Tyffvathu มหากาพย์ รีวิว "น้ำตบ" ที่เคยใช้ และใช้อยู่ในปัจจุบันทั้ง 6 แบรนด์

39 16

สวัสดีค่า สาวๆ ทราบกันดีใช่มั้ยคะว่าขั้นตอนการบำรุงผิวหน้านั้นสำคัญมากที่สุด

การบำรุงผิวหน้าที่ดี ที่ถูกต้อง จะส่งผลหลายๆอย่างบนใบหน้าเรา ทั้งเรื่องรูขุมขน ริ้วรอย

สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ผิวหน้าแห้งหยาบกร้าน แต่งหน้าไม่ติดไม่ทน  

ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผิวหน้าทั้งหมดค่ะ

ครีมทาผิวจำพวกมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์อย่างเดียวอาจจะไม่พอ

เลยต้องมีตัวช่วยเสริมขึ้นมาอีก 1-2 ขั้นตอน

ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาวๆหลายคน ชอบใช้สกินแคร์ที่เรียกว่า “น้ำตบ” เป็นอย่างมาก

 ตัวทิฟเองก็ชอบมาก เพราะว่าสดชื่น ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และบำรุงได้ล้ำลึก

น้ำตบเนี่ย ที่ทิฟทราบและเคยใช้จะมีตัวที่เป็นเซรั่ม เอสเซ้นส์ และ โลชั่น

ทั้งสามอย่างนี้คล้ายๆกันค่ะ แตกต่างเรื่องส่วนผสมเพียงนิดหน่อย

สรุปแล้วว่า จะเอสเซ้นส์ เซรั่ม โลชั่นที่มีลักษณะเหลวเป็นน้ำให้ใช้ขั้นตอนแรกเสมอค่ะ

(ถ้าเลือกใช้แค่ตัวเดียวแล้วตามด้วยครีมบำรุง) แต่ถ้าเอาแบบสบายใจ เอาเป็นว่าเรียงตามนี้ค่ะ

เซรั่ม – เอสเซ้นส์ - โลชั่น - ครีมบำรุง และจบด้วยกันแดด

วันนี้ทิฟเลยจะมารีวิว “น้ำตบ” ที่ทิฟเคยใช้ และใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งหมด 6 แบรนด์ด้วยกัน

และทั้ง 6 แบรนด์นี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

1.Sena Marine Plankton water serum concentrate ( 150ml. ราคา 1,450 บาท )น้ำตบแพลงก์ตอนยอดฮิตสัญชาติเกาหลี มีสารสกัดจาก Plankton Stem Cells และ น้ำแร่ธรรมชาติแห่งน้ำตกซองบัง เกาะเซจู น้ำตบ Plankton ของเค้าจะมีกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนกลิ่นดอกไม้ (แต่เป็นกลิ่นจากธรรมชาตินะคะไม่ได้ใส่น้ำหอม ทิฟสังเกตได้เลยว่าผิวหน้าชุ่มชื่น กระชับยืดหยุ่น ผิวจะดูเด้งๆสดใส รูขุมขนกระชับ ถ้าวันไหนที่โดนฝุ่นมากๆแล้วผิวอักเสบ หลังจากที่ใช้แล้วตื่นมาสิว รอยแดงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาก จุดเด่นเค้าคือเรื่องช่วยรักษาอาการอักเสบของผิวหนังเลยค่ะ จริงๆเค้าช่วยเรื่องลดริ้วรอยด้วยนะ แต่ทิฟยังไม่ค่อยมีริ้วรอยใดๆจึงยังไม่เห็นผลในส่วนนี้ เซรั่มเค้าใสๆลักษณะเหมือนน้ำไม่มีสีค่ะ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน สาวผิวแพ้ง่ายใช้ได้  ทิฟใช้แล้วไม่แพ้ (แต่ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล) เซรั่มซึมไว ใช้ฝ่ามืออุ่นๆประคบแปปเดียวก็ซึมแล้ว ผิวจะนุ่มทันทีที่ใช้ วันที่ผิวล้ามากๆก็ใช้มาส์กหน้าซะเลย ใช้สำลีก็ได้ หรือแผ่นมาส์กก็ได้ค่ะ อีกอย่างคือ อยากพูดถึงขวด ขวดสวยเป็นขวดแก้วไล่สีขาวเขียว เลอค่าแต่หนักจ้า พกพาไปเที่ยวด้วยลำบากนิ๊ดนึง

