[CR] รีวิวเจาะลึก Purevivi Cleansing lotion พร้อม บทเปรียบเทียบกับคลีนซิ่งชื่อดังจากแบรนด์ B

20 5

สดีค่ะพี่ๆน้องๆจีบันทุกท่าน กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกของมี่ในจีบันเลยค่ะ

วันนี้จะมารีวิวแบบเจาะลึก ล้วงลึก ทุกรายละเอียดไปกับ Purevivi cleansing lotion คลีนซิ่งแบบใสจากญี่ปุ่น น้องสาวฝาแฝดต่างสัญชาติกับแบรนด์ดังอย่าง แบรนด์ B นะคะ

จริงๆก็เห็นหลายๆท่านรีวิวไว้แล้วเหมือนกัน แต่มี่ก็ยังอยากเอามาวิเคราะห์เจาะลึกอีกทีนึง และเอามาเทียบกับฝาแฝดของนางจากฝรั่งเศสด้วยค่ะ

(รูปใหญ่โตมากค่ะ - -*)

เป็นโลชั่นน้ำใส เป็นแบบ 6 Free Formular คือ 1. ปราศจาก Surfactant ประจุบวก 2. ไม่ใส่น้ำหอม 3. ไม่ใส่สี 4. ไม่ใส่พาราเบน 5. ไม่ใส่แอลกอฮอล์ 6. ไม่ใส่น้ำมัน

มาดูรายละเอียดกันดีกว่านะคะ ว่าพวกที่เค้าไม่ใส่ๆนี่ มันไม่ดีอย่างไร?

1. Surfactant ประจุบวก จะระคายเคืองต่อผิวได้ค่ะ

2. น้ำหอม นี่อาจจะทำให้เกิดการแพ้ได้ในบางคน และก็การระเหยของน้ำหอมจากเปลือกตาล่าง อาจจะเคืองตาได้ค่ะ

3. สี นี่ไม่ทราบเหมือนกัน แต่หลายๆแหล่งบอกว่าสีบางชนิดก่อมะเร็งได้ แต่ส่วนใหญ่สีที่มีปัญหา US FDA สั่ง Ban หมดแล้วค่ะ ทุกวันนี้สีในตลาดปลอดภัย

4. พาราเบน เป็นสารกันเสียชนิดหนึ่ง จริงๆมีความปลอดภัย สามารถรับประทานได้ด้วย แต่ดันมีรายงานกล่าวว่า มันให้ฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง เลยออาจจะไปทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ ทำให้ประเทศทาง EU ห้ามใช้ค่ะ (แต่ US และที่อื่นๆไม่ได้ห้ามค่ะ เพราะหลักฐานชิ้นนี้ไม่หนาแน่นพอ)

5. แอลกอฮอล์ ทำให้ผิวแห้ง แสบตา และการระเหยของแอลกฮอล์จากเปลือกตาล่าง อาจจะเคืองตาได้ค่ะ

มาดูผลการวัด pH ก่อนค่ะ

pH อยู่ที่ 5 ก็โอเคนะ ถ้าต่ำกว่า 4 AHA ทั้งหลายแหล่ ก็จะออกฤทธิ์เป็นตัวผลัดผิวได้

ผลการใช้งาน:

เช็ดทำความสะอาด Base make up ได้หมดจดประมาณ 80% ในการเช็ดครั้งแรก ไม่แสบ หลังเช็ดรู้สึกผิวนุ่มชุ่มชื้น เหมือนมี Something อยู่

เช็ดที่ตา: ข้างขวดแนะนำให้วางสำลีชุ่มๆ บนเปลือกตาซัก 10 วิ ละเช็ดออกค่ะ ครั้งแรกเช็ดได้ประมาณ 90% ค่ะ เหลือแต่พวกที่ติดๆขอบตามากๆ (ปล.มี่ไม่ค่อยกรีดอายไลน์เนอร์นะคะ ใช้อายแชโดว์สีดำทำขอบตาแทนค่ะ)

พวก Shimmer กับพวกที่ติดขอบตา เอาไม่ออกนะคะ ต้องเอาคอตตอนบัดส์จุ่มๆ ละไล่ลบเอาอีกที แต่ไม่แสบตาเลยค่ะ ถ้ามันไม่เข้าตาตรงๆ

เศษซากสำลีจากการล้างครั้งแรกค่ะ

(สีแดงๆนั่นท่าจะติดมาจากบลัชออนบนแก้ม)

โดยรวมแล้วให้ความพอใจ 9/10 ค่ะ หักนิดนึง ตรงกลิ่นแปลกๆเปรี้ยวๆตุๆ คือมันไม่ได้ใส่น้ำหอมนะ คงเป็นกลิ่นวัตถุดิบค่ะ

