[เห่อ+รีวิว] ผลิตภัณฑ์ทาแล้วนอนจาก Laneige ของเกาหลีก็มีดีนะยูวว์

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กลับมาพบกับฝนอีกครั้งนะคะ หลังจากที่ห่างหายกันไปนานนับเดือน อันที่จริงก็ยังอยู่ตามปกตินะ แค่ไปทำงานหาเงินมาตำเครื่องสำอางใหม่ๆ เท่านั้นเอง ^^

อันที่จริง ฝนก็คิดมาหลายรอบแล้วนะว่าจะเพลาๆ เรื่องการซื้อของพวกนี้ลงไปบ้าง อย่างช่วงต้นเดือนนี่ก็บอกตัวเองว่าขันติๆ แต่พอจะมาชนปลายเดือน ดันขันแตกซะแล้ว ฝนสั่งซื้อเครื่องสำอางมาล็อทใหญ่มากๆ จนคิดว่าคงรีวิวไม่หมดในครั้งเดียว ก็เลยจะขอแยกเป็นหมวดๆ วันละกระทู้ก่อนแล้วกันนะคะ เพื่อนๆ จะได้อ่านสะดวกด้วย

งั้นเรามาเริ่มกันด้วยหมวดทาทิ้งไว้แล้วนอนเลยกันดีกว่าแท่น แท่น แท๊น

ของที่จะมารีวิวในวันนี้ก็คือ Sleeping Mask นั่นเอง มีทั้งใช้กับใบหน้าและริมฝีปากค่ะอันที่จริงฝนเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ของเกาหลีเท่าไหร่ แต่มีพรายกระซิบมาบอกว่าของเกาหลีเนี่ย ทั้งถูกและดีนะ เราเองก็ใจอ่อน ลองใช้ตามดูแล้วกัน ซึ่งตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ เลยซื้อขนาดทดลองมาก่อน

เจ้า Lip Sleeping Mask ของ Laneige ตัวนี้นี่เอง ถึงแม้ว่ากระปุกจะเล็กจิ๋ว แต่ใช้นิดเดียวก็ทั่วปากแล้ว ไซส์มินิแบบนี้ใช้ได้นานเป็นเดือนเลยนะคะ ซึ่งพอฝนใช้แล้ว ก็ต้องบอกเลยว่ามันเกินคาด นอกจากปากที่แห้งและแตกเป็นประจำของฝนจะดีดูขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว ปากที่เคยคล้ำเสียก็เริ่มมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมา นี่ขนาดลองเช็ดปากก็แล้ว ล้างน้ำก็แล้ว ก็ยังเป็นสีชมพูอยู่เลย คาดว่าสารบำรุงใน Mask ตัวนี้ จะทำให้อะไรๆ มันดูดีขึ้นค่ะพอกระปุกเล็กโดนใจแล้ว ก็เลยไปถอยไซส์ใหญ่ตามมาล่ะ เพราะว่าขนาดจริงถูกกว่าขนาดทดลองเอามากๆ และมันก็ใช้ดีด้วย ก็เลยตัดสินใจซื้อมาค่ะ

อันนี้ถ้าสังเกตดีๆ มันจะเป็นคนละสูตรกับข้างบนนะคะ อันบนเป็นสูตร Original แต่ตอนนี้ทาง Laneige ออกมาเพิ่มอีก 4 กลิ่นด้วยกัน มีทั้งแบบเบอร์รี่ วนิลลา เกรปฟรุ๊ต และแอปเปิ้ลเขียว ว่ากันว่าพวกมันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีทั้งวิตามิน C และ E ที่จะช่วยบำรุงเรียวปากของเราให้นุ่มชุ่มชื่นฝนเลยเลือกกลิ่นเบอร์รี่มาลองค่ะ สาเหตุที่ไม่ซื้อมายกเซ็ท เพราะคิดว่าใช้ไม่ทันแน่ๆ อย่างกระปุกนี้ขนาด 20 กรัม น่าจะใช้ได้นานประมาณครึ่งปีเลยล่ะ ถ้าหากว่าหมดค่อยลองซื้อกลิ่นใหม่ก็ยังได้เนอะ (ความเป็นจริงก็อยากลองทุกกลิ่นแหละ แต่ช้อปไปเยอะ เงินหมดก่อน เลยได้แค่นี้  555+)วิธีใช้ก็ไม่ยากค่ะ เขาบอกให้โบกไว้ก่อนเข้านอน แต่ฝนกลัวลืม เลยทาไปพร้อมกับตอนทาครีม ซึ่งพอจะไปกินน้ำก่อนนอน นางก็หลุดออกเกือบหมด ทำให้ต้องทาซ้ำอีกรอบ พอตื่นเช้า เขาบอกให้เอาทิชชู่เช็ดออก แต่ฝนไม่ต้องเช็ดค่ะ มันซึมหายไปหมดเลย (สงสัยปากเราจะแห้งจัดจริงๆ รึอาจจะเป็นเพราะฝนนอนในห้องแอร์ด้วย)เอาล่ะ งานปากจบไปแล้ว มาต่อกันที่งานหน้าบ้างดีกว่า

