"แบกท้องท่องโตเกียว" ไปกันเองไม่ง้อทัวร์ 6คืน7วัน งบ 3หมื่นนิดๆ (Part1)

อัพเดทๆ อ่าน Part2 ได้ตามลิ้งค์ข้างล่างเลยนะคะ"แบกท้องท่องโตเกียว" ไปกันเองไม่ง้อทัวร์ 6คืน7วัน งบ 3หมื่นนิดๆ (Part2)

รีวิวเที่ยวโตเกียว(ประเทศญี่ปุ่น) #รูปเยอะมากกกก และเป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของอิชั้น และเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องด้วย(อายุครรภ์27 weeks) เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ท้าทายและตื่นเต้นมาก ปวดขามากกก เพราะไปตปท.ครั้งแรก ก็หอบลูกในท้องไปด้วย 555 แล้วก็ไปกันเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์อะไรทั้งนั้น เพราะอยากเรียนรู้ว่ารถไฟใต้ดินบ้านเค้าเป็นยังไง ขึ้นลงยังไง ต่อรถยังไง โดยอาศัยการศึกษาจากกระทู้คนอื่นบ้าง หาข้อมูลในเน็ตเยอะๆ จนได้ข้อมูลมากพอที่จะพากันไปเที่ยว และหากรีวิวนี้มีข้อมูลผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยเด้อ

แผนเที่ยว

31/5/60 >> เดินทาง,เข้าที่พัก

1/6/60 >> ตลาดปลา Tsukiji, Odaiba

2/6/60 >> Tokyo Tower, Harajuku

3/6/60 >> Yokohama, Shibuya

4/6/60 >> Shinjuku

5/6/60 >> เก็บตก อยากไปย่านไหนก็ไป ส่วนเราไป Tsukiji กับ Shibuya อีกรอบ

6/6/60 >> เดินทางกลับ

ค่าใช้จ่ายต่อคน

- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับรวมโหลด 20 kg. = 10,750 บาท

- ค่าโรงแรม 6 คืน 13,000 บาท (เฉลี่ยคืนละ 2,166 บาท)

// ราคาแต่ละคืนไม่เท่ากัน บางคืนพันกว่าบางคืนสามพัน

ค่าตั๋วรถไฟทั้งทริป

- ตั๋วรถไฟ Keisei Skyliner ไปกลับสนามบินนาริตะ + ตั๋ว Tokyo metro 72 hr. (สำหรับเที่ยว3วันแรก)1662บาท 5400เยน

- ตั๋ว Tokyo metro 48 hr. (สำหรับเที่ยว 2 วันก่อนกลับ) 370บาท 1,200 เยน

- ตั๋ว Tokyo metro จากสถานี Tawaramachi >> Ueno 52 บาท 170 เยน (สำหรับออกจากสถานีที่ใกล้โรงแรม ไปยังสถานี Ueno เพื่อจะต่อรถไฟ Keisei Skyliner ไปยังสนามบินวันกลับ)

- วันที่ 1/6/60 ตั๋ว Yurikamome line One Day Pass ไปโอไดบะ 252 บาท 820เยน

- วันที่ 2/6/60 ตั๋ว JR Yamanote Line จากสถานี Shibuya ไปลงสถานี Harajuku เที่ยวละ 43 บาท (140เยน) ไปกลับ 86 บาท (280เยน)

- วันที่ 3/6/60

ขาไป >> ตั๋ว Tokyu-Toyoko Line ไป Yokohama Station 270 เยน (83บาท) + ตั๋ว JR Keihintohoku Line >> Yokohama Line เพื่อไป Shin-Yokohama Raumen Museum 170 เยน (52บาท) ***ค่ารถขาไป = 270เยน+170เยน= 440 เยน (136บาท)

ขากลับ >> ตั๋ว JR Yokohama Line 170 เยน (52บาท) + ตั๋ว Tokyu-Toyoko Line ไป Shibuya Station 270 เยน(83บาท) ค่ารถขากลับ=170เยน+270เยน = 440 เยน (136บาท)

