เทคนิคการยืดผมไม่ให้ผมแห้งเสีย

1. ช่างต้องตรวจดูสภาพเส้นผม พร้อมขอรายละเอียดจากลูกค้าคร่าวๆ ว่าทำอะไรกับเส้นผมบ้างที่ผ่านมา เช่น ใช้แชมพูยี่ห้ออะไร สมุนไพร เฮนน่าใช้มั้ย เคยฟอกผมมารึเปล่าเป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการยืดและเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นผมทั้งสิ้น2. เช็คดูว่าเส้นผมทั้งเส้นมีตรงไหนผมแข็งแรงเป็นผมงอกใหม่ บริเวณใหนผมแห้งผ่านการทำเคมีมาหรือบริเวณใหนที่เส้นผมเสียเยอะๆ3. หลังจากสระผมเสร็จแนะนำให้ทำ Pre-treatment ก่อนทำการยืดเสมอ ในเส้นผมที่เคยผ่านการทำเคมีมาหรือแห้งเสีย และล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้เกลี้ยงในส่วนบริเวณหนังศรีษะ และล้างออกประมาณ 80% ในบริเวณผมที่แห้งเสียหรือปลายผม ให้เหลือทรีทเม้นต์ติดไว้บ้าง4. เวลาลงน้ำยายืดแนะนำให้ลงตอนเส้นผมยังเปียกหมาดจะดีกว่า เส้นผมจะไม่แห้งและสัมผัสกับเคมีโดยตรง5. ควรเลือกน้ำยายืดให้ตรงกับสภาพเส้นผม เช่น ลูกค้าไม่ได้ทำสีผมมาประมาณ 6 เดือน ฉะนั้นบริเวณตั้งแต่โคนผมยาวลงมาถึงบริเวณใบหูช่วงบนนั้นก็จะเป็นผมงอกใหม่ที่สภาพแข็งแรง ก็ให้ใช้สูตรผมแข็งแรงบริเวณผมช่วงนี้ แต่ต้องระวังลูกผมเกิดใหม่เส้นสั้นๆให้ดีอาจจะซ๊อตได้ ถ้าไม่ระวัง

ส่วนบริเวณตั้งแต่หูลงมาจนถึงปลายผม ก็จะเป็นเส้นผมที่เคยผ่านการทำเคมีมา ก็ต้องใช้สูตรสำหรับผมผ่านการทำเคมีมาหรือผมแห้งเสีย และอาจจะผสมทรีทเม้นท์ลงไปในครีมยืดผมด้วยก็ได้จะมากหรือน้อยตามสภาพแห้งเสียของเส้นผม ( ถ้าไม่แน่ใจให้ทำการเทสก่อนโดยจับผมออกมา1ช่อเพื่อเทส อาจจะเสียเวลาหน่อยช้าแต่ชัว )6. ควรลงครีมยืดในบริเวณผมแข็งแรงก่อน แล้วเช็คดูว่าเริ่มที่จะคลายตัวรึยัง ถ้าเริ่มคลายตัวแล้ว ก็ลงครีมยืดบริเวณส่วนที่อ่อนแอตามลำดับ จะได้ทำงานไล่เลี่ยกัน เพราะบริเวณผมอ่อนแอจะทำงานไวกว่าผมแข็งแรง และที่สำคัญอย่าทิ้งลูกค้าเด็ดขาด ทุกๆ 5-10 นาทีต้องหมั่นวนมาดูสภาพผมลูกค้า ถ้าเกิดการผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน7. พอได้เวลาล้างครีมยืดออก ต้องล้างให้สะอาดหมดจดจริงๆ แล้วทำการทรีทเม้นต์บริเวณแห้งเสียอีกรอบนึง เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม เพราะการทำเคมีทุกครั้งจะทำให้เส้นผมนั้นสูญเสียน้ำในเส้นผมไป8. หลังจากล้างผมแล้วซับผมให้หมาด ฉีดสเปรย์กันความร้อนให้ทั่วแล้วก็เป่าผมให้แห้งสนิท แล้วไดร์ดึงให้ทั่วก่อนจะทำการหนีบผม เวลาหนีบผมควรปรับความร้อนให้เหมาะกับสภาพเส้นผม ถ้าโคนแข็งแรงก็ควรหนีบโคนให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาปรับความร้อนลงและหนีบผมในส่วนที่อ่อนแอทีหลัง หรือจะมีตัวหนีบ 2 ตัวตั้งอุณหภูมิต่างกันก็ได้เพื่อความเหมาะสมและสะดวกในการทำงาน9. หลังจากหนีบเสร็จทั้งหัว ควรปล่อยเส้นผมให้เย็น ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วแหวกเส้นผมเช็คดูว่ามีบริเวณใหนที่ผมคืนตัวกลับไปหยิกมั้ย ถ้ามีก็ทำการหนีบบริเวณนั้นซ้ำ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงลงน้ำยาโกรกอย่าลงทันที การลงโกรกก็แบ่งชั้นบางๆ ลงให้ทั่ว ช่วง 10 นาทีแรก หลังจากลงโกรกต้องระวังอย่าให้ผมบิดหรือหักงอ* ข้อควรระวัง

