ภารกิจฟื้นฟูผมเสียเพลียสุดๆ ด้วย Treatment แบบจัดเต็ม!
KahnJi 20 10
ที่ผ่านมาเราเคยแชร์ประสบการณ์ "การทำสีผม" มาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยไปลองทำทรีตเม็นต์ผมจริงๆ จังๆ กะเค้าซักที ทั้งทีทำสีผม ทำเคมี เฉลี่ยทุกๆ 3-4 เดือน แต่ยังบำรุงแบบล้ำลึกหรือทำทรีตเม็นต์ได้ไม่ถี่เท่ากับตอนที่ทำร้ายผมเลย..
เมื่อเดือนก่อนนี่เอง Davines แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผมและร้าน Salon De Bear ได้ชักชวนทีมจีบันให้ไปลองทำทรีตเม็นต์ ทดลองผลิตภัณฑ์ของเค้าพอดี เป็นโอกาสอันดีที่ กานจะได้ไปฟื้นฟูสภาพผม พร้อมทั้งเก็บเทคนิดการดูแลผมและมาแชร์ประสบการณ์ให้สาวๆ ได้ฟังกันจ้า
ที่ผ่านมาเราเคยแชร์ประสบการณ์ "การทำสีผม" มาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยไปลองทำทรีตเม็นต์ผมจริงๆ จังๆ กะเค้าซักที ทั้งทีทำสีผม ทำเคมี เฉลี่ยทุกๆ 3-4 เดือน แต่ยังบำรุงแบบล้ำลึกหรือทำทรีตเม็นต์ได้ไม่ถี่เท่ากับตอนที่ทำร้ายผมเลย..
เมื่อเดือนก่อนนี่เอง Davines แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผมและร้าน Salon De Bear ได้ชักชวนทีมจีบันให้ไปลองทำทรีตเม็นต์ ทดลองผลิตภัณฑ์ของเค้าพอดี เป็นโอกาสอันดีที่ กานจะได้ไปฟื้นฟูสภาพผม พร้อมทั้งเก็บเทคนิดการดูแลผมและมาแชร์ประสบการณ์ให้สาวๆ ได้ฟังกันจ้า
ซ้ายบน : พี่แป๊ะ แห่งร้าน Salon De Bear | ล่าง : พี่เก่ง , น้องกวาง , กานจิ , น้องพลอย และน้องเอม
Davines แบรนด์จากประเทศอิตาลี มีผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาด บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์นี้ คือ ส่วนประกอบที่สกัดมาจากธรรมชาติ ลดการใช้เคมีลง และเน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติกในการผลิต ทุกวัสดุที่บรรจุสามารถนำกลับมาใช้ได้
สำหรับในไทยแบรนด์ Davines อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูมาก แต่ก็มีหลายซาลอนที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า หนึ่งในนั้นก็คือร้าน Salon De Bear ของพี่แป๊ะ ..พี่แป๊ะกระซิบบอกเราเลยว่า หลังจากที่ได้ลองใช้ก็ชอบและเห็นผล เลยเอามาให้ลูกค้าใช้ในร้านมากว่า 2 ปีแล้ว
5 สาวที่มากันในวันนี้ มีสภาพเส้นผมที่แตกต่าง เพื่อเป็นข้อมูลให้สาวๆ ทางบ้านได้ดูกัน โดยทรีตเม็นต์ที่สาวจะได้ทำกันในวันนี้ มีทั้งหมด 3 โปรแกรมหลัก นั่นคือ..