ไปกลับ 136+136 = 272 บาท

ค่าเข้าชมสถานที่

- พิพิธภัณฑ์ราเมน Shin-Yokohama Raumen Museum ผู้ใหญ่ 310 เยน (96บาท) เด็ก 100 เยน (31บาท)

- Tokyo Tower ผู้ใหญ่ 900 เยน (279บาท) เด็ก 500 เยน (155บาท)

ค่ากิน

- มื้อเช้า ส่วนใหญ่จะซื้อขนมปังกับนมมาไว้ตั้งแต่เย็น กินบ้างไม่กินบ้าง

- มื้อกลางวัน กินบ้างไม่กินบ้าง (อีกละ) แต่ถ้าวันไหนไม่ได้กินมื้อเช้า ก็จำเป็นต้องกินมื้อกลางวันนะและถ้าวันไหนออกไปเที่ยวย่านที่มีร้านอาหารที่อยากลองชิม ราคาก็จะสูงหน่อย แต่ก็ไม่ได้กินทุกวัน

- มื้อเย็น ส่วนใหญ่จะกินร้านข้าวหน้าเนื้อแถวๆโรงแรม ราคากับข้าวแต่ละมื้อ ประมาณ 500 เยน up (154 บาท)

(เราว่าค่ากินมันไม่ตายตัวนะ เพราะแต่ละคนกินไม่เท่ากัน หิวไม่เท่ากัน เอาเป็นว่าถ้าจะให้ประหยัด ก็ต้องเข้า 7-11 หรือ Family Mart เพราะจะมีข้าวกล่อง กับมาม่าแล้วก็ขนมเยอะแยะให้เลือกซื้อในราคาที่ไม่สูงมาก ถ้าจะให้เข้าใจง่าย คิดค่ากินไปเลยมื้อละ 150-200 บาท จะถูกหรือแพงกว่านี้ก็แล้วแต่คนเนอะ)

7 วัน วันละ 3 มื้อ = 3,150 – 4,200 บาท

ค่าใช้จ่ายส่วนตัว+ค่าของฝาก

ในส่วนนี้ขอไม่นับแล้วกันนะคะ เพราะแต่ละคนมีความต้องการไม่เท่ากันแน่นอน

สรุป ค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ที่ ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่ารถไฟ+ค่าโรงแรม 26,444+

+ค่าเข้าชมสถานที่ 375+ ค่ากิน 4,200 = 31,019 บาท

ก่อนเดินทางก็ต้องแพ็คกระเป๋าก่อน ของที่เราเอาไปก็ไม่มีอะไรมาก ตามภาพเลย มีของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า รองเท้าก็ใส่ผ้าไปไปคู่เดียวพอจะได้ไม่เกะกะ (เลือกคู่ที่ใส่ดีๆ ซัพพอร์ตเท้าหน่อยนะเพราะเดินเยอะมาก ส้นสูง ส้นเข็ม รองเท้าแก้ว ควรพักก่อนนน ไม่งั้นมีตีนแตกแน่นอน เดี๋ยวจะหมดอารมณ์เที่ยวเอา) สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเสื้อคลุม+หมวกแก็ป+ครีมกันแดด เพราะต้องเดินเที่ยวทั้งวัน แดดร้อน ใครมีอ็อปชั่นเสริมเช่นแว่นตงแว่นตาก็เอาไปด้วยเพื่อความเก๋ อุปกรณ์ถ่ายภาพก็แล้วแต่สะดวกเลย ใช้มือถือถ่ายก็ได้ ใครมีกล้องก็เอาไป มีไม้เซลฟี่กับขาตั้งกล้องก็เอาไปด้วย ใครชอบถ่ายรูปหนักๆก็พกเมมสำรองไปด้วยเด้อ เผื่อเมมเต็ม หรือใครขยันแบกโน๊ตบุ๊คไปด้วยก็ตามสะดวก มีพาวเวอร์แบงก์จะพกไปด้วยก็ดี แต่เราไปซื้อเอาที่นู่น ส่วน Wifi จะไปรอใช้ Wifi ฟรีที่โรงแรมหรือตามสถานีรถไฟเอาก็ได้ ถ้าเน้นสะดวกก็ซื้อซิมสำหรับใช้ ตปท.ไปหรือจะเป็นพวก pocket wifi ก็ได้ (ของเราพ่วงเน็ตจากมือถือแฟนเอา ขี้เกียจเปลืองตังค์ซื้อ 555) (อย่าลืมพาสปอร์ต+ตังค์ด้วย 555) // ปล.สำหรับแม่ท้องจะพกหมอนรองคอ+เบาะรองเอวสำหรับคนที่มีอาการปวดหลังไปด้วยก็ดีนะ เพราะต้องใช้เวลาอยู่บนเครื่อง 6 ชม. แต่สำหรับคนที่ท้องแก่มากๆแนะนำให้รอตัวเล็กออกมาก่อนดีกว่าเนอะ ไปตะลอนๆแบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่ก็ให้รีบไปเที่ยวตั้งแต่เนิ่นๆขณะที่ยังเดินไหว (เวลาเดินเหินก็ระมัดระวังด้วยเด้อ) หกล้มขึ้นมาไม่คุ้ม ++ ส่วนใครอายุครรภ์เกิน 28 weeks ต้องพกใบรับรองแพทย์ของ รพ.หรือคลีนิกที่เราฝากครรภ์มาด้วยนะ ห้ามลืม (ของเรายังไม่ถึง 28 weeks แต่พกเผื่อไว้ แล้วก็ได้ใช้จริงๆที่สนามบินญี่ปุ่น จนท.เช็คอิน เค้าขอดูใบรับรองแพทย์ด้วย)

