ซัวซไดย ซัวซไดย ใครๆ ก็ไปเขมร [ Khmer is so chic ]

21 7

" See Angor Wat and Die." ประโยคสุดคลาสสิคที่แปลเป็นไทยได้ว่า ...

แค่ได้ไปนครวัดสักครั้งในชีวิตก็ไม่เสียชาติเกิด หรือ อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ไปเยือนนครวัด

ทริปนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เป็นทริปสั้นๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำให้เราเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า "ปริ่ม" ได้มากขนาดนี้ ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางสู่นครวัด ขอให้ลองนึกถึงภาพนครวัดในหัว แล้วลองจินตนาการว่าเมื่อ 1,000 ปีก่อน ตอนที่สิ่งก่อสร้างสุดมหัศจรรย์เหล่านี้มีชีวิต มันวิเศษมากขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มออกเดินทางสู่นครวัดกัน ตามสายสวรรค์มาเลย

เรามีนัดกับคนขับตุ๊กๆ ชาวกัมพูชาตอนเวลา 04.30 น. ตกลงราคากันไว้ $30 ทัวร์ 1 วันเต็มนครวัดและปราสาทต่างๆ รวมถึงบันทายศรี เขาจะมารับเราหน้าโรงแรมค่ะ แต่ด้วยความเยอะของหญิงกว่าจะเสด็จกันลงมาก็เวลา 05.00 น. ก่อนจะไปนครวัดเขาจะพาเราไปซื้อตั๋วก่อนค่ะ

ตั๋วใบนี้ใช้เข้าทุกปราสาท เขาจะมีคนตรวจอยู่ด้านหน้า ถ้าทำหายต้องซื้อใหม่อย่างเดียว

ตั๋วพร้อมคนพร้อมรีบพุ่งตัวไปนครวัดกันจ้า เป้าหมายแรกของวันนี้คือการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด จากที่ดูมาเขาบอกว่าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.45 น. ซึ่งเรามาทันอย่างเหลือเชื่อ !!

แต่จากการดูรีวิวมาจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นคือสระบัวด้านในซึ่งคนเยอะ มุมดีๆ หาไม่ได้ถ้ามาช้า เราเลยเลือกที่จะนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ด้านนอกกำแพงเมืองซึ่งก็เป็นวิวที่สวยมากเช่นกัน ลองเปลี่ยนมุมมาดูแบบไม่เหมือนคนอื่นบ้างก็ดีเหมือนกันนะ ;)

แค่เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรอบตัวของเราก็เริ่มสว่างขึ้น จนความยิ่งใหญ่ของนครวัดปรากฏสู่สายตา คำแรกที่พูดขึ้นมาเลยคือ "สวย สวยมาก" มันเป็นความยิ่งใหญ่ที่ต้องนับถือคนสมัยก่อนที่สร้างอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ทั้งๆ ที่ไร้ซึ่งเทคโนโลยี อาศัยแค่แรงและความศรัทธาสิ่งที่ออกมามันสุดยอดจริงๆ

ตอนนี้เวลา 07.00 น. ต้องบอกเลยว่าคนเยอะมาก ฝรั่ง ไทย จีน ญี่ปุ่น ปริมาณมหาศาล เพราะฉะนั้นภาพวิวที่ปราศจากคนนี่เลิกหวัง เรามาชมภาพแบบคนเยอะๆ กันดีกว่า

ทางเข้าคือเราจะผ่านซุ้มประตูนี้เขามาค่ะ แล้วก็เดินต่อไปบนสะพานที่ทอดยาวสู่ตัวปราสาทหลัก ระหว่างทางก่อนถึงปราสาทก็รู้สึกอยากถ่ายรูปตลอดเวลา คือสวยมาก ตัวปราสาทที่สร้างจากหินทรายอายุกว่า 100 ปี ตัดกับสีฟ้า เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ

ขอเล่าเข้าสู่วิชาการจาก Wikipedia นิดนึงก่อน เพื่อความเข้าใจตรงกัน ...

