รีวิวสกินแคร์ระดับตัวเด็ด ตัวดังทั้งหลายที่เคยใช้มา

38 21

  แหมะ งานเสียทรัพย์สำหรับชะนีแบบเราๆ ไม่เคยจบไม่เคยสิ้น ควักแล้วควักอีก ในเมื่อยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ก็ยังคงต้องวนซื้อต่อไป...จริงหรือไม่คะ (ทำงานเปย์ตัวเองวนไปค่ะ) 5555

          ก่อนอื่นขอทักทายเพื่อนๆในบอร์ดหน่อย สวัสดีค่ะทุกคน  วันนี้เราตั้งใจมาทำรีวิวผลิตภัณฑ์สกินแคร์  ตัวเด็ดทั้งหลายที่เราเคยลองมานะคะ ซึ่งจริงๆแล้วของส่วนใหญ่ที่เอามารีวิวในวันนี้เราก็อ่านและซื้อตามมาจากเว็บบอร์ดนี้อะแหละ สิงอยู่ที่นี่มานาน ได้ความรู้ ได้ประโยชน์จากคนอื่นมามาก

วันนี้เลยขอมาเป็นคนแชร์ให้เพื่อนๆได้ชมกันบ้างนะ  แน่นอนว่าก่อนเราจะซื้อสกินแคร์สักตัวก็ต้องวนดูรีวิวแล้ว วนดูอีกกว่าจะตกลงปลงใจซื้อเนอะ เพราะราคาบางตัวก็ไม่ใช่น้อย เลยคิดว่าถ้ามันมีรีวิวเยอะๆจากหลากหลายคนไว้ให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้ออ่านก็คงดีไม่น้อย คิดจากมุมคนเคยเป็นผู้อ่านอย่างเดียวอะนะ เป็นไงล่ะ สวย นางงาม ควรได้รับการสวมมงฯที่สุด!//โบกมือเกรียวๆ55)

           มาบอกสภาพผิว+ปัญหา และอายุของเราก่อนดีกว่า...จขกท.เป็นสาวผิวผสม มันช่วง T-Zone รูขุมขนใหญ่ช่วงหน้าแก้ม แต่บางทีก็มีหน้าลอก หน้าแห้งบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแปรผกผันเหมือนประจำเดือน..หุหุ ส่วนอายุประมาณเกือบเหยียบเลข 3 สวยๆ เนื้ออ่อนกรุบกริบ หน้าตาจัดว่าดูดีใช้ได้มีเพื่อนบอกจริงๆประมาณ 083327xxxx รอบ ไม่เชื่อหลังไมค์มาก็ได้ เอ้า…. หยอกเล่นค่ะ

  เอาเป็นว่ามารีวิวกันเลยดีกว่า เดี๋ยวกระทู้จะยาวเกินเนอะ เพราะจขกท.พยายามจะเขียนให้ละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะสามารถอธิบายได้ อยากให้คนที่อ่านกระทู้นี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจซื้อจริงๆ (ความนางงามอีกละ55)

Lamer Treatment Lotion 150 ml.

ราคา 4,500 บาท

ABOUT : โลชั่นแบบน้ำของลาแมร์ที่มีส่วนผสมของ Miracle Broth สารสกัดจากสาหร่าย Sea Kelp อันเป็นเอกลักษณ์ของครีม de lamer ที่แสนจะโด่งดัง แต่ตัวนี้มาในราคาที่ย่อมเยาว์กว่าตัวนั้นเยอะ ด้วยความที่ตัวจขกท.

อยากจะลองครีมของลาแมร์สักตัวก่อนที่จะตกลงปลงใจกับ Cream de Lamer เลยเลือกตัวนี้เพราะนางมีส่วนผสมหลายอย่างที่เหมือนกัน นอกเหนือจากนั้นก็จะมีไมโครเจนจากสาหร่าย/ Revitalizing Ferment น้ำหมักสกัดจากสาหร่ายทะเลทรายพันธุ์หายากด้วย  

สรรพคุณ : หลักๆตามคำเคลมของแบรนด์ก็คือนางเป็นโลชั่นที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อผิวที่เรียบเนียนเปล่งประกาย