พอถึงวันเดินทาง ก็ไปสนามบินเลย เผื่อเวลาก่อนเช็คอินด้วยสัก 2-3 ชม. ใครบ้านไกลหรือรถติดก็ออกบ้านเร็วๆหน่อย ตกเครื่องมาเสียดายตังค์แย่ พอถึงสนามบินก็มองหาเคาท์เตอร์เช็คอิน จะมีป้ายบอกสนามบินปลายทางชัดเจน เดินดุ่มๆไปต่อคิว ชั่งน้ำหนักกระเป๋า+เช็คอินตามเสต็ป// สำหรับคนท้องให้แจ้ง จนท.ที่เคาท์เตอร์ด้วยนะคะ เค้าจะมีใบให้เซ็นรับรอง พร้อมยืนใบรับรองแพทย์
ผ่านเข้าไปใน ตม.จะมีใบให้เขียน ก็เขียนๆตามตัวอย่างได้เลย ไม่ยาก
ถึงเวลาก็ขึ้นเครื่องตามเสต็ป เครื่องออกซักพัก ลูกเรือจะแจกใบศุลกากร ให้กรอกตามตัวอย่างในคู่มือที่เหน็บอยู่ด้านหน้าที่นั่งได้เลย

คราวนี้ก็นั่งนอนๆหลับๆตดๆยาวๆเลย 6 ชม.นิดๆก็ใกล้ถึงนาริตะแล้วจร่ะ ก่อนเครื่องลงจอดก็ฟ้ามืดพอดี

ลงเครื่องก็เดินตามๆคนอื่นที่มาไฟลท์เดียวกันเพื่อไปผ่าน ตม.ญี่ปุ่น กับไปรับกระเป๋า >> ต่อแถวไปเรื่อยๆเพื่อผ่าน ตม. >> เสร็จแล้วก็ลงบันไดเลื่อนไปรับกระเป๋าที่สายพาน

ลงบันไดเลื่อนไปซื้อตั๋ว keisei skyliner เพื่อนั่งรถเข้าเมืองไปลงสถานี้ Ueno แล้วต่อรถไฟสาย Tokyo metro ไปลงสถานีใกล้โรงแรม (ในส่วนนี้ต้องซื้อตั๋ว 2 ชุด เพราะเราเที่ยวในเมือง 5 วัน ก็คือ - ตั๋วรถไฟ Keisei Skyliner ไปกลับสนามบินนาริตะ + ตั๋ว Tokyo metro 72 hr. (สำหรับเที่ยว3วันแรก) 1662บาท 5400เยน - ตั๋ว Tokyo metro 48 hr. (สำหรับเที่ยว 2 วันก่อนกลับ) 370บาท 1,200 เยน >> ตั๋ว Tokyo metro 48 hr.(และ 24 hr.,72 hr. ต้องซื้อแยกต่างหากที่เคาท์เตอร์ Keisei Bus ชั้นบนนะ ไม่ได้มีขายในนี้ เราจะซื้อตั๋วก่อนลงมาชั้นล่าง หรือจะกลับขึ้นไปซื้อก็ได้ >> หน้าตาของตั๋วแบบ 72 hr.(สีเขียว) 48 hr.(สีฟ้า)