- Detoxifying Program - ฟื้นฟู คืนความมีชีวิตชีวา ขจัดสิ่งตกค้างสะสม สำหรับหนังศีรษะ และเส้นผม เปรียบเสมือนการรีเซ็ตเส้นผม และหนังศีรษะให้พร้อมสำหรับการเริ่มต้นดูแลตัวเอง
- Restructuring Miracle Program - ฟื้นฟูโครงสร้างให้กับเส้นผมที่เปื่อยยุ่ย จึงเหมาะมากกับผู้ที่ผ่านการทำเคมีมาอย่างหนัก เพื่อให้ผมคงสภาพความเป็นเส้นอยู่ได้นานขึ้นและแข็งแรงขึ้น
- Replumping Hair Filler Program - เติมความชุ่มชื่น และยืดหยุ่นให้เส้นผมอย่างต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้ง 3 โปรแกรมนี้สามารถนำมาปรับใช้ร่วมกันหรือเลือกทำตามสภาพเส้นผมของเราได้ด้วย ตามมาดูกันดีกว่าว่าวันนี้จะทำอะไรกันไปบ้าง :)
รูป Before & After จากทางร้าน
ก่อนทำ :
- หนังศีรษะ - มันง่าย
- เส้นผม - ผมตรง เส้นเล็ก มีแตกปลายบ้างเล็กน้อย ไม่ค่อยขาดหรือร่วง
- 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ทำเคมีอะไรกับเส้นผมเลย
- ปัญหา - เวลาที่ถัก ม้วน ผมคืนตัวกลับมาไวมากๆ โคนผมค่อนข้างฟีบ ช่วงปลายแห้งฟู เวลาลมพัดแล้วผมชอบพันกันทุกที T T
ทรีตเม็นต์ที่ทำในวันนี้ :
- Step 1 - Detoxifying Shampoo & Rebalancing Shampoo
- Step 2 - Repluming Hair Filler Program
- Step 3 - OI/Oil
- [ผลลัพธ์] หนังศีรษะ และเส้นผมสะอาด เงา ชุ่มชื้น และมีสปริงขึ้น
- # คอร์สนี้ : 2,500 บาท #
หลังทำ :
- หนังศีรษะ - มันน้อยลงมาก จากปกติที่ต้องสระทุกวัน เดี๋ยวนี้เว้น 2-3 วันก็ยังได้
- เส้นผม - ตรงขึ้นโดยเฉพาะช่วงปลายที่ชี้ฟู ทิ้งตัวสวย เรียงเส้น การขาดร่วงไม่มีเลย
- โดยรวมผมเบาขึ้น ช่วงโคนผมก็ไม่ลีบติดหนังศีรษะ เวลาลมพัดผมปลิว เรียงสวยเหมือนในโฆษณาทีวี ไม่พันกันแล้ว 5555
- เวลาทำผมลอนแล้วมีการเซ็ตด้วยสเปรย์ รู้สึกว่าผมเป็นลอนเด้งสวยมาก ลอนไม่ฟีบเลย
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาใช้ต่อที่บ้าน :
► Replumping Shampoo ( 250ml. | 790 บาท )
แชมพูเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
ชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูมาก สระรอบแรกไม่ค่อยมีฟอง แต่รอบสองมีฟองขึ้นเยอะกว่าเดิม ไม่ทำให้หนังศีรษะมันแต่ก็ไม่ทำให้แห้งจนลอกเป็นแผ่นๆ
► Replumping Conditioner ( 150ml. | 720 บาท )
ครีมนวดบำรุงเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
ทำให้ผมนุ่มมากและเรียงตัวสวย มีน้ำหนัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไดร์หรือหนีบผมตรงอะไรเลย ผมลื่นๆ ไม่พันกัน