- ถ้าเส้นผมลูกค้าแห้งมากๆ หรือผ่านการฟอกผมหรือทำเคมีซ้ำซ้อน ดูแล้วแกนผมฉีกขาด เกล็ดผมชี้ฟู ควรแนะนำให้ลูกค้าใส่เคอร์เพล็กซ์หรือบำรุงทรีทเม้นต์เคอร์เพล็กซ์ควบคู่กับการยืดผมไปด้วย แต่ถ้าเส้นผมอาการหนักเกินเยียวยาควรงดการยืดผมแล้วทำเคราฟิวเคราตินทรีทเม้นต์ควบคู่กับเคอร์เพล็กซ์ไปก่อนจะดีกว่า เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย

- การยืดผมไม่ควรทำเอง ควรให้ช่างชำนาญงานทำเท่านั้น* การดูแลด้วยตนเองหลังการยืดผม

- อย่าสระผมเป็นเวลา 3 วันหลังการยืดผม เพราะแชมพูอาจจะไปทำการเปิดเกล็ดผม ทำให้เส้นผมอาจคืนสภาพได้ง่าย

- อย่ารัด ติดกิ๊บ เอาผมทัดหู ม้วนผมหรือนอนทับเส้นผม เพราะอาจจะทำให้เส้นผมเกิดรอยหักได้ เวลานอนให้แผ่เส้นผมออกไปด้านหลัง

- ระวังเหงื่อบริเวณท้ายทอย อาจจะทำให้เส้นผมดีดกลับได้ง่าย

- ควรหมักทรีทเม้นต์ที่มีมอยเจอร์เยอะๆ อาทิตย์ละครั้ง เส้นผมจะได้มีความชุ่มชื้น

- ไม่ควรตัดผมเป็นเวลา 1 เดือน เพราะเส้นผมยังอ่อนแอ อาจจะดีดกลับคืนสภาพได้ง่าย* การเข้าใจผิดเกี่ยวกับการยืดผม

- น้ำยายืดผมยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ ยืดมาแล้วจะเป็นวอลลุ่มนั้นไม่ใช่อย่างที่คิด ยืดวอลลุ่มคือเทคนิคและสไตส์ในการยืดผม ไม่ให้ลีบแบนต่างหาก

- เคราตินคือน้ำยายืดผม จริงๆ แล้วเคราตินคือโปรตีนชนิดหนึ่ง ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นผมที่หยิกให้เหยียดตรงได้ แต่สามารถใช้ควบคู่กับการยืดผมได้ โดยใช้เคราตินแทนน้ำยาโกรกยืด ทำให้เส้นผมนั้นมีความนุ่มสลวยเงางามมีน้ำหนัก ลดการแตกปลาย ชี้ฟู แห้งเสียได้ดีกว่าการยืดธรรมดา ถ้าเคราตินยี่ห้อใหนสามารถทำให้ผมตรงเหมือนการยืดผม แสดงว่าเคราตินยี่ห้อนั้นมีส่วนผสมของสารฟอมาดีไฮหรือฟอมารีนนั่นเอง ซึ่งเป็นอันตรายต่อช่างทำผมเป็นอย่างมาก ฉะนั้นควรศึกษาให้ดีก่อน