ลงลิฟต์ไปชั้นใต้ดินเพื่อรอรถไฟเข้าเมือง >> บัตรขาเข้าเมืองและออกเมือง จะหน้าตาประมาณนี้ มีบอกวันเวลา เวลาออกจากสนามบิน เวลาถึงสถานี ปลายทาง (ซึ่งใช้เวลาเพียง41นาที ระยะทาง 70 km. เร็วมากกก) บอกหมายเลขโบกี้ บอกที่นั่ง >> ภายในรถไฟก็สะอาดสะอ้านดี มีรูปลั๊กไฟให้ชาร์ต มีทีเก็บสัมภาระ มีโต๊ะหน้าที่นั่งแบบพับเก็บได้ไว้วางของกินด้วย

พอถึงสถานี Ueno ก็ต่อรถไฟ Tokyo metro มาลงสถานีใกล้โรงแรม (สถานี Tawaramachi) เสร็จแล้วเดินออกสถานีไปก็มุ่งหน้าตรงไปยังโรงแรม ระหว่างทางเจอ 7-11 พอดีเลยขอแวะเข้าไปหาอะไรกินซักหน่อย

ข้างในก็มีข้าวกล่อง ขนม มาม่า ของกินอื่นๆเหมือนบ้านเรานี่แหละ >> มาม่าก็รสอะไรเป็นรสอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกอาศัยดูรูปประกอบเอา

วันนั้นก็เลยลองมาม่ารสแกงกะหรี่ไป ราคา 113 เยน หรือ 121 เยนนี่แหละ ประมาณ 37 บาท (แพงกว่าบ้านเราเยอะอยู่) รสชาติก็พอกินได้นะ เส้นอร่อยดี >> รสต้มยำกุ้งแบบไทยก็มีนะ ลองแล้วอร่อยดี เส้นเยอะ

ส่วนกับข้าวอื่นๆก็ราคาตามป้ายเลย (แอบแพงกว่าบ้านเราทุกอย่างนะ แต่ไม่ถือว่าแพงมาก เพราะกับข้าวมินิมาร์ทคือถูกกว่าข้างนอกสุดๆแล้ว) >> ข้าวกล่อง 200-300 กว่าเยน (ประมาณ62-90 กว่าบาท)

นมกล่องก็ราคาพอๆกับน้ำเปล่าเลย คือ 100 เยน up (ประมาณ 30 บาท)

ไอติม 130 เยนมั้ง (ประมาณ 40 บาท) ถ้าจำไม่ผิด รสชาติก็พอกินได้ >> น้ำแข็งใสแบบพร้อมทาน 150 กว่าเยนมั้ง (46 บาท) เห้ย! อันนี้ดีอะ หอมสตรอเบอรี่ หอมนมข้น ต้องให้

หลังจากเตร็ดเตร่ในเซเว่นเสร็จ เดินข้ามไฟแดงไปสักพักก็ถึงโรงแรมแล้ว >> เราพักอยู่ที่ Unizo Inn Asakusa ทั้งทริปเลย >> ใต้โรงแรมมีร้านอาหารด้วย (น่าจะเป็นร้านสเต็ก)

ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 เพื่อติดต่อ พนง. ยื่นเลขการจองผ่านแอปให้ดูเป็นอันเรียบร้อย เข้าพักได้เลย เพราะเราจ่ายตังค์ไปตั้งแต่ตอนจองแล้ว พนง.ก็พูดอิ้งได้ ไม่ยุ่งยากในขั้นตอนนี้ >> ชั้น 2 มีตู้น้ำหยอดเหรียญด้วย ราคาพอๆกับข้างนอก