ปราสาทนครวัดมีขนาดใหญ่มากถึง 200,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทสูง 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้าง 80 เมตร มีแผนผังที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดยอดของปราสาทขอม มีปราสาท 5 หลังตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติของศูนย์กลางจักรวาล มีกำแพงด้านนอกยาวด้านละ 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบ มหาสมุทรบนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ

รอบๆ ปราสาทนครวัด ก็มีมุมถ่ายรูปสวยเยอะมาก วันที่ไปมีม้าเล็มหญ้าอยู่ 2 ตัว คือชอบมากกก

เข้ามาด้านในทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ไปหมด ภาพแกะสลักหินทรายก็ยังคงดูชัดเจนจนน่าเหลือเชื่อมาก ว่าเวลามันผ่านมานานขนาดนี้แล้วหรอ

สิ่งที่ห้ามพลาดถ้าหากมานครวัดคือการเข้าชมหอสูง 60 กว่าเมตร ศูนย์กลางของกลุ่มปราสาท อันเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจักรวาล ที่ทางขึ้นชันมากและแน่นอนทางลงก็เช่นกัน ใช้เวลาต่อแถวประมาณ 30 นาที เพราะมีการจำกัดจำนวนคนขึ้น และผู้ที่สามารถขึ้นไปได้จะต้องแต่งตัวเรียบร้อย กางเกงหรือกระโปรงยาวคลุมเข่าเท่านั้น

วิวจากด้านบน เราจะได้เห็นพื้นที่ทั้งหมดของนครวัด วิวทอดไกลสุดสายตาที่าแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมโบราณ

จบการทัวร์นครวัดประมาณ 09.00 น. เราหาข้าวกินบริเวณที่รถตุ๊กๆ จอดรออยู่ ราคาอาหารแถวนี้จะแพงกว่าในเมืองจากจานละ $2.5 เป็น $5 แต่ก็ไม่ได้แพงมากถึงขนาดต้องพกขนมปังโน่นนี่นั่นไปกินแล้วอดทนกลับไปกินข้าวในเมือง เพราะฉะนั้นกินไปเถอะค่ะ น้ำขวดใหญ่ราคารับไหว $1

เราออกเดินทางต่อสู่ "นครธม" ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายของอาณาจักรขะแมร์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนครวัดห่างออกไปไม่ไกล นครธมมีขนาดใหญ่มากครอบคลุมพื้นที่กว่า 9 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเราจะไปชมปราสาทหลักของที่นี่กันคือ ปราสาทบายน

ปราสาทบายนจุดเด่นคืออาคารมีลักษณะพิเศษ เป็นหอรูปหน้าหันสี่ทิศ จำนวน 49 หอ ปัจจุบันคงเหลือเพียง 37 หอ ลักษณะโดยทั่วไปจะมี 4 หน้า 4 ทิศ แต่บางหออาจมี 3 หรือ 2 แต่บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มอาคาร จะมีหลายหน้า

ความรู้สึกของเราคือรู้สึกว่าที่นี่สมบูรณ์มาก ภาพแกะสลักหน้าหน้าทั้ง 4 ด้านของหอต่างๆ ยังคงชัดเจน จนเห็นถึงความแตกแต่งของหน้าแต่ละหน้า ที่นี่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ ใหญ่ขนาดที่ว่าเดินแล้วหลง นี่ฉันอยู่ที่ไหน จุดไหนที่ฉันนัดกับเพื่อน ฮ่าาๆๆ ทำได้อย่างเดียวคือ เดินวนไปค่ะพี่สุชาติ รอบครึ่ง มีการเดินเลย โอ้ยยท่ามกลางอุณหภูมิที่พุ่งสูงปรี๊ดดด น้องกราบบบบบ

นี่ถ้าเกิดเป็นคนยุคนั้นฉันจะตื่นเต้นขนาดไหนเนี่ย !!

สวัสดีค่ะตอนนี้เวลา 10.30 น. นอกจากความยิ่งใหญ่ของปราสาทต่างๆ แล้ว มีสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและขึ้นชื่อไม่แพ้กัน คือ ความร้อนนนนนน ต้องขอบอกว่ามันเว่อร์วังมากจริงๆ ร้อน ร้อนมาก ร้อนจนแสบไปหมด การมีสเปรย์กันแดดแล้วฉีดทุก 30 นาที คือรู้สึกปลอดภัยแต่ไม่หายร้อน

บ่นยาวไปก็ไม่ดี ได้เวลาเคลื่อนตัวสู่ปราสาทถัดไป (นับจากนี่คืออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ นะคะ)

เดินมาจากปราสาทบายนไม่ไกลก็จะเจอกับ "ปราสาทบาปวน" เป็นปราสาทที่มีรูปทรงพีระมิดคล้ายกับปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ทองคำ สัญลักษณ์แทนพระศิวะ แต่ได้สูญหายไปนานแล้ว

ปราสาทบาปวนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในกลุ่มปราสาทนครวั ด ซึ่งก็สมกับที่เขาว่าไว้เพราะเป็นปราสาทที่สวยมากจริงๆ ทุกอย่างดูลงตัวมาก การเข้าชมตัวปราสาทคือต้องเดินผ่านสะทานที่ทอดยาวโดยมีน้ำบ่อน้ำขนาบทั้ง 2 ข้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยน้ำนะคะ เพราะอากาศเกินขีดคำว่าร้อนไปแล้ว