► OI/Oil ( 50ml. | 790 บาท )
น้ำมันบำรุงผม
กลิ่นหอมแบบธรรมชาติมากๆ ปกติจะใส่เน้นบริเวณปลายผมในวันที่ต้องไดร์ หรือเซ็ตด้วยการหนีบหรือม้วนลอน ทำให้รู้สึกว่าผมยังนุ่ม ไม่กรอบ ไม่แห้งเสียจากการใช้ความร้อน
รูป Before & After ที่ถ่ายเอง
หลังสระผม 2 สัปดาห์ :
- หนังศีรษะ - ก็ยังมันน้อยเหมือนเดิมอยู่ เว้นการสระผมได้ 2-3 วันถ้าไม่ได้เล่นกีฬาหรือเที่ยวจนเหงื่อออก
- เส้นผม - ลื่น ตรง มีน้ำหนักและเรียงสวยอยู่มาก แต่อาจจะไม่เท่ากับหลังทำแรกๆ
- เวลาถักเปียคืนตัวง่ายเหมือนเดิม เวลาทำผมลอนก็ยังเป็นลอนสวยเด้งดี ไม่ฟีบ เซ็ตแล้วก็อยู่ทรงได้ทั้งวัน
รูป Before & After จากทางร้าน
ก่อนทำ :
- หนังศีรษะ - ค่อนข้างมัน ผิวหนังศีรษะมีสีเหลือง
- เส้นผม - ผมตรง เส้นใหญ่ ผมพันกันตลอด ขาดหลุดร่วงบ่อย
- 6 เดือนที่ผ่านมา - ทำสีอย่างเดียว
ทรีตเม็นต์ที่ทำในวันนี้ :
- Step 1 - Detoxifying Program
- Step 2 - Volu Shampoo & NouNou Pak
- Step 3 - Well Being Spary
- [ผลลัพธ์] หนังศีรษะ และเส้นผมสะอาด หายจับตัวเป็นก้อน พองตัวชัดเจน
- # คอร์สนี้ : 2,500 บาท #
หลังทำ :
- หนังศีรษะ - ดูสะอาดมากขึ้น
- เส้นผม - รู้สึกผมลื่นขึ้น ปลายผมดูดีขึ้นนิดหน่อย
- ผมอยู่ทรงมากขึ้น ช่างม้วนผมให้ เซ็ตแล้วอยู่ยันถึงบ้าน ปกติก่อนทำเวลาม้วนจะอยู่ได้ไม่นาน แค่ 2-3 ชั่วโมงก็คลายจนตรงเหมือนเดิม
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาใช้ :
► Replumping Shampoo ( 250ml. | 790 บาท )
แชมพูเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
แชมพูกลิ่นหอมอ่อนๆ สระสะอาดมีฟองไม่มาก ช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื่น จนรู้สึกว่ามันเร็วกว่าเดิมนิดนึง
► Replumping Conditioner ( 150ml. | 720 บาท )
ครีมนวดบำรุงเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
คอนดิชั่นเนอร์สูตรเดียวกับแชมพู พอใช้คู่กันแล้วรู้สึกว่านุ่มลื่นขึ้น ผมสุขภาพดีขึ้น บางวันไม่ได้ใช้คอนดิชั่นเนอร์ผมก็ยังลื่นอยู่ ไม่เหมือนกับตอนใช้ขวดเก่าที่บ้าน คือ หวีไม่ค่อยไป
► OI/Oil ( 50ml. | 790 บาท )
น้ำมันบำรุงผม
ออยใส่ผมที่ไม่เหนียว ใส่แล้วผมมีประกายเงางาม แถมนุ่มด้วย
รูป Before & After ที่ถ่ายเอง
หลังสระผม 2 สัปดาห์ :
- หนังศีรษะ - ยังขาวอยู่ ไม่เหลืองเท่าก่อนทำ แต่รู้สึกว่าหนังศีรษะมันเร็วขึ้นกว่าเเต่ก่อน
- เส้นผม - ผมลื่นขึ้นแบบธรรมชาติ หวีเเล้วผมไม่พันกัน อาจจะมีติดขัดที่ปลายผมที่มันยังเสียๆอยู่บ้าง