ขึ้นไปห้อง ชั้น 10 เปิดประตูห้องแล้วแอบตกใจเล็กน้อย เพราะห้องแคบมาก เตียงก็เล็กมาก (ประมาณ3.5ฟุต) สำหรับราคาคืนละ 2 พันถือว่าแพงนิดหน่อยนะถ้าเทียบกับบ้านเรา โรงแรมแถวบ้านเรา 2 พันบาทนี่ได้นอนอย่างดีเลยแหละ แต่เอาวะ ดีกว่าไม่มีที่นอน // เออๆสำหรับใครที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก และไม่ซีเรียสเรื่องพักรวมกับคนอื่นก็ลองนอนโรงแรมแบบแคปซูลดูนะ คืนละ 500-800 บาทเอง ประหยัดตังค์ได้อีกเยอะ แต่สำหรับอิชั้น ขอเซย์บายก่อนจ้า แบกพุงขึ้นๆลงๆเตียงชั้นบนไม่ไหว >> เตียงเล็กมาก >> พอเอาของวางก็เหลือทางเดินแค่นี้ แคบจริงไรจริง >> มีทีวีด้วยนะ แต่มีช่องญี่ปุ่นล้วนๆ ดูไปก็ไม่รู้เรื่อง

ห้องน้ำก็มีอ่างสำหรับอาบน้ำเล็กๆ ถ้าขี้เกียจนอนอาบก็เข้าไปยืนอาบกับฝักบัวในนั้นแหละ >> มีตู้เย็นโง่ๆอันนึง

มีไดร์เป่าผม, หัวเตียงก็เป็นสวิตซ์ไฟทั้งห้อง,จะเปิดแอร์ปรับแอร์ก็ใช้มือหมุนๆเอาเหมือนหาคลื่นวิทยุ มีปุ่มตั้งเวลาปลุกด้วย (ล็อกเวลา 6.59 น.ปรับเวลาปลุกไม่ได้) >> มีกาน้ำร้อนพร้อมชา,กาแฟแบบซองให้ทุกวัน ****ปิดจ๊อบสำหรับวันแรก เดินทางมาถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ รีบอาบน้ำ นอนเก็บแรงไว้สำหรับลุยพรุ่งนี้****

1/6/60 ( part 1 )ตลาดปลา Tsukiji การเดินทาง >> Tokyo metro สาย Ginza Line ไปลงสถานี Ueno

จากนั้นเปลี่ยนสายไปนั่ง Hibiya Line เพื่อไปลงสถานี Tsukiji

เดินออกจากสถานี Tsukiji ก็ตรงมาที่ตลาดเลย
เราเลือกมาที่นี่ 2 วัน ตั้งแต่วันแรกทริปแรกและวันเก็บตกเพื่อมาซื้อปูนึ่งกลับบ้าน
ก่อนเข้าตลาดก็ขอเซลฟี่ซักหน่อย

จุดประสงค์ของวันนี้คือชิมปลาดิบ+กินปู >> ระหว่างทางที่จะไปหาข้าวกินก็เจอร้านปูนึ่ง >> ค่าเสียหายกล่องนี้อยู่ที่ 4,800 เยน (ประมาณ 1,500 บาท) เหมือนจะแพงนะ แต่พอได้ชิมแล้วสมราคาจริงๆ เนื้อปูหวานมาก สดมากกกก >> บางร้านก็ขายทั้งตัวแบบนี้เลย

ราคาก็ตามภาพเลย >> ใครงบน้อยอยากซื้อไปชิม ก็จะมีกล่องเล็กๆ สนนราคาที่1,800 เยน (ประมาณ 560 บาท) >> เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอกุ้งหอยปูปลาวางเรียงรายไปหมด >> หอยจ้าหอยยย หอยใหญ่ๆหวานๆจ้า

อูนิ >> หอยเล็กหอยน้อย หอยหลากหลายสายพันธุ์ >> เนื้อปลาแบบชิ้น >> แบบแช่ฟรีซก็มี

จริงๆแล้วที่นี่ไม่ได้มีแค่ปลาดิบหรืออาหารทะเลเท่านั้นนะ ของกินเล่นอาหารแปรรูปก็เยอะมากกก

