ย เพื่อนแยม ที่พาหอบหิ้วไปส่งที่รพ.

   หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ติดตามรีวิวอื่นๆในการทำIVFของมิ้นได้ที่เพจProud2bMomทางfacebookได้แล้วนะคะ

https://www.facebook.com/Proud-2b-Mom-134400227135200/


Proud2bMom

Proud2bMom

https://www.facebook.com/Proud-2b-Mom-134400227135200/

FULL PROFILE