ลองดูวัตถุดิบกันดีกว่าค่ะ

ปกติเครื่องสำอางจะประกอบด้วยส่วนสำคัญอยู่ 3 ส่วนนะคะ คือ

1. Active ingredients หรือ Actives เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น Whitening, Antiaging ฯลฯ

2. Base เป็นส่วนหลักของเครื่องสำอาง ทำหน้าที่เก็บ Active และนำพาเอา Active ไปออกฤทธิ์ที่ผิว

3. Additives เป็นสารที่เสริมเข้ามาเพื่อให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย

วิเคราะห์คุณสมบัติของสารส่วนผสมแยกตามหน้าที่

  1. Actives ได้แก่
  • Glycosyl trehalose เป็น Trehalose ที่มีหมู่น้ำตาลเพิ่มมา ทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้น ก่อฟิล์มได้บนผิว ให้ความรู้สึกเรียบเนียน
  • Hydrogenated starch hydrolysates หรือ HSH เป็นน้ำตาลหลายๆตัวเชื่อมกัน หรือถ้าโดนย่อยเยอะๆก็อาจจะเหลือน้ำตาลเดี่ยวๆ ที่คล้ายๆ Sorbitol หรือ Maltitol ให้คุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าสารนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ผิวที่บอบบางและช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
  • Xylitol เป็นน้ำตาลที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้
  • Lactic acid และ Sodium glycolate เป็นสารในกลุ่ม AHA มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรืออาจจะผลัดเซลล์ผิว แล้วแต่ความเข้มข้นที่เขาใช้ อันนี้ผู้ที่จะทราบได้ก็คือผู้ผลิต
  • Sodium hyaluronate มีบทบาทเกี่ยวกับความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
  • Zizyphys jujuba fruit extact สารสกัดจากผลพุทราจีน รายงานล่าสุดบอกว่าสารสกัดจากผลพุทราสามารถป้องกันกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นได้ (Phytother Res. 2014 May 8.) และสารสกัดจากผลพุทราสามารถยับยั้งการสร้างไขมันได้ โดยป้องกันไม่ให้เซลล์ Preadipocyte สะสมไขมันจนกลายเป็นเซลล์ไขมัน (Am J Chin Med. 2009; 37(3):597-608.) ปกติผลไม้จะมีน้ำตาลเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้น และมีวิตามินอื่นๆ
  • Coix lacryma-jobi extract สารสกัดจากลูกเดือยมีสารประกอบโพลีฟีนอล และ Fructo-oligosaccharide ปกติสารพวกคาร์โบไฮเดรตจะสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้โดยการดูดน้ำให้ผิว และอาจจะมีฤทธิ์ทางชีวภาพอื่นๆ
  • มหกรรมแห่ง Citrus ได้แก่
1. น้ำคั้นจาก Citrus aurantifolia คือ มะนาว น้ำมะนาวก็จะมีกรด AHA อยู่ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง และอาจจะมีพวกวิตามิน และสารพฤกษเคมีอื่นๆ ให้คุณสมบัติเป็น Antioxidant ได้ด้วย

2. น้ำคั้นจาก Citrus aurantium dulcis คือ ส้ม Sweet orange มีกรด AHA ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง และอาจจะมีพวกวิตามิน และสารพฤกษเคมีอื่นๆ

3. น้ำคั้นจาก Citrus medica limonum คือ Lemon เหมือนเดิม มี AHA กับวิตามิน

4. สารสกัดจาก Citrus glandis fruit คือ Grapefruit ส่วนของผลก็มี AHA น้ำตาล วิตามิน และพฤกษเคมีอื่นๆ