ลูกชิ้นทอดเสียบไม้ก็มี ราคา 100-200 เยน (30-60 บาท) ไม่แพง อร่อยด้วย >> ทะเลเสียบไม้ หน้าตาน่ากิน >> หอยอบซอส มีให้ชิมฟรีด้วย อร่อยดีหวานๆเค็มๆ

เดินไปเดินมา ก็ไปได้เจ้านี่ หน้าตาเหมือนอ่องปูบ้านเรา รสชาติก็คล้ายๆ ราคาจำไม่ได้แล้ว >> ขนมไข่หวาน 100 เยนเอง ถูกมากกก

ขนม Warabimochi ไม้ละ 250 เยน (ประมาณ 77 บาท) นี่ว่ารสชาติมันเหมือนเอามาร์ชเมลโล่จืดๆมาคลุกผงไมโลอะ

สตรอเบอรี่เสียบไม้ก็มีนะ น่ารักฟรุ้งฟริ้ง

ได้เวลาฤกษ์งามยามดีก็พากันไปกินข้าวที่ร้าน Tsukiji Sushiko >> บรรยากาศภายในร้าน >> เค้ามีผ้าเย็นให้ด้วยนะ ทีแรกนึกว่าห่อข้าว 555 >> 2 เซ็ทนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 5,000 เยน (1,200-1,500บาท) (ถ้าจำไม่ผิด)

ไข่ปลาแซลมอนฉ่ำๆ ถามว่าอร่อยไหม อิชั้นว่าก็ใช้ได้ แต่ถ้าคนไม่ชอบกินคาว ให้ตายยังไงก็ไม่อร่อยอะเนอะ

1/6/60 ( part 2 )Odaibaการเดินทาง >> Tokyo metro สาย Hibiya Line จากสถานี Tsukiji ไปลงสถานี Higashi-ginza

จากนั้น เปลี่ยนสายไปนั่ง Asakusa Line ไปลงสถานี Shimbashi เพื่อซื้อตั๋ว Yurikamome line One Day Pass ไปลงสถานีDaiba ราคา 820เยน (252 บาท)

หน้าตาตั๋ว Yurikamome line แบบ One Day Pass// ตั๋วนี้นั่งรถสาย Yurikamome line ได้ทั้งสาย เหมาะกับคนที่จะแวะเที่ยวหลายๆสถานีใน Odaiba จริงๆเราก็กะจะแวะหลายที่เลย แต่ทำเวลาได้ไม่ค่อยดี เลยใช้ตั๋วแบบ One Day Pass ไม่ค่อยคุ้ม (ถ้ามีเวลาน้อยจริงๆจะซื้อตั๋วแบบขาเดียวไปกลับก็ได้ ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง)
ที่แรกทีเราไปคือห้าง Decks ค่ะ ห้างนี้อยู่ติดกับชายหาดเลย

ข้างในมีของเยอะแยะมากมาย และมีหลายชั้นพอสมควร แต่เราเริ่มที่ร้านนี้ก่อน (อยู่ชั้นแรกตึกขวามือ) >> ขายทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมลดราคา น้ำหอม เครื่องประดับ แว่นตา แต่เราไปสะดุดกับขวดน้ำหอมกองนี้ // มันเหมือนเค้าเอาน้ำหอมขวดเทสมาโล๊ะขายอะแก มีทั้งแบรนด์ทั่วไปและแบรนด์ญี่ปุ่น ราคาตามสภาพเลย (หลักร้อยบาท) ฝาหายบ้าง ขวดเลอะบ้าง แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสก็ซื้อใช้แก้ขัดได้อยู่

ถัดมาจะเจอร้านขายรองเท้า ทั้งของผู้ใหญ่และของเด็กเล็ก อ๋อยยย มันคู่เล็กน่ารักแท้ เห็นแล้วอยากให้ลูกคลอดทันทีทันใดเลย จะได้จับนางแต่งตัว 555

