รีวิวลิปสติก ราคาหลักพันยันหลักร้อย มาดูกัน อันไหนทาแล้วรอด อันไหนทาแล้วพัง >.<

27 10

วันนี้นั่งจัดกระเป๋าเครื่องสำอางค์แล้ว ก็ลองหยิบ ลิปสติกมา ทาเล่น แล้วก็มีความคิดว่า เออก เราก็มีลิปสติกหลายแบบเหมือนกันนะ เลยอยากจะมารีวิวลิปสติกให้ดูกันค่ะ มาดูลักษณะของปากเราก่อนน้า

  • ปากแห้งมาก
  • มีร่องปากเยอะ เวลาทาลิปแล้วชอบตกร่อง
  • ความหนาของปาก ไม่หนา ไม่บางค่ะ
คือปกติเป็นคนผิวแห้ง ปากเลยแห้งไปด้วยค่ะ จริงๆ มีลิปที่เป็นคล้ายๆ ลิปบาล์ม หรือ beeswax เยอะมาก แต่วันนี้จะมารีวิว ลิปสติกสีๆ ก่อนละกันน้า

มาแล้ว รายชื่อผู้เข้าประกวด เรียงตามราคาไปเลยค่า  ด้านซ้ายจะแพงสุด เรียงไปด้านขวา จะมีหลากหลายประเภทมาก ตั้งแต่

  • ลิปเนื้อครีม
  • เนื้อบาล์ม 
  • ลิป stain
  • ลิปจิ้มจุ่ม
  • เนื้อ sheer
  • matte
จริงๆมีแบบ glossy ด้วย แต่หาไม่เจอ ก็เลยเดี๋ยวจะบอกตรงนี้เลยว่า เราทา glossy ไม่ค่อยรอดอ่ะค่ะ เพราะมันวาวมาก และจะทำให้ปากเราดูใหญ่ เด่นเกินหน้า ส่วนใครที่ปากบางๆ จะทาสวยนะคะ เห็นเพื่อนๆหลายคนที่ปากบางๆ ทาแล้ว คิ้ว สุดๆ

ตัวแรกคือ Bobbi Brown เป็นลิปในดวงใจเลยค่ะ  คือเนื้อลิปเค้าจะมีความชุ่มชื่นที่พอดี เม็ดสีแน่น ทาแล้วปาดเรียบเนียน แล้วสีมันไม่เด่นเกินไป เลยทาง่าย อันนี้สี Tulle ค่ะ เป็นสีที่แนะนำเลยนะคะ พกในกระเป๋า รับรองว่าต้องมีจังหวะได้เอามาทาแน่นอน เช่น มีนัดด่วนๆ ตัวนี้ช่วยได้เลย แต่สีเค้าจะออกผู้ใหญ่ แนวหวานๆ คลาสสิคๆ ใครที่อยากได้สีจี๊ดจ๊าดกว่านี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจค่ะ ตัวนี้ราคา พันกว่าบาท ถือว่าแพงนะ เลยพยายามใช้อยากประหยัดค่ะ แท่งนี้ใช้มาจะ 2 ปีละ น่าจะหมดอายุไปแล้ว เหอๆ แต่ก็ยังใช้อยู่นะคะ เพราะชอบมากๆ

คะแนน 9/10 (หัก ที่ ราคาแพงไปจ้ะ)

ต่อมาเป็น Dior Lip Glow Addict มัน addict สมชื่อเลย เพราะว่า ใช้มาแล้ว 4 แท่งค่ะ เป็นลิปในตำนานที่คุณภาพดีมากๆ เนื้อลิปชุ่มชื่น ทาแล้วได้ปากที่ดูเต็มอิ่ม น่ารัก สุขภาพดี เหมือนปากเด็กเลย  แล้วสีที่ได้ก็เป็นธรรมชาติมากๆ อันนี้ก็พกติดตัวตลอดเหมือนกันค่ะ เพราะช่วยในเรื่องปากแห้งได้ดี อันนี้ราคา แท่งละ 1,300 บาท มี 2 สีนะคะ อันนี้ สีชมพู ทาง่าย ถ้าใครปากแห้งนี่แนะนำเลย แต่ข้อเสียคือมันหมดไวอ่ะ เปลืองมาก แต่ก็ยังซื้อค่ะ เพราะว่าหายี่ห้ออื่นทดแทนมันไม่ได้จีจีนะ

คะแนน 9/10 (หัก ที่ราคาแพงเหมือนกันนนน สงสารกระเป๋าตังค์)

