ICL...แก้ปัญหาสายตาสำหรับคนที่ไม่สามารถทำ Lasik ได้ : ตอนที่ 2

34 43

จากที่บันทึกไว้ในตอนที่แล้วว่าทำไมป้าจีนถึงเลือกที่จะแก้ปัญหาสายตาด้วยการทำ ICL ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน หรือลืมไปแล้วก็เชิญได้ที่ >> ICL บอกลาสาวแว่น... ทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่สามารถทำ Lasik ได้ : ตอนที่ 1

 

หลังจากผ่านขั้นตอนหาข้อมูล และช่วงเตรียมตัวสละแว่นเตรียมความพร้อมต่างๆ กับ ICL ผ่านไปเดือนกว่าๆ เลนส์ที่สั่งก็มาถึง และก็ได้วันนัดผ่าตัดซะที… เจ้าหน้าที่ทางศูนย์เลสิกโทรมานัด follow รอยที่ Yag ไว้อีกครั้งในวันศุกร์ ก่อนที่จะถึงวันนัดลงมือผ่าในวันอังคารถัดไปก็เรียบร้อยดี  และพอวันจันทร์เจ้าหน้าที่ก็โทรมาคอนเฟิร์มอีกครั้งว่าโอเคนะคะ ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมากๆ จากที่ต้องใส่แว่นติดตามาตั้งแต่ ป.3 อิชั้นจะไม่ต้องตื่นมางมหาแว่นอีกแล้วเฟ้ยยยยย!!!!! 

 

เช้าวันที่ 27/03/55

ถึงจะมีคิวนัดผ่าตอน 10.30 แต่ต้องไปถึงรพ.ตอน 8 โมง คุณพยาบาลทวนประวัติตามขั้นตอน อธิบายวิธีการดูแลหลังผ่าตัด การปฏิบัติตัวต่างๆ รวมทั้งเซ็นเอกสารรับทราบความเสี่ยงในการผ่าตัดต่างๆ เรียบร้อยก็ mark เครื่องหมายที่หัวคิ้วข้างขวา (ยังกะไฝเม็ดโตๆ) หยอดยาขยายม่านตา สลับกับยาฆ่าเชื้อ รวมๆ แล้ว 10 ครั้งได้ ตาตึงไปเลยข้างนึง… พบคุณหมอย้ำขั้นตอนการผ่าตัดอีกครั้ง ว่าเราจะลงมือทีละข้างนะคะ หมอจะทำงี้ๆๆๆ โอเคนะคะ ตรวจตาอีกครั้งด้วยเครื่อง หยอดยาชาแล้วก็ทำเครื่องหมายวัดองศาลูกตา ขั้นตอนนี้จะต้องเอาปากกามาร์กเกอร์มาขีดๆ ในลูกกะตา แต่ไม่น่ากลัวเลยซักกะนิด คุณหมออธิบายได้ชิวมากๆ ดูง่ายๆ เลยทำให้เราสบายๆ ไปด้วย แต่ก็แอบมีกังวลนิดๆ กับเรื่องความดันลูกตา ที่คุณหมอว่าถ้าวันนี้ตอนที่ใส่เลนส์เข้าไปแล้วมันขึ้นเยอะ อีกวันก็ทำต่อไม่ได้ ต้องพักแล้วค่อยนัดทำกันอีกที

เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ครอบผม เตรียมตัวลงไปที่ห้องผ่าตัด ถอดแว่นเก็บซะ….ทำตามที่คุณพยาบาลบอกไปเรื่อยๆ เป็น step

.....มองอะไรไม่เห็น บอกไม่ถูกว่าควรจะตื่นเต้นกะอะไรดี -_-

 

ระหว่างนอนรอที่ห้องผ่าตัด ก็พยายามสังเกตห้องไปด้วยเล่นๆ แต่ก็มองไม่เห็นเนื่องจากสายตาที่ห่วยสุดๆ ก็ได้แต่คาดเดาว่าไอ้เจ้าเครื่องที่จะลงมืออะจึ้กกกะลูกกะตาข้าเจ้านั่นคงเป็นเเครื่องที่เปล่งแสงแสบตาซะเหลือเกินตัวนี้แน่ๆ