2.Klaire’ Anti-Pollution Essence ( 30ml. ราคา 890 บาท )น้ำตบต้านมลภาวะสัญชาติญี่ปุ่น ที่ทิฟใช้เป็นประจำ ตอนนี้กำลังจะขึ้นขวดที่ 2 แล้วค่ะ เค้าเปลี่ยนแพคเกจใหม่ให้ดูสวยงามสะอาดตากว่าเดิม และมีขนาดเล็กกว่าเดิมค่ะ เสียดายที่แพคเกจใหม่เค้าไม่ทำขวดใหญ่แล้ว ทำมาส์กไม่จุใจเลย Klaire’ เป็นน้ำตบที่ปกป้องผิวเราจากมลภาวะที่เราต้องพบเจอในทุกๆวัน เหมาะกับไลฟ์สไตล์สาวเมืองแบบเรา น้ำตบของ Klaire’ เค้าไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน สาวๆผิวแพ้ง่ายใช้ได้ (แต่ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล)  ที่ทิฟเห็นผลชัดๆเลยคือเรื่องรูขุมขนที่กระชับขึ้น เพราะเค้าช่วยปรับสมดุลน้ำหล่อเลี้ยงในผิว ผิวสม่ำเสมอ และ ชุ่มชื่นขึ้น เรียกได้ว่าเป็นน้ำตบที่ช่วยกู้ผิวหน้าทิฟให้กลับมาดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ 4-5 เดือน ทิฟผิวแห้งมากช่วงกรอบหน้า แต่พอใช้ Klaire’ แล้วดีขึ้น ผิวแข็งแรง เรียบเนียนขึ้น ปัญหาผิวหลายอย่างน้อยลง  ส่วนประกอบหลักๆของเค้าจะเป็น Cotton Stem Cells ส่วนเรื่องกลิ่นของเค้าจะหอมเบาๆเหมือนข้าวหอมมะลิ (เป็นกลิ่นที่มาจากธรรมชาติไม่ได้เติมแต่งกลิ่น) น้ำเอสเซ้นส์ใสๆสีอมเหลืองนิดๆ ซึมไว ใช้ฝ่ามืออุ่นๆประคบจะช่วยผลักเอ้สเซนซ์สู้ผิวได้ดีมาก และไม่รู้สึกเหนอะหนะ

3. Kohaku Hada Lotion Moisture ( 220 ml. 480 บาท )มาที่น้ำตบราคาเบาๆกันบ้างค่ะ น้ำตบสัญชาติญี่ปุ่นสารสกัดจากอำพัน เป็นอัญมณีเพียงประเภทเดียวที่สามารถสกัดมาจากพืชโบราณที่ถูกฝังลึกนานกว่า 50ปีจนกำเนิดเป็นฟอสซิล ช่วยสร้าง Hyaluronic acid ที่จำเป็นต่อผิว ถามว่าทำไมอันนี้ต้องอธิบายยืดยาว เพราะตอนแรกทิฟ งง ค่ะว่า อำพันคือ อะไร แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว 555 ที่สะดุดมากกกของน้ำตบ Kohaku คือกลิ่น กลิ่นแบบเหล้ามากกก ตกใจนึกว่ามีแอลกอฮอล์ แต่มาเชคส่วนผสมแล้วคือ ไม่มีค่ะ สบายใจ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ และพาราเบน แต่น้ำตบ Kohaku จะมีส่วนผสมของน้ำมัน 3 ชนิด มีOlive Oil , Jojoba Oil , Macadamia Oil ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นได้ได้ดี น้ำตบของเค้ามีลักษณะที่หนืดเล็กน้อย ชุ่มชื่นแต่เบาสบายไม่หนักหน้า น้ำตบรุ่นนี้เน้นเรื่องความชุ่มชื่น และค่อนข้างเห็นผล ส่วนเรื่องกระชับอ่อนเยาว์อะไรอื่นๆยังไม่เห็นผลชัดมากนัก และทำให้ผิวมันนิดหน่อย เหมาะกับคนที่ผิวแห้งหรือผิวผสมมากกว่าผิวมันค่ะ