ออกเดินทางกันต่อสู่ "ปราสาทตาพรหม" อันที่จริงตามโปรแกรมเราจะไปปราสาทพระขรรค์กันก่อน แต่เนื่องจากสู้อากาศไม่ไหว ทริปนี้มีแต่คนสวยเลยยอมค่ะ ขอไปตามหาแองเจลิน่า โจลี่ที่ปราสาทตาพรหมจะดีกว่า

ปราสาทตาพรหมพิเศษกว่าปราสาทอื่นตรงที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นคลุมตัวปราสาทจำนวนมาก เป็นอะไรที่ฉันวันเดอร์ฟูลดูแล้วอะเมซิ่งมาก ภาพติดตาของที่นี่คงจะหนีไม่พ้นภาพยนต์ Lara Croft Tomb Raider หรือทูมไรเดอร์ที่มีขุ่นแม่แองเจลิน่า โจลี่ นำแสดง

พอมาเห็นจริงก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวัง ที่ตั้งปราสาทนี้ไว้เป็นอีกจุดหมายหนึ่งของการเดินทาง เนื่องจากปราสาทมีความซับซ้อนวนไปวนมา ทำให้ฉันหลงค่าาาา เดินวนรอบปราสาทเหนื่อยมากหลังจาก เดินรอบปราสาทบายนมาแล้ว

เดินวนปราสาทตาพรหมจนสมอารมณ์หมาย ต้องบอกก่อนว่าปราสาทนี้รถเข้าไม่ถึงค่าา นอกจากฉันจะต้องเดินเข้าไประยะทางพอใช้แล้ว ฉันมีความหลงทางเกิดขึ้น แล้วฉันก็ต้องเดินกลับออกมาด้วย และสุดท้ายนี่คือตอนเที่ยง !!!

พี่ตุ๊กๆ พาเราออกเดินทางต่อสู่ "บันทายศรี" อันนี้อยู่ห่างไกลออกมาเยอะค่ะ ใช้เวลา 30-40 นาที ระหว่างทางผ่านปราสาทบันทายกเดยและสระสรง ซึ่งน้ำแห้งไปหมดแล้วเราจึงขอบายไม่แวะแล้วเราก็มาถึงปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา ตัวปราสาทที่นี่ถูกสร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ซึ่งตอนนี้ก็ยังดูออกว่าเป็นสีชมพู เป็นปราสาทที่มีอายุกว่า 1,000 ปี และมีความสมบูรณ์ของลวดลายมากที่สุด คือชัดมากจริงๆ

ปราสาทบันทายศรีหรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี เป็นปราสาทขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายพระอิศวรค่ะ สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจของที่นี่ก็คือลวดลายสลักต่างๆ ที่ยังคงสภาพเหมือนเมื่อ 1,000 ปีก่อน

แล้วการเดินทางทัวร์ปราสาทเขมรของเราก็ขอปิดท้ายที่ปราสาทนี้ค่ะ ณ จุดนี้ทำตามจุดประสงค์ครบแล้ว ไม่ขอหาสิ่งใดเพิ่มเติม ขอแอร์เย็นด่วนๆ พี่แสบไปหมด โชคดีที่ทริปนี้แต่ละคนมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันคือถ้ามันลำบากกายใจมากเกินไปก็พอดีกว่า รถใช้เวลาเกือบชั่วโมงพาเรามาส่งที่โรงแรม กราบขอบพระคุณ

มาเล่าเรื่องการเดินทางกันต่อ จากกรุงเทพง่ายสุดคือขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยไปยังตลาดโรงเกลือ หรือจะใช้รถบ่อนที่หลายคนนิยมกัน ซึ่งแน่นอนว่าเราเป็นหนึ่งในหลายคน

เรามีนัดขึ้นรถที่สะพานพุทธตรงข้ามสวนย่อม หน้า 7-11 ตามที่เจ๊แดงได้บอกไว้เวลา 4.15 น. รถออกเจ๊แดงเพิ่งจะรับสาย แล้วบอกว่าฝั่งธน อีนี่อยู่ฝั่งปากคลอง สวัสดีค่ะเจ๊แดง _/||_ เสียงเหวี่ยงนิดๆ ก็ยังใจดีบอกให้พุ่งตัวไป 7-11 หน้าสตรีวิทจะเจอ 2 แม่ลูกยืนอยู่ (คำบอกเล่าคือคนอวดผีมาก ณ เวลานั้น) สุดท้ายก็เจอ 2 แม่ลูกซึ่งลูกอายุ 30 กว่าละ นี่ก็จินตนาการว่าเด็กเล็ก โถ่ววว ค่ารถ 200 บาท หลับยาวๆ ไม่รู้เรื่องราวใดๆ