พอคุณหมอมาก็ลงมือกัน….งานนี้รู้สึกตัวทุกขั้นตอน พยายามจะดูว่าหมอทำอะไรกะลูกกะตาเรานะ แต่ก็มองไม่เห็น แสงมันจ้ามาก จ้าซะจนจากแสงเหลืองเห็นเป็นสีม่วงอ่ะ เหมือนจ้องพระอาทิตย์นานๆ เลยได้แค่ถามหมอเป็นระยะๆ หมอก็คุยตอบเป็นระยะๆ “ตอนนี้หมอฉีดยาชาแล้วนะ” “ใส่เครื่องถ่างตาหน่อยนะ” “กำลังจะโหลดเลนส์แล้วนะ” “ขยับองศาอีกนิดนะ” “โอเคๆ สวยๆ” ระหว่างที่หมอวุ่นวายกะลูกกะตาเรา คุณพยาบาลก็มีบีบน้ำอะไรซักอย่างล้างตาเป็นระยะๆ (หมอบอกทีหลังว่าน้ำล้างตานี้ต้องล้างเยอะๆ เพราะมันจะล้างสารหนืดออกไม่ให้ความดันลูกตาขึ้น) ผ่านไปประมาณ 10 นาทีได้ ที่มีความรู้สึกตึงๆ ก็ไม่เจ็บไม่อะไรเท่าไหร่ ชิววว…ก็นะ...วันที่ Yag ยังเจ็บกว่านี้เลย (หรือว่าอิชั้นอึดกว่าชาวบ้านก็ไม่รู้แฮะ) พอเสร็จหมอบอก “เดี๋ยวเอาเครื่องถ่างตาออกแล้วฉีดยาฆ่าเชื้อ เจ็บหน่อยนะ” เราก็เอ้อ…ชิวๆ น่า ที่ไหนได้ ร้องกรี๊ดลั่นห้องเลย โคตรๆๆๆๆๆ เจ็บ!!!!! ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเจ็บยังไง ไอ้ตอนที่เข็มจิ้มลงไปในลูกตาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนที่ยามันถูกฉีดลงไปนี่ดิ

 OMG!!!!!

แต่พอพ้น 10 นาทีไปแล้วก็หายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…. ขั้นตอนปราบอีอึดตอนสุดท้ายนี้คุณหมอบอกว่า “จริงๆ ไม่ฉีดก็ได้ แต่หมอว่าฉีดๆ ไปเหอะ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะติดเชื้อมั้ย อย่างน้อยก็ช่วยได้อีกนิด เจ็บนิดเดียวเนอะ”….ค่าาา เนอะก็เนอะ



 

 

เลนส์จะถูกใส่เข้าไประหว่างหลังม่านตา-หน้าเลนส์แก้วตา ด้วยการนำของสารหนืด ที่จะต้องล้างออกให้หมด


เสร็จปุ๊บคุณพยาบาลปิดที่ครอบตาให้ ย้ายเตียง แล้วก็พาไปส่งที่ห้องพัก พอบ่ายโมงกก็ลงมาวัดความดันลูกตากันหน่อย….ข้างขวาที่เพิ่งใส่เลนส์เข้าไปนี่ความดันขึ้นมาแค่ 22 ถือว่าโอเคมากๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็กลับไปนอนเล่น พักผ่อนที่ห้องต่อได้….ตอนเปิดตาวัดความดันนี่ แม้ว่าจะแค่ครึ่งเดียวที่มองเห็น ตะ ตะ แต่มันชัดมากกกกก แทบจะกรี๊ด ตื่นเต้นสุดๆ ไม่น่าเชื่อว่าแค่หลังจากใส่เลนส์ 2 ชม.กว่าๆ ก็มองเห็นแล้วอ่ะ เริศเลอเพอเฟคมากๆ….. ช่วงกลางวันไม่มีอะไรทำ ใครๆ ก็ไปทำงานกันหมดก็เลยนอนดีกว่า ตื่นมาก็แอบเล่นมือถือนิดนึง ตาขวาตึงๆ แต่ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรเลย สบายมาก 




ได้อุปกรณ์ที่ต้องรับมาดูแลกันต่อไปอีก 2 สัปดาห์

เช้าวันที่ 28/03/55

พยาบาลมาปลุกแต่เช้า อาบน้ำแค่คอแล้วก็ขึ้นไปศูนย์เลสิก คุณพยาบาลเปิดฝาครอบตา แล้วก็ทบทวน+ทำความสะอาดตาให้ แล้วขั้นตอนทุกอย่างก็เหมือนเมื่อวาน อีกครั้งเพิียงแค่รอย mark ที่หัวคิ้ววันนี้เปลี่ยนเป็นข้างซ้าย 

 