สัมผัสเวลาใช้ : พูดถึงลักษณะของโลชั่นกันก่อน เนื้อโลชั่นเป็นน้ำใสที่มีความหนืด สัมผัสเวลาทาลงไปแว่บแรกจะได้กลิ่นน้ำหอมที่ไม่ฉุนจมูก เมื่อตบๆโลชั่นจะรู้สึกถึงความหนึบหนับ จากนั้นโลชั่นจะซึมเข้าสู่ผิวอย่างว่องไว กลิ่นน้ำหอมหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน  

ผลลัพท์ : ตัวนี้จัดเป็น First Skincare เพราะใช้หลังจากล้างหน้าหรือหลังเช็ดโทนเนอร์เสร็จ เรารู้สึกว่าโลชั่นให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีค่ะ ความแตกต่างชัดๆเลยนะวันไหนที่ใช้โลชั่นตัวนี้ โดยเฉพาะช่วงเช้า พอมาแต่งหน้า แป้งจะติดผิวได้ดี ลงรองพื้น ลงแป้งเสร็จแล้วส่องกระจกจะรู้สึก อุ้ย หน้าเนียนจัง ทำให้เครื่องสำอางเกลี่ยได้ง่ายขึ้น ตอนกลางวันหน้ามันลดลงด้วยค่ะ แต่สำหรับราคา 4,500 บาทและผลลัพท์เบอร์นี้ตัวเรายังรู้สึกไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่นะ

SK II Facial Treatment Essence 75 ml.

ราคา 2,800 บาท

ABOUT : น้ำตบพิเทร่ายอดฮิต ประกอบไปด้วยพิเทร่ามากกว่า 90% แบรนด์แรกที่จุดกระแสพิเทร่าขึ้นมาจากหนังโฆษณาเมื่อหลายปีก่อน (แต่ภาพยังติดตาอยู่เลยค่ะ) เรื่องเล่าที่น่าจะอยู่ในหัวของใครหลายๆคนที่ทีมงานของ SK II ค้นพบว่ามือของหญิงชราในโรงงานหมักสาเกที่ญี่ปุ่น มีมือที่เรียบเนียนและดูเหมือนมือของหญิงสาว ทำให้เกิดการวิจัยและคิดค้นเป็นผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมา

แต่ก็เพราะความดังของผลิตภัณฑ์ทำให้มีหลากหลายเสียงทั้งที่ใช้แล้วเกิดความแตกต่างและไม่เกิด วันนี้เลยอยากขอหยิบมาพูดถึงกันอีกทีเพราะบอกเลยว่าตัวเราเองเคยใช้แล้วทั้งได้ผลและไม่ได้ผลมาแล้วค่ะ

สรรพคุณ : ผลิตภัณฑ์เน้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและเป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสโดยแบรนด์เคลมว่าเป็นการปรับสมดุลผิวและบำรุงเพื่อเผยผิวในอุดมคติ 5 ประการ (ตอนซื้อใช้ บอกเลยว่าอ่านแล้วก็ต้องมนต์ตัวหนังสือไปกับเขาด้วย รู้สึกว่าจะได้ล้างบางผิวใหม่แล้วค่ะคุณผู้ชม)

สัมผัสเวลาใช้ : เนื้อเอสเซนส์เหลวใสเหมือนน้ำเปล่า ต้องใช้คู่กับสำลีเพื่อให้เห็ยผลลัพท์ดีที่สุด เอาจริงก็ไม่ค่อยปลื้มการใช้กับสำลีนะรู้สึกมันขูดหน้ายังไงก็ไม่รู้แถมเปลืองด้วย ส่วนกลิ่นก็อย่างที่เลื่องลือมีความหมักบ่มเบาๆ

ผลลัพท์ : ขออธิบายว่าทำไมเราถึงใช้แล้วเห็นผล และไม่เห็นผลมาก่อน เนื่องจากเอสเซนส์ตัวนี้อยู่ในตลาดมานานมากกกก ทำให้เราเคยได้ลองทั้งหมด 2 ยุคด้วยกันเริ่มจากยุคของการเป็นสาวใสวัยมหาลัย ตอนนั้นเรารู้สึกว่าผิวคงยังดีอยู่ รู้สึกใช้ไปค่อนขวดใหญ่ก็แล้วแต่ไม่เห็นรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย (อ้อ ด้วยความที่ตัวนี้เป็นพิเทร่าเข้มข้นมากๆ อาจจะมีบางคนที่้ใช้แล้วแพ้ยีสต์ เป็นผดผื่นบ้างก็เป็นปกติ ส่วนตัวเรามีระคายเคืองเล็กน้อยเท่านั้นตอนใช้ครั้งแรก เพราะปกติเราแพ้พวกเบียร์อยู่แล้วแต่ไม่มาก ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่านะ55)

