5 สิ่งที่ควรเลิกหิ้วมาจากญี่ปุ่นได้แล้ว!

49 32

ซากุระกำลังบาน สงกรานต์ก็กำลังมา ช่วงนี้เห็นหลายคนมีแพลนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเพียบเลย แน่นอนว่าสิ่งจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ก็คือ"ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี?"

หืมม ถ้าจะให้ตอบกันตรงๆ มันก็ยากนะ เพราะของจากญี่ปุ่นนี่น่าซื้อทุกอย่างเลย ดังนั้น! เอิร์ธว่าเราเปลี่ยนเป็นมาบอก สิ่งที่ควรจะเลิกหิ้วจากญี่ปุ่นกันดีกว่า โดยเฉพาะเหล่าเครื่องสำอางต่างๆ เพราะราคาเมืองไทยชักจะสูสีกันแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาหาซื้อ หรือโกยมาให้เปลืองน้ำหนักกระเป๋ากันเปล่าๆ เอาพื้นที่และแรงไปขนอย่างอื่นๆ ที่น่าซื้อกันดีกว่า

5 สิ่งที่เคยฮิตหิ้วจากญี่ปุ่น แต่ตอนนี้เมืองไทยก็มี!

1. Shiseido Whip Foam

โฟมล้างหน้าตัวดัง ที่หลายคนบอกว่าไปญี่ปุ่นต้องห้ามพลาดที่จะโดนกลับมา จริงอยู่ว่าราคามันถูกมากกก ประมาณ 200-300 เยน เท่านั้น แต่!! ประเทศไทยเราก็มีขายในราคาประมาณ 220 บาทนะจ๊ะ

ถ้าเทียบกับน้ำหนักที่ต้องหอบหิ้วกลับมา แถมพื้นที่ของกระเป๋าที่ต้องจัดสรรดีๆ อีก งานนี้ถ้าใครอยากซื้อมาลองขำๆ ก็ยังพอโอเค แต่ถ้าใครสติหลุดพร้อมโกยมาเยอะๆ ก็คิดกันให้ดีๆ ถ้าจะเอามาดองไว้ แล้วเพิ่มน้ำหนักกระเป๋าหลอดละประมาณ 120 กรัม หลายๆ หลอด เอาไปทุ่มกับของที่ไม่มีขายในไทย จะดีกว่ามั้ย...

2. Hada Labo

อีกตัวนึงที่ใช้พื้นที่และน้ำหนักในการหิ้วกลับเยอะมาก นั่นก็คือเหล่า Hada Labo ที่ก็แอบเข้าใจอารมณ์สาวๆ เมื่อไปยืนตรงหน้าร้านต่างๆ แล้วกองทัพสกินแคร์แบรนด์นี้แบบอัดแน่นพร้อมกับป้ายราคาสีแดงเด่น ก็ทำให้มือแทบจะโกยใส่ตะกร้ากันอย่างสนุกสนาน

แต่ช้าก่อน! ราคาที่ไทยกับญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยจะต่างกันอีกแล้วนะจ๊ะเพราะ เค้าขายกันประมาณ 800-900 เยน (ถ้าเทียบอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนี้ก็ตกขวดละ 300 บาท) ส่วนที่ไทยก็ขายราคา 500- 600 บาท แต่จุดเด่นก็คือมีโปรโมชั่นกันบ่อยมากก ลดแลก แจกแถมกันกระจาย

โดยเฉพาะตามร้าน Drugstore ต่างๆ ในไทยโปรถี่มาก ซื้อแล้วคุัมยิ่งกว่าบินไปขนที่ญี่ปุ่น รอจังหวะเหมาะแล้วซื้อที่ไทยก็โอเคนะจ๊ะ แต่ถ้าอดใจกับราคาเบื้องหน้าไม่ไหว แนะนำให้ซื้อแบบรีฟิลที่เป็นซองมาเติม แบบนี้ก็ยังคุ้มค่าขนหิ้วค่ะ

3. มาส์กเต้าหู้ Tofu Moritaya

มาส์กเต้าหู้ตัวดังที่หลายคนพูดถึงกันและแห่ไปกว้านซื้อกันสุดๆ จนหลายร้านจะต้องจำกัดการซื้อกันเลยทีเดียวนะ ซึ่งตอนนี้เค้าก็มีขายในไทยแล้วเหมือนกันนะ ราคาประมาณ 600 กว่าบาท ส่วนที่ญี่ปุ่นเองก็ขายอยู่ที่ประมาณ 1,600 เยน หรือประมาณ 500 บาท ก็ถือว่าต่างกันไม่มากนะจ๊ะ