- โดยรวมรู้สึกว่า ผมยังฟีบแบนอยู่บ้าง เเต่เวลาม้วนผมหรือจัดทรงผมจะอยู่ตัวนานมากขึ้น
รูป Before & After จากทางร้าน
ก่อนทำ :
- หนังศีรษะ - มันและระคายเคืองง่าย เป็นสิว เป็นแผล
- เส้นผม - ผมหยักโศก ผมเส้นใหญ่แต่บางลงเล็กน้อย เพราะกัดสี
- 6 เดือนที่ผ่านมา - ทำสี โดยมีการฟอกสีสองครั้ง และลงสีปกติอีกสองครั้ง
ทรีตเม็นต์ที่ทำในวันนี้ :
- Step 1 - Detoxifying Program
- Step 2 - Calming Shampoo & Restrucuring Miracle Treatment
- Step 3 - Replumping Hair Filler Superactive
- Step 4 - Claming Super Active
- [ผลลัพธ์] ผมเบาสบาย หนังศรีษะสะอาด ผมส่วน Under Cut เงาขึ้น และผมที่ฟอกแข็งแรง เรียบลื่นขึ้น
- # คอร์สนี้ : 3,500 บาท #
หลังทำ :
- หนังศีรษะ - สะอาดขึ้นมาก และรู้สึกผ่อนคลายจากการนวดสปาหนังศีรษะ
- เส้นผม - เงางามขึ้น มีความรู้สึกว่าผมนิ่มแบบสุขภาพดี ไม่มัน
- จัดทรงดูง่ายขึ้น แค่เป่าไดร์ให้แห้งและปัดไปมาให้เข้าทรง เพราะผมสปริงตัวดีขึ้นกว่าตอนก่อนทำเยอะ ดูมีน้ำหนักและไม่ชี้ฟู
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาใช้ :
► Replumping Shampoo ( 250ml. | 790 บาท )
แชมพูเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
เป็นแชมพูที่ต้องสระสองรอบ เพราะรอบแรกจะแทบไม่มีฟองเลย ตอนล้างน้ำรู้สึกว่าเส้นผมและหนังศีรษะสะอาดดีมาก กลิ่นหอมแบบสปาเย็นๆ
► Replumping Conditioner ( 150ml. | 720 บาท )
ครีมนวดบำรุงเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
รู้สึกได้ว่า ยิ่งทิ้งนานผมยิ่งนิ่ม แต่กลิ่นหอมชัดเจนมากๆ ถ้าใช้เยอะกว่าขนาดเหรียญห้า จะรู้สึกว่าฉุนไป เวียนหัว = =
► Replumping Hair Filler Superactive ( 100ml. | 1,750 บาท )
เซรั่มเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม
ใช้ก่อนไดร์ สเปรย์กระจายทั่วๆหัวแล้วนวดให้ซึมลงบนผมและหนังศีรษะ ช่วงแรกมีแสบๆเย็นๆเวลาสเปรย์โดนหนังศีรษะ (อย่างที่บอกว่าแพ้ง่าย) แต่พอใช้ 3-4 ครั้ง ก็ไม่มีอาการแล้ว รู้สึกว่าสเปรย์ช่วยให้ผมไม่พันกัน หวีง่ายขึ้น เวลาไดร์แล้วไม่ชี้ฟู
รูป Before & After ที่ถ่ายเอง
หลังสระผม 2 สัปดาห์ :
- หนังศีรษะ - มันน้อยลง แต่ยังคงมีสิวขึ้นอยู่บ้างเล็กน้อย คิดว่าเป็นเพราะหนังศีรษะตัวเองคง sensitive เพราะเป็นคนผิวแพ้ง่าย
- เส้นผม - ดูเสียน้อยลง ที่ประทับใจและเห็นชัดเจนคือ ลอนผมหยักศกธรรมชาติสปริงตัวดีมาก กลับมาเป็นลอนชัดเจนกว่าตอนก่อนไปทำทรีตเม็นต์