สรุปคือเราใช้ไม่เห็นผลตอนเรียนมหาลัย แต่พอตอนนี้ เห็นเพื่อนใช้กันดี๊ดีมีติดบ้านทุกคนเราเลยไปลองสอยขวดเล็ก 75 ml.มาลองอีกทีค่ะ คราวนี้ใช้ไปประมาณเกือบเดือนเราดันรู้สึกถึงความแตกต่างนะ สัมผัสได้ถึงผิวที่กระฉับกระเฉง สดใสขึ้น รู้สึกผิวสะอาด แต่เรื่องจุดด่างดำต่างๆคงต้องขอใช้ต่อไปสักพักแหละ ส่วนความชุ่มชื้นสู้โลชั่นตัวอื่นๆไม่ค่อยได้เท่าไหร่ค่ะ ไม่ควรใช้ตัวเดียวต้องใช้คู่กับตัวให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ

Biotherm Life Plankton Essence 125 ml.

ราคา 2,200 บาท

ABOUT : เอสเซนส์ที่มีส่วนผสมของน้ำแพลงก์ตอนมีชีวิตถึง 5% ขยายความว่าแพลงก์ตอนชนิดนี้มาจากไหนเพราะอยากเขียนให้ละเอียดเท่าที่จะหาข้อมูลมาสรุปให้ได้ ไหนๆก็ทำกระทู้ทั้งทีเนอะ แพลงก์ตอนตัวนี้เป็นแบคทีเรียชนิดนึงที่อาศัยอยู่ตามบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติบนเทือกเขาในฝรั่งเศส การันตีถึงความบริสุทธิ์อะไรประมาณนั้น

ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อผิว ทางทีมก็ไม่ได้ไปจับมาสดๆแล้วเอามาใส่ขวด แต่มีการนำมาเพาะเลี้ยงในห้องแล็บ  รวมทั้งมีส่วนผสมน้ำแร่จากท้องทะเลลึกที่มีแร่ธาตุต่างๆในการดูแลผิว

สรรพคุณ : แบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อผิวที่ว่าก็คือการลดการอักเสบของผิว หรือผิวที่ระคายเคืองง่าย ช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น เรียบเนียน

สัมผัสเวลาใช้ : ลักษณะน้ำใสๆ ตบลงบนผิวแล้วจะหนึบเล็กน้อย กลิ่นขึ้นจมูกเวอร์ เวลาใช้เขย่าขวดก่อนนะคะ เพราะนางชอบตกตระกอน ถ้าไม่เขย่าขวดอาจจะใช้แล้วไม่เห็นผลเท่าที่ควร

ผลลัพท์ : ขวดนี้เป็นขวดที่ 3 ของเราแล้ว แต่ที่ซื้อขวดเล็กเพราะในเมื่อเขาเคลมว่าเป็นแพลงก์ตอนมีชีวิตและเวลาใช้ต้องเขย่าเพราะมันจะตกตะกอน เลยรู้สึกว่าถ้าซื้อขวดใหญ่กลัวมันจะไม่เฟรช เขย่าแล้วมันไม่เข้าเนื้อ กลัวใช้ไม่ได้ผลดีเท่า (เป็นความวิตกส่วนตัวนะคะ 55) ซึ่งเป็นปกติที่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมใหม่ๆแปลกๆอาจจะมีระคายเคืองผิวบ้างหากใช้ครั้งแรก

ถ้าเพื่อนๆลองแล้วรู้สึกเหมือนจะแพ้เช่น มีอาการคันยุบยิบ เป็นผด ให้ลองใช้ต่อไปอีก 2-3 วันดูว่าผิวปรับเข้ากับผลิตภัณฑ์ได้หรือเปล่า ถ้าอาการแพ้ไม่ทุเลาลงแนะนำเอาไปฝากขายในเพจเครื่องสำอางของแท้มือสอง 55 ตอนลองตัวนี้ครั้งแรกเรารู้สึกทาแล้วร้อนผิวเหมือนกันไม่รู้เพราะอ่านรีวิวมาเยอะเลยรู้สึกไปเองรึเปล่า แต่มันทำให้เรารู้สึกว่า อุ๊ย แพลงก์ตอนกำลังชอนไชลงผิวของเราแหละแกรรร….