ตัวนี้ก็คือ Sleeping Mask เติมน้ำให้ผิวตัวดังของ Laneige นั่นเองค่ะ ฝนเคยลองใช้เมื่อหลายปีก่อน แต่มาคราวนี้เค้าเปลี่ยนกล่องใหม่ น่ารักมุ้งมิ้งกว่าเดิมมากวิธีใช้ก็คือทาเป็นตัวสุดท้าย แล้วนอนได้เลย ตัวนี้เป็นเนื้อเจลเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กลิ่นอาจจะออกแนวเคมีนิดๆ แต่ไม่ถึงกับฉุนค่ะ จากประสบการณ์ที่ใช้มา วันไหนทาเจ้าตัวนี้ด้วยจะหลับง่าย เหมือนมันรู้สึกผ่อนคลายกว่าปกติยังไงก็ไม่รู้ มีใครเป็นเหมือนฝนบ้างมั้ยคะส่วนตัวแล้ว ฝนไม่ได้ใช้ทุกวันนะคะ จะเอาไว้ใช้วันที่ลงพวก Whitening เพราะหน้าจะแห้งกว่าปกติ หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็จะใช้ในวันที่รู้สึกขี้เกียจ คือ ล้างหน้าเสร็จปุ๊ป ก็ทาตัวนี้แล้วนอนเลย ไม่ทาสกินแคร์ตัวอื่น ซึ่งมันก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้ทุกวันหรอกนะคะ เพราะผิวเราต้องการสารอาหารหลายอย่าง อีกทั้งสภาพผิวของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คำแนะนำของฝนอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน อย่างฝนเป็นคนผิวมัน พอใช้สูตรนี้แล้วมันเวิร์ค ก็เลยเอามาแชร์ต่อเท่านั้นเองแต่ว่าๆๆๆ Laneige เขาออก Sleeping Mask กลิ่นใหม่มาด้วย ฝนก็เลยซื้อมาลองดูซะหน่อย

เจ้าสูตรนี้กลิ่นลาเวนเดอร์ค่ะ หอมลาเวนเดอร์อ่อนๆ ซึ่งกลิ่นอ่อนมาก อ่อนยิ่งกว่าน้ำหอม EDT ซะอีกนะ ส่วนกลิ่นเบสของมันก็ออกแนวเคมีนิดๆ เหมือนกับสูตรสีฟ้า แต่ว่าใช้แล้วก็ชุ่มชื้นไม่แพ้กัน เหมาะสำหรับคนอยากลองของใหม่ แต่สำหรับฝนแล้ว ฝนว่าทั้ง 2 ตัวนี้ใช้แทนกันได้ มันเหมือนกันมากๆ ต่างแค่ตรงกลิ่นเท่านั้นเองและแล้วการ เห่อ และ รีวิว ของฝนในวันนี้ก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย สาวๆ สบายใจได้เลยนะ เพราะว่าฝนจะเอาของมารีวิวให้อ่านกันอีกแน่นอน เผื่อใครเงินเดือนออกแล้ว จะได้ตามไปตำกันมาใช้บ้าง อะไรที่ว่าดี ฝนก็บอกว่าดี ส่วนอะไรที่ฝนใช้ไม่ดี มันอาจจะดีสำหรับบางคนก็ได้นะ เช่นครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากๆ ฝนอาจจะใช้แล้วสิวขึ้น แต่สำหรับคนที่ผิวแห้งมากๆ มันอาจจะลงตัวกับผิวของคุณก็ได้ เพราะฉะนั้น ฝนเลยอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองหาสินค้าขนาดทดลองมาใช้ดูก่อน ถ้ามันดีค่อยไปถอยไซส์จริงมา หรือถ้าเกิดใช้แล้วแพ้อะไรยังงี้ จะได้ไม่เสียดายตังค์มากเอาล่ะค่ะ ถึงเวลาต้องลากันจริงๆ แล้ว เดี๋ยวเจอกันบทความต่อไปนะคะ