- การจัดทรงผมยังมีชี้ฟูอยู่บ้าง ยังจัดทรงยากอยู่ เพราะผมยังไม่ค่อยมีน้ำหนัก และเส้นเล็ก บวกกับผมเริ่มยาวเลยไม่เป็นทรงเท่าไหร่
รูป Before & After จากทางร้าน
ก่อนทำ :
- หนังศีรษะ - มันง่าย ปกติต้องสระผมทุกวัน
- เส้นผม - ผมเส้นใหญ่ หยักโศก ผมเสียและเสียมาก ตรงช่วงช่อด้านหลังที่ผ่านการกัดสี จะเพลียมากเป็นพิเศษ จับแล้วสากเหมือนไม้กวาดเลยจริงๆ TT TT
- 6 เดือนที่ผ่านมา - ทำสีปกติ พร้อมกับกัดสี และดัดผม
- ผมโดยรวมปกติจะฟู ต้องใช้ไดร์หลุมช่วยเป่า เพื่อให้ลอนจับตัวดูสวย ถ้าสระแล้วปล่อยแห้งธรรมดาจะฟูฟ่องมาก
ทรีตเม็นต์ที่ทำในวันนี้ :
- Step 1 - Detoxifying Shampoo
- Step 2 - Restrucuring Miracle Treatment & Replumping Hair Filler Superactive
- Step 3 - OI/Oil
- [ผลลัพธ์] ผมพริ้วขึ้น หนังศรีษะสะอาด เส้นผมเงาขึ้นและแข็งแรงมากขึ้น
- # คอร์สนี้ : 2,500 บาท #
หลังทำ :
- หนังศีรษะ - รู้สึกเลยว่าลื่นขึ้น สะอาดขึ้น กดๆ แล้วมันหยุ่นๆ เด้งๆ
- เส้นผม - ที่เห็นชัดเลยคือโคนผมเงาขึ้น ยกตัวมีโวลลุ่มกว่าเดิม และที่สำคัญผมนิ่มมากกกก ยิ่งจับตรงปอยที่ฟอกสีมานะ แล้วรู้สึกถึงความต่างเลยจริงๆ
- จัดทรงง่ายขึ้น รู้สึกว่าผมเบาขึ้น แต่มีน้ำหนักในแต่ละเส้นแต่ละช่อของผม เวลาลมพัดมันพลิ้วเป็นเส้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พัดแล้วกระพือเป็นแผ่นๆ - - "
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาใช้ :
► Love Curl Shampoo ( 250ml. | 690 บาท )
แชมพูสำหรับผมหยิกหรือผมดัด
แชมพูฟองน้อย แต่สระสะอาด จากปกติที่ต้องสระผมทุกวัน ตอนนี้ 2-3 วันครั้งก็ยังได้ จุดที่เลิฟที่สุดของแชมพูนี้คือ ใช้แล้วผมที่ดัดมาเป็นลอนชัดเจนมาก ใช้มือเซ็ตนิดหน่อยก็จับช่อสวยงาม เวิร์คมากสำหรับสาวผมดัด!
► NouNou Pak ( 250ml. | 790 บาท)
ทรีทเม้นท์หมักผมสำหรับผมเสียและต้องการบำรุงเป็นพิเศษ
ครีมเนื้อแน่น กานใช้หลังจากสระผมเสร็จแล้วเช็ดหมาดๆ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที ล้างออกงง่ายมากถึงมากที่สุด กานว่าตัวนี้เป็นอาหารผมชั้นดีเลยอ่ะ ไม่รู้คิดไปเองรึปล่าว แต่มันช่วยให้ที่ทำทรีตเม็นต์คงสภาพความนิ่มยาวนานขึ้น
► OI/Oil ( 50ml. | 790 บาท )
น้ำมันบำรุงผม
ตัวนี้พูดเลยว่าใส่บ่อยมาก หลังสระผมและหลังเซ็ตทรงเรียบร้อย เป็นน้ำมันใส่ผมที่ใส่แล้วซึมไว ไม่เหนอะเหนียว ใส่แล้วผมจะลื่นๆ แถมกลิ่นหอมมากกก ชอบๆ *w*