ประมาณ 08.30 น. รถมาถึงตลาดโรงเกลือบอกเลยว่าทริปนี้ฉันบอยมาก บอยที่สุด !! ชุดเสื้อคลุมทหาร เดินไปต่อ ทางหลัง 7-11 ไป จะมีป้ายให้เราเข้าสู่ ตม. ขาออก ที่ด่านนี้มีความพิเศษคือไม่ต้องเขียนใบ ตม. ไทย สอบถามมาเพราะว่าคนเยอะมาก จึงเป็นจุดเดียวในประเทศที่ไม่ต้องเขียน

จะมีคนมาคอยดักเขียนใบ ตม. เขมรให้ แล้วเก็บเงิน อย่าไปสนใจบอกไม่เอาค่ะแล้วเดินต่อไปเลยนะคะ

ผ่านด่านมาได้ไม่นานจุดประสงค์แรกและเกือบจะเป็นหลักของทริปคือ Casino ก็แล้วแต่ความชอบใครไม่ชอบก็เข้าเสียมเรียบไปเลยจ้าาาา แต่นี่กว่าจะออกมาขึ้นรถก็บ่าย 3 แล้วจ้าาา ฝนตกอีกอะไรอีก ผ่าน ตม. เขมร มีคนแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่เข้ามาอธิบายว่า ตรงเนี่ยหารถ Taxi เข้าเมืองไม่ได้แล้วนะ เขาไม่ให้จอดผิดกฏหมาย จะต้องนั่ง Free shuttle bus ไปที่ Terminal แล้วหา Taxi ที่นั่น นั่งรถประมาณ 15 นาที ถึงท่ารถ โอ้โห น้ำท่วมมมมมม ทั้งฝรั่งทั้งไทย ฮือฮาาากันใหญ่

ลุยกันไปค่าาพี่สุชาติ แล้วก็มาถึงจุดพลิกผันค่ารถ Taxi ที่ศึกษามาประมาณ $30 มาที่นี่ยืนสวยๆ ด้วยราคารถ $48 ถ้าจะไปรถบัสต้องรออีก 2 ชั่วโมงราคาคนละ $9 = $36 ตอนแรกก็จะไปรถบัสแหละ อยู่นางก็เสนอมาว่าถ้าไปแท็กซี่นี่ลดขากลับให้ เหลือ $40 รวมไปกลับ $88 คิดไปคิดมาโอเคก็ได้

นั่งรถไปประมาณ 3 ชั่วโมง แท็กซี่ที่บอกจะไปส่งที่พัก ไม่ไปค่าา เข้าไปจอดที่จุดจอดรถของบริษัทนาง ตอนแรกฉันก็โวยวายสู้แหละนะ แต่เขาบอกให้รถตุ๊กๆ ไปส่งฟรี !!

คุยไปคุยมาโอ้โห ถ้าฟรีจะต้องซื้อทัวร์นางพรุ่งนี้ก็คือเช่ารถตุ๊กๆ แล้วนี่จองไปแล้วจากไทยกับคนขับที่พูดคุยอังกฤษได้ เราบอกไม่เขาบอกถ้าไม่ซื้อก็ต้องจ่ายตั้งค่าไปส่ง ดร๊อกมาก ณ จุดนี้ แล้วอยู่ๆ ก็ถามจองมากับใคร นี่ก็บอกชื่อไป เขาบอกอ้ออ นี่เป็นเพื่อนกันเดี๋ยวโทรบอกเอง แล้วไม่ถามด้วยว่า ลากีกี้ คนนี้ชื่ออะไร แล้วหล่อนจะเอาอะไรมารู้ค่ะ !! สุดท้ายก็ดีลซื้อทัวร์นางก็นางบอกเป็นเพื่อนกัน ก็จ่ายเงินไป $30 ตามดีล

ตอนเช้า สวัสดีค่าาา คนที่นัดไว้ก็มา คนจากนางเทย์ก็มา เถียงไปเถียงมาบอก i'm so sorry. i'll pay you $10. It was my fault. ตอนแรกไม่ยอม จะเอา $15 ต้องให้กี้เสียงดัง