4. Cleansing Water

เหล่าไอเท็มล้างเครื่องสำอางต่างๆ ที่มีให้เลือกกันแบบละลานตา ซึ่งบางยี่ห้อเนี่ยเค้าก็มีขายในไทยในราคาที่ใกล้เคียงกันเลยนะ ก็มี หลายแบรนด์ที่ตอนนี้เข้ามาผลิตในไทยกันแล้ว ทำให้ราคาที่นู่นกับบ้านเราก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นหากใครจะหิ้วเข้ามาก็เช็คราคากันดีๆ กว่านะจ๊ะ

5. Tsubaki

ยาสระผมแบรนด์ดังที่หลายคนชอบหิ้วกลับมาไทยกันเยอะมาก แต่! สาวๆ คะ ยาสระผม แชมพูขวดนึงมันหนักมากเลยน้าา แถมขวดใหญ่กินพื้นที่อีกต่างหากซื้อทีก็ชอบมาเป็นเซ็ตคู่กับครีมนวดผม ยิ่งทำให้พื้นที่ว่างในน้องเป๋าของเราลดลงไปอีก ดังนั้นตอนนี้ที่ไทยมีขายแล้วนะจ๊ะ เอิร์ะแนะนำว่าซื้อที่ไทยอาจจะคุ้มกว่าน้า

ไหนๆ ก็เม้าท์มอยเรื่องนี้กันแล้ว เอิร์ธขอแถมน้องขนมที่ไม่ควรหิ้วมากันอีกซัก 1 อย่างแล้วกัน นั่นก็คือ

ขนมป๊อกกี้ รสต่างๆ

ขนมโปรดของใครหลายๆ คน ความจริงแล้วต้นตำรับของเค้าก็อยู่ที่ญี่ปุ่นนี่แหละ แต่! สาวๆ จ๋า แนะนำว่าอย่าเพิ่งโกยป๊อกกี้ทุกรสกลับมาไทยนะเพราะตอนี้มีขายในไทยก็หลายรสมากแล้ว ที่แปลกๆ หรืออร่อยๆ อย่าง ชาเขียว คุ๊กกี้แอนด์ครีมก็มีขายกันแล้ว ทยอยมาซื้อกินที่เมืองไทย จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ของกระเป๋าขากลับนะคะ

หมดแล้วจ้า กับ 5 สิ่งที่บ้านจีบันลงมติกันว่าซื้อที่ไทยน่าจะคุ้มกว่าหิ้วกลับมาอาจจะไม่สูสีในเรื่องราคา แต่ว่าของส่วนใหญ่เป็น "น้ำ" กินน้ำหนักและต้องดูแลยามขนข้ามประเทศกันด้วยนะคะ แนะนำว่าค่อยๆ ซื้อค่อยๆ ใช้จากในบ้านเรานี่แหละ ไม่จำเป็นต้องสะสมหรือหิ้วมาฝากกันอีกต่อไป

แต่ถ้าใครตั้งใจจะไปหิ้วโดยเฉพาะ ก็ไม่ขัดศรัทธาสามารถหิ้วกลับมากันได้เลยจ้า (:

อ้าวว แล้วถ้าอย่างนี้ควรจะช็อปอะไรดีล่ะ? พอไม่ซื้อขอพวกนี้กระเป๋าเราเริ่มว่างแล้วใช่มะ อย่างนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่า ไอเท็มที่ควรจะซื้อกลับมานั้นมีอะไรบ้าง

ไอเท็มและร้านที่ไม่ควรพลาดจากญี่ปุ่น!

1. Daiso และร้าน 100 เยน

ถึงจะมีร้านในไทยหลายสาขา แต่ราคาของเค้าถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง เพราะของในร้านของเค้าคือทุกอย่าง 100 เยน หรือ 30 บาทไทยเท่านั้น แต่ให้ส่องไอเท็มที่ไม่มีขายในไทย

ขอให้พุ่งตัวไปที่สินค้า Beauty ต่างๆ อย่างน้ำยาเคลือบคิ้วที่จัดว่าเด็ดมาก พวก make up ต่างๆ จนจีบันของเราต้องเอามา Unpack แกะลองกันเลยทีเดียว