  • สารสกัดจากผล Crataegus cuneata คือ พืชตระกูลบ๊วยชนิดหนึ่ง มีรายงานว่าเป็น Antioxidant (Anticancer Res. 1998; 18(4A):2749-53.) เช่นเคยผลไม้มีน้ำตาลและวิตามิน
  • สารสกัดจากผล Pyrus malus คือ Apple สายพันธุ์หนึ่ง ไม่เจอรายงานการใช้ในผิวหนัง ปกติผลไม้มีน้ำตาลกับวิตามินอยู่
  • สารสกัดจากใบAloe aborescense leaf เป็นว่านหางจระเข้อีกสายพันธุ์หนึ่ง ให้ผลเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
  1. Base ผลิตภัณฑ์ประเภท Cleansing จะมีส่วนของ Surfactant กับน้ำ เป็น Base ดังนี้
  2. 2.1 Surfactant มี CCG-6เหมือน Brand B เป๊ะๆเป็น Surfactant ที่อ่อนโยน ให้ Afterfeel แบบเรียบเนียนเหมือนผ้าไหม
  3. 2.2 ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ, Butylene glycol และ Ethylhexylglycerine ที่อาจจะจับไปอยู่ในหมวดสารฆ่าเชื้อ เพราะนอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นก็มีฤทธิ์ระงับเชื้อได้ด้วย
  4. Additives ได้แก่
    1. 3.1 Preservativesได้แก่ Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerine และสารจับโลหะ Tetrasodium glutamate diacetate เข้ามาอีกตัวตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน ทำให้หลายๆคน Claim ว่า อ่อนโยนและมีประโยชน์กว่า EDTA
    2. 3.2 Buffer เป็นระบบของ Citric acid + sodium citrate

ถึงเวลาให้คะแนน

  1. Actives เด่นด้วยน้ำคั้นและสารสกัดจากผลไม้หลายๆชนิด ให้คุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และเป็น Antioxidant เสริมด้วยอนุพันธ์ใหม่ๆจากน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต ซึ่งนอกจากเพิ่มความชุ่มชื้น ยังช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base ใช้ตัว CCG-6 เหมือนแบรนด์ แต่ดูดีกว่า แบรนด์ B นิดหน่อย ตรงที่ว่ามีการใช้ Butylene glycol ซึ่งดูดน้ำให้ผิวได้มากกว่า Propylene glycol แต่ข้อเสียคืออาจจะดูหนักผิวกว่าแบรนด์ B จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. Additivesเด่นกว่าด้วยระบบรักษา pH จากบัฟเฟอร์ของ Citrate system กับตัวจับโลหะที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glutamic ซึ่งดูดีมีราคาและมีคุณค่ากว่า ไม่มีอะไรพัง ก็เลยไม่หักคะแนนอะไร เลยเป็น 5 ฟลาสก์
  4. สรุปความคุ้มค่า ตัวนี้มีราคาปกติอยู่ที่ 590บาท/500 ml ตกเป็น 1.2 บาท/มล. ซึ่งเราอาจจะจะหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่านี้ แต่เพื่อความมาตรฐานจึงอิงเอาราคาข้างขวดเป็นเกณฑ์ ดูๆแล้วก็ค่อนข้างดี สารเคมีที่ใช้ก็ค่อนข้างหรูหรา แต่อาจจะมีติกับ AHA ซึ่งอาจจะทำให้ผิวบางได้ แต่จุดนี้ไม่ทราบความเข้มข้นที่เขาใช้ จึงตอบไม่ได้ว่า AHA นั้นเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น หรือ เป็นตัวผลัดผิว ตัวนี้ใครใช้แล้วแสบ ก็อาจจะเพราะทน AHA ไม่ไหว แต่ถ้าใช้ได้ก็คือถือว่าคุ้ม จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
ดูๆแล้วก็ดีนะคะ ลองมาดูฝาแฝดของเค้ากัน นั่นก็คืออออออออออ คลีนซิ่งจากแบรนด์ B ค่ะ

(ขออนุญาต Blind ไว้นะคะ เพราะยังไม่เคยใช้เหมือนกันค่ะ แต่มีข้อมูลส่วนผสมเลยนำมาเปรียบเทียบให้ชมกันค่ะ)

Full ingredients list

WATER (AQUA), PEG-6 CAPRYLIC/CAPRIC GLYCERIDES, PROPYLENE GLYCOL, CUCUMIS SATIVUS (CUCUMBER) FRUIT EXTRACT, MANNITOL, XYLITOL, RHAMNOSE, FRUCTOOLIGOSACCHARIDES, DISODIUM EDTA, CETRIMONIUM BROMIDE.

