เจาะลึก: สเปรย์น้ำแร่... ประโยชน์มากกว่าความสดชื่น?

12 31

รัฐบาลเค้าประกาศเข้าสู่...หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ แล้วนะจ๊ะ

สำหรับอากาศบ้านเราที่ร้อนชื้น อาการหน้าเมือก หน้ามัน แป้งหลุด ไม่ติดหน้าระหว่างวัน ก็เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ ตามมาติดๆด้วยปัญหาสิวสารพัด ผิวหน้าอุดตัน หมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ฝ้ากระจุดด่างดำ ผิวหน้าดูแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ มีริ้วรอย บลา บลา บลา เป็นปัญหากวนใจหญิงไทยอย่างเราเป็นอย่างมาก

เชื่อว่าไอเท็มนึงที่ทุกคนนึกถึง เวลาร้อนๆอย่างนี้ ก็คือ

สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า ยิ่งเวลาที่ทำกิจกรรมที่ต้องออกแดด หรือ ออกไปนอกออฟฟิศช่วงพักกลางวัน กลับมาพร้อมกับเหงื่อและความมันเงาบนใบหน้าที่ผสมกับฝุ่นและควันรถต่างๆ บางคนแพ้เหงื่อ แพ้ควัน แพ้ฝุ่น อาจจะมีผดผื่นขึ้น หน้าแดงพร้อมกับอาการคันหน้าอยู่บ่อยๆ

ณ จุดนี้กระดาษทิชชู กับซับมันก็เอาไม่อยู่!

หลายคนอยากจะล้างหน้าใจจะขาด แต่เมคอัพที่จัดเต็มตั้งแต่เช้าก็เป็นอุปสรรค อันจะล้างหน้าแล้วแต่งใหม่ก็คงไม่ทัน!!!

สเปรย์น้ำแร่จึงเป็นอีกตัวช่วยนึงที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยคลายความร้อน คืนความสดชื่นเข้าสู่ผิวอย่างเร่งด่วน บางคนก็หวังผลในเรื่องของการฟิคเมคอัพ ระหว่างวันอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นเภสัชกรที่คลุกคลีอยู่กับร้านขายยามาหลายปี ก็มักจะมีคำถามจากคนรอบข้างมากมายเกี่ยวกับ สเปรย์น้ำแร่อยู่เป็นประจำ อย่างเช่น จำเป็นมั้ย? ใช้น้ำเปล่าฉีดแทนได้รึเปล่า? แล้วน้ำแร่ในกระป๋องมันเหมือนกับน้ำแร่ที่เอาไว้ดื่มรึเปล่า? ยี่ห้อไหนดี? ต่างกันยังไง?

วันนี้จะขอมาไขข้อข้องใจทั้งหมด เจาะลึกเกี่ยวกับน้ำแร่กันไปเลย ควร/ไม่ควรใช้ คุ้ม/ไม่คุ้ม ดีไม่ดี แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันยังไงบ้าง

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ น้ำแร่ กันก่อนเลยดีกว่าค่ะ

น้ำแร่ คืออะไร? น้ำแร่ก็คือ น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ไหลผ่านชั้นหินต่างๆมาเป็นเวลานาน ได้ดูดซับเอาแร่ธาตุต่างๆมาด้วยทำให้มีประโยชน์ทางเภสัชวิทยา น้ำแร่ธรรมชาติที่รู้จักกันดีนั้นส่วนใหญ่มีแหล่งกำเนิดจากเทือกเขาในแถบยุโรป โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสที่มีแหล่งน้ำแร่กระจายอยู่มากมาย ซึ่งน้ำแร่จากแหล่งกำเนิดต่างกัน ก็จะมี ชนิดและปริมาณแร่ธาตุต่างกันด้วย ทำให้มีประโยชน์และการนำมาใช้ที่ต่างกันออกไปนั่นเอง เช่น น้ำแร่ชนิดที่มี ไบคาร์บอเนตสูง จะช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด เพิ่มปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย น้ำแร่จากบางแหล่งกำเนิดมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ก็จะถูกนำมาบรรจุขวดสำหรับดื่ม หรือน้ำแร่บางชนิดมีซัลเฟอร์อยู่ในปริมาณมาก ก็จะถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการของระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น

สำหรับน้ำแร่ที่ถูกนำมาบรรจุกระป๋องเป็นสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้านั้น