เดินไปเดินมาเจอกระจก อดเซลฟี่ไม่ไหว (แฟนบอกจะมาเที่ยวหรือมาบิณฑบาต ดูสีชุดยังกะจีวรพระ // ดู๊ววววดูนางพูด บาปเด้อ)

เดินมาอีกฝั่งของห้างก็มุ่งตรงไปที่โซน คสอ., น้ำหอม ความสวยความงาม >> ซ้ายมือน่าจะกันแดดสำหรับเด็ก >> มีขวดนมขายด้วยนะ แต่เรายังไม่ได้ซื้อ กลัวขนกลับบ้านไม่ไหว >> แผ่นมาร์กหน้า 462 เยน (ประมาณ 143 บาท)

กันแดด Anessa ขวดขาว 3,000 เยน (ประมาณ 930 บาท) ขวดเงิน 1,500 เยน (ประมาณ 465 บาท)

น้ำหอมก็หลากหลายราคาอยู่ ใครใช้รุ่นไหน กลิ่นไหน ก็ลองเช็คราคาในไทยดู ถ้าที่นี่ถูกกว่าก็น่าซื้อ มีเทสเตอร์ทุกกลิ่น ลองดมดู

Prada Candy Kiss กลิ่นหอมน่ารัก น่าจะขายดี เทสเตอร์เกลี้ยงเชียว (ปล.ลืมถ่ายราคา) >> Givenchy Pi Air 5,980 เยน (ประมาณ 1,860 บาท) >> BLV pour homme 7,280 เยน (ประมาณ 2,260บาท)

เลือกของเสร็จก็ไปจ่ายตังค์ค่ะ (เราไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนนะ กลัวจะถึงหาดแล้วมืด บวกกับอาการปวดเอวปวดตูดแล้วด้วย เดินเยอะไม่ไหว งื้อออ)

เดินเลาะข้างหลังห้างไปเรื่อยๆก็ถึงชายหาดแล้ว

ริมหาดมีร้านอาหารด้วย อารมณ์นั่งชิว จิบเบียร์

มีล่องเรือด้วย บรรยากาศโรแมนติก อยากไปนั่งบ้างแต่กลัวไม่ทันรถไฟกลับโรงแรม เลยทำได้แค่นั่งหย่อนขาอยู่ริมทางเดิน นั่งอยู่นานมากเพราะต่างคนต่างปวดขาขี้เกียจเดิน

แต่วิวมุมนี้ก็สวยดี เห็นบ้านเห็นเมืองชัดดี >> หันไปทางขวามือ น่าจะเป็นสะพานที่นั่งรถไฟมา >> พอเริ่มมืดก็ยิ่งได้บรรยากาศ >> ตึกรามบ้านช่องเปิดไฟสวยงาม

ปิดจ็อปวันแรกที่ Odaiba Beach กินลมชมวิวเสร็จก็นั่งรถสายเดิมกลับโรงแรม

สรุปวันแรก เดินไป 5 กิโลกว่า เบาๆ กลับถึงห้องนี่หลับเป็นตาย

2/6/60 ( part 1 )Tokyo Towerการเดินทาง >> Tokyo metro สาย Ginza Line ไปลงสถานี Ginza จากนั้นเปลี่ยนสายไปนั่ง Hibiya Line เพื่อไปลงสถานี Kamiyacho

ก่อนจะถึง Tokyo Tower เราต้องผ่านวัด Zojoji เลยแวะถ่ายรูปนิดนึง แต่ไม่ได้เข้าไปในตัวอาคารนะ (น่าจะเข้าชมฟรี) >> เดินเลาะข้างวัดไปเรื่อยๆ จะเห็นตัวตึกตั้งตระหง่านแบบนี้เลย >> เดินขึ้นเนินมานิดนึงก็ถึงแล้ว