4.Fracora Placenta extract ( 15 ml. 890 บาท )น้ำตบสัญชาติญี่ปุ่นมาในขวดแก้วเล็กๆ น่ารัก พกพาง่าย แต่เทียบปริมาณและราคา โหดไม่เบา อ่านส่วนประกอบสารสกัดแล้วน่าสนใจมาก มีสารสกัดจากรกหมูจ้า ตอนแรกมองขวดก็คิด รกหมูอู๊ดๆนะยู จะเป็นยังไง นั่งมองขวดอยู่ 2-3 วันเลยตัดสินใจเปิดใช้  เค้าเป็นลักษณะเซรั่มค่ะ มาที่เรื่องกลิ่นก่อน กลิ่นหอมอ่อนๆ เด็กๆ (ก็คงกลิ่นรกหมูนั่นแหละมั้ง) คือเค้าไม่ต่างจากน้ำเลย ใสๆและซึมสู่ผิวไวม๊าก แทบไม่ต้องตบหรือผลักเข้าผิวเลย แค่ลงที่หน้าก็ซึมวาบ และไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้แม้แต่น้อยไม่ไปรบกวนการลงสกินแคร์ตัวอื่นๆ ช่วยทำให้การลงสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไปง่ายขึ้นมากๆจะเข้มข้นแค่ไหนก็ลงไปเถอะ ทิฟสังเกตจากการลงครีมกันแดดค่ะ ลงแล้วซึมไวกว่าปกติอี๊กกกก แล้วคือ ทำไมก็ไม่รู้ที่ผิวของทิฟเห็นผลไวมากๆ (ทิฟอาจจะถูกกับรกหมูมั้ยคะ?) ใช้เพียงไม่กี่วัน 2-3 วันเองมั้ง อาจจะแล้วแต่ผิวของแต่ละบุคคลนะคะ ผิวทิฟคือแน่น ฟู เนียน เด้ง อย่างชัด หน้างี้นุ่มเลย รูขุมขนนี่กระชับอย่างเห็นได้ชัด แถมหน้าไม่มันเลยทั้งวันค่ะ

5.Lancome ENERGIE DE VIE Smooth & Plumping Pearly Lotion ( 200 ml. 2,000 บาท)มาที่น้ำตบจากLancome กันบ้างค่ะ น้ำตบรุ่นนี้ผลิตที่ญี่ปุ่น ทิฟจะใช้เฉพาะตอนเช้าน้ำตบของ Lancome จะหนืดๆเล็กน้อยคือ (Lotion คือน้ำตบที่หนืดที่สุดค่ะ) แต่พอทาลงไปบนผิวหน้าจะแตกตัวเป็นน้ำใสๆสดชื่นซึมไว มีอณูประกายขขนาดเล็กโปร่งแสงที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว (ทิฟเข้าใจว่าคือออยล์) ทีนี้ขอพูดถึงกลิ่นว่าหอมมาก เปิดขวดคือได้กลิ่นเลย เค้ามีสารสกัดจากรากเยนเชี่ยน โกจิเบอรี่ และเฟรชเลม่อนบาล์ม สำหรับทิฟ จะมีความรู้สึกที่ทำให้หน้ามันบ้างเล็กน้อย เวลาที่ลงสกินแคร์ตัวอื่นๆตาม (เหมาะกับสาวๆที่ผิวขาดน้ำ ต้องการความชุ่มชื่น) ส่วนเรื่องรูขุมขนยังไม่สังเกตเห็นชัดมากนักต้องสังเกตต่อไปในระยะยาวค่ะ แต่ที่เห็นได้ชัดมากๆคือผิวที่ดูสดใส ดูเฟรช มีชีวิตชีวาและอิ่มเอิบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากผิวที่ดูเหนื่อยๆเพลียๆในตอนเช้า พอใช้ของเค้าคือผิวดูสุขภาพดีขึ้น แต่ในระยะเวลาที่ทิฟใช้ ยังไม่ได้เห็นผลเรื่องอื่นๆมากนักเค้าจะช่วยดูแลผิวเราแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะต้องใช้ร่วมกับตัวอื่นในเซทเค้าด้วยค่ะ