สรุปคือ ฉันว่าเราสามารถหาแท็กซี่ได้ตั้งแต่ผ่าน ตม. เขมร นั่นแหละ แล้วจะไม่เกิดปัญหาใดๆ

เล่าเรื่องที่นอน เราเลือกที่พักแบบ Hostel แถวๆ Pub Street ด้วยข้อดีคือที่พักให้เลือกเยอะ ราคาถูก ของกินให้เลือกมากมาย เดินเล่นได้ทั้งคืน ซึ่งครั้งนี้เราพัก 2 ที่คือ Siem reap pub Hostel สะอาด มีสระว่ายน้ำ ใกล้ Night Market แต่ก็แอบเข้าซอยนิดนึง ไม่น่ากลัว

Funky Flashpacker ที่นี่ห่างออกมาจากโซน Pub street อีกหน่อยแต่ก็ไม่ไกลมากอันนี้แนะนำ ทุกเพศ ทุกวัยที่เป็นสาย ฝ. เป็น Hostel แนว ฝ. โดยแท้ กิจกรรมเยอะมี pool party มี Sky Bar ครบครันทีเดียว และจากการมาบอกเลยว่า ดีมากกกกกกกกกกกกก

เล่าเรื่องของกิน ที่นี่อาหาร Khmer คล้ายกับอาหารไทยมาก โดยที่รสชาติจะเบาบางกว่าหน่อยแต่ก็อร่อยค่ะ ราคาก็ตั้งแต่ $1.5 - $4 แล้วแต่ร้าน ที่กินมาอร่อยทุกร้านเลย

ความดีงามของที่นี่คือ ร้านข้าวข้างทางใช้ข้าวสวยที่ดีกว่าข้าวสวยเมืองไทย ข้าวเขาอร่อยดีค่ะ

น้ำผลไม้ปั่น เป็นอีกอย่างนึงที่ห้ามพลาดเพราะอร่อยมาก ราคาแค่ $1 ส่วนใหญ่จะใส่นมด้วย นี่ก็สวยบอกไม่ใส่ก็เกิดอาการไม่อร่อย เพราะฉะนั้นเวลาสั่งให้เขาใส่ไปตามเรื่องตามราวของเขานะคะ อร่อยตามเขาไปดีกว่า

น้ำเปล่าขวดใหญ่ และน้ำอัดลมต่างๆ ราคาเฉลี่ยก็ประมาณ $1 ไม่แพงมากกินได้สวยๆ

ดูเหมือนน้ำทุกอย่างที่นี่เริ่มต้นที่ $1 แต่ยกเว้นน้ำนึงค่ะ ที่นี่เบียร์ถูกมากกกกกกแก้วละ $0.5 ประมาณ 17 บาท ดื่มเลยค่ะพี่สุชาติ ช่าเลี้ยงเองคืนนี้ช่าจะมาวววววววววววว

กาแฟ เป็นอย่างนึงที่ถ้าไม่กินได้ ก็ไม่ต้องกิน เพราะนี่กินมา 4 ร้าน แล้วไม่อร่อย จืดจางมากกกกก ราคาก็สูงหน่อย ร้านข้างทางทั่วไปก็ราคา $1.5

ทุกทริปที่เราไปจะพยายามใส่นาฬิกาของ Garmin ที่ช่วยนับก้าวเดิน ซึ่งพอแตะหลัก 30,000 คือจะมีความพราวด์มากก แต่ทริปนี้ได้สูงสุดแค่ 23,000 ก้าว ก็โอเคอยู่น้าาาาา ลองหามาใส่ดูมีหลายแบรนด์ให้เลือก มันเหมือนเป็นการท้าทายอย่างนึง

ส่วนกล้อง Nikon นั้นเป็นเพียงพร๊อบที่ยืมมาจากคนข้างๆ ฮ่าาาๆ

สรุปค่าใช้จ่ายทริปเขมรต่อคน (เที่ยว 4 คน ราคาถูกที่สุด)

  • ค่ารถไปกลับกรุงเทพ - โรงเกลือ 400 บาท
  • ค่ารถจากปอยเปตเข้าเสียมราฐไปกลับ 800 บาท
  • ค่ารถตุ๊กๆ นำเที่ยว 250 บาท
  • ค่าห้องพัก 2 คืน 350 บาท
  • ค่าชมโบราณสถาน 700 บาท
รวม 2,500 บาท + ค่าข้าวมื้อละ 120 บาท

ทริปหน้าเจอกันที่พม่านะคะ มิงกะลาบา


La Kikiz

La Kikiz

"KiKi" Jeban - Daisy
Lifestyle | Travel | Tech

"Data" is the best way to know you :)

FULL PROFILE