ซึ่งผลลัพท์ที่เห็นชัดเจนเลยคือ ความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม ช่วยให้ผิวแห้งลอกทุเลาลงและดูดีขึ้นได้ใน 1 คืน แต่….มันหนักเกินไปที่จะใช้ตอนเช้า ถ้าเราใช้ตอนเช้า บ่ายๆหน้าจะมันขึ้นมาก ใช้ต่อเนื่องมาก็รู้สึกผิวแน่นขึ้นนะคะ แต่ก็จะทรงตัวไม่ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีได้ระดับนึงแต่ก็เรียกว่าผิวดีแล้วแหละแล้วก็จะหยุดอยู่ที่สเต็ปนั้นประมาณนี้

Ocean Skin Speedy Miracle Deep Ocean Water Essence 150 ml.

ราคา 1,490 บาท

ABOUT : เอสเซนส์ตัวนี้เป็นน้ำตบแพลงก์ตอนที่พึ่งออกมาใหม่ค่ะ จริงๆอาจจะไม่ได้ดังโดดเหมือนตัวอื่นๆ ในกระทู้นี้ แต่น่าจะได้เห็นผ่านตากันมาบ้างจากโฆษณาไปตามล่าปลาวาฬที่ฝรั่งเศส ยอมรับว่าสนใจเพราะโฆษณาเหมือนกันค่ะ แต่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็มีความน่าสนใจอยู่นะเนื่องจากนางเป็นน้ำตบลูกผสมระหว่าง “แพลงก์ตอน” จากมหาสมุทรและ “Galactpmyces” หรืออีกอย่างก็คือ พิเทร่า นั่นเองค่ะ

เรียกว่าเป็นแบรนด์ที่หยิบจับส่วนผสมยอดฮิตมารวมกันและทำออกมาได้น่าใช้ทีเดียว แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะเห็นโฆษณาเท่านั้นนะ ที่ซื้อเพราะมีคนใกล้ตัวของเราซื้อมาใช้แล้วสนใจอยากลองดูบ้าง จุดนี้ต่างหากที่เราตัดสินใจซื้อ เพราะค่าตัวนางก็คงไม่ได้ถูกแต่ย่อมเยาว์สุดในที่แห่งนี้แล้วค่ะ สงวนราคาอยู่ที่ 150 ml. = 1,490 บาท และอีกอย่างคือความอยากรู้ อยากลองว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเด่นๆ 2 อย่างที่เราชื่นชอบพอเอามาใส่รวมกันแล้วมันจะได้ผลดีจริงดิ?

สรรพคุณ : ส่วนผสมจากแพลงก์ตอนใต้มหาสมุทรจากประเทศฝรั่งเศษ หรือ GP4G 10% ช่วยกระตุ้นเคราติน และสร้างคอลลาเจนให้ผิวชุ่มชื้น เต่งตึง อิ่มน้ำ และสารสกัดจาก Galactomyces หรือ พิเทร่า 75% ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ เผยผิวดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส

สัมผัสเวลาใช้ : เนื้อสัมผัสเอสเซนส์จะใสและเหลว แต่มีความหนืดอยู่เมื่อลูบไปบนผิวจะลื่นไปบนผิว เวลาตบจะรู้สึกว่ามีความหนึบเล็กน้อย แต่ซึมลงผิวไว เวลาแตะๆจะยังสัมผัสได้ถึงความหนืดบนผิวอยู่นิดหน่อย เราว่าเนื้อสัมผัสเหมือนตัวแพลงก์ตอนตัวด้านบนเลยแหละ ส่วนกลิ่นเป็นมิตร ไม่ได้ฉุนน้ำหอมแต่ก็ไม่ได้หืนขึ้นจมูกอย่างตัวไบโอเธิร์ม

ผลลัพท์ : จุดเด่นของตัวนี้ ที่สัมผัสได้แบบชัดๆเราว่าเป็นเรื่องผิวอิ่มน้ำนะคะ หลังจากใช้แล้ว รู้สึกเวลาแต่งหน้า ผิวจะดูเนียน แป้งติดหน้าดี และด้วยความที่ผิวมันดูอิ่มน้ำเลยรู้สึกว่าผิวฟูๆ รูขุมขนตื้นขึ้น ใช้ครั้งแรกก็ไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคือง เรียกว่าผลลัพท์ดูดีนะ คือให้สัมผัสที่ดีเวลาใช้ ใช้แล้วผิวชุ่มชื้นขึ้น ส่วนเรื่องความกระจ่างใสของผิวหน้าเราก็ว่ามันทำให้ผิวดูสดใส แต่...ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับพิเทร่าเดี่ยวๆ หรือแพงก์ตอนเดี่ยวๆด้านบน น่าจะมีคำถามว่า ความต่างมันอยู่ตรงไหนรึคะ….แล้วมีดีกว่าไหมคะ อืม….ยากนะที่จะเปรียบเทียบอ่ะ