ในห้องผ่าตัดวันนี้แอบสังเกตเครื่องมือต่างๆ ได้เยอะขึ้นเพราะมองเห็นชัดข้างนึงแล้ว เย้ๆ…. แต่ถึงจะเป็นอีอึดซะขนาดนี้ แต่วันนี้ก็มีเคสตื่นเต้นนิดนึง คือโดยปกติเจ้าตาข้างซ้ายของป้าจีนนี่จะค่อนข้างเซนซิทีฟอยู่แล้วเพราะเคยมีอาการตาแพ้แสงต่อเนื่องมาหลายปี มาวันนี้ตอนที่คุณหมอโหลดเลนส์เรียบร้อยแล้วกำลังล้างสารหนืดออกจากตา เจ้าม่านตาดันหดซะงั้น!!!! ได้ยินหมอบอก “แย่ล่ะๆ ม่านตาหดเร็วเกินไป หยอดตาเพิ่มหน่อย” ก็แอบคิดในใจ ชิกหายละกรูวววว์ ถึงมีฉุกละหุกอยู่บ้างแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มาตายกันอีกนิดตอนฉีดยาฆ่าเชื้อนี่แหละ แหกปากอีกจนได้  



 

มานอนรอที่ห้อง แล้วก็ไปวัดความดันลูกตาอีกครั้ง….คราวนี้ข้างซ้าย ข้างใหม่มันขึ้นไป 29 กรี๊ดดดด!!! เริ่มไม่ชิวซะแล้วสิเพราะหมอบอกว่า 30 ไม่ดี แย่แล้วๆๆๆๆๆ ทำไงดีวะ

คุณพยาบาลก็เอายาลดความดันลูกตามาให้กิน แล้วก็นอนพัก บ่ายนั้นเลยไม่เป็นอันทำอะไร แอบเครียดเล็กๆ

 แต่พอตอนเย็นไปวัดความดันอีกทีก็โอเค ลงไปเหลือ 19 ล่ะ โล่งไปที…..

 

แต่ที่เจิดที่สุดมันคือการวัดค่าสายตา เพราะเพิ่งจะได้เปิดตาเต็มๆ 2 ข้างพร้อมกัน OMG!!!

 โลกใหม่ของช้านนนนนน มันใสแจ๋ว ปิ๊งๆๆๆๆ สุดๆ อ่ะ 

จากที่เคยมองเห็นทุกสิ่งแค่เงารางๆ เห็น eye test chart ได้แค่นัวๆ บรรทัดบนสุดตัวใหญ่สุดยังอ่านไม่ออก มาวันนี้มันชัดมากกกก อ่านได้ถึงแถว 20/20 เท่ากับสายตา reset เป็นค่า = 0 มันชัดมากกว่าใส่แว่น ใส่คอนแทกเลนส์อีกอ่ะนะ

ปลาบปลื้มมมม คุมค่ากับการกู้เงินพ่อมาทำตา (แล้วค่อยใช้คืน) อย่างยิ่ง



ทำรูปมาให้ดูคร่าวๆ ว่าสายตาที่มองเห็น ก่อน และหลังทำมันต่างกันยังไง....** ระยะการมองเห็นประมาณจากการมองที่ห้องวัดสายตาจริงนะคะ


ได้การ์ดที่มาพร้อมกับกล่องเลนส์แสนแพงกลับมาเป็นที่ระลึก...พร้อมกับค่าสายตาจริงเมื่อวัดจากการหยอดยาขยายม่านตาแล้ว เพิ่งรู้ว่าจริงๆ ตัวเองสายตาสั้น 1150 เอียง 300 กับ สั้น 950 เอียง 350 ก็วันนี้ -_- มากกว่าค่าแว่นที่ใส่เยอะอยู่แฮะ


พอทุกอย่างเรียบร้อย อีกวันก็เปิดตา 2 ข้าง ตรวจตากับคุณหมออีกครั้ง ทวนขั้นตอนต่างๆ ที่จะต้องดูแลเองที่บ้านต่อ ซึ่งการทำ ICL นี้ หลังจากผ่าตัดใส่เลนส์แล้ว นอกจากหยอดตาตามเวลา ปิดที่ครอบตาตอนนอน ห้ามล้างหน้าเป็นเวลา 7 วัน (ใช้ babywipe เช็ดหน้าเอา) ในวันธรรมดาก็ใส่แค่แว่นกันแดด พรางรอยจ้ำเลือดแดงๆ ไปก่อน ซึ่งคุณหมอบอกว่ารอยนี้จะหายไปเองภายใน 7 วัน +-

 



อาจจะดูน่ากลัว...ข้างซ้าย (แต่รูปอยู่ด้านขวา) จ้ำเลือดจะแดงกว่าเพราะเซนซิทีฟกว่า ไม่อึดเท่าข้างขวา แต่ก็ไม่เจ็บนะคะ :) 