2. Jill Stuart

ร้านเครื่องสำอางมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งที่สาวหวานทั้งหลายต้องพุ่งตัวไปทันทีเมื่อเห็น ด้วยความแพ็คเกจของเค้าน่ารัก ดูเจ้าหญิงสะท้านใจ แถมเค้าไม่มีขายในไทยอีกต่างหาก

ดังนั้น สาวมุ้งมิ้งทั้งหลายห้ามพลาดเลยจ้า แต่! ก็ใช่ว่าเค้าจะมีแต่ไอเท็มสำหรับสาวหวานเท่านั้นนะจ๊ะเพราะตอนนี้เค้าก็มีคอลเลคชั่นพิเศษ สีดำลึกลับ ไว้สำหรับสาวเซ็กซี่ด้วยจ้า ถ้าอยากรู้ว่าเป็นแบบไหน ตามมาดูได้ที่ Unpack กันเลย

3. Lush

อีกร้านนึงที่ไม่ควรจะพลาดเลยก็คือ Lush ที่ความจริงแล้วต้นตำรับของเค้าอยู่ที่ London ที่เค้าก็มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ อย่างประเทศเพื่อนบ้านของเราก็ญี่ปุ่นนี่ละ ที่มีให้เลือกเยอะมากไม่แพ้อังกฤษเลย

ร้านนี้จะเป็นสกินแคร์ต่างๆ ที่เป็น Handmade ที่ทำมาจากธรรมชาติ และสดใหม่ มีทั้งสครับ มาส์กหน้าต่างๆ แต่ที่เด็ดจริงๆ ก็คือเหล่าสบู่ และ Bathball ต่างๆ ที่มีกลิ่นให้เลือกหลากหลายจ้า

อย่างคุณ

4. Don Quijote

ร้านที่ขายสารพัดสิ่งที่มีในญี่ปุ่น ตั้งแต่เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น อาหาร ขนมต่างๆ ที่มีเฉพาะที่ญี่ปปุ่น ก็สามารถไปเลือกช็อปกันได้ที่นี่เลย เพราะของเค้าเยอะจริงๆ หรือถ้าสาวคนไหนอยากจะไปลองเข้า Sex shop ซักครั้งในชีวิตแต่ยังเขินอายไม่กล้าจะเดินเข้าไปที่ร้านใหญ่ๆ ในดองกี้เค้าก็มีเปิดโซนเล็กๆ ให้สาวๆ ได้ลองแว๊บเข้าไปดูกันจ้า

จุดเด่นอีกร้านนี้ก็คือTAX FREE Counterที่เราสามารถใช้ขอ Refund Tax ได้ที่ร้านเลย เพียงแค่ซื้อของให้ครบ 5,000 เยน โดยปดติแล้วเราจะต้องจ่ายภาษี 8% แต่ถ้าเราช็อปครบก็สามารถแจ้งว่าขอคืนภาษีนะจ๊ะตอนจ่ายเงิน เค้าก็จะพาเราไปโซน Tax Free พร้อมจัดของในถุงที่ห่อไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการแกะ แล้วเราก็สามารถจ่ายเงินโดยที่ไม่เสียภาษีเลยค่า ดังนั้นสาวๆ ควรจะช็อปให้ถึงยอด 5,000 เยนเพื่อประหยัดค่าาา

cr: https://www.jnto.go.jp/eng/attractions/shopping/02.html

5. Duty Free ที่สนามบิน

ขาช็อปทั้งหลายอย่าเพิ่งช็อปกันจนเงินหมดนะจ๊ะ เพราะ Duty Free ที่สนามบินของญี่ปุ่นนี่ก็รวบรวมของราคาถูก ปลอดภาษีที่ดีงามไม่แพ้ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องสำอางแบรนด์ต่างๆ หรือจะเป็นขนมยอดฮิตอย่าง โตเกียวบานาน่า คิทแคทต่างๆ ก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่เลยจ้า

6. ร้านเสื้อผ้า GU

แหม อันนี้ไม่ได้หยาบคายอะไรใดๆ นะจ๊ะ เพราะร้านเค้าเขียนว่าGU จริงๆ นะ แต่ชื่อของเค้าหลายคนก็เรียกร้านจียู นี่แหละจ้า

แบรนด์นี้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของ Uniqloร้านดังที่เราชอบเข้ากัน ซึ่งเค้าก็จะขายเสื้อผ้าหลากหลายแนวให้เราได้ช็อปกันซึ่งปกติราคาของเค้าก็ถูกอยู่แล้ว (แทบจะครึ่งนึงของ Uniqlo) แต่! เค้าจะมีโปรโมชั่นลดของคอลเลคชั่นเก่าอยู่บ่อยๆ งานนี้แนะนำเลยว่าใครที่เสื้อผ้าไม่พอ ให้วิ่งเข้าไปร้านนี้เลยย รับรองมีของให้เลือกครบ ถึงขนาดโกกิ แห่งจีบันของเรา จะเอากระเป๋าเปล่าเพื่อไปขนเสื้อ GU กลับมาเลยนะเธ๊อ!