เพราะสูตรคนละสูตร และผลลัพท์ของการใช้สกินแคร์มันเป็นความรู้สึก พอมาพิมพ์มันก็จะออกมาเป็นคำซ้ำๆอย่าง ผิวชุ่มชื้น เนียนขึ้น เด้งขึ้น จะมาวัดผลเป๊ะๆก็ยากกกไปอี๊กกก (แต่จะแจกคะแนนแต่ละตัวเป็นดาวไว้ล่างกระทู้นะคะ)  เราเลยขอสรุปว่าตัวนี้มันดีตรงมีส่วนผสมทั้งให้ความชุ่มชื้นแล้วผลัดเซลล์ผิวด้วยซึ่งมาในราคาที่หาซื้อหาใช้ได้ง่ายกว่า 2 ตัวบน และสามารถเห็นผลลัพท์ที่แตกต่างระหว่างใช้กับไม่ใช้ได้ชัดเจน ราคาโอเค ไม่ใช่แบบใช้แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยแบบนั้น55

Sulwhasoo First Care Activating Serum EX 60 ml.

ราคา 2,800 บาท  

ABOUT : ผลิตภัณฑ์เปิดผิว บุกเบิกยุคของการทาครีมใหม่ด้วยการใช้เซรั่มเพื่อเปิดผิวก่อนการบำรุง ตัวนี้ก็เป็นตัวฮิตตัวดังในไลน์นี้เลยซึ่งมีส่วนผสมหลักๆก็คือพวกสมุนไพรต่างๆ 5 ชนิด ประกอบไปด้วย รากโกฐขี้แมว, รากดอกโบตั๋นจีน, เมล็ดบัวหลวงอินเดีย, ดอกลิลลี่ขาว และ โซโลมอนส์ ซีล ส่วนรุ่น EX เป็นรุ่นที่ถูกปรับปรุงสูตรให้ดีมากขึ้นจากรุ่นเก่าค่ะ

สรรพคุณ : เรื่องของสรพพคุณของสมุนไพร 5 ชนิดด้านบนก็คือ จะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการระคายเคือง ลดปัญหาผิวหมองคล้ำ ขาดความกระชับ และอย่างที่ทราบกันคือส่วนผสมของสมุนไพรจีนมักจะช่วยเรื่องของการไหลเวียนของเลือดได้ดี ดังนั้นผลิตภัณฑ์ตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่มีการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวไม่ดี ผิวซีดขาว ขาดความเปล่งปลั่ง เป็นต้น

สัมผัสเวลาใช้ : เนื้อเซรั่มสีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นของสมุนไพรอย่างโสม เนื้อสัมผัสเวลาเกลี่ยบนผิวจะลื่นแต่ไม่ได้มีความหนืด ซึมลงผิวไวทิ้งความรู้สึกเย็นๆไว้บนผิว

ผลลัพท์ : เรารู้สึกว่าตัวนี้ช่วยเรื่องเรื่องไหลเวียนเลือดใต้ผิวได้ดีนะคะ เพราะปกติเราจะเป็นคนที่ผิวขาว-เหลืองซีดๆอยู่แล้ว แต่ใช้เซรั่มตัวนี้แล้วแก้มจะดูเหมือนระเรื่อขึ้นหน่อย เวลาใช้ก็ฟินด้วยทั้งกลิ่นและเนื้อสัมผัส แล้วก็รู้สึกผิวแข็งแรงไม่ค่อยเป็นสิวเท่าไหร่ ผิวมีเลือดฝาดเปล่งปลั่งเลยทำใหหน้าดูกระจ่างใสขึ้น แต่เรื่องอื่นนอกเหนือจากนั้น อย่างให้เรื่องความชุ่มชื้น หรือพวกริ้วรอยสำหรับตัวเราเฉยๆนะ เทียบกับราคาก็ยังแพงไปนิดดด

Kiehl’s Hydro-Plumping Re-Texturizing Serum Concentrate  50 ml.