ก่อนถึงจุดจำหน่ายตั๋วจะเจอบอร์ดบอกข้อมูลต่างๆ เช่นเวลาเปิด-ปิด,ระดับความสูงที่จะขึ้นไปชมวิว,ราคา,ร้านอาหารและร้านค้าอื่นๆภายในตึก >> ถึงแล้วจุดจำหน่ายตั๋ว >> ค่าตั๋วเข้าชม ความสูง 150 เมตร ผู้ใหญ่ 900 เยน (ประมาณ278บาท) เด็กโต 500 เยน เด็กเล็ก 400 เยน (ประมาณ154บาท,123บาท) กรุ๊ปเรา ผู้ใหญ่3 เด็ก1 ค่าเสียหาย 3200 เยน (ประมาณ988บาท) >> ทางเข้าก่อนถึงลิฟต์

เป็นลิฟต์กระจก มองเห็นวิวข้างนอกด้วย >> มี จนท. บรรยายบลาๆๆ ทั้งภาษาญี่ปุ่นและอิ้ง

ถึงล๊าวววว มองออกไปนอกกระจกจะเห็นวิวเมืองแบบนี้เลย (ก็สูงอยู่นะ แต่นี่ว่าสูงได้กว่านี้) >> ข้างล่างคือวัดที่เราแวะถ่ายรูป

ใครที่ยังรู้สึกหวาดเสียวไม่พอ ให้มองลงไปจากช่องกระจกแคบๆแบบนี้(ไม่แนะนำสำหรับคนกลัวความสูง) >> สามีบอกไม่แน่ใจว่ากลัวความสูงรึป่าว แต่มองไปข้างนอกนานๆแล้วใจหวิว หน้ามืด เลยขอถ่ายรูปตรงป้ายนี้พอ นี่ก็ถามไปว่า ทีอยู่บนเครื่องบินทำไมไม่เป็นแบบนี้ นางบอกมันรู้สึกไม่เหมือนกัน

ชั้นนี้ไม่ได้มีแค่จุดชมวิวนะ มีของฝากขายด้วย มีที่ห้อยโทรศัพท์เล็กๆน่ารักๆ แล้วก็พวงกุญแจโลหะ

แล้วก็มีอะไรไม่รู้แต่เห็นป้ายบอกเป็น limited edition อีกอันคือแม่เหล็กติดตู้เย็น

แก้วเป๊ก >> เข็มกลัดเล็กๆ >> โมเดลเล็กๆน่ารักๆ

เริ่มหิวน้ำเลยเดินลงบันใดไปชั้นนึง จะเจอร้านหน้าตาแบบนี้

เริ่มหิวน้ำเลยเดินลงบันใดไปชั้นนึง จะเจอร้านหน้าตาแบบนี้ เสิร์ฟมาในแก้วพลาสติกเล็กกระจึ๋งนึง 555 แพงเนอะ

ขนมอะไรไม่รู้ รู้แค่ว่าน่ากิน >> อันนี้คล้ายๆไดฟูกุ

โตเกียวบานาน่าก็มี แพ็ค 4 ชิ้น 483 เยน (150บาท) >> 8 ชิ้น 1,029 เยน (318บาท) >> 12 ชิ้น 1543 เยน (476บาท)

มีร้านคิตตี้ด้วย >> สีสันหวานแหวว ล่อตาล่อใจสาวกคิตตี้สุดๆ >> น้องคิตตี้ใส่ชุดปักคำว่า “ Tokyo Tower ” ค่าเสียหายตัวละ 2,160 เยน (667บาท) >> ผ้าเช็ดหน้า 515 เยน (160บาท)

ใครมีความสามารถก็ลองมาเล่นเจ้าตู้คีบนี้ดูนะ ค่าเล่นครั้งละ 100/200/300 เยน

เดินโฉบไปทาง Onepiece Tower แป๊บนึงแต่ไม่ได้เข้าไปนะ // ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 3,200เยน (988บาท), เด็กโต 2,700เยน (833บาท), เด็กเล็ก 1,600เยน (494บาท)

2/6/60 ( part 2 )มาถึงย่านที่คึกคักมากๆ แล้วเราก็ชอบมาก นั่นก็คือ Harajukuการเดินทาง >> Tokyo metro สาย Ginza Line ไปลงสถานี Shibuya >> ซื้อตั๋ว JR Yamanote Line ราคา 140เยน (43บาท) ไปลงสถานี Harajuku จากนั้นเดินเท้าไป Takeshita Street