7. Gashapon

สาวกตุ๊กตาต้องไม่พลาดสิ่งนี้กับ เหล่าตู้ Gashaponที่อยู่เรียงรายให้เราเสียเงินกันทุกที่ทุกแห่งที่ญี่ปุ่น แต่งานนี้บอกเลยว่าถ้าสาวๆ ใจรักในตัวการ์ตูนและการไขตู้แล้ว ขอบอกว่าต้องหยอดค่ะ! อย่าลังเล เพราะราคาที่นู่นมันถูกมากจริงๆ จากที่ไทยราคา 100-200 บาท แต่ญี่ปุ่นเราสามารถเปลี่ยนจากค่าเงินบาทเป็นเยนได้ทันที นั่นก็คือ 100 เยน = 30 บาท เท่านั้น โอ๊ยยย ฟินค่ะฟิน

อ้อ! ไม่ใช่แค่ Gashapon เท่านั้นที่ถูกนะจ๊ะ เหล่าฟิกเกอร์ ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นต่างๆ ก็ถูกมากไม่แพ้กัน ทั้งกันดั้มจนไปถึงเซเลอร์มูน โดเรม่อน ทั้งมีให้เลือกเยอะและถูกกว่าที่ไทย บอกเลยว่าชาวการ์ตูนห้ามพลาด

cr: https://op.kiriska.com/2010/06/5-money-sinks-for-otaku-in-tokyo/

8. แผ่นกอเอี๊ยะญี่ปุ่น

ปิดท้ายกันที่ไอเท็มที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึง แต่มันเด็ดจริงๆ จนป้าจีนของเรานี่ถึงกับแบ่งพื้นที่กระเป๋าเพื่อหิ้วกลับมาโดยเฉพาะ อย่างแผ่นกอเอี๊ยะญีุ่ปุ่นที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้าน drugstore ต่างๆ อย่างร้านดองกี้ก็มีนะ งานนี้มีให้เลือกทั้งแผ่นใหญ่ แผ่นเล็ก แผ่นสำหรับแปะเท้า หรือจะเป็นวงกลมเล็กๆ ไว้แปะตามจุดต่างๆ ก็เด็ดไม่แพ้ใคร แถมมีหลายยี่ห้อให้ทุกคนได้ลองกันอีกด้วย รับรองว่าแปะแล้วฟิน หายปวดเมื่อยชัวร์ งานนี้บอกเลย ว่าห้ามพลาดจ้า!

เป็นยังไงละจ๊ะสาวๆ อ่านแล้วอยากช็อปกันเลยใช่มั้ยละ แต่ก่อนจากกันไปก็มีเคล็ดลับการช็อปปิ้งมาฝากจ้า ก็คือการช็อปปิ้งของญี่ปุ่นที่เราควรจะศึกษาก่อนว่าห้างหรือร้านแต่ละร้านมียอดในการซื้อสินค้าเท่าไหร่ถึงจะใช้ Tax Free ได้ อย่างดองกี้อยู่ที่ 5,000 เยน ห้างต่างๆ ส่วนมากจะอยู่ที่ 10,000 เยน เพื่อที่เราจะสามารถคำนวณการช็อปต่างๆ แล้วซื้อของไปเลยทีเดียว เพื่อความประหยัดและมีเงินเหลือใช้ช็อปเพิ่มขึ้นจ้าาา

แล้วครั้งหน้าจะมีเคล็ดลับการช็อปญี่ปุ่นอะไรมาบอกกันอีก เกาะขอบจีบันไว้ได้เลยยยยย


allearth

allearth

earthpynn .

เคยเป็นสาวจีบัน แต่ตอนนี้เป็นคนบ้ารีวิว 5555
คสอ. กิน ช็อป รีวอวให้หมดไปเลยค่ะซิสส

FULL PROFILE