ส่วนมากจะเป็นน้ำแร่ที่มีปริมาณเกลือแร่ในระดับต่ำ (Low mineral content) เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนและก่อความระคายเคืองต่อผิว น้ำแร่จะ อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ซิงค์ และซิลิเกต ที่ช่วยคืนความชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพการทำงานของผิว ลดการอักเสบ ลดอาการระคายเคืองต่างๆ อีกทั้งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆด้วย ซึ่งในทางการแพทย์ได้มีการนำน้ำแร่ประเภทนี้มาใช้ในการรักษาอาการของโรคผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน อาการผดผื่นคัน หรือผื่นแพ้ มาเป็นระยะเวลานานแล้ว

ราคาของน้ำแร่ธรรมชาติในท้องตลาดมีตั้งแต่ประมาณ ขวดละ 100 ไปจนถึง 1,000 บาท

มีขนาดต่างๆกัน ส่วนมากจะเริ่มตั้งแต่ 50 - 300 มล สามารถเลือกซื้อกันได้ตามลักษณะการใช้และกำลังทรัพย์ ^___^

ปัจจุบันมีสเปรย์น้ำแร่อยู่มากมายหลายแบบ หลายยี่ห้อให้คุณได้เลือกใช้กันได้ตามความต้องการ

มีทั้งน้ำแร่ธรรมชาติ 100% และน้ำแร่ที่มีการเติมแร่ธาตุและส่วนผสมอื่นๆลงไปด้วย เพื่อช่วยในการบำรุงผิวหรือประโยชน์อื่นเพิ่มเติม

ยกตัวอย่างน้ำแร่บางยี่ห้อที่กำลังโด่งดัง เป็น "น้ำแร่อนุภาคนาโน"

มีพลังงานจากเกร็ดอัญมณีหลากหลายชนิดผสมกับทองและเงิน ช่วยยกกระชับหน้าได้ใน 3 นาที ฉีดปุ๊บสิวยุบปั๊บ โอ้ว!!! มหัศจรรย์มากก .....เมื่อดูส่วนประกอบที่บอก เรื่องการรักษาสิวนั้น อาจเป็นไปได้ว่าเป็นผลมาจากการฆ่าเชื้อของอนุภาคเงิน (Ag) เพราะในทางการแพทย์ก็มีการนำซิลเวอร์นาโนมาใช้สำหรับฆ่าเชื้อในการรักษาแผลต่างๆอยู่แล้ว แต่ฉีดปุ๊บสิวยุบปั๊บ นั่นเป็นไปไม่ได้ ความสามารถนี้มีแต่สเตียรอยด์ที่ฉีดตรงเข้าไปที่สิวเท่านั้นค่ะที่ทำได้!! ส่วนสรรพคุณอย่างอื่นที่เคลม ขอละไว้ในฐานที่ ไม่เข้าใจ เพราะมันเกินความรู้ของเภสัชกรที่จบมาน้านนานแล้วอย่างอิฮั้นจะเข้าใจได้ ไปมากทีเดียว เอ๊ะ!!...รึอาจจะมีพลังงานเร้นลับบางอย่างในน้ำนี้ก็เป็นได้ 555^^^

แต่โดยส่วนตัวไม่กล้าซื้อมาใช้แน่นอน เพราะเราไม่รู้เลยว่าส่วนประกอบที่มีในอัญมณีเหล่านั้นจริงๆคืออะไรบ้าง (และผู้ผลิตก็ไม่ได้บอกไว้) บางคนซื้อมาใช้ก็พบเป็นน้ำสีดำๆ มีตะกอน นู่นนี่นั่น ทำให้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยในการนำมาฉีดบนหน้า โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบาง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ ยังไงก็พิจารณาจุดนี้ก่อนซื้อนะคะ

แต่น แต่น แต้นนน..คราวนี้ก็มาถึงส่วนสำคัญในการเปรียบเทียบน้ำแร่ยี่ห้อต่างๆ กันแล้วนะคะ ขอเปรียบเทียบเฉพาะน้ำแร่ธรรมชาติ 100% ที่มีขายในร้านขายยาเท่านั้นนะคะ หลักๆ น่าจะมีอยู่ประมาณ 5 ยี่ห้อ (จริงๆแล้ว เคยเห็นของ Bioderma แต่มันไม่ใช่น้ำแร่ธรรมชาติ 100% มีการเติมส่วนผสมอื่นๆลงไปด้วย เลยไม่ได้ยกมาเปรียบเทียบนะคะ)