รูป Before & After ที่ถ่ายเอง - ระยะเวลาต่างกันประมาณ 2 เดือน รูปด้านซ้ายสีเพี้ยนกว่า
หลังสระผม 2 สัปดาห์ :
- หนังศีรษะ - มันน้อยลงกว่าเดิม ไม่เป็นสิว รู้สึกว่าผิวบริเวณหนังศรีษะแข็งแรงขึ้น
- เส้นผม - สีผมชัดขึ้น ออกสีมากขึ้นกว่าเดิม ผมยังคงนุ่ม ลื่นเหมือนวันที่ทำจากร้าน เส้นผมเบาสบาย แต่ดูมีน้ำหนักขึ้น หลังๆ มาเลยปล่อยผมได้ชิวมาก เพราะรู้สึกว่าไม่หนักหัว โคนผมก็ไม่ฟีบ
- ผมเป็นเกลียว ลอนจับตัวเป็นช่อได้ดีกว่าเดิม และไม่ค่อยคลายตัว 2 วันสระทีก็ยังเป็นลอนเด้งๆ
รูป Before & After จากทางร้าน
ก่อนทำ :
- หนังศีรษะ - มันและระคายเคืองง่าย สระผมไม่ถึงวัน โคนผมก็มันแล้ว เหงื่อซึมไว ยิ่งถ้าไม่อยู่ห้องแอร์ บางทีสระเช้าก่อนออกจากบ้าน ตกเย็นอาจต้องสระใหม่อีกรอบ
- เส้นผม - เส้นเล็ก หยักศก จัดทรงยาก ขาดร่วงง่าย (โดยเฉพาะเวลาสระผม ติดมือมาเป็นกระจุก แต่โดยผมเยอะ ร่วงเท่าไหร่เลยยังไม่บางมากนัก)
- 6 เดือนที่ผ่านมา - ทำสีไปครั้งเดียวช่วงต้นปี (จริงๆ ก่อนหน้านี้ทำมาหมด ยืด-ดัด)
- ผมจัดทรงยากมาก....กกกก จริงๆ ชอบผมหยิกของตัวเอง ตอนหลังสระจะเห็นว่าผมมีความโค้งเว้าสวยงามเซ็กซี่ แต่ถ้าปล่อยให้แห้งเองโคนผมจะคอดแปลกๆ อย่าได้หวังว่าหวีจัดทรงแล้วจะพอ ปกติจะพยายามไดร์แบบม้วนปลาย ใช้แบบม้วนร้อน แต่อยู่ไม่ถึงชั่วโมงลอนคลาย กลายเป็นผมตรงเฉยๆ
ทรีตเม็นต์ที่ทำในวันนี้ :
- Step 1 - Detoxifying Shampoo & Restrucuring Miracle Treatment
- Step 2 - Replumping Hair Filler Superactive
- Step 3 - OI All-In-One Milk
- [ผลลัพธ์] ผมแข็งแรง นุ่มลื่น และไดร์จัดทรงง่ายขึ้น
- # ค่าใช้จ่าย : 3,500 บาท #
หลังทำ :
- สภาพผมย่ำแย่อย่างที่บรรยายมา เลยโดนจัด Restructuring Miracle Treatment Program ฟังชื่อแล้วตื่นตาตื่นใจมากๆ เพื่อช่วยเสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรงมากขึ้น
- เริ่มด้วย Detoxifying Shampoo ทำความสะอาดเส้นผม และหนังศีรษะจากสิ่งตกค้างที่ผ่านอะไรมามากมาย จากนั้นเป็น Replumping Hair Filler Superactive เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื่นยืดหยุ่นให้เส้นผม
- ตอนทำ ประทับใจอย่างแรกคือ “กลิ่น” ระหว่างนอนให้ทางร้านล้างผมด้วยแชมพู Replumping นี่ออกแนวออร์แกนิค กลิ่นของแชมพูเหมือนอยู่ในสปา ความหอมชัดเจนมาก (เหมือนกลิ่นผิวส้ม) รู้สึกผ่อนคลาย
- พอสระเสร็จผมหมาด ๆ ก็ เติมด้วย Ol all-in-one milk สเปรย์ลงไปที่ปลายผม พอลองเอามือสางผมทั้งๆ ที่ยังเปียกอยู่ รู้สึกเลยว่า สางง่าย ไม่สะดุด ชักแอบชอบตัวนี้ซะแล้ว