ตอนนี้ป้าจีนกลับมาบ้านแล้ว รีบมาอัพเดทซะให้ว่องเพื่อความรู้สึกที่ยัง “real” อยู่ การใช้ชีวิตก็ตามปกติได้สบายมากๆ ดูทีวี อ่านหนังสือ ทำงานบ้าน ทำกับข้าว ใช้คอมฯ เล่นเนทได้ปกติ ถ้าโทรมๆ อยากให้สดใสขึ้นก็ทาลิปซักนิด คอนซีลเลอร์เฉพาะจุดครึ่งหน้าล่างหน่อย แค่ระวังไม่ออกไปข้างนอกซักพัก กันฝุ่นและสิ่งสกปรก (เพราะช่วงนี้ล้างหน้าไม่ได้) ก็ได้แต่เห่อๆๆๆ โทรหาคนนั้นคนนี้ ยุเค้าไปทั่วให้มาทำโลกใหม่ด้วยกัน ถ้าใครที่มีปัญหาสายตาสั้นมากเอียงมากและที่สำคัญ “ทำ lasik ไม่ได้” ลองมองตัวเลือกนี้ไว้ในอ้อมใจนะจ๊ะ รีบหยอดกระปุกซะตั้งแต่วันนี้ รับรองว่าโลกใหม่ที่ได้คุ้มแน่นอนจ้า 




 

UPDATE @ Home

วิธีดูแลหลังจากกลับมาบ้านแล้ว
1. หยอดตาตามเวลา
2. ไม่ให้น้ำเข้า ไม่ให้โดนน้ำเป็นเวลา 10 วัน การล้างหน้าก็จะใช้เบบี้ไวฟ์เช็ดเอานะคะ ส่วนหัวและหางตาให้ใช้สำลีสเตอริไรซ์ชุบน้ำต้มสุกบีบหมาดๆ เช็ดตอนเช้าแค่นั้นเลย ช่วงนี้ต้องไปสระผมที่ร้าน
3. ใส่แว่นกันแดดด้วย (เป็นช่วงข้ออ้างที่ดีในการช้อปปิ้งนะ

)
4. ใส่ที่ครอบตาก่อนนอนทุกครั้ง เป็นเวลา 7 วัน ถ้านอนกลางวันก็ต้องใส่นะ 
5. ครบ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด ไปพบคุณหมอเพื่อ follow และตรวจสายตาอีกครั้ง เลนส์และแผลอยู่ในตำแหน่งที่โอเคดี แต่เปลือกตาข้างขวาป้าจีนไม่รู้ไปแพ้อะไรมันบวมอยู่ข้างเดียวก็เลยต้องกินยาแก้แพ้ช่วย ตอนนี้ก็โอเคล่ะ แอบตกใจนิดนึงนะ

ช่วง 10 วันหลังจากทำ ICL ส่วนใต้ตาจะบวมตุ่ยยยย หลายคนทักว่าเหมือนคนไปทำจมูกนั่นแหละ (ก็ไม่รู้ว่ามันเหมือนกันยังไง?) พอครบ 7 วันแล้วก็เริ่มใช้ cold pad ประคบเย็นช่วยลดอาการบวมได้ล่ะจ้า ส่วนจ้ำเลือดแดงๆ ในตาขาวก็ค่อยๆ จางหายไปเอง




Effect : ช่วงกลางวัน

การมองเห็นทั่วไป มองใกล้ มองไกล ชัดแจ๋ว แต่จะมีมึนนิดๆ เหมือนเวลาไปตัดแว่นใหม่ที่มันชัดมากๆ คงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกแป๊บนึง

Effect : ช่วงกลางคืน แม้จะใส่แว่นกันแดดติดตาตัดแสงจ้าแล้ว ก็จะเห็นแสงไฟวิ้งๆ อยู่ แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรเท่าไหร่ การมองเห็นยังชัดเจนดีจ้า
 




UPDATE 3 weeks


follow ครั้งล่าสุดเมื่อพฤหัสที่แล้ว แผลปิดสนิท องศาคงที่ วัดสายตาอีกครั้งนิ่งที่ 20/20 สามารถแต่งหน้าได้แล้ว แต่อย่าเพิ่งจัดตาหนักๆ ซักพัก รวมๆ แล้วก็คือ "หายดีแล้วจ้า"!!


ปล. สำหรับใครที่หา link ตอนที่ 1 ไม่เจอ แปะให้อีกครั้งน๊าาา >> ICL บอกลาสาวแว่น... ทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่สามารถทำ Lasik ได้ : ตอนที่ 1


Jeban'

Jeban'

Makeup is magic!!!!

FULL PROFILE