น้ำแร่เอเวียง Evian เรารู้จักกันดีในฐานะน้ำดื่มเพื่อสุขภาพมายาวนาน ก่อนจะขยายตลาดมาทำสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าด้วย โดย น้ำแร่เอเวียง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอลป์ในประเทศฝรั่งเศส แหล่งน้ำแร่นี้โด่งดังมาจาก การรักษา ทุเลาอาการป่วยของชายคนนึงที่เป็นโรคนิ่วในกรวยไต การได้ดื่มน้ำแร่จากแหล่งน้ำนี้เป็นประจำ ทำให้เขาหายป่วย สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น และจากการค้นพบนี้เองทำให้สรรพคุณของน้ำแร่เอเวียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเรื่อยมา

Source: www.evianspray.com

ชนิดและปริมาณแร่ธาตุ: ไม่มีข้อมูล

ราคา: 50 มล. 180 บาท

My comment:

น้ำแร่เอเวียงเป็นน้ำแร่ที่น่าจะเหมาะกับการดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพภายในมากกว่าประโยชน์ในการบำรุงผิวนะคะ และน้ำในขวดสเปรย์กับขวดน้ำดื่มก็เป็นชนิดเดียวกันเป๊ะ แค่เค้านำมาบรรจุกระป๋องสเปรย์แล้วอัดแก๊สให้ง่ายแก่การใช้เท่านั้นเอง แต่ราคาต่างกันเยอะพอสมควร ฉะนั้นแนะนำว่า ไปซื้อน้ำแร่เอเวียงแบบขวดน้ำดื่ม (มาใส่ขวดสเปรย์เองก็เหมือนกันจ้า ที่เหลือก็ดื่มได้ด้วย สวยทั้งภายนอกภายใน คุ้มฮ่ะ

ส่วนอีก 4 ยี่ห้อนั้น เป็นกลุ่มที่เคลมว่าเหมาะกับการใช้กับผิวพรรณ เพื่อการบำรุง ถนอมผิว ลดอาการระคายเคืองต่างๆของผิวได้โดยเฉพาะเหมือนกัน โดยสิ่งที่แตกต่างกันก็คือ

ชนิดและปริมาณของแร่ธาตุซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของน้ำแร่แต่ละแหล่ง

ทีนี้มาดูรายละเอียดกันทีละตัวต่อเลยนะคะ ...

น้ำแร่วิชี่ Vichy Thermal Spa Waterน้ำแร่วิชี่ (Vichy) เป็นน้ำแร่ที่ถูกค้นพบมายาวนานมากกก ตั้งแต่สมัยจูเลียส ซีซาร์ เลยทีเดียว จึงมีการนำน้ำแร่มาดื่มเพื่อสุขภาพ ในปัจจุบันก็ทำมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย เช่น ลูกอม ผสมในเครื่องดื่มต่างๆ หรือใช้แช่ตัวอาบก็ได้ ส่วนแบรนด์วิชี่ที่เรารู้จักกันดีนั้น ก็ได้มีการนำน้ำจากแหล่งน้ำแร่วิชี่นี้ มาบรรจุกระป๋องและเป็นส่วนผสมของสกินแคร์ทั้งหมดนั่นเอง โดยทางแบรนด์วิชี่เคลมเกี่ยวกับน้ำแร่ไว้ว่า

อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ 15 ชนิด เพื่อการปลอบประโลม เสริมการปกป้องผิว

ชนิดและปริมาณแร่ธาตุ: ข้างขวดแจ้งไว้ตามในรูป (หามาจากเวบ ตปท. นะคะ พอดีขวดที่มีเป็นขวดเล็กไม่ได้แจ้งปริมาณแร่ธาตุเอาไว้)

หลักก็จะเป็นแร่ธาตุพวก ไบคาร์บอเนต คลอไรด์ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม

Dry residue = 5,119.6 mg/L

น้ำแร่ยูริอาช Uriage น้ำแร่จากประเทศฝรั่งเศส ที่มีความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงมากถึง 11,000 mg/L มีคุณสมบัติเป็นไอโซโทนิค (Isotonic) คือมีความเข้มข้นเท่ากับสารละลายที่อยู่ภายในเซลล์ (ตัวอย่างของไอโซโทนิคก็เช่น Normal saline น้ำเกลือล้างแผล ที่บางคนเอามาล้างคอนแทคเลนส์หรือมาใช้แทนโทนเนอร์เช็ดหน้านั่นเอง) คุณสมบัติของไอโซโทนิคก็คือเซลล์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาด เนื่องจากน้ำจากภายนอกจะไม่แพร่เข้าไปในเซลล์ จุดนี้ค่อนข้างแตกต่างจากน้ำแร่ยี่ห้ออื่นที่เป็น Hypotonic คือน้ำจะสามารถแพร่เข้าไปในเซลล์ได้ ทำให้เซลล์อิ่มน้ำซึ่งก็น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องการมากกว่านะ!!