- จากนั้นก็ไดร์ตรง พอจับผมตอนเซ็ตเสร็จแล้วรู้สึกถึงผมแต่ละเส้นมันพริ้วๆ ไม่หนัก ไม่หนึบ ผมนุ่มขึ้นต่างจากขามาเลยค่ะ แต่ระยะยาวจะไปยังไงต้องรอดู
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาใช้ :
► Replumping Shampoo ( 250ml. | 790 บาท )
แชมพูเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้เส้นผม
แชมพูที่ได้ลองสระในร้าน แบบมีซัลเฟตต่ำ คือ ฟองน้อยในน้ำแรก ซึ่งเรายังไม่ค่อยชินกับแชมพูแบบนี้ แรกๆ ก็แอบวิตกว่าจะสะอาดมั้ย แต่พอน้ำสองมันรู้สึกเบา ไม่หนักหนังศรีษะ ไม่รู้สึกถึงสารเคมีหนักๆ อยู่ระหว่างสระ กลิ่นประมาณ aroma oil ออกส้มๆ ช่วยให้เราสดชื่น อยู่กับการสระผมได้นานขึ้น และล้างออกง่าย ทำให้ผมสะอาดเกลี้ยงจริง
ปล. แอบชอบแพคเกจด้วย ทั้งขวดและฉลากมีดีไซน์และ story อ่ะ
► OI Conditioner ( 250ml. | 990 บาท )
ครีมนวดผมเนื้อครีมเข้มข้น
หลังจากสระด้วย Replumping Shampoo เราก็ถามด้วย Conditioner ของอีกไลน์ เพราะว่าผมป้าเสียมาก....กกกก โดยกัดกร่อนจนเป็นเหตุให้ฟูฟ่อง จึงจำเป็นต้องเติมเนื้อผม และกระปุกนี้กลิ่นดีมาก (ชอบอีกแล้ว) ช่วงหมักไว้ปลายผม หอมเพลินจนไม่อยากจะล้างออก
► OI All-in-one Milk ( 135ml. | 990 บาท )
น้ำนมบำรุงผม
สารภาพเลยว่า ปกติถ้าสระผมออกมาจากห้องน้ำแล้ว จะทำเป็นลืมๆ ขั้นตอนหลังจากนั้น พวกสเปรย์ ลีฟออน์ เพราะมันเติมความเหนอะให้เราซะส่วนใหญ่ แต่กับ AII-in-one Milk ตัวนี้ แอบติดใจตั้งแต่อยู่ที่ร้าน (เค้าไม่ให้มาลองใช้ก็จะซื้อ) มันไม่ทำให้ผมเราหนัก แถมยังช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น หวีง่าย ไดร์ง่าย โอ้วว มันคือสิ่งดีงามของคนหัวฟู ผมพันกันจริงๆ นะ
รูป Before & After ที่ถ่ายเอง
หลังสระผม 2 สัปดาห์ :
- ผ่านไป 2 สัปดาห์กว่าๆ สระผมไปทั้งหมดประมาณ 7 ครั้ง ครั้งแรกปล่อยแห้งตามยถากรรม ผมก็ฟูหยอย แต่หวีง่ายขึ้น ช่วงวันนั้นเลยอาศัยหวีบ่อยๆ ผมเกาะกันเข้าทรงดีไม่ดื้อดึงมากนัก
- หลังจากครั้งนั้น สระครั้งต่อๆ ไปก็ไดร์ผม ใช้ความร้อนทำให้แห้งทุกครั้ง สางผมเซ็ตผมตอนเปียกง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะสางได้ถึงปลายผม ไม่ต้องกังวลว่าผมขาดระหว่างหวี ระหว่างรอรอบสระผม ผมร่วงลดลง
- ผมที่เซ็ตทรงอยู่ได้นานขึ้น โดยเฉพาะปลายผม ที่แข็งแรงขึ้น เพราะปกติจะรู้สึกสากบ้าง พันกันบ้าง แต่สระผมครั้งล่าสุดนี่ พอแห้งผ่านไป 2-3 วันก็ยังโอเคอยู่เลย