ต่อมาเป็นลิปทรงดินสอ Revlon colourburst lip stain คือตัวนี้เนี่ะ เพื่อนแนะนำมา ว่าใช้แล้วดีนะ ติดทน ปากไม่แห้งด้วย ปรากฏว่าดีจริงๆค่ะ ราคาไม่แพงด้วย น่าจะแท่งละ 289 บาท แล้วบางทีที่ บู๊ทเค้ามีซื้อชิ้นที่ 2 ลด 50% ด้วยนะ ชอบที่ทาแล้วดูเป็นธรรมชาติ ติดทน อันนี้ก็ใช้มาหลายแท่งแล้ว แต่ที่ชอบจะเป็น สี honey dew กับ สีส้ม (จำชื่อไ่ได้ละ) 2 ตัวนี้เราจะใช้ผสมกันค่ะ โดยจะชอบทาสีชมพูก่อน แล้ว ทาสีส้มตาม จะได้สีออกพีชๆ ที่สวยมากอ่ะ คนที่ผิวไม่ขาวมากอย่างเรา ทาแล้วโอเคเลยนะ จะทำให้หน้าสว่างขึ้นด้วย (จะแอบบอกว่า อันนี้ของชอบหมดไวแหละ บางทีขาดตลาด เวลาเจอเราเลยเหมาตลอด 55+)

ราคา 10/10 เลยจร้าา

ต่อมาเป็น ลิปที่ชอบอีกตัวคือ L'oreal รุ่น Hollywood collection อะไรเนี่ยแหละ อันนี้ซื้อจากสนามบิน เป็นสี ฟ่านปิงปิง หรือไรซักอย่าง อันนี้เป็นสีพีชตุ่นๆ เอาไว้ทาเวลาไปงานที่ต้องการความเรียบร้อย เช่นไปสัมภาษณ์งาน อันนี้ อยากบอกเลยว่าต้องมีนะ แต่ว่าตัวนี้ลิปมันไม่ได้ชุ่มชื่นมากเท่าตัวก่อนๆที่รีวิว แต่สีนี่คือใช่เลย ราคาๆตัวนี้ก็ประมาณ สองร้อยกว่าบาท คุณภาพดีอีกตัวนึงเลยค่ะ รุ่นนี้มันอกมาหลาย collection ละ เช่น La v en rose ของขุ่นแม่ชมพู่ สีชมพูสดใส แต่ว่า เราทาแล้วไม่ไหวอ่ะ คนขาวทาแล้วน่าจะสวยกว่า คนคล้ำแบบเราเลยต้องเลือกนิดนึงว่าอันไหนทาแล้วไม่ดับน้ะจ้ะ

อันนี้ให้คะแนน 8/10 (หัก สองคะแนน ที่เนื้อลิปสติกไม่ค่อยชุ่มชื่น)

ต่อมาลิป NYX สีแดงสะใจมาก อันนี้ซื้อจากอเมริกาเพราะมันราคาถูก แล้วเห็นว่ายี่ห้อนี้ก็โอเคอยู่นะ จริงๆที่ไทยก็มี shop หลายที่อยู่ ตอนนั้นแค่มีความรู้สึกว่าอยากได้ลิปสีสดๆ เพราะจะได้ทาสวยๆถ่ายรูป เลยเอาตัวนี้มา ปรากฏว่า เฮ้ย คือมันดีเกินคาด เนื้อลิปชุ่มชื่น แล้วก็เม็ดสีแน่นมากๆ เสียอย่างเดียวคือ เพราะด้วยเนื้อลิปมันครีมมี่มากๆไง เวลากินน้ำ มันติดหลอดเลอะเทอะไปหมด แต่สีบนปาก ก็ยังมีอยู่นะ เลยต้องระวังนิดหน่อย อันนี้แนะนำว่าให้ทานิดเดียวพอแล้วเกลี่ยให้ทั่ว อาจมีการใช้ทิชชู่ซับปากอีกทีนึงไม่ให้มันดูเยิ่มไปค่ะ

คะแนน 8/10 (หักที่มันเยิ้มไปนิดนุง)

จบละจ้า มหกรรมรีวิว ลิปสติกแบบต่างๆ หวังว่าจะได้ประโยชน์และเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อลิปกันนะคะ จะบอกว่า เราควรรู้สภาพผิวหน้า ผิวปากของเรา และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองค่ะ คือบางทีกระแสมันก็มาแรงมาก แต่ถ้าเราไม่เหมาะกับมันจริงๆ มันก็ต้องโยนทิ้งอ่ะ

วันนี้ไปก่อนเด้อ บ้ายบาย 


seasandskyandsine

seasandskyandsine

Easy going

FULL PROFILE