อ่อ..ใครที่เคยใช้ยี่ห้อนี้จะรู้ว่าน้ำแร่มันมีรสเค็มๆ ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณแร่ธาตุที่เข้มข้นมากนั่นเองค่ะ

ชนิดและปริมาณแร่ธาตุ: ตามรูปข้างขวด

Dry residue = 11,000 mg/L

น้ำแร่ลาโรช-โพเซย์ La roche-Posay น้ำแร่จากเมืองลาโรช โพเซย์ สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย เป็นน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติในการรักษาอาการของโรคผิวหนังต่างๆ อุดมไปด้วยแร่ธาตุเซเลเนียม ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ตามธรรมชาติ เป็นน้ำแร่ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีปริมาณแร่ธาตุน้อยจึงมีการนำมาใช้สำหรับคนที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย โดยน้ำแร่จะช่วยปลอบประโลมทำให้รู้สึกสบายผิว ลดอาการระคายเคือง

ชนิดและปริมาณแร่ธาตุ: จาก https://www.laroche-posay.com/thermal-spring-water/...

Bicarbonate 396 mg

Calcium 140 mg

Silicates 30 mg

Selenium 60 μg

Zinc 22 μg

Copper 5 μg

Dry residue = 440 mg/L

น้ำแร่อาเวน Avene เต็มๆ คือ โอ เทอร์มอล อาเวน (Eau Thermale Avene) แต่เราก็เรียกสั้นๆว่า อาเวน

ภาษาฝรั่งเศสนี่ใกล้เคียงกันนะคะ สับสนตลอดระหว่าง น้ำแร่อาเวน กับ น้ำแร่เอเวียง

ชื่ออาเวน ก็มาจากเมืองน้ำแร่ Avene ในฝรั่งเศสนั่นแหละค่ะ น้ำแร่ถูกค้นพบโดยบังเอิญจากม้าที่เป็นโรคผิวหนังรุนแรงได้ไปอาบน้ำที่บ่อน้ำแร่แห่งนี้ แล้วหายจากโรค แพทย์ผิวหนังที่อยู่ในเมืองนั้นก็เริ่มใช้น้ำแร่ในการรักษาคนไข้ และเปิดศูนย์วารีบำบัดเพื่อรักษาคนไข้โรคผิวหนังมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

คุณสมบัติของน้ำแร่อาเวนนี้ก็จะคล้ายๆกับน้ำแร่ของลาโรช คือเป็นน้ำแร่ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีปริมาณแร่ธาตุน้อย มีประโยชน์ในการรักษาอาการของโรคผิวหนังต่าง ๆ โดยน้ำแร่จะช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคือง คืนความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ

จุดแตกต่างที่เห็นว่าต่างจากแบรนด์อื่นๆก็คือ Avene จะเน้นไปทางการแพทย์มากหน่อย จะดูเป็นแบรนด์หมอๆ เนื่องจากเป็นบริษัทที่ผลิตยารักษาโรคด้วย เลยมุ่งในเรื่องของผลการรักษาและความปลอดภัยเป็นพิเศษ ก็จะมีผลการทดลองที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์มากมาย เรียกได้ว่าใช้น้ำแร่อาเวนเป็นยากันเลยทีเดียว ทำให้ Avene เหมาะมากสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย

ชนิดและปริมาณแร่ธาตุ:

low mineral composition 206 mg/l.

Calcium/Magnesium bicarbonate profile (ratio Ca/Mg = 2).

Rich in silica: 10.6 mg/l.

Very rich in trace elements.

Dry residue = 266 mg/L

สิ่งที่น่าสนใจของน้ำแร่ที่เราจะใช้ฉีดหน้าก็คือปริมาณ Dry residue

Dry residue = ปริมาณสิ่งตกค้างที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่ทำให้น้ำระเหยไปที่อุณหภูมิ 180 C อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเราใช้น้ำแร่เพื่อหวังประโยชน์จากแร่ธาตุเพื่อการบำรุง ฟื้นฟูและปกป้องผิว แต่สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ แร่ธาตุส่วนเกินที่จะเหลือตกค้างอยู่บนใบหน้าของเรา ซึ่งอาจจะรบกวนผิว และก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อน้ำแร่สำหรับผิวหน้า ควรจะเลือกน้ำแร่ที่มีชนิดของแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อผิวและมีแร่ธาตุอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป เพื่อจำกัดสิ่งตกค้างที่จะรบกวนใบหน้าให้น้อยที่สุด หลีกเลี่ยงการระคายเคือง