- รู้สึกผมนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พอจะจินตนาการได้บ้างแล้วว่า ผมนุ่มเหมือนแพรไหมนี่เป็นยังไง (เวอร์ไปนิด) ผมเรายังไม่ถึงขั้นนั้น แต่มันนุ่มขึ้นจริงจัง ดูมีกำลังใจในการฟื้นฟูเส้นผมขึ้นมาอีกกองโต และที่สำคัญกลิ่นก็ถูกใจ แอบหอมผมตัวเองอยู่มาเรื่อยๆ ตอนนี้รักผมตัวเองขึ้นมาอีกเยอะ
Tips การดูแลเส้นผมจาก Salon De Bear
♡ เลือกแชมพู ครีมนวด รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมให้ตรงกับสภาพเส้นหนังศีรษะและเส้นผมของเรา
ถ้าเลือกใช้ไม่ถูกอาจส่งผลเสียหลายอย่างนะ เช่น ผมมันใช้แชมพูที่มีตัวบำรุงเยอะ ก็จะทำให้โคนผมหนัก ฟีบแนบ ไม่มีโวลลุ่ม ฯลฯ
♡ แชมพูที่มีฟองเยอะไม่ได้หมายความว่าจะสระผมสะอาดมากขึ้น
เลือกตามความเหมาะสมกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะจะดีกว่า
♡ เวลาสระด้วยแชมพูแต่ละรอบให้ใช้เวลา 2-3 นาที , คอนดิชั่นเนอร์ 3-5 นาที และทรีตเม็นต์ 10-15 นาที
เพื่อให้เค้าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
♡ สระผม วันเว้นวันหรือมากกว่านั้น เพื่อลดการระคายเคืองของหนังศีรษะ
หนังศีรษะก็เหมือนหน้าของเรา เวลาล้างหน้าบ่อยๆ หน้าสะอาดหายมันขึ้นก็จริง แต่ซักพักก็จะขับน้ำมันมาเติมเต็ม บางทีมันมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
♡ น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา ใช่ว่าจะดีเสมอไป
เพราะจะมีสาร Antioxidant หากใช้มากไปหรือใช้ไปนานๆ จะเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ส่งผลทำให้ไม่พลิ้วสปริงตัว เวลาทำสีผม สีจะขึ้นน้อยกว่าปกติ ดัดผมอาจจะไม่ขึ้นลอน ลอนไม่ค่อยเด้ง
วันนี้ก็เอาข้อมูลที่ได้ไปทำทรีตเม็นต์มาแชร์ให้สาวๆ ได้อ่านกัน รวมถึง Tips ในการดูแลเส้นผมมาบอกต่อกันด้วย จากที่เล่ามาทั้งหมด กานว่าสิ่งที่สำคัญของการดูแลเส้นผมที่สำคัญเป็นอันดับแรกเลย คือ เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม ถ้าเราเลือกใช้ถูกต้อง ถูกวิธี ให้เค้าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผมสวยๆ เงางามเป็นธรรมชาติก็อยู่แค่เอื้อมแล้วล่ะค่ะ
ต้องขอบคุณ Davines และ Salon De Bear มากเลยค่ะ ที่พากานและทีมงานจีบันมาทำทรีตเม็นต์ ทดลองผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ นอกจากจะได้ผมนิ่มๆ กลับบ้านแล้ว ยังได้ Tips และเทคนิคกลับมาบอกต่อกันมากมายหลายข้อ
วันนี้ลาไปก่อนแล้วค่ะ เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ บั๊บบายยย~