วิเคราะห์คุณสมบัติของสารส่วนผสมแยกตามหน้าที่

  1. Actives ได้แก่
  • สารสกัดจากแตงกวา (Cucumis sativus extract) ซึ่งมีฟลาโวนอยด์และแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (J Young Pharm. 2010;2(4):365-8) และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Hyaluronidase และเอนไซม์ Elastase จึงป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ (Arch Dermatol Res. 2011;303(4):247-52)
  • อนุพันธ์จากน้ำตาล ได้แก่ Mannitol, Xylitol, Rhamnose และ Fructooligosaccharide เป็นชนิดที่ค่อนข้างหรูหรา ตัว Fructooligosaccharide (FOS) เป็น Prebiotic ที่มีการ Claim ไปถึงการเป็นอาหารของจุลินทรีย์ดีๆที่อาศัยอยู่บนผิว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนังแข็งแรงขึ้น
  1. Base ผลิตภัณฑ์ประเภท Cleansing จะมีส่วนของ Surfactant กับน้ำ เป็น Base ดังนี
      2.1 - Surfactant มี PEG-6 caprylic/capric triglyceride (ย่อว่า CCG-6) ตัวนี้เป็น Surfactant ที่ดัดแปลงจากไตรกลีเซอไรด์สายยาวปานกลาง มีลักษณะเป็น Emollient ที่ดี ละลายน้ำได้ ให้คุณสมบัติเป็น Emulsifier ได้ และมีสมบัติพิเศษคือ ทำให้พวก Cleansing products มีความรู้สึกหลังการใช้แบบพิเศษ (Afterfeel) ที่เป็นลักษณะผิวนุ่มนวลเนียนคล้ายสัมผัสผ้าไหม (Soft และ Silky)
    1. 2.2 ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ และ Propylene glycol
    2. Additives ได้แก่
    3. 3.1 Preservatives มีสารระงับเชื้อ Cetrimonium bromide ตัวนี้เป็นสารกลุ่มประจุบวก อาจจะระคายเคืองได้ ร่วมกับสารจับโลหะ EDTA

    ให้คะแนน

    1. Actives เป็นกลุ่มสารที่มีผลเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว มี Fructooligosaccharide ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ทำให้มีผลต่อสมดุลจุลินทรีย์ที่ผิว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ผิวดีขึ้น น้ำตาล Rhamnose เป็นน้ำตาลที่ดูมีราคาสูง ถ้าให้ดีมีพวก Antioxidant เสริมเข้ามาอีกคงสมบูรณ์แบบ จึงขอให้ 4 ฟลาสก์
    2. Base ตัว Surfactant CCG-6 มีสมบัติอ่อนโยน เป็น Emollient ได้ และยังให้ Afterfeel ที่ดีหลังเช็ดเครื่องสำอาง แต่มีเพียง Propylene glycol ที่ทำหน้าที่ดูดน้ำให้ผิว อาจจะยังไม่ดีนัก เพราะมีสารกลุ่ม Glycol อื่นๆที่มีสมบัติดีกว่า จึงขอให้ 4 ฟลาสก์
    3. Additives ไม่ได้ใช้สารที่ไม่จำเป็นพร่ำเพรื่อ มีแค่ตัวสารกันเสีย กับสารจับโลหะ ซึ่งดูๆแล้วสารกลุ่มประจุบวกอาจจะระคายเคืองผิวได้ คือเมื่อสารกันเสียพัง ก็เลยโดนหักคะแนนไปเยอะหน่อยเพราะมันมีแค่กันเสียเป็น Additives - -* จึงขอให้ 3 ฟลาสก์
    4. สรุปความคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์มีราคาอยู่ที่ 980บาท/500ml ตกเป็นเกือบๆ 2 บาท/มล. ซึ่งก็ถือว่าไม่แพง ด้วยคุณสมบัติ Moisturizing ดีๆจากน้ำตาลหลายๆชนิด และตัว Surfactant ยังมีความอ่อนโยน ที่สำคัญ ทางแบรนด์ Claim แล้วว่าไม่แสบตา (Admin ยังไม่เคยลองใช้นะคะ) ก็คุ้มนะคะ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

    การเปรียบเทียบดูจากส่วนผสมเฉยๆนะคะ เราไม่ทราบความเข้มข้นของสารต่างๆที่เขาใช้ ดังนั้นจึงดูเป็นแนวทางได้คร่าวๆ ไม่สามารถบอกได้ค่ะ ว่าใช้แล้วจะแสบไหม แพ้ไหม ระคายเคืองไหม เพราะการเกิดผลเหล่านี้เป็นเรื่องแล้วแต่บุคคลด้วยค่ะ

    ลบลิ้งค์โดยแอดมินค่ะ รบกวนอัพเดทรายละเอียดที่หน้า my page แทนนะคะ


    LadyMiyeon

    LadyMiyeon

    ชื่อมี่ มียอน สาวสกินแคร์สายเกาหลี ชอบอ่านส่วนผสมเครื่องสำอาง เน้นรีวิวส่วนผสมค่ะ กำลังหัดแต่งหน้าอยู่ แต่ยังได้แค่พอไปวัดไปวา คุยกันได้นะคะ ดูเหมือนโหดแต่จริงๆน่ารักแบ๊วๆใสๆ ไม่กัดจ้าาา

    FULL PROFILE