จาก 4 ยี่ห้อข้างบนเรียงตามลำดับ Dry residue มากสุดไปน้อยสุด ดังนี้

Uriage > Vichy> La roche Posay > Avene

เพราะฉะนั้นใครที่ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองง่าย แล้วอยากใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า เราจะแนะนำให้ลองใช้ Avene ก่อนเลย (ประมาณว่าเพลย์เซฟ นิดนึง กลัวแนะนำไปแล้วเค้าแพ้ละเสียชื่อแย่ ^^) เพราะรบกวนผิวน้อยที่สุดละ และยังมีการวิจัยมาแล้วด้วยว่าน้ำแร่สามารถฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นได้ แม้แต่โรคผิวหนังอักเสบชนิดรุนแรงยังรักษาได้เลย นับประสาอะไรกับแค่อาการระคายเคือง ผดผื่นคัน จัดตัวนี้ไปเลยย รับรองว่าปลอดภัยและผิวก็แข็งแรงขึ้นด้วยนะเออ

แล้วเราควรใช้น้ำแร่ตอนไหนบ้าง? จริงๆแล้วเราสามารถใช้สเปรย์น้ำแร่ได้ทั้งวันตามที่เราต้องการนะคะ (ถ้าไม่กลัวเปลือง ^^) แต่ถ้าจะใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆแนะนำว่า

1.ควรใช้ทุกครั้งหลังการล้างหน้า เพื่อเป็นการปลอบประโลมผิวภายหลังการทำความสะอาด อีกทั้งช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย เมื่อผิวอิ่มน้ำก็จะซึมซาบครีมบำรุงได้ดีขึ้น

2.ใช้ระหว่างวัน เมื่อต้องการเติมความสดชื่น รีเฟรชผิว จากความร้อน แสงแดด ฝุ่นและมลภาวะ

3.เพื่อลดอาการระคายเคือง การอักเสบของผิว ผดผื่น คัน

4.หลังการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์

5.หลังการออกแดดจัด หน้าลอกแดงจากการออกรอบตีกอล์ฟหรือไปทะเล พ่นไปเลยค่ะ จะรู้สึกสบายผิวขึ้น

6.เวลาเบบี๋เป็นผื่นผ้าอ้อม คุณแม่สามารถใช้น้ำแร่ฉีดเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการได้ค่ะ

7.เวลาเดินทางโดยเครื่องบิน อากาศแห้ง ผิวจะขาดความชุ่มชื้น อย่าลืมพกสเปรย์ขนาด 50 มล. เตรียมไว้นะคะ ใช้ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ระหว่างเดินทาง ไซส์ 50 มล.พกขึ้นเครื่องได้เลยนะคะ. ไม่ต้องกลัว

ส่วนตัวเคยซื้อใช้มาทั้ง 5 ยี่ห้อนี้เลยค่ะ แต่เนื่องจากเป็นคนที่ผิวค่อนข้างSensitive เลยพยายามหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำแร่แต่ละตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวให้น้อยสุด สุดท้ายก็มาลงตัวที่ Avene นี่แหละ แต่ถ้าบางช่วงที่ ลาโรช มีโปรโมชั่นดีๆ ก็แอบปันใจไปเหมือนกัน ^^ ส่วนเอเวียงก็มีติดโต๊ะทำงานไว้เวลาร้อนๆ ก็หวังว่า จะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อสเปรย์น้ำแร่สำหรับดูแลผิวหน้ากันนะคะ

ใครใช้ยี่ห้อไหนอยู่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ค่ะ จะได้รู้ข้อดี ข้อเสียของแต่ละแบรนด์

แล้วคราวหน้าจะหาเวลามาแชร์ความรู้เรื่องกันแดดและสกินแคร์ให้เรื่อยๆนะคะ

แสงแดดจัดกับ มลภาวะ ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เป็นตัวการทำร้ายผิวอย่างร้ายกาจ

สกินแคร์ที่จำเป็นที่สุด ที่ทุกคนจะขาดไม่ได้ ก็คือ ...ครีมกันแดด

วันนี้ บั๊บบายยค่า..


BeautyP.R.N.

BeautyP.R.N.

All these will bring us the real BEAUTY
P..ositively think for being you
R..espectfully toward yourself and others
N..aturally be in what you actually are

FULL PROFILE