ราคา 2,500 บาท

ABOUT : ตัวนี้ก็ได้ข่าวว่าเป็น First Step Serum อีกตัว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ไม่เหนียวเหนอะบนผิวแม้แต่น้อย จุดเด่นก็คือเรื่องการเติมน้ำให้ผิวเป็นหลัก มีส่วนผสมของ Gycerin จากธรรมชาติถึง 15% และสารสกัดจากใบชิโสะ

สรรพคุณ : เติมน้ำให้ผิวโดยการกระจายความชุ่มชื้นสู่ผิวชั้นนอกชั้นลึกที่สุด เพื่อผิวที่เปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ สดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

สัมผัสเวลาใช้ : เนื้อเซรั่มมีลักษณะเหมือนเจลสีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น แต่เมื่อลูบลงบนผิว วนสักพักเจลจะแตกตัวเป็นน้ำค่ะ (นี่แหละนวัตกรรมใหม่ที่พูดถึง) พอเจลแตกตัวเป็นน้ำเราจะใช้วิธีตบๆเซรั่มลงบนผิว เซรั่มก็จะซึมหายไป เหลือความลื่นบนผิวแต่ไม่หนึบหนับ ชอบหัวปั๊มสูญญากาศเพราะสะดวกและสะอาดดี ผลลัพท์ : จริงๆตัวนี้เหมือนเป็นเซรั่มที่ไม่มีส่วนผสมอะไรหวือหวาเท่าไหร่เพราะกลีเซอรีนก็เป็นส่วนประกอบหลักๆดั้งเดิมของเหล่าสกินแคร์อยู่แล้วเพียงแต่ใส่มาแบบเข้มข้น และมีนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้เนื้อสัมผัสไม่เหนียวเหนอะหน้า ซึ่งผลการใช้สำหรับเราเราชอบเนื้อสัมผัสของเจลมาก มันสบายหน้าดีค่ะ เหมาะกับคนผิวผสม-มันที่ไม่ชอบครีมที่เหนอะหน้า

ใช้เป็นสกินแคร์ตอนเช้าได้สบาย เรื่องการเติมความชุ่มชื้นเราก็ว่าทำได้ดีนะ ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านเลย แต่ตัวนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องความรกะจ่างใสหรือเรื่องอื่นๆ ติดที่ราคาแพงไปหน่อยสำหรับส่วนผสมที่ไม่ค่อยหวือหวา แต่แนะนำสำหรับคนที่หน้าแห้งแบบไม่ค่อยได้บำรุงเท่าไหร่ ถ้าอยากหาตัวเติมน้ำดีๆตัวนี้โอเคเลยค่ะ 

  หมดแล้วค่ะสำหรับสกินแคร์ Hi-End ที่เราเคยลองแล้วอยากเอามารีวิว+แบ่งปันกับเพื่อนๆสมาชิกในวันนี้ อาจจะมีคำถามว่า ใช้หลายตัวแล้วเห็นผลได้ยังไง จริงๆเราไม่ได้ใช้พร้อมกันทุกตัวนะ แต่ละตัวมีช่วงเวลาที่ใช้ต่างกันไปพอมีสกินแคร์ใหม่ที่อาจจะให้ผลลัพท์คล้ายคลึงกับตัวที่ใช้อยู่เราก็จะหยุดตัวเดิมแล้วใช้ตัวใหม่ก่อนเพราะอยากรู้ว่าจะแพ้มั๊ย และเพื่อเห็นผลได้ชัดที่สุดค่ะ สุดท้ายเราจะทำตารางเพื่อให้คะแนนแต่ละตัวเอาไว้ละกันเพื่อให้เห็นภาพผลลัพท์แต่ละตัวที่สุดนะคะ

หวังว่ากระทู้ของเราจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะ โดยเฉพาะคนที่กำลังเล็งๆตัวไหนอยู่ น่าจะพอทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนเหมาะกับปัญหาของตัวเองตอนนี้เนาะ ^^ สำหรับเราก็มีทั้งตัวที่จะซื้อใช้ต่อและอาจไม่ได้ซื้อใช้ต่อในใจแล้วแหละแต่จะไม่ฟันธงว่าตัวไหนจะซื้อหรือไม่ซื้อนะเพราะผลลัพท์แต่ละตัวสำหรับแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย สุดท้ายมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมก็สอบถามกันเข้ามาได้เลยค่ะ :)


thidamass

thidamass

FULL PROFILE