6.HADA LABO SUPER HYALURONIC ACID HYDRATING LOTION ( 30ml. 119 บาท )HADA LABO เป็นแบรนด์แรกๆเลยที่ทำให้ทิฟรู้จักน้ำตบ ตอนนั้นที่เห็นครั้งแรกและได้ใช้คือขวดที่เป็นฉลากสีน้ำเงิน (แต่หน้าทิฟไม่ถูกกับรุ่นนั้น) ส่วนรุ่นนี้ทิฟลองซื้อขวดเล็กมาใช้ ผลคือใช้ได้ ไม่แพ้ (แต่ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล)  รุ่นนี้เป็นสูตรใหม่เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเติมน้ำให้กับผิว เพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงมากกว่าสูตรเดิมและเก็บกักความชุ่มชื่นได้อย่างล้ำลึก ช่วยปรับสมดุลผิว ไม่มีแอลกอฮอล์ไม่มีน้ำหอม ลักษณะเป็นน้ำใสๆมีความหนืดเพียงเล็กน้อย กลิ่นธรรมชาติเบาๆ หลังจากที่ใช้รู้สึกผิวหน้านุ่มเด้ง ช่วยในเรื่องผิวขาดน้ำได้ดีมากยิ่งถ้าใช้สำลีทำมาส์กนะคะ หน้าฉ่ำอิ่มน้ำแบบสุดๆ

แล้วทิฟก็พูดถึงเรื่องใช้น้ำตบทำมาส์กใช่มั้ยคะ ทิฟชอบใช้ตอนที่ผิวหน้าแย่มากๆ อย่างเช่น วันที่อากาศร้อนตากแดดเยอะ ผิวเหนื่อยล้า วันที่ผิวอักเสบ มีสิว โดนฝุ่น หรือแพ้อะไรมา

ทิฟจะใช้แผ่นมาส์กแบบในรูป หรือ สำลีแผ่นใหญ่ๆสัก 3 แผ่น เทน้ำตบลงไปให้ชุ่ม

แล้วมาส์กไว้ 15 นาที น้ำตบจะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาดีขึ้นได้รวดเร็ว และสดชื่นมากๆเลยค่ะ

ครบแล้วนะคะสำหรับการรีวิว น้ำตบ ทั้ง 6 แบรนด์ที่ทิฟ ใช้ และยังใช้อยู่ในปัจจุบัน ตัวทิฟเองมีใช้น้ำตบหลายแบรนด์และสกินแคร์อื่นๆประกอบกันค่ะ อย่างที่บอกไปในขั้นตอนการลงสกินแคร์ด้านบน น้ำตบทั้ง 6 แบรนด์นี้ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทิฟอยากให้สาวๆได้ลองด้วยตัวเองมากกว่า อยากให้อ่านริวิวนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อ เพราะผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องการบำรุงผิวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ตัวทิฟเองอาจจะถูกกับ ส่วนประกอบหลายๆตัวในน้ำตบ จึงทำให้เห็นผลได้ดี บางแบรนด์อาจจะช้าบ้างเร็วบ้าง แล้วแต่ผิวของแต่ละบุคคลจริงๆ แต่น้ำตบเนี่ยช่วยเรื่องการเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวได้ดีมากๆ  จะผิวแห้ง ผิวผสม ผิวมัน ผิวก็สามารถขาดน้ำได้ทั้งนั้นค่ะ อย่างตัวของทิฟเองที่แน่ๆคือ ไม่มีปัญหาหน้าแห้งเป็นขุยมากกวนใจให้หงุดหงิดเวลาแต่งหน้าอีกเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆทุกคน ที่กำลังมองหา น้ำตบ สักขวดนึงนะคะ ขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ สวัสดีค่า 


tyffvathu

tyffvathu



TYFFVATHU


FULL PROFILE